ราว 20 ปีก่อน กบ-ธนกร ฮุนตระกูล เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ปรากฏตัวในสื่อบ่อยมาก

พ่อของเขา อากร ฮุนตระกูล เป็นเจ้าของโรงแรมเครืออิมพีเรียล เป็นผู้สร้าง ‘บ้านท้องทราย’ โรงแรมห้าดาวแห่งแรกบนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในปี 1987 เมื่อท่านจากไปในปี 2000 กบในวัย 20 กว่า ๆ ก็มารับช่วงต่อ

ตอนนั้นเขาเป็นนักเรียนอังกฤษ แต่มีลุคเป็นหนุ่มเซอร์ ไว้ผมยาว มีหนวดเครา นุ่งโสร่ง ใส่เสื้อแขนยาวแบบชาวเกาะ และข้อมือเต็มไปด้วยเชือกถักสไตล์ฮิปปี้

ภรรยาของเขา กอหญ้า-สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา พิธีกรสาวสวยชื่อดังตัดสินใจทิ้งชีวิตในกรุงเทพฯ มาแต่งงานและบริหารบ้านท้องทรายร่วมกับกบ ในวัย 20 กว่า ๆ ด้วยกันทั้งคู่ พวกเขาช่วยกันบริหารโรงแรมกลางพื้นที่สีเขียวเกือบร้อยไร่จนคว้ารางวัลโรงแรมยอดเยี่ยม 1 ใน 100 ของโลกหลายปีติดต่อกัน และเป็นโรงแรมแรก ๆ ในไทยที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อน

เมื่อปี 2006 พวกเขาอยู่ในสื่ออีกครั้งเมื่อประกาศบริจาคที่ดิน 200 แปลง พื้นที่ราว 5,000 ไร่ทั่วเกาะสมุย ให้เป็นป่าอนุรักษ์และป่าชุมชน

ธันวาคม ปี 2022 พวกเขาตัดสินใจให้เครือโรงแรม Banyan Tree เข้ามาช่วยบริหารบ้านท้องทรายผ่านแบรนด์ Garrya (การ์รียา) ซึ่งเน้นเรื่อง Wellness โรงแรมบ้านท้องทรายจึงเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Garrya Tongsai Bay Samui’ (การ์รียา ท้องทราย เบย์ สมุย) เป็นโรงแรมเชน Garrya แห่งที่ 4 ในโลก ต่อจากโรงแรมในเกียวโต หูโจว และซีอาน

ผมพบกบอยู่บ่อย ๆ ในการประชุมกรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ปิดประชุมเหล่ากรรมการก็ออกมากินก๋วยเตี๋ยวข้างมูลนิธิกัน บทสนทนาหลังชามเส้นปลาเย็นตาโฟของเราไม่ค่อยจะเกี่ยวกับเรื่องงานนัก แต่เมื่อเขาบอกว่าบ้านท้องทรายกำลังจะมีพิธีเปิดตัวโรงแรมในชื่อใหม่ บริหารโดยเชนใหม่ และความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ

ผมก็อยากเดินทางข้ามทะเลมาร่วมพิธีเปิด และบันทึกชีวิตการทำโรงแรมตลอด 23 ปีของเขาเก็บไว้

ธนกร ฮุนตระกูล 23 ปีของการทำโรงแรมสุดกรีนในสมุย สู่บทใหม่ Garrya Tongsai Bay Samui

ผมวางแก้ว Welcome Drink ในมือลง แล้วยกขึ้นไหว้ กบ-ธนกร ฮุนตระกูล เขาอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีกากี เสื้อยืดสีชมพูอ่อนสกรีนคำว่า Bhutan แบบเดาได้ว่าซื้อมาจากที่นั่น ชายวัยเลข 4 ปลายดูเหมือนแบ็กแพ็กเกอร์มากกว่าเจ้าของโรงแรม หนวดเคราของเขายังคงเหมือนเมื่อ 20 ปีก่อน ต่างไปตรงผมตัดสั้นและมีสีขาวแซมบ้าง เขารู้ว่านี่คือการมาเยือนท้องทรายครั้งแรกของผม เลยอาสาพาเดินทัวร์

“เดินขึ้นไปจุดชมวิวกัน จะได้มีอะไรหน่อย” พูดจบเขาก็เดินนำผมไปตามทางสายหลักของโรงแรมเป็นถนนปูด้วยอิฐตัวหนอน คลุมด้วยอุโมงค์ต้นไม้ร่มครึ้ม ฝั่งซ้ายติดเขา ฝั่งขวาเป็นวิวทะเลที่ต้องมองผ่านพุ่มต้นไม้ออกไป เขาว่าเมื่อก่อนด้านขวาเป็นสนามหญ้าโล่ง ๆ

“คนรุ่นนั้นชอบอะไรโล่ง ๆ เรียบ ๆ แต่คนสวนก็ต้องตัดหญ้า เหนื่อย เสียงดัง ถ้าเราปลูกต้นไม้ใหญ่ หญ้าก็ไม่มี คนงานก็ไปทำอย่างอื่น พอเปลี่ยนอิฐจากสีส้มเป็นสีดำมันก็เย็นขึ้น ผมลงต้นไม้มา 10 กว่าปี ตอนนี้ไม่ร้อนแล้ว”

เราเดินผ่านบ่อน้ำข้างทางที่มีป้าย Water for Animal เป็นน้ำสะอาดที่เตรียมไว้ให้สัตว์ป่ากินช่วงหน้าร้อน ที่นี่มีนางอาย กระรอก กระแต และนกเกือบ 70 ชนิด อย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่าเป็นที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์ ถ้าพนักงานคนไหนทำร้ายสัตว์ โทษสถานเดียวคือไล่ออก

