“ได้ว่ะ”

เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ หลับตาพึมพำและยิ้มน้อยๆ ทันทีที่กาแฟร้อนเข้าปาก นักแสดงหนุ่มที่ผู้คนพูดถึงมากที่สุดคนหนึ่งจาก เด็กใหม่ ซีซั่น 2 กุมถ้วยกาแฟไว้ในมือ เหมือนการอุ่นเครื่องจะได้ผล บ่ายวันหนึ่งที่เราพบกัน บทสนทนาเริ่มต้นอย่างคล่องคอเมื่อคาเฟอีนช่วยทำงาน 

โครงร่างผอมบาง เสื้อยืดเรียบ กางเกงเอวสูง ถุงผ้าแทบไร้น้ำหนัก เอมดูเหมือนเด็กหนุ่มที่แทบไม่พกอะไรติดตัว แต่ลึกลงไปในดวงตาเศร้าของใบหน้าอ่อนเยาว์ สัมภาระของเขาอยู่ในเนื้อในตัว และเผยโฉมออกมาทีละน้อยยามพูดคุย ตามประสานักแสดงที่ทุ่มเทชีวิตจิตใจ เขาไม่ลังเลจะเปิดเผยความคิดอ่าน ความเปราะบาง หรือสิ่งที่อาจฟังดูแปร่งปร่า ไม่สวยไม่งามหากวัดจากบรรทัดฐานทั่วไป 

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดง  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย

ชั่วระยะเวลากาแฟ 2 แก้ว เราคุยกันหลายเรื่องทีเดียว คุณอาจเคยเห็นบทบาทนานาเมื่อเขารับบทในภาพยนตร์ โฆษณา หรือมิวสิกวิดีโอบ่อยๆ แต่ใต้หน้ากากนักแสดง มีสิ่งที่เดือดปะทุอยู่ภายใน นอกจากความหลงใหลในการแสดงและงานสร้างสรรค์ ทั้งการเขียน ถ่ายภาพ กำกับ และงานโฆษณา เอมเงียบคิดแล้วถกเรื่องบ้าน ความรัก และความตายอย่างจริงจังและจริงใจ

อ้อ ภาพถ่ายฟิล์มในบทความนี้ เอม ภูมิภัทร เอากล้องกลับไปถ่ายชีวิตตัวเองยามต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน ส่งกลับมาพร้อมซอฟต์คุกกี้ที่เขาอบเอง

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดง  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย

ล่าสุดมีงานอะไรที่ทำแล้วเอมรู้สึกสนุก

ล้างจาน (ยิ้ม) ผมไม่ได้ทำงานมาสองเดือนแล้ว ทุกงานมันเลื่อนหมดเลย อยากทำงานแสดงนะ แต่ทุกวันนี้มันออกกองไม่ได้ เลยทำอะไรไม่ได้ กองถ่ายเลื่อนหมดทุกกอง เราไม่สามารถ Work From Home ได้ งานของเราก็คืองานบ้านทั้งนั้น

ปีที่แล้วผมยังรู้สึกว่าสถานการณ์โดยรวมมันดีกว่านี้ การกักตัวนี่เต็มไปด้วยพลังงานแห่งความเศร้ามากเกินกว่าจะทำอะไร อย่างกักตัวครั้งที่แล้ว ผมทำอาหารทุกวัน เคยแกะสูตร Mrs.Fields ไว้กลับมาทำซอฟต์คุกกี้แจกเพื่อน อ่านหนังสือประมาณหนึ่งด้วย แต่ตอนนี้แทบไม่ทำอะไรเลย แค่ดำรงตัวเองให้อยู่ได้ก็ยากแล้ว อยู่คอนโดฯ ส่วนกลางก็ปิด อึดอัดมาก 

