ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2540 หนุ่มน้อยคนหนึ่งแจ้งเกิดโด่งดังเป็นพลุแตก จากการรับบท ‘แดง ไบเล่’ ในภาพยนตร์เรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง วงการบันเทิงเปิดประตูกว้างต้อนรับ งานแสดงและถ่ายแบบมากมายหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย เขาควรรีบกอบโกยโอกาส แต่ที่เขาทำคือหันหลังให้วงการบันเทิง กลับไปใช้ชีวิตอย่างนักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่ง และเรียนจนจบปริญญา ก่อนกลับมาเริ่มงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง
หนุ่มน้อยคนนั้นคือ ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี
ด้วยฝีมือและระเบียบวินัยทางการแสดง ประกอบกับนิสัยเรียบง่ายจริงใจ ทำให้เขาก้าวขึ้นเป็นพระเอกแถวหน้าของวงการบันเทิงที่คนทั้งประเทศรักนับแต่นั้น
พ.ศ. 2548 ติ๊กสร้างแรงสั่นสะเทือนวงการด้วยการเริ่มทำรายการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เนวิเกเตอร์ ที่เขาต้องลุยป่าฝ่าดงเข้าไปทำรายการในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ เสียงชื่นชมมาพร้อมคำสบประมาท ว่านั่นเป็นเพียงการสร้างภาพลักษณ์ให้พระเอกผู้โด่งดัง
พ.ศ. 2562 ติ๊กเพิ่งยุติการทำ เนวิเกเตอร์ ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ความรู้และการค้นพบมากมายในผืนป่าที่เขานำเสนอผ่านรายการตลอดระยะเวลา 14 ปีเต็ม ลบคำสบประมาทของผู้คนไปนานแล้ว
“การเดินทางเท่านั้นที่ทำให้คนหายโง่” เขาเอ่ยขึ้นในช่วงหนึ่งของบทสนทนา
“หมายถึงให้เดินทางออกไปท่องโลกหรอ” เราถามอย่างใคร่รู้
“แค่ก้าวออกจากกรอบเดิมๆ ก็ถือเป็นการเดินทางแล้ว” เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม
และนี่คือบทสนทนาว่าด้วยความฝัน ความทรงจำที่หล่นหาย บนเส้นทางจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ในผืนป่าของพระเอกหนุ่มวัย 42 ปี ที่กำลังเริ่มเดินทางบนเส้นทางสายใหม่คนนี้
นักแสดงที่ประสบความสำเร็จอย่างคุณ มีความฝันอะไรที่ทำหล่นหายไประหว่างทางบ้าง
สมัยมหาวิทยาลัยผมเคยทำวงดนตรีชื่อ ‘โลกแคบ’ เป็นช่วงบ้าดนตรีที่สุดในชีวิต (หัวเราะ)
ผมเรียนกีตาร์ตั้งแต่ ป.6 เรียนๆ เล่นๆ มาเรื่อย จนวันหนึ่งเจอเพื่อนสมัยอนุบาลที่ไม่ได้เจอมานานมาก แล้วมันดันเล่นกีตาร์เหมือนกัน เพื่อนเลยชวนตั้งวงดนตรี ที่ผ่านมาผมเล่นกีตาร์คลาสสิก เน้นเล่นเมโลดี้บรรเลง แต่เพื่อนคนนี้เล่นกีตาร์ไฟฟ้า อย่างเท่ ผมเลยเริ่มเก็บเงินซื้อกีตาร์ไฟฟ้าไปพร้อมๆ กับทำวง
โลกแคบเป็นวงร็อก สมาชิกในวงประกอบไปด้วยมือกีตาร์ 2 คน มือกลอง 2 คน นักร้องไม่มี ค่อยหาเพื่อนมารับเชิญเอา (ยิ้ม)
เป็นความฝันที่จริงจังขั้นไหน