ธนกร ฮุนตระกูล 23 ปีของการทำโรงแรมสุดกรีนในสมุย สู่บทใหม่ Garrya Tongsai Bay Samui

กบพาผมเดินแยกออกจากทางหลัก เข้าสู่ทางเดินที่ตัดไปกลางดงต้นไม้ใหญ่เหมือนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เดินผ่านความชันมาได้ 1 หอบ เราก็มาถึงจุดสูงสุดของเขาน้อย ๆ ลูกนี้ มองไปรอบตัวเห็นวิวมุมสูงของหาดท้องทรายและหาดเชิงมน กบชี้ให้ดูโรงแรมมากมาย เขาไล่ชื่อให้ฟังว่ามีเชนไหนบ้าง รวมถึงโรงแรมที่อยู่บนหาดอื่น ๆ ของสมุย ถึงเป็นคนนอกวงการ ฟังดูก็รู้ว่าเป็นสมรภูมิการแข่งขันที่ดุเดือดมาก

โรงแรมที่เห็นส่วนใหญ่น่าจะสร้างอาคารกินพื้นที่ 70 – 90 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนบ้านท้องทราย กบบอกว่าไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ มองลงไปเลยเหมือนที่พักที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า

ธนกร ฮุนตระกูล 23 ปีของการทำโรงแรมสุดกรีนในสมุย สู่บทใหม่ Garrya Tongsai Bay Samui

“เราไม่อยากทำร้ายธรรมชาติ เรามี 83 ห้อง เฉลี่ยทั้งปีมีแขกประมาณ 70 – 80 เปอร์เซ็นต์ก็เก่งมากแล้วนะ ทำไมต้องไปสร้างเพิ่ม” กบเล่าต่อว่า ด้วยเหตุผลนั้นเองทำให้เขาตัดสินใจบริจาคที่ดินราว 200 แปลง ขนาดเกือบ 5,000 ไร่ทั่วเกาะสมุย ซึ่งคุณพ่อเขาซื้อเก็บไว้ ให้ชุมชนเก็บรักษาเป็นป่า เป็นปอด และเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิต

“ยังมีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะเลย อาจารย์จุลพร นันทพานิช เคยมาสำรวจต้นไม้ที่นี่แล้วบอกว่า หญ้าตรงนี้เป็นหญ้าเฉพาะถิ่น ขึ้นบนโขดหินเท่านั้น เราพยายามเชิญนักวิชาการมาสำรวจ แล้วถ่ายทอดความรู้ให้ รวมถึงชวน BIG Trees มาสอนวิชารุกขกรให้คนสวนด้วย จะได้ดูแลและตัดแต่งต้นไม้อย่างถูกวิธี”

เสียงจักจั่นยังคงคลอเป็นฉากหลังของการสนทนา

กบชวนผมเดินกลับ คราวนี้เขาเลือกเส้นทางที่ผ่านห้องพักต่าง ๆ เขามาที่นี่ครั้งแรกปี 1986 ในวัย 12 ปีพร้อมพ่อและทีมงาน 10 กว่าคน ช่วงนั้นพ่อของเขาประสบความสำเร็จกับการทำโรงแรมอิมพีเรียลที่ถนนวิทยุ จึงอยากขยายสาขามาต่างจังหวัด ภูเก็ตมีคนบุกเบิกไปแล้ว เลยเลือกสมุย ซึ่งวันนั้นมีแต่ที่พักแบบบังกะโล หลังจากดูทั่วเกาะ เจ้าของโรงแรมอิมพีเรียลก็หลงรักอ่าวท้องทรายแบบรักแรกพบ จนรีบกลับมาซื้อที่ดินผืนนี้

“เขารักท้องทรายมาก เขาซื้อที่นี่จากเจ้าของเดิมที่ทำบังกะโล 8 หลัง เขาเอาเตียงที่กางมุ้งได้มากางนอนริมหาด นอนแบบนี้อยู่ 3 เดือน เดินดูทุกจุดเพื่อคิดว่าตรงไหนจะทำห้องแบบไหนทีละหลัง จนได้จำนวนตามที่ต้องการ แล้วถึงคุยกับสถาปนิก เขาพยายามเปลี่ยนแปลงธรรมชาติน้อยที่สุด ตัดต้นไม้ใหญ่น้อยที่สุด เขาภูมิใจกับที่นี่มาก เขาเล่าบ่อยมากว่าเขาผูกพันกับที่นี่ยังไง” กบถ่ายทอดความทรงจำจากพ่อ

จากนั้นพ่อของกบก็เดินทางไปดูแบบโรงแรมที่เกาะซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี เลยออกมาเป็นอาคารที่เน้นทรงโค้งและมีพื้นผิวไม่เรียบ แต่ช่างทำออกมาไม่เนี้ยบเท่าไหร่ พอมาถึงยุคนี้กบจึงไม่ค่อยถูกใจนัก เขาเลยพยายามปลูกต้นไม้บังพื้นผิวนี้

ธนกร ฮุนตระกูล 23 ปีของการทำโรงแรมสุดกรีนในสมุย สู่บทใหม่ Garrya Tongsai Bay Samui

“3 ห้องนี้มีการขยายระเบียงชั้น 2 ออกมาให้ยาวขึ้น” กบชี้ให้ผมดู “หลังกลางขยายไม่ได้เพราะติดต้นไทร พ่อไม่ยอมให้ตัดต้นไม้ พอขยายไม่ได้ระเบียงก็สั้นกว่า ไม่ได้มาตรฐานเดียวกัน พ่อเลยเก็บห้องนี้ไว้ ไม่ขายจนถึงปัจจุบัน”