ปีนี้ย้ายมาอยู่ห้องใหญ่ขึ้นหน่อยหนึ่ง แต่หา Motivation ในการลุกมาใช้ชีวิตยากกว่าครั้งที่แล้วเยอะเลย เหมือนปีนี้มันเศร้าไปหมด ตื่นมาดูตัวเลขก่อนเลย ทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต และดูบิตคอยน์ด้วยนะ เป็นตัวเลขที่ดูแล้วช้ำใจ

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดง  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย
บ้าน ความรัก ความตาย และชีวิตไร้หัวใจของ เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ
บ้าน ความรัก ความตาย และชีวิตไร้หัวใจของ เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ
บ้าน ความรัก ความตาย และชีวิตไร้หัวใจของ เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ

แล้วตื่นมาทำอะไรอีก 

ชงกาแฟ แล้วก็พยายามจะอยู่เงียบๆ ไม่เปิดเพลง ไม่เปิดหนัง อยู่เฉยๆ นิ่งๆ แล้วดูว่ามีอะไรให้ทำมั่ง 

ด้วยความที่ย้ายมาอยู่ห้องใหม่ เรายังไม่รู้สึกว่ามันเป็นบ้าน มันขาดเซนส์ของความเป็นบ้านไป เมื่อวานตอนเดินกลับห้องก็คิดว่ากูอยู่มาจะเดือนหนึ่งแล้ว ทำไมยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่บ้านวะ อ๋อ เพราะว่ามันยังไม่ได้มีเซนส์ของข้างนอกและข้างใน ตอนนี้เรามีแค่ข้างใน เราเลยไม่รู้สึกว่านี่คือบ้าน ถ้าวันไหนที่ทำงานนอกบ้านสักห้าวันแล้วอยากกลับบ้าน มันคงจะรู้สึกเหมือนบ้านมากขึ้น นี่คือตื่นมาแล้วก็อยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหนเลย 

ทำไมถึงเช่าบ้านอยู่ไปเรื่อยๆ แต่ไม่ซื้อบ้าน 

ไม่ได้อยากมีเหย้า ไม่ได้อยากมีภาระความเป็นเจ้าของ ความรู้สึกทุกวันนี้คิดว่าเช่าคุ้มกว่า ถ้าได้ห้องเช่าที่มีเซนส์ความเป็นบ้านอยู่ก็ดี แต่ไม่ได้อยากจะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ 

บ้านที่เอมอยากอยู่เป็นยังไง ทั้งบ้านจริงๆ และบ้านที่หมายถึงประเทศ

ผมอยากซื้อบ้านแค่หลังเดียว ซื้อเป็นที่ตายไปเลย วัยนี้เพื่อนทยอยมีบ้านกันไปเรื่อยๆ ทยอยมีลูกด้วย ผมคงไม่แต่งงานมีลูก แต่อยากซื้อบ้านริมทะเล ตอนสมัยเรียนมอสี่ มอห้า อยากเข้าสถาปัตย์ ก็ดูงาน Frank Lloyd Wright แบบ Fallingwater แต่อยากให้ไปตั้งอยู่ริมทะเล 

ถ้าอยู่ถึงห้าสิบ หกสิบปี ก็คงสร้างเอาเท่าที่ได้ เป็นที่ตาย คิดภาพว่าตัวเองคงตายคนเดียวแน่นอน อย่างมากก็มีหมาหรือคนสวน คนสวนคงเป็นคนเจอศพแหละ (หัวเราะ) เพราะว่าหนึ่งคือเราเป็นคนชอบต้นไม้ เราอยากเห็นสวน สองคือกูไม่ชอบดูแล กูชอบเห็นอย่างเดียว คงต้องมีคนสวน ส่วนหมาแมวก็คงเป็นพยานปากแรก

ส่วนบ้านที่เป็นประเทศ ไม่ขออะไรมาก ขอแค่ได้มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วอยากจ่ายภาษี รู้สึกว่าภาษีคุ้มนะ แค่นั้นพอละ

