หากพูดถึง แคน-อติรุจ กิตติพัฒนะ หลายคนคงเติมนามสกุล The Star ให้เขาด้วยความคุ้นเคย เพราะชายคนนี้เข้าประกวดรายการ The Star ค้นฟ้าคว้าดาว ติดกันถึง 3 ปีซ้อน ก่อนจบตำนานสวย ๆ ด้วยตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 3 ใน The Star ปี 8 

แต่การประกวดจบ เส้นทางอาชีพทอดยาวไกล สู่นักแสดง พิธีกร ดีเจ และไกลเกินกว่าเจ้าตัวจะคิดด้วยซ้ำว่า วันหนึ่งเขาจะกลายเป็นลูกศิษย์ของ หม่อมน้อย เป็นนักข่าวภาคสนามที่มาพร้อมโรคฟรีแลนซ์ เป็นนักร้องที่อยากยืนบนเวทีราชมังฯ เป็นพี่ชายแสนดีผู้สแกนแฟนให้น้องสาว เป็นคนอ่อนแอที่มองหากำลังใจ รักแฟน รักครอบครัว รักงาน ท่ามกลางชีวิตเรียบแต่ไม่ง่ายที่ทำมาแล้วหลายบทบาท

8 บทบาท 1 ตัวตน และความฝันของ 'แคน อติรุจ' ตั้งแต่เวที The Star ถึงรายการโหนกระแส

ไกลกว่านั้นไปอีก ใครจะคิดว่า เบอร์ประหลาดที่โทรเข้าตอน 5 ทุ่ม จะเป็นเบอร์ของ หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการ โหนกระแส ผู้มอบบทบาทใหม่สับและสำคัญยิ่งให้รุ่นน้องผู้ประกาศข่าวช่อง 33 คนนี้ ไปจัดรายการแทนเขาในวันรุ่งขึ้น

โหนกระแส เทปแรกของคุณเป็นที่พูดถึงกันมาก คุณได้รับเลือกไปจัดรายการได้อย่างไร

(หัวเราะ) จริง ๆ คืนนั้นผมหลับไปแล้ว เพราะปกติอ่านข่าวเช้าตอนตี 5 ครึ่ง ต้องตื่นตี 3 กว่า เลยหลับตั้งแต่ 3 ทุ่ม พอตอน 5 ทุ่ม มีเสียงโทรศัพท์ดัง ผมคิดว่าเป็นเสียงนาฬิกาปลุกเลยกดวาง สักพักพี่ทีมข่าวเที่ยงคอลไลน์มา เขาบอกว่าแคนกดตัดสายพี่หนุ่ม กรรชัย อุ๊ย! ผมโทรกลับไป ก็เป็นพี่หนุ่มจริง ๆ

ประโยคแรกที่คุยกันหลังรับสายคืออะไร

พี่หนุ่มบอกว่า “โทษที พี่ถามหน่อย แคนกล้าจัด โหนกระแส ไหม” 

จากที่ง่วงอยู่ ผมตื่นเลย ใครจะมาจัด โหนกระแส ผมเชื่อว่าทุกคนกลัวหมด แฟนรายการเยอะ พี่หนุ่มจัดไว้ดีแล้ว ถ้าทำไม่ดี ถูกด่าแน่ ๆ แต่อีกทาง มันจะมีสักกี่ครั้งในชีวิตที่คุณได้นั่งจัดรายการ โหนกระแส

เอาวะ! ผมตอบไป กล้าครับพี่ พี่หนุ่มเลยเล่าเคสของวันพรุ่งนี้ให้ฟังภายในเวลา 30 นาที

8 บทบาท 1 ตัวตน และความฝันของ 'แคน อติรุจ' ตั้งแต่เวที The Star ถึงรายการโหนกระแส

ตอนนั้นใจคงเต้นน่าดู แล้วคุณถามอะไรพี่หนุ่มกลับไปบ้างไหม

ผมถามว่า ถ้าเป็นพี่หนุ่มจะเรียงเรื่องยังไง พี่หนุ่มก็เล่าให้ฟัง เขาย้ำว่า แคนถามสไตล์แคนเลย คุยกันจนเกือบเที่ยงคืน พี่หนุ่มบอกว่า พรุ่งนี้ฝากด้วย ผมนอนไม่หลับ เป็นผู้ประกาศข่าวมา 8 ปี กำลังจะเข้าปีที่ 9 นี่คือการเตรียมตัวที่เครียดที่สุด