ธนกร ฮุนตระกูล 23 ปีของการทำโรงแรมสุดกรีนในสมุย สู่บทใหม่ Garrya Tongsai Bay Samui

กบพาผมมาคุยที่ร้านอาหาร Fish Tales หน้าหาด ซึ่งใช้พื้นที่ร่วมกับ Polar Bar ทีแรกทีมงานตั้งใจว่าจะทำเป็นร้านอาหารอิตาเลียน แต่กบไม่เห็นด้วย เพราะยากที่จะได้รสมือเหมือนคนอิตาเลียน เขาเลยเสนอให้ทำร้านซีฟู้ด ปรุงทั้งแบบไทย แบบอิตาเลียน แล้วมีพิซซาพาสตาเป็นตัวเสริม

ธนกร ฮุนตระกูล 23 ปีของการทำโรงแรมสุดกรีนในสมุย สู่บทใหม่ Garrya Tongsai Bay Samui

“ปู่ผมเป็นจีนไหหลำ มาเมืองไทยตั้งแต่ 5 – 6 ขวบ” กบเล่าใต้ต้นหูกวางที่เกิดก่อนปู่เขา “เรียนจบ ป.4 ก็ทำงานเป็นช่างไม้ ได้วิชาถ่ายรูปจากใครก็ไม่รู้ พอจีบย่าได้ก็ชวนกันเปิดร้านถ่ายรูปชื่อ ฉายาจิตรกร ที่วังบูรพา มีลูก 8 คน ตายไป 1 ถ่ายรูปเลี้ยงครอบครัวจนส่งลูกไปเรียนเมืองนอกได้เกือบทุกคน พ่อผมจบปริญญาตรีปรัชญา รัฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์จากอังกฤษ”

หลังจากเปิดร้านถ่ายรูปมาได้พักใหญ่ ปู่ของเขาก็ลงทุนทำโรงแรมอิมพีเรียลในซอยร่วมฤดีกับเพื่อน แต่เกิดอุบัติเหตุโรงแรมไฟไหม้ มีคนเสียชีวิต ต้องบูรณะขึ้นมาใหม่ เพื่อน ๆ ปู่ขายหุ้นหมด จนปู่กลายเป็นเจ้าของคนเดียว ปู่บอกกับพ่อของกบว่า ถ้าคิดว่าตัวเองเก่งก็มาช่วยที่บ้านสิ พ่อของกบในวันนั้นกำลังจะไปทำงานธนาคารที่นิวยอร์ก แต่ก็เลือกลาออกมาช่วยทำโรงแรม โดยมีเงื่อนไขว่า เขาต้องเป็นคนตัดสินใจคนสุดท้าย จากนั้นเขาก็ได้ ชมภูนุช ฮุนตระกูล ภรรยาที่มีประสบการณ์ในการทำโรงแรมมาช่วยบริหาร ขยายโรงแรมอิมพีเรียลวิทยุจาก 200 ห้องเป็น 400 ห้อง และเปิดโรงแรมเพิ่มจนมีจำนวนเกือบ 10 แห่ง

“เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้วกล้าได้กล้าเสีย กู้เงินมาขยายสาขา พอเศรษฐกิจตกก็กระทบเต็ม ๆ” กบเล่าถึงสถานการณ์ช่วงที่มีสงครามอ่าวเปอร์เซีย รัฐประหารของ รสช. ตามด้วยพฤษภาทมิฬ ทำให้ต้องขายกิจการเพื่อใช้หนี้เกือบ 6,000 ล้านบาท ใน พ.ศ. 2537

“เขาพลาดตรงไปสร้างโรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์คขนาด 1,400 ห้อง ซึ่งมีจำนวนห้องมากที่สุดในประเทศตอนนั้น ทำยังไงจะให้เต็มทุกวัน เขาขายได้ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง 2 ปี เขาเคยบอกว่าเครียดมาก ถ้าขายไม่ได้เขาอาจจะฆ่าตัวตายก็ได้ เพราะมีหนี้ที่จ่ายไม่ได้ ดอกเบี้ยวันละล้าน ปีหนึ่งดอกเบี้ยอย่างเดียวก็ 365 ล้านแล้ว เมื่อ 30 ปีที่แล้วนะ”

บ้านท้องทรายไม่ได้อยู่ในเครืออิมพีเรียล จึงเป็นกิจการเดียวที่ยังเหลืออยู่

“จากที่เคยทำโรงแรมหลายพันห้อง พนักงาน 5,000 คน เขาเรียกตัวเองตอนนั้นว่า เป็นแค่คนดูแลโรงแรม (Innkeeper) เพราะที่นี่มีแค่ 80 ห้อง ซึ่งสำหรับเรามันเยอะมากนะ”

ธนกร ฮุนตระกูล 23 ปีของการทำโรงแรมสุดกรีนในสมุย สู่บทใหม่ Garrya Tongsai Bay Samui

ช่วง พ.ศ. 2535 อากร ฮุนตระกูล ก็เริ่มเข้าสู่วงการการเมือง

“เขาสนใจเรื่องสังคม เชื่อว่าสังคมต้องอยู่อย่างยุติธรรม ต่อต้านการเอาเปรียบทางการค้า เช่น การผูกขาดหรือการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม” พ่อของกบได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. กรุงเทพมหานคร ในสังกัดพรรคพลังธรรม ยุคพลตรีจำลอง ศรีเมือง เขาโดนครหาว่าปั่นหุ้นในช่วงเปิดประชุมรัฐสภา ซึ่ง ส.ส. มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง เขาเลยขอลาออกมาต่อสู้อย่างถูกต้อง ซึ่งผลออกมาว่าเขาไม่มีความผิด