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ เอม ภูมิภัทร ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย
ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ เอม ภูมิภัทร ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย
ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ ภูมิภัทร ถาวรศิริ  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย

สถานการณ์บ้านเมืองอึดอัดเนอะ 

แน่นอนอยู่แล้ว ใครไม่อึดอัดบ้าง ผมต้องนึกไปไกลมากว่าหายใจโล่งคอครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ครั้งล่าสุดที่เสียงของเราถูกฟังคือเมื่อไหร่ เสียงของคนหมู่มากถูกฟังครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ก่อนที่มันจะถูกล้ม ก่อนที่มันจะถูกเขียนทับ มันนานมากๆ มาแล้วเลย มันอึดอัดจน Absurd จนมันชินไปแล้ว เราหายใจไม่ออกแต่ยังมีชีวิตอยู่ได้ แล้วยังชอบกาแฟด้วย (หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาใกล้ๆ หน้า) แม่งยิ่ง Absurd เข้าไปใหญ่ 

แล้วอยู่ยังไงในสถานการณ์แบบนี้

ก็ทำไงก็ได้ให้ตัวเองไม่เสียสติ แต่ละคนก็คงมีวิธีต่างกัน ของผมคงเป็นการเอาออกทางการแสดงมั้ง ผมโชคดีที่บางครั้งการแสดงก็ช่วยเราเรื่องแบบนี้ได้บ่อยๆ ช่วยให้เรายังมีความเป็นคนอยู่ เพราะเราได้มีที่ให้ระบายออก เรามีที่ให้เอาอะไรไปซ่อน ไปทิ้ง ไปทำให้มันเป็นอย่างอื่น แต่การเอาออกก็ไม่ใช่ทางออกด้วยนะ แค่ทำให้รอดเฉยๆ แต่ว่าปัญหายังอยู่ มันก็ต้องทำแบบควบคู่กันไป ทั้งการรับมาแล้วก็เอาออกไม่ให้บ้าตาย แล้วก็ต่อสู้ไปพร้อมๆ กัน ยากจัง

มีอะไรที่เอมทิ้งไปแล้ว ตื่นมาแล้วไม่รักมันอีกแล้ว

คาร์โบไฮเดรต ตอนเด็กๆ ผมชอบกินข้าวเหนียว ชอบกินแป้ง ชอบกินทุกอย่างเลย แต่ว่าเมื่อปีที่แล้ว Fasting กับคีโต ร่างกายแม่งเบาขึ้นเยอะ ทุกวันนี้เลยรู้สึกว่าคาร์โบไฮเดรตไม่จำเป็นกับเราขนาดนั้น แต่ก็ยังชอบพิซซ่าอยู่ (หัวเราะ) ส่วนถ่ายภาพยังสนใจอยู่ไหม สนใจแน่นอนอยู่แล้ว กำกับก็สนใจ อาจจะเป็นเรื่องโฆษณาที่ไม่ค่อยได้ตามแล้ว

ทำไมล่ะ

ความฝันแรกของผมหลังจากเรียนจบคือเป็น Copy Writer ตอนเด็กๆ ผมตื่นเต้นว่ามีอาชีพนี้ด้วยเหรอวะ ตอนฝึกงานสนุกมากเลย แต่พอจบมาทำงานจริงแล้วอกหัก เรารักมันแค่ครึ่งเดียว เราไม่ได้รักแง่มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งแทบจะเป็นพาร์ตใหญ่ของงานโฆษณา ผมไม่ใช่คนขายของเก่ง ขายตัวเองยังขายไม่ถูกเลย ให้ขายกาแฟแก้วนี้ก็ขายไม่ถูก ซึ่งพอเราไปอยู่ในสังคมที่คนรอบโต๊ะเต็มไปด้วยทักษะที่เราไม่มี มันทำให้ Self-esteem ต่ำสุดๆ แล้วตอนนั้นผมเด็กสุดในแผนก ไม่มีใครอายุเท่าเราสักคน เราก็ต้องอยู่คนเดียว เหงาจนซึมไปช่วงหนึ่งเลย

