English Version, Click Here

เราได้ยินชื่อ เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง ตั้งแต่เธอเป็นส่วนหนึ่งของ TharnType The Series Season 2 ในวัย 17 ปี ก่อนจะโด่งดังโกอินเตอร์จากบท ‘ม่อน’ ในซีรีส์ ทฤษฎีสีชมพู GAP The series Girl Love เรื่องแรกของค่าย IDOLFACTORY คู่กับ ฟรีน-สโรชา จันทร์กิมฮะ ในบท ‘คุณสาม’

จากลูกครึ่งไทย-บริติช ผู้ไร้ความมั่นใจและพูดภาษาไทยไม่คล่อง เบ็คกี้เติบโตตามเส้นทางที่เธอฝัน และยังท้าทายตัวเองด้วยการทำตามความฝันที่มากะทันหันอย่างการเป็น ‘ทนาย’ ด้วยการเลือกเรียนกฎหมาย Law with Criminology and Psychology ที่ University of Essex ประเทศอังกฤษ

สำหรับเรา นี่คือหนึ่งในการพูดคุยที่สนุกที่สุด เพราะเหมือนได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่อีกคน แถมเพื่อนคนนี้ยังเป็นนักแสดงรุ่นใหม่ที่ไม่ได้ไฟแรงแค่เรื่องงาน แต่ยังรวมถึงการเรียนที่ไม่ยอมแพ้ แม้ต้องเข้าคลาสออนไลน์ตอนตี 1 นอนตี 5 และตื่นมาทำงานต่อเป็นกิจวัตรยาวนานกว่า 2 ปี 

ทั้งหมดเป็นเพียงชีวิตย่นย่อในวัยย่าง 21 ที่อยากเป็นอะไรก็ต้องพยายาม แต่ต่อจากนี้คือการตกตะกอนความคิดจากประสบการณ์หลากหลายมุมของเธอ

‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้เรียนกฎหมายตอนตี 1 ย้ายโรงเรียนมา 8 แห่งและอยากนอน 8 ชม.

I Have a Dream, a song to sing

ได้ยินว่าคิวเบ็คกี้แน่นมาก แถมเพิ่งมีงานแฟนมีตติ้งครั้งใหญ่ไป เดือนนี้ในตารางมีวันว่างให้พักร่างบ้างไหม

มีแล้วค่ะ (หัวเราะ) ช่วงก่อนหน้านี้ถ่ายนิตยสารต่างประเทศ ก่อนไปพิลิปปินส์ทำงานติดกันยาว กลับมาก็ทำต่อ หนูเลยเข้าโรงพยาบาลเพราะพักผ่อนน้อย นอกจากนี้หนูเรียนไปด้วย บางทีเลยตื่นเกือบครบ 24 ชั่วโมง แต่ร่างกายเหมือนเริ่มชิน รู้ว่าต้องตื่นมากิน แต่งหน้า อ่านสคริปต์ คิดว่าถ้าวันหนึ่งห่างจากงานคงจะกลับไปนอนดึก เรียน ตื่นสายอีก

ตอนนี้คิดถึงกิจกรรมอะไรในวันเก่า ๆ ที่เคยได้ทำบ้างไหม

การใช้เวลาเตะบอลกับเพื่อน ริชชี่ (พี่ชาย) คุณพ่อ เล่นเทนนิส หนูเคยทำหลายอย่างมาก ยิงธนู ยิงปืน ปีนผา แต่ที่ยังไม่เคยทำคือ Shark Diving 

หนูชอบฉลามมาก! ไม่รู้ทำไม แต่มากถึงขั้นดูสารคดีเกี่ยวกับฉลามไปเลย 4 ชั่วโมงต่อวัน อ่านหนังสือเรื่องฉลามวาฬ ฉลามเสือ ฉลามขาว เคยอยากเลือกเรียนเป็น Marine Biologists (นักชีววิทยาทางทะเล) เพราะอยากศึกษาเรื่องฉลามอย่างจริงจังด้วย

‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้เรียนกฎหมายตอนตี 1 ย้ายโรงเรียนมา 8 แห่งและอยากนอน 8 ชม.
‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้เรียนกฎหมายตอนตี 1 ย้ายโรงเรียนมา 8 แห่งและอยากนอน 8 ชม.