จริงจังระดับเด็กหนุ่ม (หัวเราะ) คือสมัยนั้นคนดนตรีจะต้องไปซื้ออุปกรณ์พวกสายแจ๊ค ตู้แอมป์ ขั้วเอฟเฟกต์ต่างๆ กันที่พันทิพย์ ไม่ก็เวิ้งนาครเกษม มีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างเดินๆ กันอยู่ พวกเราเจอนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ เขาบอกว่า “น้องๆ นี่หน่วยก้านดี ลองเอาโจทย์เพลงไปลองหน่อยไหม” พวกเราต้องใส่ดนตรีและทำนองลงไปในโจทย์เพลงที่เขาให้มา ปรากฏว่าพอเริ่มเล่นเท่านั้นแหละ พี่คนนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยจนทุกวันนี้ (หัวเราะ)
หลังจากนั้นพวกเราก็ยังคงทำวงต่อ ซ้อมกันทุกอาทิตย์ เพลงโปรดยุคนั้นก็คงหนีไม่พ้น Everything About You ของวง Ugly Kid Joe เหมือนจะจริงจังแต่จริงๆ คือซ้อมไปโม้ไป บางทีไปเช่าห้องซ้อมเป็นชั่วโมง จะหมดชั่วโมงอยู่แล้วยังไม่ถึงไหนเลย จนคนในวงค่อยๆ โดนรีไทร์จากมหาวิทยาลัยไปทีละคน มีผมคนเดียวที่เหลือรอด แต่ติดโปรนะ (หัวเราะ) วงโลกแคบจึงมีอันต้องสลายกันไปในที่สุด
จากวงโลกแคบ โลกของคุณค่อยๆ กว้างขึ้นตอนไหน
จริงๆ ชื่อวงโลกแคบมาจากความเฮฟวี่ของผมในตอนนั้นที่ไม่ค่อยสนใจใคร ไม่สุงสิงกับสังคมเท่าไหร่ ผมเรียนโรงเรียนชายล้วนมาตลอด แถมยังเรียนคณะวิศวะฯ อีก มีสาวๆ ในชีวิตไม่กี่คนเอง เรียกว่าชีวิตระห่ำมาก แทบไม่มีความนุ่มนวลอ่อนหวานเลย (ยิ้ม)
ผมโตมาในยุคอะนาล็อก ทันดูทีวีจอขาวดำ ถึงจะอยู่กรุงเทพฯ แต่ชีวิตวัยเด็กเหมือนในเรื่อง แฟนฉัน เด็กผู้ชายในละแวกบ้านจะรวมกลุ่มกันเตะบอล ขี่จักรยาน BMX ออกไปผจญภัยข้างท้องร่อง ไล่จับปลากระดี่ ปลากัด และเที่ยวหาเศษไม้ เศษป้ายหาเสียงที่ไม่ใช้แล้วมากองสุมกันเป็นเพิงเล็กๆ จินตนาการว่านี่เป็นแคมป์ในป่า
สำหรับผม การออกไปอยู่กับธรรมชาติทำให้โลกกว้างขึ้น และโลกของผมก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่จำความได้
คุณเริ่มอินกับธรรมชาติตั้งแต่เมื่อไหร่
พ่อผมเป็นข้าราชการ ทำงานกรมชลประทาน ท่านเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย เพราะงานส่วนใหญ่จะอยู่ที่คลองส่งน้ำ คลองชลประทาน อ่างเก็บน้ำ เขื่อน ไปจนถึงฝายต่างๆ บางครั้งผมติดสอยห้อยตามพ่อไป ท่านก็จะอธิบายให้ผมฟังถึงความสำคัญของป่าต้นน้ำ ระบบนิเวศและอีกหลายๆ เรื่องธรรมชาติ ที่บ้านผมไม่มีเงินพาลูกไปเที่ยวห้างหรือซื้อของเล่นแพงๆ ให้ ที่เที่ยวประจำของผมและตั้น (พิเชษฐ์ไชย ผลดี) คือเขาดิน
ผมเห็นความสำคัญและความสวยงามของธรรมชาติมาตั้งแต่เด็ก และอินกับมันมาตลอดชีวิตจากวันนั้นจนวันนี้
ตอนนี้เป็นพ่อคนแล้ว คุณมีวิธีปลูกฝังลูกให้รักธรรมชาติยังไงบ้าง
ด้วยวัยของลูกตอนนี้ เขาจะสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว เห็นมด หนอน ผีเสื้อ หอยทาก เขาก็อยากรู้ว่ามันคืออะไร มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะอธิบายให้เขาเข้าใจว่าต้นไม้และสัตว์ล้วนมีชีวิต