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ ภูมิภัทร ถาวรศิริ  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย
ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ ภูมิภัทร ถาวรศิริ  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย

หลังจากนั้นไปทำอะไรต่อ

เป็นฟรีแลนซ์ช่างภาพและนักเขียนอยู่พักหนึ่ง เคยรู้สึกว่าจะตายแล้ว ไม่มีเงินใช้แล้ว ก็เลยไปหางานแบบ พี่ครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม เป็นการพรมนิ้วลงบนคีย์บอร์ดเพื่อให้มีชีวิตรอด (หัวเราะ) สุดท้ายก็ไปทำงานเป็นช่างภาพประจำอยู่สิบเดือน แต่มันคือการหนีตัวเองมากๆ กูขี้ขลาด กูไม่ยอมสู้ ไม่ฟังเสียงตัวเองเลย 

เสียงตัวเองบอกว่าอะไร

อยากทำหนัง อยากกำกับ ซึ่งระหว่างนั้นเราก็หาตัวเอง เป็นฟรีแลนซ์กำกับหนัง กำกับเอ็มวีอยู่บ้าง พอออกจากงานประจำก็ไปแคสหนังเรื่อง นคร-สวรรค์ ของ พี่โรส (พวงสร้อย อักษรสว่าง) แล้วก็สนุกว่ะ แสดงสนุกสุดละ เลยเดินสายนี้เรื่อยมา เป็นงานแสดงชิ้นแรกที่ได้เงิน ก่อนหน้านี้ไปเล่นทีสิสให้เพื่อนคือเหมือนไปเล่นกับเพื่อนในกองเฉยๆ 

สนุกกว่าถ่ายภาพหรือกำกับอีกเหรอ

มันคนละอย่าง ด้วยภูมิภาคที่เราอาศัยอยู่ ลักษณะของงานมันมีแค่ช่วงอายุประมาณนี้ ถ้าเราโตกว่านี้ งานมันก็ไม่ได้มีมากในตลาด อีกทีคือบทพ่อไปเลย ถ้าเกิดเรายังอยากทำงานที่ประเทศนี้อยู่ เราก็ต้องทำ ณ ตอนนี้ ตอนที่เรายังมีความหน้าด้านพอที่จะไปใส่ชุดนักเรียนได้ (หัวเราะ) ถ้าแคสผ่าน แปลว่าเขาคงเห็นอะไรบางอย่าง คงได้อยู่แหละมั้ง แต่ถ้าโตกว่านี้ไป ผมรู้สึกว่างานกำกับมันรอได้ มันเหมือนงานประพันธ์ ยิ่งรอน่าจะยิ่งคม 

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ ภูมิภัทร ถาวรศิริ  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย

ทำงานแสดงมาสี่ปีแล้ว พูดได้เต็มปากรึยังว่าเป็นนักแสดง 

ทุกวันนี้ก็ยังไม่ Register ว่าตัวเองเป็นนักแสดง ตอนนี้เป็นนักไขว่ห้างกินกาแฟ (หัวเราะ) โชคดีที่มีหลายๆ คนชวนเราไปทำนู่นทำนี่ มันก็ทำให้เราไม่อดตาย พอจะจ่ายบิลต่างๆ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่ากาแฟ ได้อยู่ มันก็เรื่อยมานะครับ แต่มันแค่เป็นงานที่คนไม่รู้จัก เช่น นคร-สวรรค์ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นงานที่ชอบที่สุดอยู่ เพราะมันทำให้เราได้เจออะไรหลายๆ อย่างในตัวเรา เราชอบประสบการณ์ที่ได้ทำงานชิ้นนั้น แต่ผลลัพธ์เราไม่ได้พอใจ ผมทนดูตัวเองเล่นไม่ได้อยู่แล้ว 