สมัยเด็กครูจะชอบถามในห้องเรียนว่าอยากเป็นอะไร ยังจำคำตอบของตัวเองได้ไหม

หนูเขียนเสมอว่าอยากเป็นนักร้อง ถามตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม เพราะหนูชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก นักร้องคนโปรดก็ Taylor Swift หรือ Olivia Rodrigo หนูชอบคนที่แต่งเพลงแล้วเชื่อมโยงกับตัวเอง มีความหมาย ทำให้เราร้องไห้ได้ เช่น เพลง traitor, drivers license หรือ deja vu เนื้อหาบอกว่าโลกนี้ไม่ได้ใจดีกับเราขนาดนั้น มีคนหักหลังบ้าง ฟังแล้วเจ็บดี

แล้วเบ็คกี้ทำยังไงให้เข้าใกล้ความฝันนั้นบ้าง

ตอนนั้นไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้เข้าตาทุกคน หนูก็เลยฝึกร้องเพลงไปเรื่อย ๆ 

ประกวดหลายเวทีมาก Thailand’s Got Talent, New Zealand’s Got Talent, The Voice และ The Trainer รวม ๆ 6 – 7 เวที ไม่ผ่านสักอัน แต่หนูคิดว่าการถูกปฏิเสธไม่ใช่ไม่ดีเสมอไป มันทำให้หนูสู้ต่อ

จากที่ผ่านมา การร้องเพลงมีความหมายยังไงต่อเบ็คกี้บ้าง

มันคือความสุขของชีวิต การร้องเพลงทำให้เราหลุดไปอีกโลก ตอนเด็กครูถามว่าไม่อยากเป็นหมอหรืออาชีพอื่นเหรอ หนูก็ตอบว่า ไม่ หนูแค่อยากทำอาชีพที่มีความสุข อยากตื่นมาทุกวันแล้วได้ทำในสิ่งที่ชอบ ถ้าวันหนึ่งหนูมีลูก หนูก็จะให้เขาทำในสิ่งที่เขาชอบเหมือนกัน

‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้เรียนกฎหมายตอนตี 1 ย้ายโรงเรียนมา 8 แห่งและอยากนอน 8 ชม.

Begin Again

เราพอรู้ว่าเบ็คกี้เคยไปเรียนที่ต่างประเทศและย้ายโรงเรียนบ่อย ไทม์ไลน์ชีวิตการเรียนเป็นยังไงบ้าง

โอ้โห! ยาวนะคะ ตอนอนุบาลอยู่ออสเตรเลีย กลับมาต่ออนุบาล 2 ที่ Shrewsbury International School ที่ไทย แล้วไปโรงเรียนบางกอกพัฒนา หลังจากนั้นก็ไปนิวซีแลนด์ อยู่ที่นั่นย้าย 2 โรงเรียน แต่ปรากฏว่าย้ายกลับมาไทยแล้วลืมภาษาไทย คุณแม่เลยส่งไปโรงเรียนประจำ วัฒนาวิทยาลัย ซึ่งยากสำหรับหนูมากเลย เพราะทุกอย่างคือภาษาไทย (ทำเสียงโอดครวญ)

อาบน้ำ กินข้าวเสร็จ หลังเลิกเรียนต้องไปเรียนภาษาไทยเพิ่มอีก 3 ชั่วโมง ไม่งั้นไม่รอด สอบก็ภาษาไทย ต้องไปท่อง ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูกให้ครูฟัง แต่ต้องขอบคุณเลยนะคะ เพราะเข้าวงการมา อย่างน้อยก็ได้ภาษาไทยนิดหนึ่ง 

อ้อ! ยังไม่จบ วัฒนาฯ แล้วก็ไปเรียนที่อังกฤษ Victoria College Belfast ประมาณ 3 – 4 ปี ก็กลับมา Shrewsbury International School Year 12 สอบ A-Level ที่โรงเรียน เลือกเป็น Business Studies, History, English แล้วก็ Drama 

อันสุดท้ายเลือกเรียนแบบที่ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นนักแสดงได้ด้วยซ้ำ อาจารย์ก็ถามว่าอยากไปทาง Business Studies กับ English มากกว่าไหม เพราะ Drama อาจจะไม่เหมาะกับหนู ส่วนตอนนี้ก็เรียนอยู่ที่ University of Essex ค่ะ

โอ้โห! เกินกว่าที่เราจินตนาการไปเยอะเลย ย้ายบ่อยมาก!

มากกกกก มันทำให้หนูรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนยากด้วย เพราะหนูต้องเริ่มใหม่ตลอดเวลา ตอนอยู่อังกฤษจะรู้สึกว่าเข้าหาคนอื่นได้แล้ว แต่ก็ต้องย้ายอีก พอกลับไป Shrewsbury ก็ต้องเริ่มใหม่

เราเป็น The New Girl ตลอดเวลา

‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้เรียนกฎหมายตอนตี 1 ย้ายโรงเรียนมา 8 แห่งและอยากนอน 8 ชม.

ทำไมถึงต้องย้ายบ่อยขนาดนี้

คุณพ่อไปทำธุรกิจ ยกเว้นที่ไปอังกฤษซึ่งเป็นความต้องการส่วนตัว คือเห็นริชชี่ไปแล้วชอบ เราก็เลยไปด้วย แต่ไปแล้ว Homesick เลยอยากกลับมา คิดถึงอาหารไทยด้วยค่ะ

เดินทางไป-กลับบ่อย อยู่มาหลายประเทศ เคยตั้งคำถามไหมว่าที่ไหนคือบ้านของเรากันแน่

นั่นสิคะ หนูพูดว่าอยากไปอังกฤษ แต่ตอนไปที่นู่นก็คิดถึงไทย ตอนอยู่ไทยก็คิดถึงอังกฤษ หนูไม่แน่ใจว่าอันไหนคือบ้านจริง ๆ เพราะเราเป็นลูกครึ่งด้วย

แต่บ้านคงเป็น Safe Zone ของเรา หมายถึงครอบครัว เพื่อน บรรยากาศที่ดีรอบตัว แถมตอนนี้ที่นี่ก็มีพี่ ๆ แฟนคลับด้วย บ้านตอนนี้คิดว่าเป็นไทยนะคะ

เคยมีอารมณ์งอแง ไม่อยากย้ายโรงเรียน ไม่อยากเริ่มชีวิตวัยเรียนหรือวัยเด็กใหม่ไหม

มีค่ะ ตอนเรียนบางกอกพัฒนา ตอนนั้นแค่ Year 4 เราไม่อยากไปนิวซีแลนด์ เพื่อนของเราอยู่นี่ทั้งหมด แต่ครอบครัวเราเขาไปกันแล้ว หนูไม่รู้ว่าจะกลับจากนิวซีแลนด์ตอนไหน ไม่มีแผนอะไรให้หนูเห็น หนูบอกแม่ว่าไม่อยากไป แต่แม่ก็บอกว่าเรายังเด็กอยู่เลยจะอยู่คนเดียวได้ยังไง สุดท้ายก็ต้องไป

ก็แค่ไม่รู้ว่าเพื่อนที่ตอนนั้นเป็นเพื่อนกันเขาจะยังอยู่ไหม เราจะได้คุยกันไหม ตอนนั้นยังไม่มีโซเชียลมีเดียเลย

‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้เรียนกฎหมายตอนตี 1 ย้ายโรงเรียนมา 8 แห่งและอยากนอน 8 ชม.

ตอนนี้มีแล้ว วนกลับมาหากันเจอบ้างไหม

เจอค่ะ แต่ละโรงเรียนเขามีสมาคมศิษย์เก่า เราก็เลยได้เจอเพื่อนเก่า แต่ก็รักษาเอาไว้ได้แค่ไม่กี่คน จากสมัยก่อนอยู่กัน 20 – 30 คน ยิ่งโตกลุ่มยิ่งเล็กลง พอไม่เจอกัน เราจะสนิทกับใครยากมาก เพื่อนในตอนนี้เลยเป็นคนที่ต่อให้ไม่เจอก็รู้ว่ามีกันและกันเสมอ

บางคนมักคิดว่าอินโทรเวิร์ตไม่ต้องการเพื่อน ในความคิดเบ็คกี้ คนเราจำเป็นต้องมีเพื่อนไหม

เพื่อนเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตอยู่แล้ว การไม่มีใครเลยมันก็เหงา ถึงเราจะเป็นอินโทรเวิร์ต แต่ก็เหงาเป็น เราเงียบก็จริง แต่ถ้าได้อยู่กับคนที่สบายใจ ต่อให้ไม่พูดกัน เราก็เป็นตัวของตัวเองได้ หรือแม้กระทั่งเป็นใครอีกคนก็ได้เหมือนกัน

‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้เรียนกฎหมายตอนตี 1 ย้ายโรงเรียนมา 8 แห่งและอยากนอน 8 ชม.

Double Dreams Come True

เบ็คกี้แบ่งเวลายังไงบ้าง ยิ่งตอนนี้ทำงานไปเรียนไป ไม่ยอมปล่อยสักหน้าที่เลย

ให้ครึ่ง ๆ เลยค่ะ วันหนึ่งทำงานกลับบ้านประมาณ 4 – 5 ทุ่ม กินข้าว อาบน้ำ เตรียมเข้าคลาสตอนตี 1 หนูก็เข้าไป Hello professor เขาก็รู้ว่าเราอยู่ไทย เวลาดึกมาก ๆ เขาก็จะแซวว่า Not sleepy เหรอ เราก็บอกว่า Sleepy, but I need to pass ค่ะ (ยิ้มแย้ม)

แล้วถ้าวันหนึ่งงานเยอะมากจนเข้าคลาสไม่ได้จะเป็นอะไรไหม

It’s ok. แต่ต้องส่งงาน ถ้าไม่ส่งจะถูกตัดคะแนนไปเรื่อย ๆ ส่วนตัวหนูเป็น Perfectionist ในการเรียน คือทุกงานที่ส่งจะอ่านทวนประมาณ 20 ครั้งเป็นอย่างต่ำ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ผิด ให้คุณพ่ออ่าน ให้ริชชี่ช่วยเช็กว่ามันโอเคไหม โอเคถึงจะส่ง

อย่างเมื่อคืนหนูก็ต้องส่งงาน 30,000 คำ ทำตั้งแต่ตี 1 ถึงตี 5 กว่าจะเสร็จ นอนตอน 6 โมงเช้า โชคดีวันนี้ได้ตื่น 10 โมง

แต่ชั่วโมงนอนก็ไม่พออยู่ดีนะ

(หัวเราะ) หมอบอกว่าต้องนอน 8 ชั่วโมง เพราะตอนนั้นที่เข้าโรงพยาบาลก็โดนดุที่ไม่ยอมบาลานซ์ชีวิต เข้าใจว่าอยากทำทุกอย่าง แต่ตัวเรามีคนเดียวต้องรู้จักดูแลสุขภาพ

หนูพยายามปรับอยู่ แต่ช่วงที่มีแฟนมีตติ้งมันก็หนักจริง หนูไม่ได้จับงานมหาวิทยาลัยเลย ทำงานเสร็จก็กลับไปซ้อมเต้นที่บ้าน เป้าหมายระยะสั้นตอนนี้คือพยายามนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง (หัวเราะ) โดยงานมหาวิทยาลัยต้องเสร็จ งานแสดงก็ต้องโอเคเหมือนกัน ไม่มาทำงานสาย เพราะหนูไม่ชอบคนมาสาย และหนูตรงต่อเวลามาก

‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้เรียนกฎหมายตอนตี 1 ย้ายโรงเรียนมา 8 แห่งและอยากนอน 8 ชม.

ชีวิตมหาวิทยาลัยเป็นชีวิตที่น่าจะได้เจอเพื่อน ๆ แต่อันนี้ออนไลน์อย่างเดียวเลย คิดว่ามันแอบเสียโอกาสไหม

งื้ออออ ไม่ได้เจอเลยจริง ๆ เจอแต่ใน Zoom มา 2 ปี ตอนนี้หนูปี 4 แล้ว หนูเคยตื่นเต้นกับชีวิตมหาวิทยาลัยนะ คิดว่าเดี๋ยวจะได้เจอเพื่อน ไปเที่ยว แต่กลับเจอกันออนไลน์อย่างเดียว ทำงานกลุ่มก็ออนไลน์ แล้วหนูเรียนเร็วเลยไม่ได้เจอกับคนที่อายุเท่ากัน เขาโตกว่าหนูหมด เราเลยคุยกันเรื่องงานเป็นส่วนใหญ่

แต่หนูเข้าใจว่าเราเรียนไปทำงานไป เวลาจะไปเที่ยวก็คงไม่ได้มีเยอะขนาดนั้นอยู่แล้ว ก็ยอมรับนะ

แล้วอะไรทำให้ความฝันที่จะเป็นทนายงอกเพิ่มขึ้นมาอีก

(หัวเราะ) ความฝันนี้มันมากะทันหันมาก ตอนเรียน Shrewsbury หนูอยากทำ International Relations มากกว่า อยากทำงานในสถานทูต เรียนภาษาเยอะ ๆ เพื่อไปสื่อสารกับหลายประเทศ 

แต่วันหนึ่ง คุณพ่อกับริชชี่นั่งดูซีรีส์ทนายเรื่อง Suits หนูดูแล้วคิดว่าเขาเท่จัง รู้กฎหมายหมดเลย แล้วเขาก็อ่านความคิดของคนอื่น คิดเพื่อคนรอบข้างเสมอ หนูอยากเป็นแบบเขา ก็เลยเริ่มหาทางไป สุดท้ายก็ลองสอบเข้า Law School ปรากฏว่าติด

‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้เรียนกฎหมายตอนตี 1 ย้ายโรงเรียนมา 8 แห่งและอยากนอน 8 ชม.

อะไรทำให้เลือกเรียนสาขาหนักอย่าง Criminology คู่กับ Psychology นี่คือเรามีวิชาเอก 2 ตัวเลย

ไม่รู้เลยว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ (หัวเราะ) แล้วเลือกเองทั้งคู่ด้วย งานเลยหนักคูณสอง ตั้งแต่เข้าเรียน ส่งงาน พรีเซนต์งาน จะรู้สึกสนุกก็ตอนที่คะแนนออกมาดี เพราะมันหนักจริง ๆ ทั้งเหนื่อย ท้อ ร้องไห้ด้วย

เบ็คกี้คิดว่าจากที่เรียนมา กฎหมายไหนยากที่สุด แล้วมีเทคนิคส่วนตัวที่ใช้บ้างไหม

อืม หนูว่า Criminology ยาก เพราะต้องเข้าใจทุกฝ่าย กรณีศึกษาที่หนูได้ หนูต้องอ่านประมาณ 20 รอบกว่าจะเข้าใจ จากนั้นค่อยเขียน Mind Mapping เสร็จแล้วต้องเขียน Bullet Point เพื่อจำแต่ละรายละเอียด มันจำเยอะมาก แล้วงานแต่ละชิ้นที่ต้องเขียนคือ 30,000 คำเป็นอย่างต่ำ 

แต่มันดีมากนะคะ การรู้กฎหมายทำให้เรารู้ว่าอะไรถูกหรือผิดทันที แบบไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง

รู้จัก ‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้มอบชีวิตให้ 2 ความฝัน เข้าคลาสกฎหมายตอนตี 1 อยากเป็นทนาย และนอนให้ครบ 8 ชม.

A whole new world, A hundred thousand things to see

ย้อนกลับไปที่อาจารย์เคยบอกว่า งานแสดงอาจจะไม่ได้เหมาะกับเรา มันคงกระทบความรู้สึกเบ็คกี้ที่อยากเข้าวงการเหมือนกัน เบ็คกี้จัดการความคิดนั้นยังไง

ตอน A-Level ที่เราเลือกเรียน Drama เพราะช่วยเพิ่มบุคลิกให้ดีขึ้น เพิ่มความมั่นใจ แต่อาจารย์บอกแบบนั้นก็แอบเสียใจ แต่ไม่เป็นไร ทุกคนมีความคิดเห็นของตัวเอง เราก็แค่รับฟัง เขาบอกว่าอาจจะไม่ใช่สำหรับเรา ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำไม่ได้ตลอดไปนี่คะ

พอมีโอกาสเข้าวงการ หนูก็ยังยึดติดกับคำพูดนั้น ตอนเริ่มไม่ได้เก่ง ภาษาไทยไม่แข็งแรง แต่เป็นโอกาสที่ดี ทำไมจะไม่อยากลองล่ะคะ หนูก็เลยได้เล่น TharnType The Series ก็เรียนรู้จากพี่ ๆ จนได้มาเล่น ทฤษฎีสีชมพู บทยาวมาก เพราะเป็นคนดำเนินเรื่อง แต่อย่างที่บอกว่าหนูมองมันเป็นโอกาส ถ้าทำได้จะภูมิใจในตัวเองแน่ ๆ จะได้พร้อมเติบโตและรับบทที่ยากขึ้น

มีอะไรที่ทำครั้งแรกในกอง ทฤษฎีสีชมพู แล้วไม่อยากทำอีกเป็นครั้งที่ 2 ไหม

อืม ถ่ายฉากลงน้ำมั้งคะ หน้าผมทุกอย่างได้แค่ครั้งเดียว ถ้าพลาดก็ต้องวันอื่นแล้ว ไม่ก็เสียเวลาแต่งหน้า ทำผมใหม่ มันจะมีซีนที่ต้องผลักพี่ฟรีนลงน้ำ ตั้งใจผลักสุด ๆ แล้วมันหนาวมาก ฝนตกด้วย ปากสีม่วงนั่นไม่ได้ทานะคะ คือปากม่วงจริง หนาวสั่น แต่พอสั่งแอคชัน ต้องทำเหมือนไม่หนาว (หัวเราะ)

รู้จัก ‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้มอบชีวิตให้ 2 ความฝัน เข้าคลาสกฎหมายตอนตี 1 อยากเป็นทนาย และนอนให้ครบ 8 ชม.

ในซีรีส์ เราต้องต่อสู้ยืนหยัดเพื่อความรักมาก เบ็คกี้คิดว่ารักอะไรดีที่สุด

รักตัวเองค่ะ ในวันที่ไม่เหลือใคร สุดท้ายเราจะมีแค่ตัวเอง จริง ๆ ต้องรักตัวเอง เข้าใจตัวเอง ดูแลตัวเอง ใส่ใจความรู้สึกตัวเองเป็นที่หนึ่งนะ เราต้องดูแลเราให้ดีที่สุดก่อนไปดูแลความรู้สึกใคร 

ความรักก็สำคัญค่ะ แต่เราหาความสุขจากเรื่องอื่นได้เหมือนกัน รักการแสดง รักการร้องเพลง ถ้ามีคนเข้ามาต้องเป็นคนที่ทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีขึ้น ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น อยู่กับคนที่สนับสนุนกันและกัน

หนูมองว่า หนูไม่ได้อยากเป็น Priority แรกของเขา หนูอยากให้ Dream และ Goal ของเขาคือ Priority แรก ทำให้เต็มที่ในสิ่งที่ตัวเองรัก แล้วเราคือคนสนับสนุน

เบ็คกี้น่าจะได้ของขวัญจากแฟนคลับเยอะมาก มีของขวัญชิ้นไหนที่ประทับใจมาก ๆ บ้างไหม

ประทับใจทุกอันเลยอะ ดอกไม้ ผ้าห่มหน้าบอนบอน (สุนัขของเบ็คกี้) หรือของที่ทำขึ้นมาเพื่อเราโดยเฉพาะ มีชื่อเรา หนูเก็บการ์ดไว้หมดตั้งแต่แรก ๆ เวลารู้สึกเหนื่อยก็จะเข้าไปอ่านเพื่อเพิ่มกำลังใจ ทั้งไทยและ International Fan Club ขอบคุณทุกคนเลยค่ะ

คิดว่าเบ็คกี้น่าจะไม่มี Culture Shock เรื่องวัฒนธรรมแล้ว แต่มีอะไรที่แตกต่างจากอังกฤษจนต้องเรียนรู้ใหม่ไหม

ก็มีนะคะ อย่างในบทมีคำว่า ‘กระสือ’ พี่ ๆ ต้องมาอธิบายว่ากระสือคืออะไร เราก็ศึกษาจากในเน็ตเอา ‘เปรตวัดสุทัศน์’ ตอนนั้นก็ไม่รู้จัก เรื่องความกลัวก็เลยไม่ได้มองเหมือนคนไทย เพราะอาจจะไม่เข้าใจวัฒนธรรม 

