จะมีอะไรสุขใจเท่าการนอนเอกเขนกกลางบ้านสวนติดริมแม่น้ำจันทบุรี ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติรอบทิศทาง ยิ่งกว่าระบบพลังเสียงเซอร์ราวด์! แถมเดินทางไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครก็ถึง ติดดินติดน้ำ บ้านพักเพียงหลังเดียวกลางสวนผลไม้ของสองสาว ชีวา และ ชาริณี แย้มบุญยิ่ง ที่เปิดให้ผู้มาเยือนได้ทดลองใช้ชีวิตแบบติดดินและติดน้ำ
รถยนต์จอดสนิทหน้าบ้านสวน เราถือข้าวของขนาดนอนพักพอดี 1 คืนติดตัวลงมาด้วย แม้จะเลยเวลานัดหมาย แต่คุณพ่อและสองเจ้าบ้านก็ยืนยิ้มหวานรอต้อนรับพร้อมเสิร์ฟน้ำมังคุดทำเองให้พวกเราคนละแก้ว หอมมังคุด และเย็นชื่นใจเป็นที่สุด สัมผัสได้ถึงความเป็นกันเองหมือนมาพักบ้านตากอากาศของครอบครัว
ชีวาและชาริณีพาเราเดินผ่านสวนมังคุดไปยัง ‘บ้านชาน’ บ้านไม้หลังกะทัดรัดมีชานบ้านยื่นออกมาเลียบแม่น้ำ ชวนให้อยากตื่นเช้ามาสูดอากาศบริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ส่วนบ่ายคล้อยก็ขอนอนเอกเขนกบนชานสารพัดประโยชน์ ตกเย็นนั่งมองวิถีชาวประมงพื้นบ้านออกเรือหากุ้งหาปลาตัวโตจากแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ แค่คิดก็อดใจรอให้ถึงเช้าอีกวันแทบไม่ไหว
ก่อนสองสาวเจ้าบ้านจะกลับไปยังบ้านพัก เธอชวนเราล้อมวงนั่งสนทนาบริเวณชานบ้านขนาดกว้างด้วยบรรยากาศเรียบง่าย เสียงแมลงตัวเล็กส่งเสียงร้องราวนักดนตรีกำลังบรรเลงเพลงประจำตัว ธรรมดาแต่กลับอบอุ่น
“แม่เราเป็นคนจันทบุรี พอเกษียณอายุก็อยากกลับบ้าน เขาอยากสร้างบ้านใหม่ที่ไม่ใช่ที่เดิมของเขา ประจวบกับพ่อชอบน้ำอยู่แล้ว เขาหากันจนได้ที่ผืนนี้มา แล้วก็ปลูกบ้านอยู่กัน 2 คน เขาอยู่กัน 2 คนคงเหงามั้ง (หัวเราะ) ก็เลยถามเรากับน้องว่าอยากมาอยู่จันทบุรีหรือเปล่า ตอนนั้นเราก็ตอบตกลง เพราะคิดว่ามาอยู่คงไม่ยากหรอก” ชีวาเล่าความเดิม
แต่การกลับมาอยู่จันทบุรีไม่ได้สวยงามตามฝันวาด เพราะสองศรีพี่น้องเคยมาเมืองจันท์แค่ตอนปิดเทอม
เส้นทางและร้านรวงไม่ได้รู้จักหรือชำนาญมากนัก แต่ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ผลไม้พันธุ์ดี อากาศบริสุทธิ์ กลับทำให้ชีวาและชาริณีประทับใจจนลืมว่าการกลับบ้านมาเริ่มต้นและเรียนรู้สิ่งใหม่นั้นยากขนาดไหน
หลัง 2 สาวย้ายกลับมาบ้านได้สักพัก ต่างหางานทำตามถนัด จนวันหนึ่งมานั่งจับเข่าคุยกันว่า อยากทำกิจการบางอย่างที่เป็นของตัวเองร่วมกัน จนลงเอยเป็นที่พัก ส่วนหนึ่งมาจากเพื่อนพ้องของทั้ง 2 คน เวลามาพักบ้านสวนก็ลงความเห็นว่าชอบทั้งบรรยากาศและธรรมชาติรอบตัว แต่ถ้าแวะเวียนมาบ่อยก็เกรงใจ เธอและเธอเลยเปลี่ยนบ้านเป็นที่พักเอาใจผองเพื่อนและคนที่ชอบการพักผ่อนแบบเป็นส่วนตัว สงบและผ่อนคลายท่ามกลางสวนผลไม้เขียวขจี
“บ้านเราไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเป็นที่พักตั้งแต่แรก เป็นเพียงบ้านอยู่อาศัย ตอนเริ่มทำเราปรับเอาห้องนอนของเรา 2 คนมารับแขก แล้วเราไปสร้างใหม่อยู่หลังถัดไป พอทำได้ประมาณ 3 ปี ก็สร้างบ้านชานขึ้นมาอีก 1 หลัง คุณพ่อเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด แต่ช่างรับเหมาหายากมากที่จะมาตอบสนองสิ่งที่อยู่ในหัวของพ่อ” ชาริณีเล่าด้วยรอยยิ้ม
บ้านชานหลังสวยของคุณพ่อทำจากไม้ทั้งหลัง บริเวณชานบ้านกว้างขว้างติดริมแม่น้ำ เดินเพียงก้าวก็ถึงห้องนอนขนาด 2 คนกำลังพอดี ถ้ามากับแก๊งเพื่อนนอนกอดกันอบอุ่นได้มากถึง 5 คน ส่วนห้องน้ำอยู่ด้านนอก เปิดประตูห้องนอนเลี้ยวซ้ายเจอแน่นอน นอกจากชานบ้านที่ทำเราตกหลุมรัก บ้านชานยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดย่อมหลังบ้าน แก้ว จาน ชาม กระติกน้ำร้อนเตรียมไว้พร้อมใช้งาน แถมมังคุดกับลองกองให้ด้วยตะกร้าใหญ่ ถูกใจคนรักผลไม้เป็นที่สุด!