พ.ศ. 2539 เขาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ด้วยความคิดว่า ถ้าไม่ได้ ก็ถือว่าได้ขายไอเดีย ‘ทำกรุงเทพฯ ให้เล็กลง’ เพราะสิ่งที่เขาเสนอเกินอำนาจของผู้ว่าฯ ไปเยอะ เช่น ลดภาษีรายได้นิติบุคคลให้บริษัทที่อยู่นอกกรุงเทพฯ เป็นแรงจูงใจให้คนย้ายออกไปอยู่จังหวัดอื่น ๆ รวมถึงย้ายหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากกรุงเทพฯ เช่น หน่วยงานทหาร หน่วยงานด้านประมง เกษตร

เขาไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่นั่นก็ทำให้คนจำนวนมากรู้จักชายชื่อ อากร ฮุนตระกูล และโรงแรมบ้านท้องทรายกลางธรรมชาติบนเกาะสมุยของเขา

กบเรียนเศรษฐศาสตร์ที่อังกฤษเหมือนพ่อ พอเรียนจบ เขาก็แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวทะเลแดงที่อียิปต์ จากนั้นก็กลับมาเมืองไทย เรียนภาษาสเปนเล็กน้อย แล้วแบกเป้ไปลุยอเมริกาใต้อยู่ 2 – 3 เดือน

กลับมาเขาทำงานเป็น Strategic Planner ที่เอเจนซี่ DYR เป็นลูกน้องของ จิตร์ ตัณฑเสถียร หรือ พระจิตร์ จิตฺตสํวโร ในปัจจุบัน ทำไม่ถึงปีก็ถูกพ่อเรียกตัวมาช่วยงานที่บ้าน เพราะพ่อป่วยเป็นมะเร็งรอบสอง และกำลังใช้ชีวิตแบบนับถอยหลัง

“เราจะปฏิเสธยังไงล่ะ ก็ลาออกมาอยู่ที่นี่ เพื่อนก็ไม่มี แฟนก็ไม่มี ตอนนั้นคิดว่ามาอยู่สมุย โอกาสเจอสาวคงน้อยลงไปเยอะ แต่เอาเข้าจริง ๆ ไม่แย่ขนาดนั้น มันก็พอได้นะ” กบหัวเราะ

ธนกร ฮุนตระกูล 23 ปีของการทำโรงแรมสุดกรีนในสมุย สู่บทใหม่ Garrya Tongsai Bay Samui

เขาเริ่มงานจากฝ่ายขาย ยุคนั้นต้องหาแขกผ่านบริษัททัวร์ เขาต้องเดินทางไปยุโรป 7 เมือง 10 ประเทศในเวลาเดือนกว่าเพื่อหาลูกค้า ซึ่งเขาทำได้ดีมาก พ่อเขาเลยย้ายให้ไปเรียนรู้เรื่อง Operation ในตำแหน่งผู้ช่วย GM กบผู้ไม่สนใจเรื่องช่างเรื่องก่อสร้างจึงปฏิเสธ

“พ่อบอกว่าโอกาสมาถึงแล้ว ถ้าไม่เอาก็ต้องไปหาคนอื่น แล้วถ้าวันหนึ่งบอกว่าพร้อม แต่เรามีคนอื่นแล้ว พ่อก็จะไม่เขี่ยเขาออกเพื่อดันกบขึ้นมานะ” กบเล่าวิธีที่พ่อหว่านล้อม

“พ่อสอนผมเยอะมาก ทั้งเรื่องงาน เรื่องปรัชญาการใช้ชีวิต ตอนนั้นอาจจะไม่รู้ตัว แต่พอเขาเสีย เจอเหตุการณ์อะไร คำสอนของเขาก็จะผุดขึ้นมา เช่น เขาเชื่อเรื่องความยุติธรรม เวลาซื้ออะไรจากใคร ไม่ควรไปต่อราคาจนเขาไม่ได้อะไร ถ้าเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกัน เราต้องได้ เขาก็ต้องได้”

กบรู้ว่ายังไงเขาก็ต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนเกาะสมุยไปอีกนาน คนหนุ่มอย่างเขาก็เลยมีเป้าหมายสำคัญอีกอย่าง “ตอนไปกรุงเทพฯ ผมเจอกอหญ้า เป้าหมายของผมคือจีบกอหญ้า แล้วทำยังไงก็ได้ให้เขาอยากมาใช้ชีวิตกับเราที่สมุย พอทำได้ ชีวิตจากนี้อะไรก็ได้แล้ว เราย้ายมาอยู่ด้วยกันที่สมุยปี 2000 ตอนอายุ 25 พอหมั้นเสร็จ ยังไม่ทันได้จัดงานแต่งงาน พ่อก็เสีย”

ท้องทรายก็เลยมาอยู่ในมือของกบและกอหญ้าตั้งแต่ตอนนั้น

กบ-ธนกร ฮุนตระกูล ทายาทโรงแรมผู้บุกเบิกโรงแรมยั่งยืนในไทยกับการปรับ ‘บ้านท้องทราย’ สู่ ‘Garrya Tongsai Bay Samui’

กบวางสายจากกอหญ้า พวกเขาจะพาเพื่อนออกไปรับประทานอาหารเย็นกันหลังสัมภาษณ์เสร็จ

“กอหญ้าลำบากกว่าผมเยอะ เขามาอยู่ในท้องทรายโดยไม่รู้จักใครเลยนอกจากผม ส่วนผมพ่อตายแล้วเราก็ยังเอาตัวไม่ค่อยรอดเลย พ่อมีอิทธิพลต่อทุกคนที่นี่ ทั้งเรื่องความคิดและเป็นขวัญกำลังใจ ผมอายุ 25 พนักงานเขาลองของอยู่แล้ว มันจะได้สักเท่าไหร่ของพ่อมันวะ มีเมียมาอีก เมียก็ไม่เคยทำโรงแรม มันลองของทุกแผนกเลย พนักงานทุกคนเป็นพี่เราหมด เห็นเรามาตั้งแต่เรายังเด็ก ๆ เราบอกว่าน่าจะทำแบบนี้ เขาก็บอกว่า ปกติทำอีกแบบนะ อะไรก็ยากไปหมด

“มีเหตุการณ์หนึ่งที่เรารู้สึกว่า มึงแกล้งกูนี่หว่า มีแขกมาร้องเรียนเรื่องหนึ่งแล้วเขาก็ทำให้แขกมาว่ากอหญ้า ทั้งที่ทำแบบอื่นได้ ถ้ามันไม่โง่ มันก็แกล้งกู พนักงานคนนี้เคยอยู่ในครัวแล้วเราโปรโมตขึ้นมา เจอแบบนี้เราก็บอกว่า คุณแก้ปัญหาแบบนี้ไม่ควรเจอลูกค้านะ เราลดตำแหน่งให้เขาไปอยู่ในครัวเหมือนเดิม จากนั้นพนักงานก็เริ่มหงอ เห็นว่าเราเอาจริง” กบเล่าต่อว่าช่วงเวลาที่เขารู้สึกว่าพนักงานยอมรับในตัวเขา คือตอนไป Outing ด้วยกันที่ต่างจังหวัด ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้คุยกันแบบไม่ใช่เจ้านายลูกน้อง

กบ-ธนกร ฮุนตระกูล ทายาทโรงแรมผู้บุกเบิกโรงแรมยั่งยืนในไทยกับการปรับ ‘บ้านท้องทราย’ สู่ ‘Garrya Tongsai Bay Samui’

บ้านท้องทรายยุคของกบและกอหญ้าต่างไปจากเดิมตรงที่พวกเขาเอาจริงเอาจังเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น “เรารักสัตว์มากกว่าคน เพราะคนมีทางเลือก การใช้มอเตอร์ไซค์ในโรงแรมของช่าง อาจจะมีเรื่องเสียงบ้าง มลพิษทางอากาศบ้าง เราไม่ค่อยคิดมาก แต่เราซีเรียสกับการใช้สารเคมีในสวนแล้วสัตว์ตาย สัตว์ต้องอยู่กับเราได้ เราไม่ใช่เจ้าของท้องทราย ร้อยปีก่อนมันก็อยู่ของมัน มีต้นไม้ มีสัตว์ที่อยู่มาก่อนเรา ทำไมเราถึงคิดว่าวันนี้เราเป็นเจ้าของท้องทรายแล้วทำให้สัตว์ตายหมดเพราะกูอยู่ร่วมกับมึงไม่ได้ มึงทำให้แขกกูกลัว อ้าว ถ้าแขกกลัวก็ไม่ต้องมาสิ 

“ยุคผมฮาร์ดคอร์กับแขกมาก เราไม่พ่นยาฆ่ายุงเหมือนโรงแรมอื่นที่จะทำกันช่วงบ่าย 3 บ่าย 4 ถ้าทำแบบนั้นแมลงอื่นจะตายหมด กระทบห่วงโซ่อาหาร นกตาย กระรอกตาย จิ้งเหลนตาย ถ้าจะป้องกันตัวเองจากยุง ก็ฉีดยากันยุงที่ตัว หรือใช้วิธีอื่นที่ไม่ใช่การเอายาพิษไปฆ่าแมลงซึ่งเป็นอาหารของสัตว์อื่น”

กบเล่าว่าพนักงานแอบสั่งซื้อไบกอนไปฉีดรังมดแดงบนต้นหูกวาง เพราะเขาอยากปีนไปตัดแต่งกิ่งโดยไม่โดนมดกัด กบเข้าใจเขา แต่ก็ยืนยันว่าจะไม่ใช้สารเคมีในสวน ถ้ามีมดก็ไม่ต้องตัด หรือตัดเฉพาะกิ่งที่ไม่ต้องปีน ส่วนหนูก็ใช้กรงดักแล้วเอาไปปล่อยเท่านั้น ห้ามใช้กาว ถ้าเป็นงูไม่มีพิษก็จับไปปล่อยบนเขา ถ้ามีพิษก็เอาไปให้ฟาร์มงู

ที่นี่ไม่ใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้ง แยกขยะ และมีการจัดการขยะเศษอาหารแบบ Zero Waste เปลือกผลไม้เอาไปหมักเป็นน้ำยาทำความสะอาด เศษอาหารส่วนใหญ่เอาไปหมักเป็นปุ๋ยใช้ในสวนผักออร์แกนิกและสวนของโรงแรม ส่วนที่เหลือเอาไปเป็นอาหารฟาร์มหมู และอาหารสัตว์ในศูนย์ดูแลสัตว์

“แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหตุผลในการเลือกโรงแรมของแขกไทยนะ” กบเล่าอย่างเข้าใจ

เนื่องจากพรุ่งนี้จะมีพิธีเปิดโรงแรมโฉมใหม่ แขกประจำหลายคนจากทั่วโลกจึงได้รับเชิญมาร่วมงาน กบแนะนำให้ผมรู้จัก มอส กับ เอมม่า เป็นแขกที่มาพักกว่า 15 ครั้ง พวกเขาแต่งงานแบบไทยที่นี่ท่ามกลางสายฝน แล้วก็กลับมาจัดงานฉลองครบรอบ 20 ปีที่นี่

ท้องทรายเปิดปี 1987 สนามบินสมุยเปิดปี 1989 แล้วก็มีโรงแรมขนาดใหญ่เปิดตามมาอีก 2 แห่ง ยุคนั้น 3 โรงแรมบนเกาะสมุยเนื้อหอมมาก บริษัททัวร์ต่างชาติต้องอ้อนวอนต่อคิวรอปันส่วนโควตาห้องพักไปขาย แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว

กบ-ธนกร ฮุนตระกูล ทายาทโรงแรมผู้บุกเบิกโรงแรมยั่งยืนในไทยกับการปรับ ‘บ้านท้องทราย’ สู่ ‘Garrya Tongsai Bay Samui’

“ลูกค้าประจำของเราอายุมากขึ้น 20 ปีที่แล้วเรามีแขกอายุ 60 ที่กลับมาแล้วกลับมาอีก ตอนนี้อายุ 80 แล้ว เขากลับมายากขึ้น บางคนก็เสียชีวิตไปแล้ว แขกกลุ่มใหม่มีทางเลือกเยอะขึ้น ถ้ามาเที่ยวเมืองไทยมีทั้งภูเก็ต กระบี่ พังงา พะงัน เกาะเต่า ซึ่งตอบความต้องการแขกแต่ละประเภทย่อยลงไปอีก ในสมุยเองก็มีโรงแรมเยอะมาก มีหลายเชนด้วย”

กบมองว่าลูกค้าชาวไทยนิยมไปพักโรงแรมที่ขับรถไปง่าย ๆ เช่น หัวหิน เขาใหญ่ ถ้าต้องบินไปก็เลือกภูเก็ตก่อนสมุย ถ้าเลือกสมุยก็ยังมองว่าบ้านท้องทรายเป็นโรงแรมเก่า ไม่มีสถาปัตยกรรมว้าว ๆ ให้ถ่ายรูป

“เราอ่อนตลาดไทยมาก ไม่มีกลยุทธ์อะไรจะไปแข่งกับเขา แต่เรามีฐานลูกค้าที่ชอบเราอยู่บ้าง และเราก็เป็นผู้นำเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ทำมาตั้งแต่ปี 2002” สองผู้บริหารสามีภรรยาเลือกที่จะไม่ขยายสาขา “เราไม่ได้คิดแบบนักธุรกิจเท่าไหร่ ถ้ามีอีกสาขา ถ้าธุรกิจไม่ดีก็ถัว ๆ กันได้ ต่อรองกับซัพพลายเออร์ได้ดีขึ้น แต่เราอยากเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่ไม่มีสาขา ถ้าอยากกินต้องมาที่ร้านเราเท่านั้น ซึ่งมันก็มีข้อเสียนะ พนักงานจะโตยาก คนที่อยู่กับเรานาน ๆ ส่วนใหญ่เลยเป็นคนที่ไม่ได้ทะเยอทะยานอยากเติบโตเร็ว ๆ”

เสียงโทรศัพท์จากภรรยาของเขาดังขึ้นอีกครั้ง กบขอตัวไปรับรองเพื่อนสมัยเรียนอังกฤษก่อน

ร้านอาหารเช้าของโรงแรมชื่อ หรอย หรอย! ช่วงกลางวันเป็นร้านอาหารไทย แต่ตอนเช้าเป็นบุฟเฟต์อาหารนานาชาติที่มีจุดเด่นตรงขนมปังอบเอง ผลไม้ออร์แกนิกจากสวนของโรงแรม และน้ำผลไม้รวมสูตรพิเศษที่พนักงานปั่นให้ลูกค้าทีละแก้วตามความต้องการ

กบมีบ้านส่วนตัวอยู่ในเขตโรงแรม เขาอยู่กับกอหญ้า มีหมา 2 ตัว แม่บ้าน 1 คน ถ้ามีปัญหาอะไรเร่งด่วนพนักงานมักจะโทรหาเขาก่อน GM ซึ่งพักนอกโรงแรม เช่น มีพนักงานเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มสมองเปิดอยู่ที่โรงพยาบาล ก็โทรมาถามกบว่าจะให้ผ่าตัดไหม ถึงแม้กบจะคิดว่าเรื่องพวกนี้ควรให้ GM จัดการ แต่เรื่องคอขาดบาดตายควรรีบตัดสินใจช่วยชีวิตคนก่อน เขาบอกว่า พอได้ยินเสียงวิทยุสื่อสารดัง หรือมีสายจากพนักงานโทรมา ก็รู้แล้วว่ามีปัญหาให้เขาออกไปแก้

“บางทีผมก็คิดว่าจะเฝ้าท้องทรายไปจนตายเหรอ” กบเล่าชีวิตของเขาต่อ หลังจากอิ่มหนำกับอาหารเช้าแล้ว

“ลูกค้าของเราคนหนึ่งทำโรงแรมที่อิตาลี เขาบอกว่าอย่าให้งานโรงแรมกลืนกินชีวิตเรา ก็จริง เราเลยเกิดคำถาม ทำไมเจ้าของโรงแรมอย่างสันติบุรีบนเกาะสมุยถึงบริหารโรงแรมได้โดยไม่ต้องนอนในโรงแรมเหมือนเรา เขาอยู่กรุงเทพฯ ปีหนึ่งมากี่ครั้งก็ไม่รู้ แต่ก็ทำกำไรได้ ทุกครั้งที่เราไปกรุงเทพฯ เรามีความสุข ไม่คิดถึงโรงแรมด้วยซ้ำ มีปัญหาอะไรก็แก้ทางโทรศัพท์ เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนแรกที่จัดการปัญหาก็ได้ ปี 2009 ก็เลยย้ายกลับกรุงเทพฯ”

กบ-ธนกร ฮุนตระกูล ทายาทโรงแรมผู้บุกเบิกโรงแรมยั่งยืนในไทยกับการปรับ ‘บ้านท้องทราย’ สู่ ‘Garrya Tongsai Bay Samui’

กบเลือกซื้อที่ดินปลูกบ้านใกล้ ๆ บ้านแม่กอหญ้า เพื่อคืนเวลาให้กอหญ้าได้ดูแลครอบครัว ได้สัมผัสกับความอบอุ่นของครอบครัวบ้าง การบริหารโรงแรมก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ GM แต่เขาก็ยังลงไปดูรายละเอียดตัวเลขในรายงานแต่ละวัน ดูว่าปัญหาคืออะไร แก้ยังไง วินิจฉัยปัญหาถูกหรือเปล่า

ด้วยความจริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม ช่วงนั้นเขาถูกเชิญมาร่วมเป็นกรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ลงพื้นที่กับทีมงานไปในทุ่งใหญ่นเรศวร เพื่อดูการทำงานในพื้นที่เรื่องการจัดการความขัดแย้งของคนที่อยู่กับป่า ได้ไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ได้ลงพื้นที่สำรวจป่ากับนักวิจัย แล้วก็ช่วยงานด้านการสื่อสารต่าง ๆ จนกลายเป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งของมูลนิธิสืบฯ

กบ-ธนกร ฮุนตระกูล ทายาทโรงแรมผู้บุกเบิกโรงแรมยั่งยืนในไทยกับการปรับ ‘บ้านท้องทราย’ สู่ ‘Garrya Tongsai Bay Samui’

“เราเครียดนะ เพราะเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอ” กบเล่าถึงช่วงวิกฤตโควิด-19

“เราไม่มีหนี้ มีเงินเก็บที่มาจากกำไรของบริษัทที่ทบ ๆ มาตลอด 35 ปี ลองคำนวณดูว่าถ้าไม่มีรายได้เลย แต่ต้องจ่ายเงินทุกเดือนเราจะอยู่ได้กี่ปี บางคนบอกว่าอีก 2 – 3 ปีถึงจะฟื้น ค่าใช้จ่ายที่มากสุดของโรงแรมคือค่าคน เราเลยตัดสินใจให้ลงชื่อลาออกรับเงินก้อน จ่ายเต็มตามที่กฎหมายกำหนด ปรากฏว่าพนักงาน 80 เปอร์เซ็นต์อยากได้เงินก้อนแล้วกลับบ้าน สิ่งที่หักมุมคือบางคนเราอยากให้เขาอยู่ต่อแล้วต้องเจอกับ Leave Without Pay เขารู้สึกเหมือนโดนทำโทษ คนที่ได้ลาออกพร้อมเงินก้อนเหมือนได้รางวัล เหมือนใจเขาไปแล้ว สุดท้ายหลายคนก็ลาออกโดยไม่ได้อะไรเลย”

กบ-ธนกร ฮุนตระกูล ทายาทโรงแรมผู้บุกเบิกโรงแรมยั่งยืนในไทยกับการปรับ ‘บ้านท้องทราย’ สู่ ‘Garrya Tongsai Bay Samui’

พอพนักงานออกไปครึ่งหนึ่ง ค่าใช้จ่ายลดลง โรงแรมก็ทำโปรโมชันหั่นราคาจนมีรายได้เข้ามาบ้างจากนักท่องเที่ยวไทยในช่วงวันหยุด แต่ก็ไม่พอ นักการตลาดแนะนำให้เปิดคาเฟ่เพื่อให้คนมาถ่ายรูป เขาก็ลองขายกาแฟกับขนมผู้หญิง ๆ ตามคำแนะนำ ก็ได้คนไทยในเกาะมากินวันละ 20 คน ซึ่งเลี้ยงโรงแรมไม่ได้อยู่ดี เมื่อโควิดระลอกสุดท้ายมา บ้านท้องทรายเลยปิดตัวเองไป 7 เดือน

“เราเกิดคำถามว่า จะขายโรงแรมเลยดีไหม หรือให้คนมาเช่า หรือจ้างเชนมาบริหาร” ซึ่งไม่ว่าทางเลือกไหน ก็เหมือนเขาจะล้มเหลวในการรักษามรดกของครอบครัว “แน่นอนว่าเรารู้สึกเรื่องนี้ แต่เราต้องแคร์คำคนอะไรขนาดนั้น บ้านท้องทรายอยู่ตรงนี้มาแล้วเป็นล้านปี เราเป็นเจ้าของแค่ 35 ปี แล้ววันหนึ่งเราก็ต้องตาย พ่อทำอยู่ 13 ปี ผมกับกอหญ้าทำอยู่ 23 ปี นานกว่าพ่ออีก ถ้าเราตายแล้ว เราต้องมาแคร์เรื่องพวกนี้อีกเหรอ เราต้องยึดติดกับสถานที่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

กบบริหารบ้านท้องทรายด้วยตัวเองมา 23 ปี ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจให้เชนเข้ามาบริหารแทน โดยเลือกเครือ Banyan Tree เพราะเป็นเชนเดียวที่ได้คุยตรงกับเจ้าของคือ KP Ho (Ho Kwon Ping) เป็นเชนที่มีความเป็นธุรกิจครอบครัวเหมือนบ้านท้องทราย และ KP กับพ่อของกบก็รู้จักกันมาเนิ่นนาน

ธนกร ฮุนตระกูล 23 ปีของการทำโรงแรมสุดกรีนในสมุย สู่บทใหม่ Garrya Tongsai Bay Samui

“ผมเคยไปโรงแรม Banyan Tree ที่ภูเก็ตตั้งแต่ยังเด็ก ประทับใจมาก ไม่เคยเห็นโรงแรมไหนตกแต่งสไตล์ไทย ๆ แบบนี้มาก่อน พ่อก็ชื่นชมว่าเป็นแบรนด์ที่ทำได้ดี ประสบความสำเร็จ ตอนผมไปเที่ยวฮ่องกง เราชอบธรรมชาติเลยไปเกาะเล็ก ๆ ชื่อลัมมา มีถนนเลนเดียว รถที่ใช้ก็เป็นคันเล็ก ๆ เด็ก ๆ ขี่จักรยานไปขึ้นเรือเพื่อไปเรียนในเมือง ผมโคตรชอบเลย KP กับภรรยาเคยอยู่ที่นี่ 3 ปี คำว่า Banyan Tree ก็เกิดขึ้นที่นี่ มันมีความถูกชะตากันในระดับหนึ่ง” รวมถึงเรื่องที่ทุกคนแซวกันว่าเลือก Garrya เพราะคล้าย ๆ ‘กอหญ้า’

พ่อของกบเคยเปรียบบ้านท้องทรายว่าเหมือนโรงแรมโอเรียนเต็ลของเกาะสมุย มีความเก่าแก่ กบจึงมองว่าการรีแบรนด์ใหม่ควรรักษาความเก๋านี้เอาไว้ แต่ปรับให้ไม่ตกยุค กบเลยเลือกใช้แบรนด์ Garrya ของ Banyan Tree ซึ่งเน้นเรื่อง Wellness เรื่อง Mindful มีความเรียบง่าย เป็นมิตรกับธรรมชาติ และเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งมีแค่ 3 แห่งในโลก

Garrya ส่งคนมาอบรมให้พนักงานบ้านท้องทรายเข้าใจถึงแก่นของแบรนด์ใหม่ แล้วก็ปรับเปลี่ยนชื่อและคอนเซปต์ร้านอาหารทั้งหมดภายในโรงแรม อย่างร้าน Evol เป็นร้านขนาด 20 ที่นั่ง เน้นอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารมังสวิรัติ ใช้วัตถุดิบจากสวนออร์แกนิกของโรงแรมและจากท้องถิ่น ปรุงอย่างสร้างสรรค์ เอาแค่รายชื่อเมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเต็มหน้าก็สนุกแล้ว

กบ-ธนกร ฮุนตระกูล ทายาทโรงแรมผู้บุกเบิกโรงแรมยั่งยืนในไทยกับการปรับ ‘บ้านท้องทราย’ สู่ ‘Garrya Tongsai Bay Samui’

บ้านท้องทรายกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากช่วงโควิด ในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2022 ในชื่อ Garrya Tongsai Bay Samui ช่วงลองเปิดตัวผ่านไปด้วยดี มีลูกค้าต่างชาติกลับมามากมาย ก่อนจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในเย็นนี้

กบเดาว่าหลังจากนี้เขากับกอหญ้าน่าจะมีชีวิตที่ว่างขึ้น เขาเล่าแผนเดินทางให้ฟังมากมาย ทั้งการไปเล่นสโนว์บอร์ดที่เขาอินมากจนไปซื้อบ้านที่เมืองนิเซโกะ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงแผนไปเที่ยวซาฟารีที่แอฟริกา เหมือนได้ปลุกวิญญาณความเป็นหนุ่มสาวออกไปใช้ชีวิตในช่วง Gap Year อีกครั้ง

เรานัดถ่ายรูปกันในช่วงเย็นก่อนเริ่มพิธีเปิดสัก 1 ชั่วโมง

ถึงตอนนั้น เราคงต้องเรียกบ้านท้องทรายอย่างถูกต้องว่า Garrya Tongsai Bay Samui

ก่อนที่ชื่อและหลาย ๆ อย่างจะเปลี่ยนไป ผมถามคำถามสุดท้ายว่า ‘บ้านท้องทราย’ มีความหมายกับเขาอย่างไร

“เป็นผู้มีพระคุณกับผมมาก” เขาตอบทันที แล้วใช้เวลาเรียบเรียงความคิดครู่ใหญ่

“ตอนอายุ 16 พ่อให้กลับจากอังกฤษมาทำงานตอนซัมเมอร์ กลางวันเป็นพนักงานเสิร์ฟ กลางคืนออกไปเที่ยว ทำให้เราได้เจอโน่นเจอนี่เยอะมาก ได้รู้จักตัวเอง ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ได้เจอคนที่หลากหลาย อายุ 18 ก็ทำแบบเดิม ทำให้ผมรู้จักสมุย พอเจอกอหญ้าเราก็มาอยู่ด้วยกันที่นี่ ชีวิตครอบครัวเราเกิดขึ้นที่นี่ บ้านท้องทรายเป็นธุรกิจเดียวที่เรามี ทำให้เรามีเงินใช้จ่ายถึงทุกวันนี้ ผมถึงมองว่าบ้านท้องทรายคือผู้มีพระคุณกับผม” กบปิดประโยคด้วยรอยยิ้ม

กบ-ธนกร ฮุนตระกูล ทายาทโรงแรมผู้บุกเบิกโรงแรมยั่งยืนในไทยกับการปรับ ‘บ้านท้องทราย’ สู่ ‘Garrya Tongsai Bay Samui’

Writer & Photographer

ทรงกลด บางยี่ขัน

ทรงกลด บางยี่ขัน

ตำแหน่งบรรณาธิการโดยอาชีพ เป็นนักเดินทางมือสมัครเล่น แบ่งเวลาไปสอนหนังสือโดยสมัครใจ และชอบจัดทริปให้คนสมัครไป