วันนั้นเป็นเทปที่คู่กรณีมาฝ่ายเดียวและมีทนาย คุณยังไม่ต้องห้ามทัพอะไร ตอนอัดรายการจริงมีอะไรผิดไปจากที่เตรียมตัวไว้ไหม

ผมเก็งคำถามคำตอบเยอะมาก แต่ไม่ได้ใช้ เพราะเขาตอบไม่ตรงกับที่คิดไว้เลย (หัวเราะ) ทีมงานก็ช่วยเต็มที่ มีประเด็นไหนน่าสนใจเขาจะขึ้นคิวการ์ดเอาไว้ ซึ่งวันนั้นมีคนถือคิวการ์ด 4 คน ผมมองสนุกเลย แต่ดีนะที่มาฝ่ายเดียว เพราะถ้ามา 2 ฝ่าย คุณอาจจะเห็นผมหยุมหัวตัวเองกลางรายการ

หลังจบรายการ ฟีดแบ็กเป็นอย่างไร แล้วพี่หนุ่มว่าอย่างไรบ้าง

กระแสดีจนทุกคนตกใจ พี่หนุ่มบอกว่า เออดี มึงรอดว่ะ วันนี้จัดได้ดีแล้ว แต่ถ้าจะดีขึ้น ผมต้องเพิ่มความเสือกอีก (ยิ้ม)

8 บทบาท 1 ตัวตน และความฝันของ 'แคน อติรุจ' ตั้งแต่เวที The Star ถึงรายการโหนกระแส

ผ่านมา 11 ปีแล้วหลังประกวด The Star คุณคิดถึงอะไรในตอนนั้นที่สุด

ความสนุก The Star คือความทรงจำที่สนุกมาก และเป็นจุดที่ทำให้ผมเห็นว่าตัวเองก็เป็นนักสู้ 

ตอนเรียนปี 1 ประกวด The Star ปี 6 มีห้องสกรีนเป็นสิบห้อง พอออกมา เขาให้ไปต่อที่ห้องอัดวิดีโอ 2 – 3 คน เพื่อไปเจอ พี่โจ้ พี่ม้า พี่เพชร ในอีกวัน ผมตกห้องแรก เพราะตื่นเต้นจนร้องเพลงเพี้ยนไปหมด

ปี 7 ผมไปอีก ฟลุกเข้าถึง กทม. แต่ตกรอบ เพราะโชว์ได้มัวหมองมาก

ปี 8 ผมคิดว่า เรามีสิทธิ์ไปต่อ 8 คน เลยเปลี่ยนตัวเองและเต็มที่มาก ถือเป็นการต่อสู้ที่ถ้าไม่ยอมแพ้ก็สำเร็จได้จริง ๆ

คุณเข้าแข่งขันทั้ง มาสเตอร์คีย์ เวทีแจ้งเกิด, KPN Award, True Academy Fantasia, The Star จนถึงผู้ประกาศข่าวช่อง 9 อะไรทำให้คุณส่งตัวเองเข้าประกวดเยอะขนาดนี้

ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่รู้จบไปจะมีงานไหม การประกวดเลยเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเอง แล้วคิดถูกด้วย เพราะถ้าไม่ประกวด The Star ก็คงไม่มีโอกาสมาถึงวันนี้ 

8 บทบาท 1 ตัวตน และความฝันของ 'แคน อติรุจ' ตั้งแต่เวที The Star ถึงรายการโหนกระแส

The Star ทำให้คนธรรมดาโด่งดังข้ามคืน คุณเคยอยู่ในจุดที่ตัวเองหลงทางไปกับชื่อเสียงบ้างไหม แล้วคุณทำอย่างไร

ผมเชื่อว่าทุกคนมีช่วงเวลาที่เหลิง เพราะได้เป็น Someone เราปรับตัวไม่ทัน รับมือกับชื่อเสียงไม่เป็น แต่โชคดีที่ผมดึงสติได้เร็ว เพราะพอเด็กใหม่มา งานก็น้อยลง แต่แปลกดีนะ ผมไม่เคยคิดอยากจะเป็นที่ 1 หรือดังตลอดไป ผมว่าที่ 2 เท่และสบายใจดี การคิดแบบนี้ทำให้ไปถึงจุดหมายได้อย่างมั่นคงมากกว่า 

ตอนนี้ภาพจำ The Star เริ่มเลือนหาย คุณมีความฝันที่ยังทำไม่สำเร็จในฐานะนักร้องไหม

ผมเคยร้องที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี แต่ความฝันคืออยากลองร้องเพลงที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน มันโคตรใหญ่ ไม่ใช่ใครจะได้สัมผัสสิ่งนี้ง่าย ๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากขอร้องสักเพลง

8 บทบาท 1 ตัวตน และความฝันของ 'แคน อติรุจ' ตั้งแต่เวที The Star ถึงรายการโหนกระแส

The Star ส่งคุณเข้าวงการบันเทิง รับงานหลากหลายตั้งแต่นักร้อง พิธีกร จนถึงนักแสดง แต่ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นคุณรับงานแสดงแล้ว

เมื่อก่อนและสมัยนี้ก็มีบ้าง นักแสดงอาจจะต้องสูง 180 เซนติเมตรขึ้นไป ตัวใหญ่ ดูดี แต่เราตัวเล็ก สูงตามมาตรฐานชายไทย แต่ไม่ใช่มาตรฐานพระเอก โอกาสในการเล่นบทหลักเลยไม่ค่อยมี ช่วงแรกก็เป็นตัวเสริม แต่ในช่วงชีวิตหนึ่ง ผมเคยได้สัมผัสการแสดงเต็มที่ตอนได้เล่นหนังกับ หม่อมน้อย-หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล

ได้ยินว่าไม่ใช่ใครก็จะขอเป็นลูกศิษย์หม่อมน้อยได้ คุณทำอย่างไรถึงได้เรียนกับหม่อม

เป็นความโชคดีของเด็ก The Star ทุกคนในช่วงที่เศรษฐกิจยังดี ทางค่าย Exact & Scenario จะส่งไปออดิชันเพื่อเรียนกับหม่อมน้อย แม้แต่ The Star 8 คน ทุกคนต้องออดิชัน

การออดิชันของหม่อมน้อยคือการนั่งพูดคุย ผมนั่งตรงนี้ หม่อมจะนั่งอยู่มุมห้องห่างไปเกือบ 10 เมตร สร้างความกดดันสุด ๆ คุยเสร็จ หม่อมค่อยลงมาบอกว่าใครได้บ้าง โดยดูจากทัศนคติว่าใครพอจะเรียนกับหม่อมได้ เพราะศาสตร์การแสดงมีหลากหลาย ศาสตร์ของหม่อมก็ต้องการคนในรูปแบบหนึ่ง

8 บทบาท 1 ตัวตน และความฝันของ 'แคน อติรุจ' ตั้งแต่เวที The Star ถึงรายการโหนกระแส

แล้วประสบการณ์ในการเรียนกับหม่อมน้อยเป็นอย่างไรบ้าง มีเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณอยากฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหม่อมโดยเฉพาะหรือเปล่า

ผมเรียนกับหม่อมน้อยประมาณ 2 ปีกว่า ๆ จนได้เล่นหนังเรื่อง แผลเก่า ที่ได้เล่นเพราะตอนนั้นไม่มีงานแล้ว ว่างมาก เงินก็ไม่ค่อยมีเลยไปเวิร์กช็อปกับหม่อมทุกวัน ช่วยตั้งแต่เขียนบท ตัดบท เห็นทุกกระบวนการในการทำหนังและซ้อมการแสดง ที่สำคัญคือได้อาศัยกินข้าวกับหม่อม ผมรู้สึกขอบคุณมาก

ผมอยู่ต่อจนถึง Post-production ตัดต่อ พากย์เสียง ชอบนะ แต่ก็รับรู้ได้ว่า ถ้าจะแสดงให้ดีต้องใช้เวลา ถ้าให้เล่นเลยทันทีอาจจะทำไม่ได้อย่างมืออาชีพเขา

มีอะไรที่คุยตอนออดิชันกับหม่อมน้อยแล้วรู้สึกประทับใจไหม

หม่อมน้อยถามว่า แคนเคยดูหนังเราไหม ผมบอกว่า ผมเคยดูและเคยเล่นด้วย หม่อมก็ร้อง ห้ะ! เล่นตอนไหน เลยเล่าย้อนหลังให้หม่อมฟังว่า ตอนปี 2 เพื่อนอยู่โมเดลลิงโทรมาชวนไปเป็นตัวประกอบหนังเรื่อง อุโมงค์ผาเมือง ซึ่งมีฉากบนเขาที่มีศาลและชาวบ้าน เราไปเป็นชาวบ้าน

เพื่อนโทรมาตอน 7 โมงเช้า มีค่าตัวให้ 250 บาท ในวันนั้นผมก็ไปเพราะดีกว่านอนเฉย ๆ คิดว่าตัวประกอบคงถ่ายนิดเดียว โอ้โห! พาผมไปแม่ริมขึ้นเขา ไม่พอนะ แต่งตัวเสร็จขึ้นต่อไปยอดเขา เจอหม่อมน้อยใส่สูททำงานคลุกโคลนอยู่

ผมบอกหม่อมว่าผมเล่นฉากนี้ ได้ค่าตัว 250 บาท ต้องไปซื้อยาทาอีก 150 บาท เพราะตากแดดทั้งวันแล้วหลังไหม้ สรุปผมได้ค่าตัว 100 บาท หม่อมก็บอกว่า แคน เราจำได้ว่าเราให้คนละ 500 บาทนะ

สรุปคือโมเดลลิงหักไปครึ่ง อาจจะเป็นความประทับใจที่หม่อมรับผมเป็นลูกศิษย์ก็ได้

หลายคนบอกว่าหม่อมเป็นคนติสต์ หลังฝากตัวเป็นลูกศิษย์ คุณเห็นว่าหม่อมเป็นอย่างไร มีความทรงจำสำคัญอะไรกับหม่อมบ้าง

ความประทับใจเยอะมาก แต่ถ้าเอาเรื่องที่ต่อกัน หลังจากฝากตัว ผมก็มาอยู่บ้านหม่อม วันหนึ่งหม่อมบอกผมว่า เราได้แผ่น Blu-ray 4K เรื่อง อุโมงค์ผาเมือง มา เดี๋ยวเรามาซูมหาแคนกันนะ

หม่อมก็เปิดจอใหญ่เลย เพื่อหาผม ซูมไปเรื่อย ๆ อ๊ะ! เจอแล้ว! แคนตัวเล็กมาก ถ้าเป็นดีวีดีภาพแตกไปแล้ว พอเป็น 4K เลยเห็นแคนอยู่ หม่อมเป็นคนที่น่ารักมากเลยครับ เป็นครูที่ดีจริง ๆ ผมอยู่กับหม่อมตลอดจนหม่อมเสีย แม้จะไม่ได้เล่นหนังเพราะมาทำข่าวแล้วก็ยังแวะไปหาทุกปี

หม่อมบอกผมว่า แคนตัดสินใจถูกต้องแล้วที่ทำงานนี้ เราส่งกำลังใจให้ตลอด

อะไรคือสิ่งสำคัญที่คุณได้เรียนรู้จากหม่อมน้อย

หม่อมน้อยสอนให้ผมมีสติ เวลาเจอวิกฤตหรือเรื่องเครียด หม่อมบอกให้เราอยู่กับปัจจุบัน เพราะอนาคตคือสิ่งที่ยังไม่เกิด สิ่งที่ฝึกมาทำให้ผมปรับความรู้สึกมาอยู่กับปัจจุบันได้ง่ายขึ้น นั่นคือการจัดการอนาคต ส่วนการจัดการอดีตของผมคือช่างแม่ง ถ้ายังคิดวนไปมา เราจะเริ่มใหม่ไม่ได้ 

8 บทบาท 1 ตัวตน และความฝันของ 'แคน อติรุจ' ตั้งแต่เวที The Star ถึงรายการโหนกระแส

คุณเคยอยู่ในวงการบันเทิงที่ดูจะมีอะไรสนุก ๆ ให้ทำตลอด ใจจริงคุณคิดอยากออกจากวงการข่าวบ้างไหม

ไม่คิดนะ วงการบันเทิง ภาพหน้าจอดูสนุก ส่วนคนคิดหัวจะแตก บางคนชอบเพราะท้าทาย แต่ไม่ใช่สำหรับผมเลย

ตอนปี 1 อาจารย์วิชาเขียนข่าวเดินเข้ามาถามว่า วันนี้มีประเด็นอะไรใหญ่ ๆ บ้าง ผมหันไปบอกเพื่อนว่า ใครจะไปรู้วะ แต่ตอนปี 2 ผมไปแข่งผู้ประกาศข่าว ช่อง 9 จนชนะและได้ทำงานจริง ๆ แต่ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เลยต้องปฏิเสธงานไป

พี่อุ๋ย-ภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ คือคนที่โทรชวนผมเข้าวงการ เพราะเขากำลังสร้างทีมข่าวใหม่ในช่อง ONE31 ตอนเรียนมันไม่สนุกเลย แต่พอทำงานจริงสนุกมาก ยิ่งอ่านข่าวยิ่งอยากรู้แบบไม่มีที่สิ้นสุด 

ถ้ามองในศักยภาพตัวเอง เรายังเรียนรู้และพัฒนาต่อได้อีกในทางนี้ แฮปปี้ มั่นคง อย่างอื่นที่ได้ลองทำ ถือเป็นกำไรชีวิต

คุณเคยบอกว่าตัวเองชอบสัมภาษณ์ แต่ตอนเด็กคุณไม่ใช่คนขี้สงสัย อะไรคือจุดที่ทำให้คุณเปลี่ยนตัวเอง

ประมาณ 7 – 8 ปีก่อน สมัยช่อง 5 มีงานบวชของพี่ฮั่น The Star ซึ่งเราประกวดมาด้วยกัน เขาให้ผมสัมภาษณ์ แต่สรุปผมทำไม่ได้ แข็งไปหมด เขาเลยย้ำกับเราว่า การจะเป็นนักสัมภาษณ์ที่ดีต้องอยากรู้เยอะ ๆ ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้อยากรู้ไง (ยิ้ม) พอฝึกไปเรื่อย ๆ ต่อมความเสือกก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเอง ตอนนี้เลยมีความขี้เสือกประมาณหนึ่ง แต่ในการทำงานยังต้องเยอะกว่านี้อีก

8 บทบาท 1 ตัวตน และความฝันของ 'แคน อติรุจ' ตั้งแต่เวที The Star ถึงรายการโหนกระแส

การเข้ามาทำงานที่ช่อง 3 ทำให้คุณเจอนักข่าวและผู้ประกาศข่าวเก่ง ๆ สิ่งนี้สร้างความกดดันบ้างไหม

ผมอ่านข่าวมา 6 ปี มีความทะนงตัวคิดว่าตัวเองจัดรายการได้ แต่พอมาอยู่ทีมข่าวเรื่องเล่าหน้าหนึ่ง โปรดิวเซอร์โทรมาให้ผมลองซ้อมคิวช่วงเดือนพฤศจิกายน ในใจผมคิดว่า ซ้อมวันเดียวก็พอให้รู้คิว ผมเลยไปปลายเดือนพฤศจิกายน

อ่านข่าววันใหม่เสร็จ รอซ้อมต่อตอนตี 3 โปรดิวเซอร์เอาสคริปต์ข่าวมาให้ปึกหนึ่งบอกให้แคนลองเขียน ผมงงมาก ลองวันแรกใช้เวลาเขียน 8 ข่าว 2 ชั่วโมง ไม่ทัน โปรดิวเซอร์กลับมาพร้อมพี่ไบรท์ที่อยู่ต่อเพื่อซ้อมให้อีกครึ่งชั่วโมง สิ่งที่โปรดิวเซอร์บอกคือ อ้าว ทำไม่เสร็จหรอ ใช่! เจ็บใจมาก หึ้ย! กูทำไม่เสร็จ

วันแรกไม่เวิร์กเลย ผมแม่งไม่เก่งเลย หลังจากนั้นผมมาซ้อมทุกวัน 1 เดือนเต็ม ๆ จากนั้น ผมคิดว่าไม่มีคำว่าเก่งเต็มที่ มีแต่คำว่าต้องเก่งขึ้น ผมต้องพัฒนาและทบทวนตัวเองตลอดมาและยังคิดว่าต้องทำตลอดไป

คุณอ่านข่าวมานานจนถึงช่วงหนึ่งที่ผู้ใหญ่มองว่าคุณตันแล้ว พวกเขาทำอย่างไรให้ได้ แคน อติรุจ ที่ไม่ตันกลับมา

ผมไม่ได้เป็นผู้สื่อข่าวมาก่อน พื้นฐานความอินเลยไม่มี พูดแล้วไม่น่าเชื่อถือ ผู้ใหญ่เลยเอาผมไปทำสกูปชื่อว่า แคนช่วยได้ ให้ผมออกกอง ทำทุกกระบวนการตลอด 2 ปี จนร่างกายอ่อนแอเป็นโรคฟรีแลนซ์ ผิวหนังอักเสบเป็นตุ่มผื่นทั้งตัว เพราะตื่นตี 3 อ่านข่าว 05.00 – 08.00 น. 09.00 น. ออกเดินทางทั่วประเทศ ไปถึงชายแดนก็มี ใกล้นั่งรถไป ไกลนั่งเครื่องบิน ระหว่างทางกลับต้องเขียนสคริปต์ในมือถือไปด้วย มาถึงแล้วไปเลือกภาพและอธิบายทีมงานตัดต่อ กลับบ้าน 3 – 4 ทุ่ม

แต่สิ่งที่ได้คือผมเข้าใจกระบวนการทุกอย่างจริง ๆ ได้ทักษะการสัมภาษณ์เพิ่ม เวลาที่เสียไปมันเลยคุ้มค่า ผมว่าผมเป็นคนโชคดีด้วยนะ โชคดีที่เจอพี่ ๆ ผู้ใหญ่ที่พร้อมสนับสนุน เมตตา และอัดความรู้ให้ไม่ยั้ง

รู้จัก 'แคน-อติรุจ กิตติพัฒนะ  ตั้งแต่เวที The Star ถึงโหนกระแส ชีวิตเรียบแต่ไม่ง่าย และความฝันที่อยากร้องเพลงในสนามราชมังฯ

คุณเรียนกีตาร์และตั้งวงดนตรีกับเพื่อน มีการผลัดกันเล่นเครื่องดนตรีเกือบทุกชนิด ยังมีเครื่องดนตรีไหนที่คุณเล่นไม่ได้อีกไหม

เครื่องเป่า ผมเล่นไม่ค่อยได้ทั้งที่คุณพ่อเป่าแซ็กโซโฟนเก่งมาก ผมได้เรียนกีตาร์เพราะพ่อเป็นครูและคุมวงดนตรี พ่อซื้อกีตาร์ไฟฟ้าให้พี่คนหนึ่งที่เขาอยากได้แต่ไม่มีเงิน โดยแลกกับการมาสอนลูกชายเล่น เขาเลยมาสอนผมตั้งแต่ ม.2 แล้วมีเพื่อนข้างบ้านมาจอยด้วย เกิดเป็นวงบางรัก ผมก็เล่นหมดทั้งดีด สี ตี เขย่า แต่เป่ากับดูดไม่เป็น ยกเว้นขลุ่ยอย่างเดียวที่พ่อสอน

ได้ยินว่าคุณฝึกเล่นเปียโนเองด้วย อะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณลุกขึ้นมาฝึกฝนจนเล่นได้

ต้องบอกก่อนว่าผมชอบเล่นดนตรีสากลเพราะมัน และยังช่วยปลดปล่อยอารมณ์ได้ดี ทำให้เรามีสมาธิ มีความพยายาม และมีความอยากลองมาก ๆ จนน่าแปลกใจเลย

เปียโนแบ่งเบสกับเมโลดี ผมเล่นไม่เป็น เพราะมันต้องแยกประสาท จนตอน ม.3 ดูหนังเรื่อง My Sassy Girl ได้ยินเพลง Canon in C เป็นเพลงที่ดีงามมาก ที่บ้านมีคีย์บอร์ดพอดี ผมเลยใช้ความชอบทั้งหมดนั่งแกะโน้ตเองและแยกประสาทเอง 1 วัน ฟังเสียงแล้วเทียบจนเล่นได้ ไม่รู้ทฤษฎีอะไรทั้งนั้น มารู้ทีหลัง มันยากมาก ผมเลยเล่นแค่นี้พอ

แค่นั้นก็แปลว่าคุณตั้งใจมากแล้ว อะไรทำให้อยากเล่นและรักในการเล่นดนตรีขนาดนี้

ผมตั้งใจเล่นให้สาวกรี๊ดแค่นั้นเอง (หัวเราะ) แต่ตอนหลังดนตรีกลายเป็นความสุขและทักษะติดตัวเอาไว้ใช้ตอนฉุกเฉิน

ผมขี้แง ขี้กลัว ทำอะไรก็ไม่เก่ง พอเริ่มเล่นดนตรีกลับมีความมั่นใจ การฝึกแต่ละขั้นคือการฝึกตัวเอง โชว์ได้ กล้าพูด เริ่มมีตัวตนในการทำอะไรต่าง ๆ ดนตรีพาผมเข้าวงการและมีทุกวันนี้

รู้จัก 'แคน-อติรุจ กิตติพัฒนะ  ตั้งแต่เวที The Star ถึงโหนกระแส ชีวิตเรียบแต่ไม่ง่าย และความฝันที่อยากร้องเพลงในสนามราชมังฯ

คุณบอกว่าที่ผ่านมาคุณทำแต่งานจนมีเวลาอยู่กับครอบครัวน้อย อะไรคือจุดที่ทำให้หันกลับไปมอบเวลาให้ครอบครัวอีกครั้ง

เราวิ่งตามหาความฝันโดยพุ่งตรงไปที่งานอย่างเดียว เราไม่ว่าง จนไปเจอพ่อแม่อีกทีแล้วรู้สึกว่า ทำไมพวกเขาแก่จังเลย ยิ่งเอารูปตอนเราเข้า The Star มาเทียบ มันต่างมาก เราใช้เวลากับเขาน้อยในช่วง 5 – 7 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เลยวางกฎว่า ใน 1 สัปดาห์ต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านอย่างน้อย 1 วัน ยังรู้สึกว่าน้อยนะ แต่ตอนนี้ยังได้เท่านี้

หลังจากได้ใช้เวลาทำความรู้จักพ่อแม่ตัวเองเพิ่มขึ้น คุณค้นพบอะไรบ้าง

ตอนที่พ่อแม่เกษียณแล้ว ผมถึงได้รู้จักตัวตนพวกเขาจริง ๆ พ่อเป็นผู้ชายสายเทคแคร์ ทำอาหารอร่อย ถ้าแม่อยู่เฉย ๆ พ่อจะปอกผลไม้มาให้กิน เวลาผมหลับบนรถ พ่อจะมีเบาะมารองให้ เขาคือต้นแบบของผู้ชายที่ดีสำหรับผมเลย

พ่อชอบเล่นมุกตลกด้วย ไปร้านอาหารแล้วบอกแม่ค้าว่า “แม่ค้าตังค์ตก” แม่ค้าก็เดินมาถามว่า “ไหนตังค์ตก” พ่อผมบอกว่า “ตังค์ตกก็เก็บตังค์ไง” คือเขาจะเรียกคิดเงินนั่นแหละ (หัวเราะ) ผมก็เล่นมุกประมาณนี้นะ คนส่วนใหญ่จะหัวเราะให้ผมจังหวะสาม เขาจะเอ็นดูผมมากกว่าที่แกล้งผมแล้วผมตามไม่ทัน

กลับมาที่คุณแม่ แม่เป็นผู้หญิงตลก มีความโก๊ะ ไม่เล่นมุกแบบพ่อ 

การได้มองครอบครัวตัวเองดี ๆ มันทำให้ผมคิดว่า ในเมื่อพ่อแม่ผมน่ารักขนาดนี้ ผมก็อยากมีครอบครัวแบบนี้บ้าง อยากทำตัวให้น่ารัก เดี๋ยวนี้กอดกันหน้าบ้านบ่อยเลย

รู้จัก 'แคน-อติรุจ กิตติพัฒนะ  ตั้งแต่เวที The Star ถึงโหนกระแส ชีวิตเรียบแต่ไม่ง่าย และความฝันที่อยากร้องเพลงในสนามราชมังฯ

ถ้าให้เลือก 1 บทบาท ในชีวิตที่ผ่านมา อะไรคือบทบาทที่ชอบที่สุด

นี่แหละคือบทบาทที่ผมตัดไม่ได้ เช่นเดียวกับบทบาทแฟน เพราะถ้ามีวันว่าง ๆ สักวัน ผมอยากอยู่กับครอบครัว ไปทะเล มีภาพจำว่าเราปิ้งอาหารด้วยกัน พ่อทำกับข้าว มีคนที่เรารักอยู่ด้วยกันทั้งวัน แฟนก็ถือเป็นครอบครัวสำหรับผม อยู่กับเขาแล้วผมก็เป็นตัวเองอย่างเต็มที่

ชีวิตจริงของคุณกับน้องสาวเหมือนภาพยนตร์เรื่องไหนมากที่สุด

น้อง.พี่.ที่รัก ช่วงเด็กใครก็ทะเลาะกัน แต่จุดเปลี่ยนเกิดตอน ม.3 เราอาจจะเป็นหนุ่มขึ้น เลิกทะเลาะกับน้อง แล้วก็รักน้องมากขึ้นเรื่อย ๆ น้องเป็นผู้หญิงแต่พยายามเล่นทุกอย่างเหมือนเรา เตะบอล ตีปิงปองด้วยกัน เขาไม่เล่นอะไรที่เป็นสาว เพราะไม่มีเพื่อนเลยอยากเล่นกับเรา

คุณค้นพบว่าน้องสาวตัวเองน่ารักมาก แล้วในฐานะพี่ชายคุณได้ทำอะไรน่าจดจำเพื่อน้องสาวบ้างไหม

ตั้งแต่สมัยมัธยม ผมสแกนผู้ชายที่เข้ามาหาน้อง จำได้ว่ามีคนหนึ่งที่ผมไม่ชอบ ผมซึ่งเป็นเด็กกิจกรรมพอตัว เดินไปบอกเขาว่า ถ้ายังเรียนดีไม่ได้เท่าพี่ อย่ามาจีบน้องพี่ น้อว! จนแฟนคนปัจจุบันของน้อง บอกพ่อแม่นะ แต่ไม่กล้าบอกผมแล้ว (หัวเราะ) จนเขาคบกันได้ 2 ปี ผมเพิ่งรู้ รู้แล้วผมก็นัดแฟนเขาไปเจอเลย คุยกัน 2 คน ผมเป็นผู้ชายผมรู้ดี คุยไปคุยมา โอเค คนนี้ดีกว่ากูอีก! (หัวเราะ) ตอนนี้เขาก็คบกันมา 10 ปีแล้ว

รู้จัก 'แคน-อติรุจ กิตติพัฒนะ  ตั้งแต่เวที The Star ถึงโหนกระแส ชีวิตเรียบแต่ไม่ง่าย และความฝันที่อยากร้องเพลงในสนามราชมังฯ
รู้จัก 'แคน-อติรุจ กิตติพัฒนะ  ตั้งแต่เวที The Star ถึงโหนกระแส ชีวิตเรียบแต่ไม่ง่าย และความฝันที่อยากร้องเพลงในสนามราชมังฯ

หลายคนรู้จักคุณบนหน้าจอทีวี แล้วในเวลาว่างที่เป็นตัวเองได้มากที่สุด แคนตัวจริงเป็นยังไง

จริง ๆ ผมเป็นคนอ่อนแอ พยายามหากำลังใจเพื่อลุยต่อ แต่ผมก็ไม่จมกับความเศร้า ชีวิตผมเรียบ ไม่มีอะไรหวือหวา แต่มันไม่ง่าย ผมทำอะไรมาเยอะและยังไม่หยุดทำ ชีวิตผมไม่ต้องการอะไรมากมาย เป็นคนเฉื่อยและเอื่อยด้วยตัวตนข้างใน

รู้จัก 'แคน-อติรุจ กิตติพัฒนะ  ตั้งแต่เวที The Star ถึงโหนกระแส ชีวิตเรียบแต่ไม่ง่าย และความฝันที่อยากร้องเพลงในสนามราชมังฯ

การเป็นแคนเหนื่อยไหม ถ้ามีคนมาสวมร่าง แคน อติรุจ 1 วัน ชีวิตพวกเขาจะเป็นอย่างไร

การเป็น แคน อติรุจ ทุกวันสนุกหมดเลย ความโชคดีคือ ถ้าคุณได้ทำงานที่คุณชอบ มันจะเปลี่ยนความคิดคุณแน่นอน มันแตกต่างกันระหว่างคนที่อยากตื่นไปทำงานกับคนที่ตื่นมา วันหยุดแล้ว ดีใจจังเลย 

สำหรับผม พลังของผมเกิดขึ้นจากงานที่ส่งพลังให้ ย้อนกลับไปเหมือนเดิม คือผมเป็นคนโชคดีที่ได้ยืนตรงนี้

รู้จัก 'แคน-อติรุจ กิตติพัฒนะ  ตั้งแต่เวที The Star ถึงโหนกระแส ชีวิตเรียบแต่ไม่ง่าย และความฝันที่อยากร้องเพลงในสนามราชมังฯ

Writer

วโรดม เตชศรีสุธี

วโรดม เตชศรีสุธี

นักจิบชามะนาวจากเมืองสรอง งานประจำเป็นนักฟัง งานพาร์ทไทม์เป็นนักเขียน งานอดิเรกเป็นนักเล่า

Photographer

Avatar

เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล

ปัจจุบันกำลังหัดนอนก่อนเที่ยงคืน