ผมรู้สึกว่าไม่ได้แสดงเก่งอะไรเลยนะ กลางๆ มาก ผมแค่ทำงานตามบท เป็นพนักงานแสดง มีคนที่เก่งกว่าผมอีกเยอะมาก ทั้งอายุน้อยกว่า เท่ากัน และมากกว่า แต่หลายๆ คนไม่ได้ Made It เขาไม่ได้อยู่รอดได้ในตลาดงานปัจจุบัน ซึ่งผมเห็นสิ่งนี้แล้วเจ็บช้ำมากๆ ที่คนที่ดีกว่าผมไม่ได้รับการยอมรับ เซ็งมากๆ ในโลกแห่งระบบทุนนิยม เราบอกไม่ได้เลยว่าคนไหนจะประสบความสำเร็จ สิ่งไหนคือเกณฑ์เหรอ ผมนึกไม่ออกจริงๆ แต่คิดว่าขาดพื้นที่ตรงกลางที่จะทำให้ผู้ชมกับศิลปินทุกแขนงเชื่อมถึงกัน 

การเกิดขึ้นของ เด็กใหม่ มันทำให้เรารู้เลยว่าเลือกไม่ได้ว่างานไหนจะดัง ผมชอบเด็กใหม่ที่สุดไหม Absolutely Not มันไม่ใช่งานที่ผมชอบที่สุด เป็นงานที่ผมสนุกด้วยรึป่าว Absolutely ผมสนุกกับงานนี้มาก ผมงงว่าทำไมคนถึงชอบขนาดนี้ แล้วก็คิดว่ามันแปลกสำหรับเขา มันเป็นรสชาติที่เขาไม่คุ้นเฉยๆ แล้วก็มี Netflix เป็นพื้นที่ตรงกลางที่ทุกคนเข้าถึงได้จากบ้าน

เอมยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่รึยัง 

รู้สึกเด็กกว่าทุกคน รู้สึกว่าสมองตัวเองหยุดพัฒนาไปตั้งแต่สิบเจ็ดแล้ว ความฉลาดทางสติปัญญา ความยับยั้งชั่งใจ EQ IQ อะไรทุกอย่าง พอเลยเลขนั้นมาก็รู้สึกว่าสิ่งที่ไปคือร่างกายอย่างเดียวเลย ปัญญามันพูดว่า บาย กูอยู่แค่ตรงนี้นะ (หัวเราะ) ผมรู้สึกว่าเป็นอย่างงั้นมาตลอด เพื่อน Mature มากกว่า เรา Childish มากๆ ทุกการตัดสินใจของเราเกิดขึ้นจากว่าเราชอบหรือไม่ชอบ เราอยากทำหรือไม่อยากทำ ถ้าเราไม่อยากทำเราไม่ทำ มันคือความคิดของเด็ก พรุ่งนี้อาจจะไม่อยากเป็นนักแสดงแล้ว กูอยากเป็นนักตะกร้อทีมชาติ

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ ภูมิภัทร ถาวรศิริ  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย

งั้นต้องกลับไปกินคาร์โบไฮเดรตก่อนนะ 

เป็นไปได้ งั้นต้องกลับไปกินแป้งว่ะ (หัวเราะ) 

แต่ความเป็นผู้ใหญ่คืออะไรล่ะ กินกาแฟไม่ใส่นม มีใบขับขี่ มีรถเหรอ เราไม่ได้ชอบรถนี่ เราไม่ชอบขับรถ รถมันคือยานพาหนะอย่างหนึ่งแค่นั้น การมีบ้าน เราก็ไม่ได้อยากมี แล้วมันคืออะไร คือการดูแลพ่อแม่เหรอ เราก็ดูแลเพราะว่าสังคมบอกให้เราดูแล แต่เราคิดว่าเขาเป็นประตูคนละครึ่งบานที่ทำให้เราเกิดมา เขาไม่ใช่เจ้าของเรา เราก็ไม่ใช่เจ้าของเขา เราทรีตเขาเป็นเพื่อนมนุษย์มากๆ การเป็นผู้ใหญ่คืออะไรคงแล้วแต่คน 