บางทีหอยทากเดินมาหลายๆ ตัว ผมก็จะอธิบายไปว่า “หอยทากก็มีครอบครัว เหมือนพ่อ เหมือนเต็นท์ เหมือนแม่เลย เราต้องไม่ไปทำร้ายเขานะลูก เราต้องช่วยเขาดูแลครอบครัว”
ผมพยายามปลูกฝังลูกด้วยการสร้างความสนุกบนการอนุรักษ์ธรรมชาติ ค่อยๆ ให้เขารู้สึกผูกพัน หวงแหน ไม่รู้สึกรังเกียจสิ่งมีชีวิตที่หน้าตาไม่น่ารักน่ามอง อย่างฉลามหรือจระเข้ที่มักจะถูกให้เป็นตัวร้ายอยู่เสมอในการ์ตูนที่เด็กๆ ดู ผมก็ค่อยๆ อธิบายไปว่าทำไมพวกมันต้องกัดสัตว์ตัวอื่น ก็เพราะมันกินเนื้อเป็นอาหาร มันต้องดำรงชีวิตเหมือนคนนี่แหละ
แล้วในชีวิตจริงคุณเคยเจอสัตว์กินเนื้อพวกนั้นไหม
ผมเคยเจอเสือดาวระยะประชิด เป็นความบังเอิญที่โชคดีมาก แต่เสียดายที่ไม่สามารถบันทึกภาพได้ทันเพราะขับรถอยู่ ทุกครั้งที่เข้าป่าผมจะเตรียมกล้องถ่ายรูปไว้ใกล้มือเสมอ พอเก็บลงลิ้นชักเท่านั้นแหละ เจอแจ็กพอต เรียบร้อย ถ่ายไม่ทัน (หัวเราะ)
เอาจริงๆ สัตว์ป่าเขาไม่ได้เหมือนในหนังที่อยู่ดีๆ จะกระโดดมาขย้ำคอเรา ผมเคยเจอช้างป่าหากินฟึดฟัดดึงเถาวัลย์อยู่ไกลๆ เราก็แค่เดินเลี่ยงไปทางอื่นเสีย อย่าไปขวางทางหรือเดินดุ่มเข้าไปในระยะที่เขารู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะเขาอาจจะแว้งมาทำร้ายเราด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัวของเขาได้
ในสายตาผม พวกเขาคือสัตว์โลกน่ารัก (ยิ้ม)
คุณเคยมีประสบการณ์เสี่ยงตายจาก ‘สัตว์โลกน่ารัก’ บ้างไหม
ไม่ถึงกับเสี่ยงตาย แต่ก็นับเป็นประสบการณ์เจ็บตัวจากสัตว์โลกตัวเล็กน่ารักที่จำได้ไม่ลืม ตอนนั้นผมไปเดินป่าที่ยอดเขาพ่อตามังเคร จังหวัดชุมพร เดินไปได้สักครึ่งทางกลุ่มเราก็หยุดพักเหนื่อย ระหว่างที่กำลังคุยๆ กันอยู่ก็มีตัวอะไรสักอย่างต่อยเพื่อนผม โอ้ย! ต่อยที่หนึ่ง โอ้ย โอ้ย โอ้ย! ต่อยที่สอง สาม สี่ และอีกนับไม่ถ้วนตามมาติดๆ ก่อนจะวงแตกแยกย้ายกันวิ่ง กวาดสายตามองดีๆ เพิ่งเห็นว่าเรายืนค้ำรังมันอยู่ มารู้ตอนหลังว่าพวกมันคือ ‘ต่อหลุม’ เป็นต่อชนิดที่ทำรังในหลุมบนดิน
ผมวิ่งหนีขึ้นเขา ไกลพอใช้เลยกว่าจะพ้นรัศมีบินของพวกมัน (หัวเราะ) เล่าตอนนี้เหมือนจะตลกนะ แต่ตอนนั้นคือตลกไม่ออก เพิ่งเคยโดนต่อต่อย ปวดมาก เจ็บเหมือนโดนเขกหัวเลย ก็ฝืนเดินกันต่อทั้งๆ ที่เนื้อตัวยับเยิน จนมาถึงยอดเขาช่วงโพล้เพล้ จำได้ว่าเอามือจับหน้าตัวเองแล้วตกใจ เพราะบวมเป่งเป็นวงกว้างทั้งหน้าเลย ทุกคนรีบกินข้าวแล้วกินยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ เท่าที่มี ตื่นเช้ามาก็ยังปวดบวมไม่หาย
การโดนต่อต่อยนี่อันตรายมาก บางคนแพ้พิษมันจนถึงขั้นหายใจไม่ออกก็มีนะ ถือว่าโชคดีที่ทุกคนปลอดภัย แต่ก็เป็นอุทาหรณ์ในครั้งต่อไปว่าก่อนจะยืนทับที่ทางใครในป่าต้องดูตาม้าตาเรือก่อน
จริงๆ แล้ว ‘ป่า’ เป็นเรื่องใกล้ตัวเราแค่ไหน