แม้ตอนเริ่มต้นทำกิจการที่พัก จังหวัดจันทบุรียังไม่เป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มรูปแบบเหมือนปัจจุบัน และอินเทอร์เน็ตยังเข้าไม่ถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ติดดินติดน้ำจึงถูกบอกต่อปากต่อปาก คล้ายทำการตลาดผ่านคำบอกเล่าของผู้มาเยือน
“เราเริ่มทำติดดินติดน้ำด้วยการไม่คิดว่าเราจะโตไปเป็นโรงแรม เราทำกันเองไม่มีลูกจ้าง เพราะเราอยากให้แขกได้สัมผัสความเป็นธรรมชาติจากตัวเจ้าบ้านและธรรมชาติรอบตัว ลูกค้าของเราจึงเป็นกลุ่มเฉพาะ และเราไม่ได้อยากได้นักท่องเที่ยวเยอะ เหมือนเรามีบ้าน แล้วเปิดบ้านให้คนมาพักบ้านตากอากาศ ว่างเมื่อไหร่เขาก็มาได้เลย” ชีวาเล่าพร้อมบอกกับเราต่อว่า
ก่อนการจองจะต้องมีการพูดคุยเบื้องต้นผ่านกล่องข้อความเฟซบุ๊ก เพื่อให้เห็นภาพเดียวกัน เมื่อไหร่ผู้มาเยือนถามถึงกิจกรรมมันสุดเหวี่ยง ชีวาและชาริณีจะรู้ทันทีว่าเป็นสายแอดเวนเจอร์แน่นอน เธอจะแนะนำที่พักให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากกว่าแนะนำที่พักของพวกเธอเอง เพื่อความสุขใจของผู้มาเยือนและเจ้าบ้าน
หากถามว่าต้องตอบคำถามแบบไหนให้โดนใจเจ้าบ้าน สูตรลัดไม่มี เพียงตอบตามความจริง แต่ถ้าถามว่าติดดินติดน้ำเหมาะกับนักนอนเที่ยวแบบไหน ชาริณีเฉลยว่า “เราเป็นที่พักที่เน้นการพักผ่อนแบบ ‘ชาร์จพลัง’ ไม่ใช่ ‘ปล่อยพลัง’ กิจกรรมของเราแทบจะไม่มีอะไรเลย เน้นพักผ่อนเงียบๆ เหมาะกับคนที่อยู่กับตัวเองได้”
แม้ติดดินติดน้ำจะเป็นบ้านพักแบบเน้นความสงบ แต่ก็ยังมีกิจกรรมใกล้ชิดธรรมชาติให้พอคลายกล้ามเนื้อจากความเหนื่อยล้า อย่างการนอนแช่น้ำให้สบายอุราริมแม่น้ำจันทบุรี พายเรือไล่ตามหาพระอาทิตย์ตกดินกลางคุ้งน้ำ สูดอากาศสดชื่นเดินชมสวนผลไม้หรือจะแปลงร่างเป็นชาวสวนจำเป็นเก็บมังคุดและเงาะสดๆ จากต้นก็ทำได้ มาถึงถิ่นแล้วต้องไปให้สุด!
เสียงพูดคุยของกลุ่มหญิงสาวบริเวณชานบ้านเริ่มลดระดับเสียงลง ชีวาและชาริณีขอตัวกลับบ้านไม่ไกลจากบ้านชานเพื่อให้เราพักผ่อน เธอแอบกระซิบกับเราว่า “พรุ่งนี้ขอให้ฟังเสียงระฆังให้ดี นั่นเป็นสัญญาณของอาหารมื้อเช้า”
เราล้มตัวลงนอนพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์เรือสลับดวงไฟวาบเล็กวาบใหญ่ นั่นเป็นสัญญาณของชาวประมงพื้นบ้านคนเก่งที่ขับเรือกลับไปนอนหลับฝันดีพร้อมกับกุ้งและปลาตัวโตจากความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำจันทบุรี
ฝันดี