แล้วคุณคิดว่าการโตเป็นผู้ใหญ่คืออะไร

การยับยั้งชั่งใจ

อืม ชัดเจนว่าผมไม่มีข้อนั้น (หัวเราะ) 

ชีวิตวัยรุ่นของเอมเลยยาวมาตั้งแต่ 17 ถึงทุกวันนี้ ถูกมั้ย

แต่ Quality ที่ดีของสิบเจ็ด มันก็ไปหมดแล้วไง ความคิดสร้างสรรค์ ความไร้เดียงสา ความสดความใหม่ คือกูกลายเป็นภาชนะของ Quality เหี้ยๆ ของวัยรุ่นทั้งหมดเลย อะไรที่ไม่ดีของแต่ละวัยมัน Full Package หมด การแก่ของผมเป็นการแก่ที่ไม่ดีด้วยนะ แก่ที่นิสัยไม่หาอะไรใหม่ๆ ทำ ไม่หาเพลงใหม่ๆ ฟังแล้ว กินอะไรแบบเดิม น้อยครั้งที่จะลองแบบใหม่

ก็อาจจะดี เรารู้ว่าเราเลือกแล้วไง ว่าเราชอบอะไรในชีวิตบ้าง

ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียก็คือเรา Discover สิ่งที่ชอบน้อยลง แล้วเราก็ต้องใช้พลังงานมากเหลือเกินในการขยับนิ้วไปกดหาวงใหม่ๆ ฟัง 

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ ภูมิภัทร ถาวรศิริ  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย

เรื่องใหม่ล่าสุดที่เอมค้นพบคืออะไร

เพิ่งเคยซื้อเนื้อปลากะพงขาวมาทำสเต๊กกิน ปลากะพงเป็นปลาทะเลใช่มั้ย ราคาถูกมาก อร่อยมากเลยนะ อร่อยจนงงไปเลย ทำไมกูไม่ซื้อแต่แรก ถูกกว่าแซลมอนมากๆ โชคดีที่ได้ค้นพบ ซึ่งมันควรค้นพบตั้งแต่ห้าขวบ ไอ้บ้า (หัวเราะ) เพิ่งมาค้นพบตอนที่จะสามสิบ แล้วเพิ่งเคยกินมังคุดมาเมื่อไม่นานมานี้ อร่อยอะ หน้าตากับรสชาติมันคนละทางกันเลย

เป้าหมายต่อไปคืออะไร

ผมไม่วางแผนอะไร ยกเว้นเดือนหน้าต้องรับบทนั้นบทนี้ เพราะฉะนั้น ต้องไม่กินแซลมอนละ ต้องกินอกไก่ แต่ก็แค่นั้น ไม่วางแผนอื่น 

ผมเคยเป็นคนวางแผนนะ ตั้ง Goal ไว้ สมัยเป็นครีเอทีฟ เป้าหมายคือไอเดียต้องติด Top 10 หรือเรื่องการแสดง แรกๆ เดี๋ยวเทคนี้กูจะเข้าไปทำแบบนี้ แต่มันไม่เวิร์ก มันไม่เหมาะ ไม่ใช่วิธีการใช้ชีวิตของผม เวลาใครถามจะตอบว่าเป้าหมายการแสดงคืออะไร จะตอบว่าอยากเป็นตัวประกอบโง่ๆ Asian Pizza Boy ที่เคาะประตูแล้วโดนปืนลูกซองยิงตายในหนังเควนติน 

