เราเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมคนรัก ‘ข้าว’ ที่แทบจะขาดข้าวสวยร้อน ๆ นุ่ม ๆ ในมื้ออาหารไม่ได้ และเชื่อว่าคนไทยหลายคนก็คงรักข้าวเหมือนที่เรารัก เพราะคนไทยน่ะ กินข้าวเป็นชีวิตจิตใจกันอยู่แล้ว! (พูดแล้วก็หิวขึ้นมา) เพราะไม่ว่าจะต้ม ผัด แกง ทอด เราก็มีข้าวสวยไว้เป็นที่พักพิงยามท้องร้อง เพิ่มความกลมกล่อม และมอบรสชาติที่ใช่กว่ากินกับข้าวเปล่า ๆ กันตั้งแต่เด็กยันโต 

ในเทศกาลสิ้นปีที่กำลังจะถึงนี้ Rice Lover อย่างเราจึงอยากชวนมามอบ ‘ข้าว’ เป็นของขวัญพิเศษให้กับคนพิเศษ เพราะหากเรามอบสิ่งที่เรารักอยู่แล้วให้กับคนที่รัก เชื่อว่าคนที่ได้รับจะสัมผัสถึงความรักนั้นได้ กับเซตของขวัญปีใหม่จาก LINE MAN Wongnai แพลตฟอร์มอาหารที่หลายคนรู้จักดี ซึ่งร่วมกับ ‘Sirithai’ แบรนด์ข้าวออร์แกนิกของ เชอรี่-เข็มอัปสร สิริสุขะ ที่คัดสรรข้าวเกษตรอินทรีย์แท้ ๆ ไร้สารเคมี จากชุมชนในจังหวัดสกลนคร คำนึงถึงการดูแลผืนป่ารอบแปลงนาโดยเฉพาะ และแน่นอนว่ากินข้าวก็ต้องกินกับจาน Jirayu Koo หรือ จิรายุ คูอมรพัฒนะ ศิลปินชาวไทยที่มีผลงานการวาดภาพประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ จึงมาร่วมแท็กทีม ออกแบบฉลากขวดข้าวและสร้างสรรค์ลายบนจานเคลือบในเซตของขวัญที่มีความหมายดี ๆ เกี่ยวกับความสำคัญของข้าวอยู่มากมาย

เบื้องหลังการส่งต่อความสุขด้วย ‘ข้าว’ พันธุ์ดี โดยเกษตรชุมชนที่ดูแลผืนป่า กับกล่องของขวัญ จาก LINE MAN Wongnai

‘Happiness Continues’ คือแนวคิดภายใต้โปรเจกต์พิเศษนี้ ซึ่งบอกเล่าความหมายของการมอบข้าวเป็นของขวัญว่าการให้ของที่คนไทยรักและผูกพันมันมีคุณค่าทางใจมากมายขนาดไหน และมากไปกว่านั้น ยังเป็นสายพานความสุขที่ส่งต่อเป็นทอด ๆ ตั้งแต่คนต้นน้ำหรือผู้ผลิตสินค้าดี ๆ ไปจนถึงคนปลายน้ำที่ได้รับของขวัญที่ดีต่อกายและดีต่อใจ

เบื้องหลังของขวัญชิ้นหนึ่งที่มอบให้ใครสักคน สำหรับบางคนอาจไม่ใช่แค่เพียงให้ไป แต่เป็นการคิดมาอย่างดีแล้วว่าสิ่งนั้นจะมีคุณค่าทางใจกับผู้รับอย่างไร และถ้ามองให้ลึกลงไป ไม่ใช่แค่คนรับของขวัญที่จะอิ่มเอมใจไปกับของตรงหน้า แต่คนผลิตของขวัญชิ้นนั้น ๆ ก็จะมีความสุขและดีใจไปด้วย เมื่อเห็นสิ่งที่ตัวเองลงมือทำอย่างตั้งใจ กลายเป็นความสุขของใครบางคน 

นี่คือของขวัญที่คิดค้นไอเดียโดยคนรักข้าว ร่วมแรงร่วมใจโดยคนรักข้าว ออกแบบโดยคนรักข้าว และอยากมอบให้คนรักข้าวได้รับ ทำไมข้าวถึงเหมาะที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนที่คุณรัก ไปหาคำตอบจากปากคนทำงานเบื้องหลังของขวัญชิ้นนี้กันเลย

เบื้องหลังการส่งต่อความสุขด้วย ‘ข้าว’ พันธุ์ดี โดยเกษตรชุมชนที่ดูแลผืนป่า กับกล่องของขวัญ จาก LINE MAN Wongnai

กล่อง (ข้าว) ของขวัญที่เปิดมาแล้วจะสปาร์กจอย 2 ต่อ 

เพราะอยากนำ ‘ผลผลิตชุมชน’ มาบอกต่อและส่งต่อให้ทุกคนได้รู้ว่า กว่าจะออกมาเป็นอาหารแต่ละอย่าง คนเบื้องหลังเขาขับเคี่ยวและเก็บเกี่ยววัตถุดิบท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยกระบวนการดี ๆ มาอย่างไรบ้าง 

นี่เป็นโจทย์หลักของ LINE MAN Wongnai ที่อยากสื่อสารว่า ‘ข้าว’ เป็นวัตถุดิบขึ้นชื่อของไทยที่โดดเด่นและมีลักษณะเฉพาะตัว ขณะเดียวกัน ข้าวที่ถูกเลือกมามอบเป็นของขวัญก็ต้องดีรอบด้าน ทั้งต่อสุขภาพคนกิน ต่อสิ่งแวดล้อม และต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนา

เบื้องหลังการส่งต่อความสุขด้วย ‘ข้าว’ พันธุ์ดี โดยเกษตรชุมชนที่ดูแลผืนป่า กับกล่องของขวัญ จาก LINE MAN Wongnai

“การมอบของขวัญคือการส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้คนที่ร่วมเดินทางมากับเรา ในทุกปีบริษัทเราจะมีของขวัญปีใหม่ เพื่อขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนเรา เพื่อให้เขาได้ซึมซับความสุข และยินดีที่จะได้รับของขวัญชิ้นนั้นไป ซึ่งปีนี้โจทย์แรกของเราตั้งต้นจากการมองสิ่งใกล้ตัว นั่นคือบริษัทของเราเกี่ยวข้องกับแวดวงอาหารมาโดยตลอด จึงเกิดไอเดียกันว่าอยากนำวัตถุดิบดี ๆ ของไทย ซึ่งเป็นต้นน้ำของร้านอาหารมาบอกต่อ เพราะถ้าไม่มีวัตถุดิบดี ๆ ก็คงไม่มีร้านอาหารดี ๆ เกิดขึ้นเป็นแน่ เราจึงอยากทำกล่องของขวัญสักชิ้น เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้ทุกคนเห็นคุณค่าของวัตถุดิบต้นทางของอาหาร โดยเราเลือก ‘ข้าว’ พืชเศรษฐกิจที่คนไทยทุกคนผูกพัน

“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา LINE MAN Wongnai ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบจากเกษตรกรไทยมาอย่างต่อเนื่อง ปีที่แล้วเราใช้เกลือจากจังหวัดบึงกาฬ พริกไทยจากจังหวัดตรัง มาทำโปรเจกต์ดี ๆ เพราะเรามองว่าประเทศมีทรัพยากรทางอาหารเจ๋ง ๆ มากมาย อาจด้วยแหล่งเพาะปลูกหรือนวัตกรรมการเกษตรที่ทำให้วัตถุดิบของไทยโดดเด่นและเป็น Thailand Only

“คนไทยทุกคนคุ้นชินกับข้าวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาสอนว่าคุณควรกินอย่างไร เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่ใส่ไว้ในกล่องของขวัญนี้ เราจึงเลือกสรรแต่ของที่ใช้ได้จริง ทั้งข้าวและจาน หลังจากได้ของขวัญนี้ไป เชื่อว่าคงไม่มีใครวางไว้เฉย ๆ ทุกคนน่าจะอยากหยิบมาหุงกิน หรือนำจานออกมาใช้ 

“ข้าวไทยที่เราเลือกมาก็มีความโดดเด่น เราพยายามนำ Local Produce ที่ทำการเกษตรแบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมมาแนะนำให้คนไทยรู้จักมากขึ้น อย่างแบรนด์ Sirithai ของคุณเชอรี่” คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จาก LINE MAN Wongnai กล่าว พร้อมเล่าเพิ่มเติมว่า เป็นเพราะ The Cloud จัดงาน Thailand Rice Fest 2023 : เทศกาลกินข้าวใหม่และสินค้าข้าวสร้างสรรค์ จึงทำให้รู้จักแบรนด์ข้าวเพิ่มมากขึ้น จนมาตกหลุมรักแบรนด์ Sirithai ที่มีคอนเซปต์ตรงใจ และเข้ากับกล่องของขวัญที่อยากทำมากที่สุด

“เราเห็นว่าคุณเชอรี่เขารับข้าวมาจากชาวนาโดยตรง ซึ่งเป็นกลุ่มชาวนาที่ทำการเกษตรโดยไม่ทำลายป่า ปลูกข้าวโดยไม่รุกล้ำสิ่งแวดล้อม บริษัทเราจึงอยากหยิบของดี ๆ ของคนที่เขาทำดีมาแล้วหนึ่งต่อ มาช่วยสนับสนุนเพิ่มอีกหนึ่งต่อ 

เบื้องหลังการส่งต่อความสุขด้วย ‘ข้าว’ พันธุ์ดี โดยเกษตรชุมชนที่ดูแลผืนป่า กับกล่องของขวัญ จาก LINE MAN Wongnai

“ทีนี้พอเราคิดว่าแค่ข้าวอย่างเดียวมันยังไม่พอ แต่ต้องใช้ประโยชน์และจับต้องได้มากกว่านี้ คุณยอดได้ไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จึงเกิดไอเดียขึ้นมาตอนเห็นจานของทางร้านที่เขาทำเป็นลายโลโก้ตัวเอง แต่ถ้าจะให้ทำเป็นโลโก้บริษัทเราเลยก็คงเขินน่าดู เลยได้ติดต่อ คุณจิ (Jirayu Koo) มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราว นอกจากลายเส้นงานศิลปะของคุณจิจะโดดเด่นและสดใสแล้ว คุณจิยังเป็นนักกินตัวยงที่อินกับเรื่องอาหารมากเหมือนกัน จึงได้คุณจิมาร่วมงานด้วย

“พอผลงานออกมา พวกเราแฮปปี้กันมาก เปิดกล่องออกมามีแต่ความน่ารัก ทำให้ผู้ที่ได้รับสปาร์กจอยทั้งข้าวไทยคุณภาพดี และหน้าตาของแพ็กเกจจิงต่าง ๆ ที่มองแล้วยิ้มตาม”

ข้าว 1 เมล็ด มีความหมายยิ่งใหญ่กว่าความอร่อย

สปาร์กจอยที่ 1 คือความดีงามของข้าวแบรนด์ Sirithai ที่เจ้าของแบรนด์อย่างเชอรี่ลงไปคัดสรรข้าวทั่วไทย 20 กว่าสายพันธุ์ จนมาจบที่ข้าวจากชุมชนบ้านโคกสะอาด จังหวัดสกลนคร ซึ่งความโดดเด่นอีกข้อที่มากกว่าความอร่อย คือความปลอดภัยต่อสุขภาพด้วยกระบวนการไร้สารเคมีทุกชนิด ปลอดภัยต่อผืนป่าที่ปลูกข้าวด้วยการเกษตรแบบฟื้นฟู และเธอยังผลักดันให้เกษตรกรทุกคนได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม เพื่อให้พวกเขาได้เห็นว่าอาชีพชาวนาซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติก็ควรได้รับการเอาใจใส่และสวัสดิการที่ดีไม่แพ้อาชีพใด 

“การทำการเกษตรมีผลต่อสิ่งแวดล้อม เชอรี่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมาเกือบ 9 ปี การแก้ปัญหาให้ตรงจุดต้องแก้ที่ระบบเกษตรกรรมด้วย เพราะเกษตรกรเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทย ถ้าทำการเกษตรให้รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ถึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน 

“พอเรามีความตั้งใจแบบนั้น ช่วงโควิด-19 เชอรี่เลยต้องการจะสนับสนุนเกษตรกรที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ค้นหากลุ่มชุมชนที่เขาทำการเกษตรแบบฟื้นฟู เริ่มจากลงไปชิมข้าวมาก่อน 20 กว่าที่ ข้าวที่ไหนอร่อยบ้าง แล้วก็จดไว้ แต่สิ่งสำคัญเลยคือเชอรี่อยากโฟกัสไปยังวิธีการที่เขาใช้ปลูกข้าวในพื้นที่ จนมาเจอชุมชนนี้และได้ชิมข้าวของเขา จึงตัดสินใจสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนเขา และมีความคาดหวังว่าจะสนับสนุนชุมชนอื่น ๆ ที่ทำการเกษตรแบบนี้เพิ่มมากขึ้น

เบื้องหลังการส่งต่อความสุขด้วย ‘ข้าว’ พันธุ์ดี โดยเกษตรชุมชนที่ดูแลผืนป่า กับกล่องของขวัญ จาก LINE MAN Wongnai

“ความพิเศษของข้าวที่บ้านโคกสะอาด นอกจากจะทำการเกษตรอินทรีย์แท้ ๆ แล้ว เขายังมีการดูแลผืนป่ารอบแปลงนา ให้ป่าช่วยปกป้องนาข้าวแห่งนี้ โดยพื้นที่ 100% เป็นนาข้าวแค่ 20% ส่วนอีก 80% ยังคงเป็นป่า ป่าจะช่วยเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำเวลาฝนตก น้ำจะค่อย ๆ ไหลจากป่าสู่นาข้าว ด้วยความที่เป็นพื้นที่ลุ่ม-ดอน ไล่ระดับความสูง-ต่ำ น้ำจะไม่ขังในนาขาว ทำให้ไม่เกิดสารมีเทนในนาข้าวเหมือนบางพื้นที่นาลุ่มขนาดใหญ่ ระหว่างทางของน้ำที่ไหลผ่านป่า เขาจึงจะดูดสารอาหารในดินจากป่าที่อุดมสมบูรณ์ได้ ข้าวที่ชุมชนนี้จึงอร่อยและมีสารอาหารเต็มที่ โดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยในการเพิ่มสารอาหารมากจนเกินไป

“นอกจากนี้ ชาวบ้านยังไม่ใช้สารเคมีในทุกกระบวนการ ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง เน้นใช้ภูมิปัญญาที่สืบต่อมาจากบรรพบุรุษ โดยใช้สิ่งที่เหลือจากการเกษตรมาเป็นทั้งปุ๋ยและน้ำหมักชีวภาพต่าง ๆ เช่น การใช้ฟางมาช่วยในการเพาะปลูก ใช้มูลสัตว์มาทำปุ๋ย การหมักใบไม้ และไม่มีการเผาเพื่อเตรียมแปลงนา ชุมชนนี้ทำให้เห็นว่าการทำการเกษตรนั้นควบคู่ไปกับการดูแลระบบนิเวศได้ เพราะการมีพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ทางระบบนิเวศเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากสิ่งที่เรากำลังเผชิญในอนาคต คือการล่มสลายของระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพของทั่วโลกอาจน้อยลง จากการที่มนุษย์ขยายพื้นที่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ สิ่งที่ชาวบ้านทำจึงมีคุณค่ามาก ๆ ไม่ใช่แค่การปลูกข้าวที่ดีต่อคนกินหรือดีต่อคนปลูกเพราะไม่มีสารเคมี แต่มันดีทั้งต่อสังคมและความหลากหลายทางชีวภาพ

“ข้าว 1 เมล็ดจึงเป็นการเล่าเรื่องที่กว้างใหญ่กว่าข้าว 1 เมล็ดจริง ๆ ค่ะ” เชอรี่เล่าให้เราฟัง

เบื้องหลังการส่งต่อความสุขด้วย ‘ข้าว’ พันธุ์ดี โดยเกษตรชุมชนที่ดูแลผืนป่า กับกล่องของขวัญ จาก LINE MAN Wongnai

ไม่เพียงแค่นั้น สิ่งที่เชอรี่หวังมากที่สุดอีกข้อจากการทำแบรนด์ Sirithai คือการให้ราคาที่เป็นธรรมกับชุมชนที่เธอทำงานด้วย เพราะเธอเห็นปัญหาการได้รับค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมของเกษตรกร ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาว่าการรับช่วงต่ออาชีพเกษตรกรอาจลดน้อยลง คนที่จะอยู่ในวงการเกษตรก็อาจจะน้อยลงเรื่อย ๆ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือราคาสินค้าเกษตรก็จะสูงขึ้น 

เป้าหมายของเธอ จึงเป็นการทำให้เหล่าชาวนาได้ภาคภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ และสิ่งที่ภาคภูมิใจเหล่านั้นต้องหล่อเลี้ยงชีวิตพวกเขาได้จริง พร้อมทั้งช่วยต่อยอดขยายตลาดให้เกษตรกร ผ่านการเพิ่มมูลค่าไปมากกว่าข้าว ทั้งการแปรรูปข้าวเป็นสบู่ เทียน ขนม หรือไอศกรีม เพราะเธอเชื่อว่าคนทำดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีคนสนับสนุน หลายคนก็อยู่ไม่ได้ ฉะนั้น แรงสนับสนุนของทุกคนจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น

“จริง ๆ ข้าวไทยไประดับโลกแล้ว และเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติมาก แต่เราต้องดูว่าจริง ๆ แล้วเราต้องการจะพาข้าวไทยไปในทิศทางไหน เพราะถ้าเอาคุณภาพ ข้าวที่เป็นข้าวอินทรีย์จริง ๆ ก็อาจจะเทียบเป็นผลิตผลต่อไร่ที่ไม่ได้สูงเท่านาข้าวอุตสาหกรรม แต่จะเป็นข้าวที่ฟื้นฟูผืนป่า ข้าวที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เชอรี่ว่านี่เป็นความหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าการนับว่าเราปลูกข้าวได้กี่กิโลกรัมต่อไร่ ถ้าเราจะผลักดันข้าวไทย ก็ต้องผลักดันเขาให้ถูกทาง และเพิ่มมูลค่าในการแปรรูป ใช้นวัตกรรม ใช้ความรู้ ภูมิปัญหา เทคโนโลยี เพื่อยกระดับสินค้าการเกษตร ที่สำคัญอย่าลืมเรื่องคุณภาพชีวิตของคนในวงการเกษตรด้วยค่ะ”

ฉะนั้น การมอบของขวัญเป็น ‘ข้าว’ ในมุมมองของเชอรี่จึงมีความพิเศษ จากการบอกเล่าเรื่องราวความธรรมดาของข้าวที่เรากินกันทุกวันว่า ภายใต้ความธรรมดาของเมล็ดข้าวที่เราเห็นตรงหน้า กว่ามันจะมาอยู่ตรงนี้ได้ มันพิเศษกว่าที่เราคิด 

“สำหรับเชอรี่ ข้าวจึงไม่ใช่แค่ดีต่อสุขภาพ แต่มีผู้คนมากมายอีกหลายครอบครัวที่ชีวิตความเป็นอยู่จะดีขึ้นจากข้าวที่อยู่ตรงหน้าคุณ สิ่งแวดล้อมก็จะดีขึ้น โลกของเราก็จะดีขึ้น มันมีความหมายกว้างใหญ่มาก ๆ สำหรับข้าว 1 จาน และเหมาะที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ที่เราอยากมอบความรัก ความสุข ความปราถนาดีให้กับคนที่เรารักมากค่ะ” เชอรี่กล่าวทิ้งท้าย 

ดีไซน์จานข้าวและฉลากขวดข้าว เพื่อส่งต่อความสุขไม่มีที่สิ้นสุด

ในยุคนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องงานดีไซน์เป็นสิ่งสำคัญในการมอบของขวัญสักชิ้น ถ้ามองแล้วเพลินตา เพลินใจ คนที่ได้รับก็คงยิ้มออก ดังนั้น ถ้าสปาร์กจอยเรื่องของข้าวกันไปแล้ว สปาร์กจอยที่ 2 เรื่องงานดีไซน์ จึงเป็นสิ่งที่ LINE MAN Wongnai อยากทำให้ถึง และมอบโจทย์ให้ศิลปินอย่าง Jirayu Koo ได้ออกแบบลวดลายบนจานเคลือบและฉลากบนขวดข้าว ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจมาจากคุณค่าของข้าวที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าคนคนหนึ่งจะคาดคิด 

“เราได้โจทย์จาก LINE MAN Wongnai มาว่าเขาจะทำเซตของขวัญปีใหม่เป็นจานและข้าวของ Sirithai พอรู้ว่าเป็นข้าวกับจาน ความรู้สึกแรกของเราคือเรียบง่ายดีจัง มันเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยมาตลอด ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ทุกบ้านต้องมี ยิ่งพอคุณเชอรี่เขาทำแบรนด์ขึ้นมาเพื่อช่วยเกษตรกร บวกกับ LINE MAN Wongnai มีความตั้งใจในการส่งของขวัญดี ๆ ให้กับผู้คน เราเลยคิดคอนเซปต์ออกมาในชื่อ Happiness Continues หรือการส่งต่อความสุขที่ไม่มีสิ้นสุด

เบื้องหลังการส่งต่อความสุขด้วย ‘ข้าว’ พันธุ์ดี โดยเกษตรชุมชนที่ดูแลผืนป่า กับกล่องของขวัญ จาก LINE MAN Wongnai

“เริ่มที่จาน เราได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงวงกลม เป็นเหมือนวงล้อที่วนไปเรื่อย ๆ เหมือนการส่งต่อความสุขกันไปเรื่อย ๆ องค์ประกอบต่าง ๆ ของคาแรกเตอร์ภาพประกอบเป็นซิกเนเจอร์ของจิเลยค่ะ คือพวกตัวกลม ๆ แต่ในนี้เราวาดเป็นชาวนาถือข้าว แต่เมล็ดข้าวใหญ่กว่าคนอีก เพื่อเน้นให้เห็นถึงความสำคัญและความยิ่งใหญ่ของข้าว” 

จิยังบอกอีกว่า นี่เป็นงานแรกที่ได้ออกแบบลวดลายบนจานที่นับเป็นสเกลใหญ่ ซึ่งเธอสารภาพว่าตื่นเต้นมาก! 

ความพิเศษของจานที่มีมากกว่างานออกแบบ คือ LINE MAN Wongnai เลือกใช้ผลิตภัณฑ์จานเคลือบจากโรงงานตรากระต่าย โรงงานจานในตำนานที่อยู่คู่ประเทศไทยมายาวนาน เพราะอยากสื่อให้เห็นถึงความเป็นไทยที่อยู่มาทุกยุคสมัย

เบื้องหลังการส่งต่อความสุขด้วย ‘ข้าว’ พันธุ์ดี โดยเกษตรชุมชนที่ดูแลผืนป่า กับกล่องของขวัญ จาก LINE MAN Wongnai

“ส่วนฉลาก จิออกแบบตัวเมล็ดโดยไม่ได้ใช้สีนิลหรือสีข้าวแบบที่คุ้นเคยกัน แต่เลือกใช้สีสันต่าง ๆ ทั้งเหลือง แดง ส้ม เขียว น้ำตาล เพื่อสื่อว่าข้าวจะเป็นสีอะไรก็ได้ เหมือนกับที่เรามองธรรมชาติ และเห็นว่าธรรมชาติบนโลกนี้มีทุกสีรวมกัน”

สำหรับจิ เธอมองว่าการออกแบบเป็นส่วนประกอบหนึ่ง และพูดได้ว่าเป็นส่วนประกอบหลักที่ทำให้ของขวัญที่เราจะมอบให้ใครสักคนนั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้น เพราะหากเวลากินข้าว เรารับรสทางลิ้น ทางปาก แต่ถ้าในจังหวะที่เรากำลังตักข้าวเข้าปาก เราได้เห็นจานสวย ๆ ก็จะช่วยให้ได้อรรถรสทางสายตาเป็นแต้มต่อ ซึ่งเธอรู้สึกว่าทั้งข้าวที่มีแนวคิดดี ๆ จาก Sirithai และงานดีไซน์ ต่างคอยช่วยส่งเสริมกัน

เบื้องหลังการส่งต่อความสุขด้วย ‘ข้าว’ พันธุ์ดี โดยเกษตรชุมชนที่ดูแลผืนป่า กับกล่องของขวัญ จาก LINE MAN Wongnai

“จิดีใจทีได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้ นี่ไม่ใช่แค่ส่งของขวัญให้ใครสักคน แต่เราได้ช่วยเหลือเกษตรกรที่อยู่เบื้องหลังข้าวที่เรากินกันอยู่ทุกวัน จริง ๆ ทุกปีเวลาทำงาน จิตั้งใจว่าอยากมีสักโปรเจกต์ที่ทำเพื่อสังคม ซึ่งปีนี้ดีใจมากค่ะที่ได้จบปีด้วยโปรเจกต์นี้”

ไม่ใช่แค่จิที่ทำงานนี้ด้วยความสุข เชอรี่เองก็ทิ้งท้ายไว้เหมือนกันว่า โปรเจกต์นี้จะมีความหมายกับเธอและเกษตรกรทุกคนที่ทำงานร่วมกัน ส่วนเหตุผลนั้นก็เพราะว่า

“LINE MAN Wongnai เป็นองค์กรใหญ่ เวลาเขาพูดถึงหรือหยิบประเด็นอะไรมาทำ มันทำให้เกิดความตระหนักรู้ได้มาก พอเขาเลือกแบรนด์เราที่ใช้ข้าวสามสีและข้าวก่ำน้อย ซึ่งเป็นข้าวพื้นถิ่นหายากและมีประโยชน์ ยิ่งออกแบบฉลากกำกับว่า LINE MAN Wongnai x Sirithai เราน้ำตาจะไหล ในฐานะคนทำธุรกิจเพื่อสังคมขนาดเล็ก นี่เป็นกำลังใจที่ดีมาก ๆ ที่ทำให้เราอยากจะทำต่อไป และถ้าเกษตรกรในชุมชนเห็นก็คงภูมิใจไปด้วยกัน”

เบื้องหลังการส่งต่อความสุขด้วย ‘ข้าว’ พันธุ์ดี โดยเกษตรชุมชนที่ดูแลผืนป่า กับกล่องของขวัญ จาก LINE MAN Wongnai

นี่จึงเป็นการส่งต่อความสุขที่มีความหมายต่อทุกคนตั้งแต่คนผลิตของขวัญจนถึงคนรับของขวัญที่มีคุณค่าทางใจมากที่สุดโปรเจกต์หนึ่งของ LINE MAN Wongnai ในปีนี้ ทำให้เห็นถึงตัวอย่างความร่วมมือร่วมใจของคนทำงานภาคเอกชน ซึ่งต่างอยากเห็นภาพคนในสังคมมองเห็นคุณค่าของคนทำงานเบื้องหลังความสุขของคนไทยอย่างคนปลูกข้าว พวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างวัตถุดิบดี ๆ ให้คนจำนวนมากกิน และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่คนปลูกข้าวที่ควรได้รับการยกย่อง แต่หมายถึงคนทุกอาชีพที่ทำเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นคนตัวเล็กหรือตัวใหญ่ ก็ควรได้รับสิ่งดี ๆ จากการส่งต่อความสุขเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้เช่นเดียวกัน

Writer

Avatar

พัชญ์สิตา ไพบูลย์ศิริ

นัก (ชอบ) เขียนบ้ากล้องที่ชอบถ่ายรูปตัวเองเป็นพิเศษ เสพติดเสียงธรรมชาติ กลิ่นฝน และสีเลือดฝาดบนใบหน้า ที่ใช้เวลาเขียนงานไปพร้อมๆ กับติ่งอปป้าอย่างใจเย็น

Photographer

โตมร เช้าสาคร

โตมร เช้าสาคร

ชอบถ่ายวิวมากกว่าคน ชอบกินเผ็ดและกาแฟมาก เป็นคนอีโค่เฟรนลี่ รักสีเขียว ชวนไปไหนก็ได้ไม่ติด ถ้ามีตัง