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณ สัตว์ป่า หรือมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์เหล่านี้อยู่ร่วมกันเป็นระบบ พึ่งพาอาศัยกันเป็นห่วงโซ่อาหาร มีสัตว์ผู้ล่าอย่างเสือ อยู่บนห่วงโซ่ชั้นบนสุด ซึ่งกินสัตว์กินพืชอย่างกวาง กระทิง วัวแดง ควายป่า เป็นอาหาร และสัตว์กินพืชก็กินผู้ผลิตแห่งผืนป่านั่นก็คือพืชพรรณชนิดต่างๆ
ที่ผ่านมาห่วงโซ่นั้นสมดุล มีทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่าในปริมาณที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน การที่ป่าถูกบุกรุก สัตว์ป่าถูกมนุษย์ไล่ล่า คุณว่ามันสร้างผลกระทบกับระบบนิเวศยังไงบ้าง
สมมติว่าสัตว์นักล่าอย่างเสือโคร่งหายไปจากผืนป่าไทยตลอดกาล ไม่มีผู้ล่าสัตว์กินพืชอีกต่อไป สัตว์กินพืชก็จะออกลูกออกหลานออกมามากมาย เพราะไม่มีผู้ล่ามาคอยจับพวกมันกินอีกต่อไป พวกมันจะมีจำนวนมหาศาลและกินพืชไปจนไม่เหลือให้กินอีก ในที่สุดอาณาจักรของพวกมันก็จะล่มสลาย
เสือโคร่งจะหายไปได้ยังไง ก็มนุษย์ยังไงล่ะครับที่เข้าไปไล่ล่ามัน คนที่ไม่รู้ก็จะคิดว่าแล้วยังไง ฉันก็กินอาหารที่ซื้อในซูเปอร์มาร์เก็ตต่อไปได้ ไม่เห็นเดือดร้อนหรือใกล้ตัวตรงไหน ผิดถนัดเลยครับ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดรวมถึงมนุษย์ล้วนต้องพึ่งพาผืนป่า เพราะป่าเป็นต้นกำเนิดแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร และแหล่งพลังงาน
ทำรายการ เนวิเกเตอร์ มาสิบกว่าปี คุณเห็นป่าไม้ไทยเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง
ข้อมูลตัวเลขบอกเราว่าผืนป่าไทยลดลงเรื่อยๆ หลายคนสงสัยแล้วผืนป่าหายไปไหน ประชากรเพิ่มขึ้น ชุมชนก็เติบโตขึ้น ทำให้พื้นที่ธรรมชาติถูกบุกรุกมากขึ้น เพราะคนต้องการตักตวงประโยชน์จากผืนป่า หลายพื้นที่ๆ ผมเคยไปเมื่อนานมาแล้ว กลับไปอีกทีแทบไม่เหลือเค้าเดิม เพราะมีทั้งถนน ไฟฟ้า และความเจริญ เหมือนจะดีในแง่การเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคของชาวบ้าน แต่เส้นสายความเจริญเหล่านั้นแบ่งผืนป่าออกจากกันจนเว้าแหว่ง
คนชอบคิดว่าป่าคือบริเวณที่เป็นภูเขาสูง เฮ้ย ไม่ใช่ ผืนป่ามีทั้งส่วนที่เป็นภูเขาและพื้นราบ ตอนนี้พื้นที่ราบต่างๆ ถูกบุกเข้าไปปลูกนั่นปลูกนี่จนถึงตีนเขา บางพื้นที่โดนรุกขึ้นไปจนเหลือป่าอยู่หย่อมเดียว เป็นเหมือนเกาะกลางทะเล
ป่าที่มีลักษณะเป็นเกาะส่งผลเสียอะไรบ้าง
ผืนป่าธรรมชาติจริงๆ คือผืนป่าอนุรักษ์ ตั้งแต่วนอุทยาน อุทยานแห่งชาติ ไปจนถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถ้ากางแผนที่ดูจะเห็นว่าตอนนี้ป่าของไทยเว้าแหว่งเป็นเหมือนเกาะเล็กๆ ที่ไม่ได้เชื่อมโยงถึงกัน เกาะเหล่านั้นถูกล้อมรอบด้วยชุมชน
เมื่อป่าเว้าแหว่งไม่เชื่อมโยงกันเป็นผืน พืชพรรณและสัตว์ป่าที่แต่ก่อนอาศัยเชื่อมโยงกัน สามารถอพยพหากินจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่งก็ถูกกักให้ไปไหนไม่ได้ เมื่ออยู่แค่ในพื้นที่เล็กๆ ห่วงโซ่อาหารที่ร้อยเรียงกันเป็นระบบนิเวศก็ถูกทำลายให้เสียไป สัตว์ผสมพันธุ์กันเองในฝูง พอสายเลือดมันชิดกันมาก สายพันธุ์ในรุ่นลูก รุ่นหลาน ก็จะอ่อนแอลง
อีกกรณีคือเมื่อสัตว์หากินตามวัฏจักรเดิมไม่ได้ เพราะคนถากถางป่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรมหมดแล้ว สัตว์ป่าก็ต้องเข้ามากินพืชไร่อย่างพวกสับปะรดหรืออ้อย ทีนี้ชาวบ้านก็มองว่าสัตว์ป่าบุกรุกพื้นที่คน ทั้งที่จริงแล้วพวกเขาอยู่ในพื้นที่เดิม คนนั่นแหละที่ไปบุกรุกพื้นที่อยู่อาศัยของเขา
ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้การเกษตรบ้านเราไม่ให้ผลผลิตคุ้มค่ากับการลงทุนทั้งในเชิงแรงงานและพื้นที่ เราปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นร้อยเป็นพันไร่ แต่เงินที่ได้กลับไม่คุ้มความเหนื่อยยากของพี่ๆ เกษตรกรเลย พืชผักบางชนิดขายได้กิโลกรัมละบาทสองบาท
จะด้วยวิธีใดก็ตาม ควรมีการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตทางการเกษตร เน้นคุณภาพแทนปริมาณ ใช้พื้นที่น้อยแต่คุ้มค่า เราจะได้ไม่ต้องไปทำลายธรรมชาติเพิ่ม
ทุกวันนี้สังคมมีความตื่นตัวกับเรื่องราวเหล่านี้มากขึ้นหรือเปล่า
(นิ่งคิด) อย่างกรณีเสือดำ พลังของโซเชียลมีเดียทำให้ข่าวแพร่กระจายไปได้ไกล แต่กระแสมันมาไวไปไว คนจำนวนมากรู้ว่าปัญหาคืออะไร พร้อมแชร์ พร้อมคอมเมนต์ ตื่นตัวกับข่าวในระยะเวลาสั้นๆ พอมีข่าวใหม่มากลบ ข่าวเก่าก็ค่อยๆ ถูกลืมไป เพราะเราไม่ได้สร้างแอคชั่นอะไรต่อจากกระแสเหล่านั้น ปัญหาในสังคมจึงไม่ได้ถูกแก้อย่างจริงจัง อย่างมีเป้าหมาย
ในฐานะที่คุณก็เป็นอีกคนที่สร้างแอคชั่น เวลาได้ข่าวการรุกรานป่าไม้และสัตว์ป่าคุณรู้สึกยังไง
รู้ไหมว่ารายการผมเคยโดนระงับไม่ให้ออกอากาศ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาผมทำรายการ เนวิเกเตอร์ เพราะอยากช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการอธิบายเรื่องผืนป่าและธรรมชาติให้คนเรียนรู้และเข้าใจมากขึ้น ในการถ่ายทำรายการผมระมัดระวังทุกคำพูด เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ชมจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างครบถ้วน แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ตั้งใจทำงานตรงนี้ถูกระบบปิดกั้น
ที่น่าเจ็บใจคือระบบเดียวกันนั้นกลับปล่อยให้อะไรบางอย่างเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในผืนป่า เวลาเดินเข้าป่า ผมฝากไว้แค่รอยเท้าเท่านั้น สิ่งมีชีวิตทุกชนิดสำคัญหมด ไม่ว่าจะเป็นหนอนตัวเล็กหรือเสือดำ หากสัตว์เหล่านั้นตายด้วยวัฏจักรธรรมชาติ อาจจะถูกล่าหรือโดยธรรมชาติคัดสรร ผมเข้าใจดี กวางป่าตายด้วยกรงเล็บเสือดำไม่ใช่เรื่องน่าเวทนาอะไร เพราะมันเป็นไปตามห่วงโซ่อาหาร เป็นระบบของธรรมชาติที่ทำให้ธรรมชาติยังคงอยู่
คุณรู้ไหม สัตว์พวกนั้นมันไม่ได้เจอกันง่ายๆ เลยนะ ผมอยากเห็นเสือดำสักครั้งในชีวิต ผมเข้าป่านับครั้งไม่ถ้วนและเฝ้าคอยมาเป็น 10 ปี แต่ก็ไม่เจอ คือการที่สัตว์ป่าสักตัวต้องตายด้วยน้ำมือมนุษย์ที่อุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงเข้าไปเข่นฆ่ามันถึงในถิ่นที่อยู่ มันเจ็บปวดมากสำหรับผม
จะทำยังไงให้คนตระหนักถึงปัญหา มากกว่าแค่กระแสที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
การเดินทางเท่านั้นที่ทำให้คนหายโง่ เดินทางเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้ บางอย่างเห็นแค่อย่างเดียวไม่พอ เพราะถ้าไม่ได้เรียนรู้ คุณจะไม่มีวันเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นเลย ผมยกตัวอย่างกรณีทุ่งดอกบัวตอง คนเห็นว่าทุ่งนี้อุดมสมบูรณ์สวยงามดี เป็นแหล่งท่องเที่ยวโด่งดัง แต่ในความเป็นจริงแล้วดอกบัวตองเป็นพืชเอเลี่ยน มีต้นกำเนิดจากต่างประเทศ เมื่อนำมาปลูกที่ไทยก็เจริญเติบโตได้ดี จนแพร่พันธุ์คุกคามพืชท้องถิ่นในระบบนิเวศดั้งเดิม
ชอบประโยคที่ว่า ‘การเดินทางทำให้คนหายโง่’ การเดินทางทำให้คนหายโง่ได้ยังไง ต้องแบกเป้ออกไปท่องโลกหรือเปล่า
(ยิ้ม) ไม่จำเป็นครับ การเดินทางที่ว่านี้หมายถึงการก้าวออกไปจากกรอบความรู้ ความคิดเดิมๆ ของตัวเรา ซึ่งจะทำให้เรามองสิ่งต่างๆ รอบตัว รวมถึงปัญหาสังคม ในมุมมองที่ต่างไปจากเดิม อะไรที่รู้จักอยู่แล้วก็อาจจะรู้จักเพิ่มมากขึ้น สำหรับผม การเดินทางในแต่ละย่างก้าวเป็นเหมือนการศึกษา ยิ่งเดินทางก็ยิ่งรู้
สำหรับหนุ่มที่ไม่ชอบเข้าสังคม โซเชียลมีเดียเปลี่ยนชีวิตคุณยังไงบ้าง
เอาจริงๆ เมื่อก่อนผมปิดกั้นเลยนะ เพราะรู้สึกว่ามันไม่จำเป็น มีวิธีอื่นที่จะสื่อสารกันได้ แต่ไหนแต่ไรผมเป็นคนรักสันโดษ ไม่ชอบยุ่งกับใคร และไม่ชอบให้ใครมายุ่ง (หัวเราะ) ผมอยากใช้ชีวิตเงียบๆ กับธรรมชาติและเพื่อนฝูงคนคุ้นเคย มันเลยขัดกับลักษณะงานที่ทำมาตลอด ถ้าจะต้องมาโพสต์ว่าเช้านี้กินอะไร บ่ายนี้นั่งรถไปไหน มันก็ไม่ใช่ตัวตนของผมเลย
จนถึงช่วงหนึ่งที่โซเชียลมีเดียมีปริมาณผู้ใช้มากขึ้น มีแรงกระเพื่อมหลายอย่างเกิดขึ้นจากโซเชียลฯ ผมเริ่มเห็นข้อดีของมันมากขึ้นในแง่การสื่อสาร เพราะผมก็มีเรื่องราวที่อยากจะสื่อสารออกไปหาแฟนๆ มีสาระอะไรบางอย่างตามประสาเราที่อยากแชร์ออกไป เลยตัดสินใจเริ่มเล่นโซเชียลมีเดีย
สนุกไหม
ผมทำรายการ เนวิเกเตอร์ เดินป่าแทบแย่ เหนื่อยแสนเหนื่อย พอเอามาลงในช่องทางออนไลน์ยอดวิวน้อยมาก แต่คลิปที่ผมพูดว่า “พี่ดุนะ หนูไหวหรอ” ในโซเชียลมีเดียไวรัลเป็นล้านวิว เฮ้ย มันเป็นไปได้ยังไง ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร (หัวเราะ)
น้องที่ช่วยดูแลโซเชียลมีเดียเลยมาบอกว่า “พี่ติ๊ก เวลาพี่พูด อย่าพูดมีสาระ พี่ทำอะไรตลกๆ ไปก็ได้” ก็อยากจะทำอยู่นะ แต่มันย้อนแย้งกับตัวตนผมไง (หัวเราะ) เอาจริงๆ ว่าขนาดมีทีมโซเชียลมีเดียมาช่วยสอน ช่วยเทรนด์ การใช้ จนถึงทุกวันนี้ผมยังโพสต์อะไรไม่ค่อยเป็นเลย
ที่ผ่านมาคุณไม่ค่อยพูดถึงเรื่องความรักเลย ปกติคุณดูแลความรักยังไง
ความรักของผมไม่มีอะไรหวือหวาเลย ไม่มีการเซอร์ไพรส์ ไม่มีดอกไม้ช่อใหญ่ ความรักของเราไม่ต้องไปโชว์ใคร สิ่งที่เราทั้งคู่ทำและเป็นมาตลอด คือเราปรารถนาดีต่อกัน เป็นเพื่อนคู่คิดที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน เป็นความรักเรียบๆ ง่ายๆ ที่แข็งแรง (ยิ้ม)
ชีวิตคุณเปลี่ยนไปแค่ไหน หลังจากเป็นพ่อคน
ผมว่าตัวเองนิ่งขึ้นและมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น มันเหมือนมีทั้งแรงสนับสนุนและแรงกระตุ้นในการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย เพราะผมรู้แล้วว่ากำลังทำสิ่งเหล่านี้เพื่อใคร
ลูกมีข้อสงสัยตลอดเวลา มีคำถามต่อโลกใบนี้ที่ยังใหม่มากๆ สำหรับเขา ยิ่งผมสอนลูกผมก็ยิ่งรู้สึกเหมือนได้ทบทวนความคิด ได้พูดให้ตัวเองฟัง บางคำถามตอบไม่ได้ก็ต้องไปค้นคว้าหาคำตอบมาเล่าให้ลูกฟัง เหมือนได้พัฒนาสมองตัวเองไปในขณะที่เฝ้าดูพัฒนาการของลูก
ครอบครัวเราเลี้ยงลูกด้วยการใช้เหตุผล ใช้การเจรจา ใช้การอธิบาย แทนการตีเขา ผมพยายามสอนในสิ่งที่ได้รับการปลูกฝังมา คือต้องเคารพ ไม่เอาเปรียบใคร มีระเบียบวินัย และซื่อสัตย์
คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโต
การศึกษาครับ ไม่ได้หมายถึงแค่การศึกษาในโรงเรียนนะ ทุกอย่างที่เป็นการเรียนรู้ เด็กๆ ต้องเรียนรู้ที่จะไม่หยุดเรียนรู้ ซับซ้อนไหม (ยิ้ม) อย่างตอนทำ เนวิเกเตอร์ ผมมีเรื่องที่ไม่รู้เกี่ยวกับธรรมชาติเต็มไปหมด ผมก็ต้องค้นคว้า ไปสัมภาษณ์ผู้รู้ เพราะผมรักที่จะได้เรียนรู้ และอยากให้คนอื่นได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับผมผ่านรายการที่ทำด้วย
สมมติว่าคุณได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งแรกที่นายเจษฎาภรณ์จะทำคืออะไร
ผมจะปฏิรูปเรื่องค่าตอบแทนของครู และเพิ่มศักยภาพให้ครูทั่วประเทศ (ยิ้ม) อย่างแรก ผมอยากสร้างแรงจูงใจให้คนเก่งๆ เห็นความสำคัญและอยากมาเป็นครูกันมากขึ้น ครูเป็นผู้มีเกียรติ เพราะครูเป็นผู้สร้างคน
อีกประเด็นคือ ทุกวันนี้เรามีครูที่อุทิศตัวเองไปสอนตามพื้นที่ห่างไกลมากมาย พวกเขาเสียสละความสุขสบายเพื่อเป็นกำลังของชาติในการพัฒนาเยาวชน พวกเขาควรได้ค่าตอบแทนและสวัสดิการมากกว่าที่เป็นอยู่ คนที่ประกอบอาชีพที่อุทิศตนควรได้ค่าตอบแทนเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงครอบครัวเขาได้
แล้วถ้าให้คุณเป็นครูล่ะ คุณจะสอนอะไรเด็กๆ
ผมจะสอนเรื่องความรับผิดชอบต่อธรรมชาติ (ยิ้ม) สมมติว่ามีอุทยานแห่งชาติเนวิเกเตอร์ คนที่จะเข้ามาเที่ยวที่นี่ได้ต้องผ่านการอบรมอย่างละเอียด เล่าความสำคัญและข้อมูลทั้งหมดของอุทยาน มีพืชกี่ชนิด มีสัตว์กี่ชนิด ข้อปฏิบัติและข้อบังคับเมื่อเจอสัตว์ป่า ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัด ผมยอมเสียเวลาเพื่อให้เกิดการเรียนรู้
ที่สำคัญ อุทยานแห่งนี้ถ้าหอบข้าวของกันมากี่ชิ้นต้องเอากลับออกไปให้ครบทุกชิ้น คุณจะมาทิ้งขยะไว้ในอุทยานไม่ได้ ในประเทศที่พัฒนาแล้วเขาดูแลการจัดการธรรมชาติดีมาก แต่ละคนรับผิดชอบขยะของตัวเอง มีการแยกขยะเป็นหมวดหมู่ชัดเจน กี่ประเภทว่ากันไป ซึ่งมันเกิดจากการศึกษาและสามัญสำนึกของคนในสังคม
ทีมงานรายการ เนวิเกเตอร์ อย่าว่าแต่ทิ้งขยะในป่าเลย แม้แต่สูบบุหรี่ในป่า สูบเสร็จดับไฟ แล้วต้องเก็บก้นกรองใส่กระเป๋ากางเกงไว้ เอาออกมาทิ้งข้างนอกเท่านั้น ผมพยายามสร้างจิตสำนึกพวกนี้ให้ทั้งตัวเองและคนใกล้ตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นตามสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติในไทยทุกวันนี้ คือนอกจากคนจะไม่รู้กฎเกณฑ์ในการเข้าชมป่าแล้ว คนยังไม่เคารพป้ายอีกต่างหาก บางทีป้ายเขียนไว้ชัดเจน ‘ห้ามให้อาหารลิง’ แต่ภาพที่เห็นคือคนรอต่อคิวให้อาหารลิงกันคึกคัก เฮ้ย มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าคุณวาดภาพตัวเองไว้ยังไงบ้าง
ผมรู้สึกสนุกกับโลกดิจิทัลนะ (หัวเราะ) คือมันมีแพลตฟอร์มหลายรูปแบบให้เลือกใช้ เพื่อให้เกิดการสื่อสารระหว่างกันด้วยวิธีการต่างๆ ผมก็มีแผนจะพัฒนาอะไรอย่างอื่นอีก นอกจากรายการ เจ้าป่าเข้าเมือง ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเป็นสิ่งที่ช่วยให้สังคมเกิดการเรียนรู้ อาจจะเป็นเกร็ดความรู้ต่างๆ ที่เล่าออกมาในแบบของผม
เรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาตินี่ก็ทำต่อไปแน่นอน เพราะมันอยู่ในหัวใจของผมอยู่แล้ว ผมอยากเห็นแผ่นดินไทยดีขึ้นๆ ในทุกด้าน ทั้งทางธรรมชาติและการพัฒนา ที่เล่าไปทั้งหมดเรื่องป่าไม้ ผมไม่ได้หมายความว่าเราต้องหยุดพัฒนานะ ผมเชื่อว่าการอนุรักษ์มันไปพร้อมกับการพัฒนาได้ แค่เราต้องสร้างระบบระเบียบและจิตสำนึกให้กับสังคมไปด้วยพร้อมๆ กัน
คำถามสุดท้าย คุณคิดว่าตัวเองนิสัยเหมือนสัตว์อะไร เป็น ‘เจ้าป่า’ หรือเปล่า
ผมคิดว่าตัวเองเหมือนก้อนหิน (หัวเราะ)
คือมันเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ของธรรมชาติที่ก็มีเสน่ห์และงดงามแบบเงียบๆ อาจมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นไปทีละน้อย หนักแน่น ที่สำคัญคือ เป็นที่พึ่งพาของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นในผืนป่า ให้พืชอย่างพวกมอส เฟิร์น ได้มาเกาะอาศัย ช่วยชะลอสายน้ำให้สัตว์ป่าชะโงกตัวลงไปดื่มกินน้ำได้
และก้อนหินก็อยู่ตรงนั้นเสมอไม่ไปไหน อยู่อย่างจงรักภักดีในผืนป่าใหญ่