สิ่งที่พอจะเป็น Goal ได้คืออยากจะชอบงานตัวเองก่อนตาย แค่นี้ ถ้าชอบงานตัวเองก่อนตาย คนสวนก็คงเห็นศพผมนอนยิ้มอยู่ (หัวเราะ) สิ่งที่กัดกินคือเราอยากเก่งกว่านี้ เราอยากเก่งขึ้นทุกวัน ผมห่างไกลกับคำว่าตื่นมาแล้วพอใจกับตัวเองมากๆ ถ้าเกิดผมบอกได้ว่าผมพอใจ วันนั้นก็ตายได้เลย ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แข่งกันอยู่ว่าวันไหนจะเกิดก่อนกัน ระหว่างวันที่กูตายกับวันที่กูชอบงานตัวเอง

อะไรคือสิ่งที่คนอิจฉาเอมที่สุด

ไม่รู้สึกว่าเรามีอะไรให้คนอื่นอิจฉาขนาดนั้น มันมีคำแบบ เออ มึงหล่อไง มึงใส่อะไรก็ดีไง เพื่อนจะพูดอย่างงี้มาบ้าง เวลาแต่งอะไรโง่ๆ เพื่อนก็จะบอกว่าถ้าเป็นกูใส่นะ ไม่รอดหรอก แต่ถ้าเลือกได้ ผมอยากเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ Eye Candy เพราะมองตัวเองแล้วไม่ได้ดูดีขนาดนั้น ถ้าผมหล่อกว่านี้หรือสวยกว่านี้อาจจะแฮปปี้กับการเป็น Eye Candy ก็ได้

ผมไม่คิดว่ามีเรื่องอื่น ไม่น่าจะมีเรื่องที่คนอิจฉาขนาดนั้นมั้ง

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ ภูมิภัทร ถาวรศิริ  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย
ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ ภูมิภัทร ถาวรศิริ  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย

จริงเหรอ

(เงียบคิด) ถ้าเกิดให้คิดเข้าข้างตัวเอง ก็คิดว่ามึงเป็นคนไม่รักอะไรเลย มันทำให้มึงปลอดภัยมากๆ 

อันนี้เป็นสิ่งที่น่าอิจฉาเหร

แล้วแต่คน แต่การที่มึงขี้ขลาดมากพอที่มึงจะไม่นำอะไรเข้าในหัวใจเลย ในแง่หนึ่งมันทำให้มึงไม่เติบโตนะ แต่ว่าในอีกแง่หนึ่งมันทำให้มึงไม่ใจสลาย 

เพราะผิดหวังมาก่อน

ใช่ ทุกวันนี้ผมไม่รักอะไรสักอย่าง ใช้ชีวิตโดยไม่รัก Love Nothing Hurt Nothing เราไม่ปล่อยอะไรให้มา Matter กับตัวเราเลย พยายามกลับมาที่ศูนย์เสมอ หวงความสงบ คนอื่นอาจจะตามหาความสุข แต่ Goal ของผมคือความสงบ ไม่บวกหรือลบ ผมว่าตรงนั้นปลอดภัยที่สุด ซึ่งยากมากเลย

จริงๆ ผมแค่ไม่ปลอดภัยกับความสุขมั้ง ทุกครั้งที่มีความสุขแล้วรู้สึก Insecure

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ ภูมิภัทร ถาวรศิริ  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย
ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดงของ ภูมิภัทร ถาวรศิริ  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย

แล้วจะได้ความรู้สึกศูนย์มายังไง ดื่มกาแฟ อยู่กับต้นไม้ หรือเล่นละครที่รู้สึกดีได้มั้ย

ที่พูดมาทั้งหมดคือบวกหมดเลยนะ ไม่อยากเอาตัวเองไปผูก ให้สิ่งพวกนี้กำกับความสุข เคยไปงานเปิดแกลเลอรี่ของเพื่อนแล้วเล่นดนตรีสดกัน ผมแม่งโคตรมีความสุขเลย เป็นปาร์ตี้ที่ดีมาก แล้วอยู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมา เพราะคิดได้ว่าทำไมกูถึงมีความสุขขนาดนี้เพราะแค่เรื่องแบบนี้วะ เอาใจตัวเองไปแขวนกับอะไรที่ไม่แน่นอนขนาดนี้ได้ยังไง 