ไม่เหมือนที่เคยฟังเพื่อนเล่าตอนอยู่อังกฤษ เช่น Bloody Mary หรือเพื่อนไปเข้าห้องน้ำตอนเที่ยงคืนแล้วเห็นผีในกระจก อันนี้หนูกลัวมากจนไม่กล้าเข้าห้องน้ำตอนเที่ยงคืนอยู่ 2 – 3 ปี ตอนนั้นยังเด็ก คุณปู่ต้องมาบอกว่ามันไม่จริงนะเบ็ค มันเป็นเรื่องเล่า (หัวเราะ)

เข้าใจว่ารับบทเป็นพนักงานออฟฟิศคงจะหนักสำหรับเบ็คกี้ที่กำลังเรียนอยู่แน่ ๆ เพราะยังไม่ได้สัมผัสโลกการทำงานที่แท้จริงเลย

ใช่ค่ะ เลยต้องไปศึกษาเพิ่ม แรก ๆ หนูไม่เข้าใจจริง ๆ เพราะเราเป็นแค่เด็กมหาวิทยาลัย ต้องโตขึ้นเยอะมากเพื่อให้คนดูเชื่อว่านี่คือคนทำงาน ไม่ใช่เบ็คกี้ แล้วก็ไปศึกษาจากซีรีส์อื่น ดูทั้ง Boy Love, Girl Love, Start-Up หรือ The Handmaid’s Tale และ Dickinson

รู้จัก ‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้มอบชีวิตให้ 2 ความฝัน เข้าคลาสกฎหมายตอนตี 1 อยากเป็นทนาย และนอนให้ครบ 8 ชม.
รู้จัก ‘เบ็คกี้ รีเบคก้า’ นักแสดงผู้มอบชีวิตให้ 2 ความฝัน เข้าคลาสกฎหมายตอนตี 1 อยากเป็นทนาย และนอนให้ครบ 8 ชม.

คิดว่าความสามารถในการแสดงและการเรียนเป็นพรสวรรค์หรือพรแสวงของตัวเองไหม

พรแสวงคืออะไรนะคะ (น้องลดเสียงเบาลงเพื่อถาม)

พรแสวงก็ประมาณว่า การพยายามด้วยตัวเองเพื่อให้ไปถึงความฝัน แสวงหาโอกาสหรือความรู้เอง

อ้อ! ถ้าพรสวรรค์ตั้งแต่เกิดคิดว่าไม่มีนะคะ ถึงหลายคนบอกว่าหนูมีพรสวรรค์เรื่องร้องเพลง แต่หนูก็ต้องไปเรียนเยอะมากกว่าจะร้องได้ การแสดงก็เหมือนกัน หนูเรียนจากโอกาสและประสบการณ์ค่ะ

เหมือนเบ็คกี้เคยบอกว่า ชีวิตเปลี่ยนไปหลังซีรีส์ออก แต่ตัวตนของเบ็คกี้ยังเหมือนเดิม ตัวตนของเบ็คกี้เป็นยังไง อยากให้ทุกคนจดจำตัวเองแบบไหน

หนูเป็นคนตั้งใจและเป็นคนพยายาม อยากให้จดจำหนูในแบบนั้น หนูไม่ได้เก่งแต่เกิด ก็ต้องรับฟังฟีดแบ็กตลอด แต่เวลามีอะไรหนูจะทำให้เต็มที่ค่ะ

แพสชันมาเต็มเลย แล้วถ้าวันนี้ได้เป็นนักกฎหมายแล้วจะยังอยากเป็นนักแสดงอยู่ไหม

อยากสิคะ! ทำคู่กัน แสดงตอนเช้า เป็นทนายตอนเย็นได้ไหม เอ๊ะ หรือสลับกัน โอ๊ย! ตอนนี้หนูเลือกไม่ได้เลย ใจอยากทำทั้งคู่ เพราะตั้งใจกับทั้งคู่มาก ๆ หนูแบ่งเวลาให้เท่ากันระหว่างการเป็นทนายกับนักแสดง

เอ๊ะ! หรือมีบทให้หนูเป็นทนายไหม ติดต่อมาได้เลยนะคะ (ยิ้มหวาน)

Writer

วโรดม เตชศรีสุธี

วโรดม เตชศรีสุธี

นักจิบชามะนาวจากเมืองสรอง งานประจำเป็นนักฟัง งานพาร์ทไทม์เป็นนักเขียน งานอดิเรกเป็นนักเล่า

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล