เสียงผู้คนจ้อกแจ้กจอแจสวนทางกับเสียงเพลงแห่งเทศกาลคริสต์มาส เกล็ดหิมะบางเบาราวกับเกล็ดน้ำแข็งใสบินได้ เสียงตะโกนจากร้านขายไวน์อุ่น และกลิ่นหอมไหม้ของไส้กรอก ทั้งหมดนี้คือคำบรรยาย ‘Weihnachtsmarkt’ ตลาดคริสต์มาส ช่วงเวลาเดียวที่ผู้คนยอมออกจากบ้านท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ และน่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวในฤดูหนาวที่คึกคัก ผู้คนดูมีความสุขและมีชีวิตชีวาในประเทศเยอรมนี ซึ่งได้ชื่อว่าขึงขังและเย็นชา

ตลาดคริสต์มาส (Christmas market) มีชื่อเรียกในภาษาเยอรมันต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ทั้ง Weihnachtsmarkt, Adventsmarkt หรือ Christkindlesmarkt แต่ล้วนหมายถึงสิ่งเดียวกันทั้งหมด เริ่มมีขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 14 ในแถบประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน ซึ่งรวมไปถึงฝรั่งเศสตอนใต้ฝั่งติดเยอรมนี และอิตาลีตอนเหนือแถบชายแดนติดกับประเทศออสเตรีย

เสน่ห์ของตลาดคริสต์มาสคงเป็นความน่าตื่นใจ ด้วยของประดับประดาต่างๆ ที่พร้อมใจกันบอกว่าวันคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามา สำหรับคนท้องถิ่น ตลาดคริสต์มาสเป็นศูนย์กลางการนัดพบปะพูดคุยกับเพื่อนเก่าซึ่งบางครั้งไม่มีโอกาสได้เจอ นัดเพื่อนออกไปสังสรรค์ กระทั่งเพิ่มโอกาสการทำกิจกรรมร่วมกันกับคนในครอบครัว หรือบางครั้งก็เป็นไฮไลต์สำคัญที่เชื้อเชิญคนต่างเมืองให้มาเยือน ไปจนถึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก

โดยทั่วไปตลาดคริสต์มาสมีในช่วงอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงวันคริสต์มาสอีฟของทุกปี วันและเวลาเปิดปิดของตลาด เช็กได้จากเว็บไซต์ของตลาดนั้นๆ เอง หลังจากวันคริสต์มาสผ่านไปแล้ว ตลาดคริสต์มาสจะเปลี่ยนเป็นตลาดปีใหม่ กล่าวคือปิรามิดและร้านรวงบางส่วนจะถูกรื้อไปนั่นเอง

แต่ละเมืองมีตลาดคริสต์มาสหลักประจำเมืองที่จตุรัสกลางเมือง (Marktplatz) และตลาดย่อยๆ ทั่วไปตามมุมเมือง โดยอาจมีมากกว่า 10 ตลาดใน 1 เมือง และแต่ละตลาดจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่างกันออกไป จุดเด่นสำคัญที่ทุกตลาดต้องมีคือ ปิรามิด ส่วนจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับกำเนิดพระเยซู (Weihnachtskrippe) ต้นคริสต์มาส และร้านขายของ

ส่วนจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับกำเนิดพระเยซู (Weihnachtskrippe) ของบางเมืองอาจมีอายุกว่า 100 ปี โดยจะมีการนำไปเก็บรักษาเมื่อวันคริสต์มาสผ่านพ้น เพื่อนำมาจัดแสดงใหม่ในปีต่อไป

สำหรับร้านรวงและของขายในตลาดคริสต์มาสนั้น เราพบตั้งแต่ของแต่งบ้าน ของแต่งต้นคริสต์มาส ของใช้ เสื้อผ้า เครื่องกันหนาว ของกิน ขนม ลูกกวาด เกาลัดคั่ว ไส้กรอกย่าง หรือที่เรียกเป็นภาษาเยอรมันว่า Bratwurst ไปจนถึงอาหารและเครื่องดื่มอุ่นที่มีขายเฉพาะช่วงเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น ที่ไม่ควรพลาดอย่าง Lebkuchen คุกกี้คริสต์มาสหรือขนมปังขิงสไตล์เยอรมัน Glühwein ซึ่งเป็นไวน์อุ่นผสมน้ำผลไม้และเครื่องเทศ Eierpunsch ที่มีรสชาติเหมือนพุดดิ้งผสมแอลกอฮอล์ Feuerzangenbowle มีรสชาติคล้าย Glühwein แต่เสิร์ฟพร้อมน้ำตาลจุดไฟ หรือหากใครไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็สามารถลอง Kinderpunsch ที่เป็นน้ำองุ่นอุ่นผสมเครื่องเทศ

Glühwein จากไวน์ขาว(ซ้าย) และไวน์แดง(ขวา) เครื่องดื่มราคาประมาณ 2 – 5 ยูโร และมีค่ามัดจำแก้วอีก 2 – 3 ยูโรขึ้นกับค่าครองชีพของเมืองที่ไป หากดื่มแล้วคืนแก้วจะได้ค่ามัดจำคืน 

นอกเหนือไปจากเครื่องดื่มอุ่นมากมายที่มีให้ลอง การตามเก็บแก้วเครื่องดื่มจากตลาดคริสต์มาสก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ฉันหลงใหล เนื่องจากตลาดคริสต์มาสแต่ละแห่งล้วนมีแก้วเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และแต่ละปียังต่างกันออกไปอีกด้วย สำหรับฉันแล้วการเก็บแก้วเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการเก็บความทรงจำต่อสถานที่แห่งนั้น

สุดท้ายแล้วหากใครมีโอกาสได้ไปเยือนยุโรปในช่วงเดือนธันวาคม ก็หวังว่าจะได้แวะชมและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในตลาดคริสต์มาสดูสักครั้ง โดยเมืองในประเทศเยอรมนีที่อยากแนะนำให้ไปชมตลาดคริสต์มาส ได้แก่ Quedlinburg เมืองเล็กๆ ตอนกลางของเยอรมนีที่เปลี่ยนทั้งเมืองให้กลายเป็นตลาดคริสต์มาส Nürnberg (ภาษาอังกฤษ Nuremberg) เมืองทางใต้ที่ตลาดคริสต์มาสโด่งดังไปทั่วโลก Aachen เมืองตำนานขนมปังขิง Rothenburg ob der Tauber ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโรแมนติก และ Dresden ที่ยกตลาดคริสต์มาสขนาดใหญ่มาไว้ใจกลางเมือง