ความรู้สึกของมนุษย์ก็แขวนอยู่กับสิ่งอื่นๆ เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ

ใช่ ซึ่งมันไม่ดีไง

ไม่ดียังไง 

ผมก็รู้สึกว่าต้องพยายามเอาลงมา ตอนที่มีความสุขกับงานแสดงไม่ว่างานชิ้นไหน ก็จะบอกให้ตัวเองกลับมา ไม่งั้นมึงจะพังแน่นอน แต่ข้อดีของมันคือตอนที่เราดิ่ง มันทำให้เรากลับขึ้นมาง่ายขึ้น เพราะเรารู้ว่าเราต้องไปยังไง เรารู้ว่าเราอยู่ต่ำ เราต้องพยายามที่จะกลับขึ้นมาที่ศูนย์ให้ได้ 

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดง  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย

เราไม่ใช่โรบอตหรือแก้วน้ำ แล้วจะหนีความรู้สึกยังไง 

ไม่มีใครเป็นมนุษย์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกคนเท่ากันหมดบนโลก บนโลกของแต่ละคน บางคนพยายามเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ บางคนก็พยายามหนีห่างความเป็นมนุษย์ นี่ผมก็ทดลองอยู่ว่าผมจะไร้หัวใจแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน แต่ไม่ได้แปลว่าผมไม่จริงใจนะ ผม Sincere มากๆ ยิ่งเวลาทำงานแสดง ยิ่ง Open มากๆ แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ คือใครจะทำร้ายได้ก็เรื่องงานนี่แหละ เพราะเราเปิดมาก แต่ชีวิตประจำวันไม่เปิดมาก กับแฟน หรือกับเพื่อน หรือกับอะไรก็จะมีระยะ มีจุดที่เขาจะเข้าใกล้เรามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

แต่สักวันหนึ่งเราก็ต้องรักอะไรบางอย่างมั้ย

ทุกวันนี้ผมยังทำได้ดีนะที่จะไม่รักอะไรเลย สักวันหนึ่งก็คงจะเจอแหละ สักวันหนึ่งก็คงต้องเจอเหตุการณ์ใจสลายบางอย่าง ไม่มีอะไรที่เวลาแตะต้องไม่ได้ เวลามันเปลี่ยนทุกอย่างได้หมด

แล้วอย่างงี้มันไม่ Heartbreaking สำหรับคนรอบตัวเหรอ ถ้าเขารู้ว่าเอมไม่รักอะไรเลย

Heartbreaking เสมอ สำหรับผมด้วยเช่นกัน ผมก็เจ็บปวดที่ตัวเองเป็นแบบนี้ แต่ถึงจุดหนึ่งมันเต็มที่สุดๆ แล้วที่เรามอบให้ได้ ซึ่งมันจริงมากๆ สำหรับเรา ถ้าเกิดว่ามันไกลกว่านี้ เราไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ว่ามันไม่ใช่ของปลอม มันจริงที่สุดที่ก้อนเนื้อก้อนนี้จะมอบให้ได้

ก็เลยบอกว่านั่นแหละ…คนสวนน่าจะเป็นเจอศพ (หัวเราะ) 

ความคิดเบื้องหลังบทบาทนักแสดง  ตั้งแต่การกักตัวอยู่บ้าน ถึงชีวิต ความรัก และความตาย

ภาพ : เอม ภูมิภัทร ถาวรศิริ, ประภามณฑล เอี่ยมจันทร์

Writer

ภัทรียา พัวพงศกร

ภัทรียา พัวพงศกร

บรรณาธิการ นักเขียน ที่สนใจตึกเก่า เสื้อผ้า งานคราฟต์ กลิ่น และละครเวที พอๆ กับการเดินทาง

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล