ฟิตร่างกายให้พร้อม เตรียมเงินในกระเป๋าให้พอ เพราะงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 52 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 22 กลับมาอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สนามเก่าที่เราคุ้นเคย!

ปีนี้สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ชวนนักอ่านทุกท่านลงสนามอ่านมาราธอนในธีม Booklympics! มาพร้อมกิจกรรมการแข่งขันมากมายที่ยกระดับงานสัปดาห์หนังสือให้สนุกยิ่งกว่าเก่า ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมประลองความเร็วตรวจคำผิดเพื่อเฟ้นหา ‘สุดยอดนักพิสูจน์อักษร’ วอร์มปากให้พร้อม วอร์มหูให้ดี เพื่อเตรียมหา ‘สุดยอดนักขาย’ ดึงจินตนาการออกมาให้โลกจดจำเพื่อค้นหา ‘สุดยอดนักคิด-พล็อตเรื่องสั้น’ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการแข่งขัน ‘สุดยอดนักออกแบบปก’ และ ‘สุดยอดนักอ่าน’ ด้วย

แต่ก่อนออกตัวจากจุดสตาร์ตสู่เส้นชัยในสนามหนังสือ เรารวบรวมลิสต์หนังสือใหม่ที่ควรค่าแก่การแย่งชิงให้มาอยู่ในกองดอง เอ๊ย! ห้องสมุดส่วนตัวของพวกเรามาให้แล้ว โดยทั้งหมดแนะนำโดยโค้ชตัวจริงประจำสำนัก พิจารณาเสร็จก็อย่ารีรอ รีบลงสนามกันเลย!

01

ชื่อหนังสือ : Business Family

ผู้เขียน : ดร.กฤษฎ์เลิศ สัมพันธารักษ์

สำนักพิมพ์ : The Cloud

บูท : ฝากขายที่มติชน J47, Avocado Books G10, B2S H45, ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย M15, 10 มิลลิเมตร L31, นายอินทร์ B46

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : readthecloud.store

Business Family คือพ็อกเกตบุ๊กเล่มใหม่ที่ The Cloud ภูมิใจนำเสนอ คัดสรรจากคอลัมน์ชื่อเดียวกันโดย ดร.กฤษฎ์เลิศ สัมพันธารักษ์ ว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัวธุรกิจผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและความล้มเหลวของธุรกิจครอบครัว 30 แห่งจากหลายประเทศทั่วโลก แต่ละบทได้ถอดบทเรียนจากประสบการณ์ของแต่ละครอบครัว โดยเลือกกรณีศึกษาให้ครอบคลุมบทเรียนหลัก ๆ ในตำราและชั้นเรียนวิชาธุรกิจครอบครัวที่สอนในสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลก และเคสที่ไปค้นคว้ามาแบบพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น LVMH, Gucci, Ford, Heineken, EVA Air, Shaw Brothers Studio, Samsung และ Patagonia

ธุรกิจครอบครัวถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ต้องการการบริหารจัดการแบบพิเศษ แต่แทบไม่มีการสอนอย่างจริงจังในโรงเรียนธุรกิจ ดร.กฤษฎ์เลิศ ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เลือกเขียนหนังสือเล่มนี้บนโครงทางทฤษฎีวิชาการแบบที่นำไปใช้เป็นเคสเรียนได้เลย แต่เลือกเล่าในมุมที่ค่อนข้างแปลกใหม่ คือเล่าเรื่องเบื้องหลังธุรกิจแบรนด์ดังของโลกผ่านเรื่องราวในครอบครัว (เพราะเขาเชื่อว่าการตัดสินใจของธุรกิจคือคน ซึ่งก็คือสมาชิกครอบครัวนั้นเอง) นี่จึงเป็นครั้งแรก ๆ ที่เราจะได้รับรู้เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในครอบครัวดัง ๆ ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจ และเป็นบทเรียนที่ทั้งน่าดำเนินตามและควรหลีกเลี่ยง มันจึงเหมือนตำราวิชาการที่มีรสชาติคล้ายซีรีส์หักเหลี่ยมเฉือนคมของคนในครอบครัว

นี่คือหนังสือเล่มที่ 3 ของ The Cloud ซึ่งตั้งต้นมาจากพอดแคสต์และคอลัมน์ Business Family แล้วนำมาเรียบเรียงใหม่ รวมทั้งเขียนเพิ่มอีกกว่าครึ่ง กลายเป็น 30 ตอนคุณภาพ หนังสือเล่มนี้เลยเป็นเรื่องราวของธุรกิจทายาทรุ่นสองสไตล์ The Cloud ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องกิจการดังของโลก โดยนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ผู้หลงรักเรื่องราวของธุรกิจครอบครัวพอ ๆ กับเรื่องราวประวัติศาสตร์ ซึ่งแฟน ๆ The Cloud จะชอบอย่างแน่นอน ส่วนผู้อ่านที่เพิ่งรู้จักกันเป็นครั้งแรก หนังสือเล่มนี้น่าจะทำให้คุณอยากตามงานอื่น ๆ ของ ดร.กฤษฎ์เลิศ และ The Cloud

ทรงกลด บางยี่ขัน
บรรณาธิการบริหาร

02

ชื่อหนังสือ : 365 DAYS OF THAI URBAN MESS ARCHITECTURE สถาปัตยกรรมคณะเรี่ยราด

ผู้เขียน : ชัชวาล สุวรรณสวัสดิ์

สำนักพิมพ์ : แซลมอน

บูท : K08

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : Salmon Books

365 DAYS OF THAI URBAN MESS ARCHITECTURE สถาปัตยกรรมคณะเรี่ยราด คือบันทึกภาพสเกตช์และเรื่องราวสั้น ๆ ถึงข้าวของรอบตัว สิ่งละอันพันละน้อยที่เกิดขึ้นเรี่ยราดตามรายทาง สิ่งของที่เดินเจอได้ทุกวันอันเกิดจากฝีมือผู้คนตัวเล็ก ๆ ในเมือง ซึ่งมีข้อจำกัดและเงื่อนไขมากมาย จนต้องดีไอวายสิ่งของที่หาได้เพื่อใช้งานและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการโชว์ของหน้าร้านแบบไทย ๆ การใช้รั้วริมทางหรือต้นไม้เป็นจุดเก็บของ นำไม้ไผ่ใกล้ตัวมาต่อเป็นราวตากผ้า ทำสไลเดอร์ปล่อยปลาแบบวัดเก๋ ๆ หรือทำท่อพีวีซีให้เป็นทุกอย่างที่ไม่ใช่ท่อน้ำ

หนังสือเล่มนี้ต่อยอดมาจากโปรเจกต์ที่ ชัชวาล สุวรรณสวัสดิ์ ตั้งใจว่าใช้เวลา 1 ปีเก็บและวาดภาพสิ่งของไทย ๆ ที่เดินเจอให้ครบ 365 ภาพ โดยคัดสรรและนำภาพเหล่านั้นมาจัดหมวดหมู่ตามการใช้งาน ทั้งเล่มตีพิมพ์ 4 สีสดใส ทำให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการสำรวจว่าเจ้าสิ่งของชิ้นเล็กเหล่านี้มีอะไรซุกซ่อนอยู่บ้าง 

เราว่าหนังสือเล่มนี้ทำงานกับคนอ่านได้หลากหลายมิติ ทั้งในแง่การบันทึกประจำวันด้วยสายตาและมุมมองใหม่ ๆ จากคนเป็นสถาปนิก การได้ร่วมสังเกตสิ่งของรอบตัวที่เจอและอาจมองผ่านไป เห็นภาพการออกแบบ คิดค้น และปรับตัวของผู้คน การอยู่ร่วมกันในสังคม ไปจนถึงสะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างการออกแบบเมืองที่แม้จะเป็นส่วนเสี้ยวเล็ก ๆ แต่กลับข้องเกี่ยวหรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน 

นอกจากนี้ ชัชวาลยังเป็นผู้เขียนคอลัมน์ ‘อาคิเต็ก-เจอ’ ซึ่งเคยเผยแพร่บนเว็บไซต์ The Cloud (รวมถึงตีพิมพ์หนังสือกับสำนักพิมพ์แซลมอนในชื่อเดียวกัน) มาก่อน เราคิดว่าน่าจะมีแฟน ๆ ชาวก้อนเมฆติดตามผลงานอยู่เป็นทุนเดิม เพิ่มเติมคือเล่มนี้ก็อ่านสนุกเรี่ยราดไม่แพ้กันเลยล่ะ

ชนัดดา ตันนพรัตน์

บรรณาธิการสำนักพิมพ์

03

ชื่อหนังสือ : บันทึกรักจากสมองถึงหัวใจ ฉบับนักประสาทวิทยาศาสตร์

ผู้เขียน : Stephanie Cacioppo 

ผู้แปล : ศิริกมล ตาน้อย

สำนักพิมพ์ : bookscape

บูท : G07

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : bookscape

สเตฟานี คาซิออปโป เป็นนักประสาทวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก แต่ยืนหยัดจะครองโสดอย่างเป็นสุขมาตลอด 37 ปี พลันชะตาฟ้าลิขิตหรือผู้กำกับปล่อยคิวไม่อาจทราบ เธอได้พบกับ จอห์น คาซิออปโป นักประสาทวิทยาชั้นแนวหน้าผู้เชี่ยวชาญเรื่องความเหงา และผ่านการหย่าร้างจนหมดศรัทธาในรักแท้ 

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อ ดร.ความรัก โคจรมาเจอ ดร.ความเหงา เมื่อนักวิจัยสมองของคนมีรักต้องมาลงสนามเอง เมื่อเธอรักเขาหมดทั้งหัวใจ แต่เขาต้องตายจากไปตลอดกาล 

นี่คือบันทึกรักฉบับนักประสาทวิทยา ตั้งแต่แรกพบที่เซลล์สมองกระจกเงาทำให้พวกเขาดึงดูดกันและกัน จังหวะตกหลุมรักที่โดพามีนหลั่งท่วมคล้ายเมามาย การจัดงานแต่งกะทันหันชนิดที่หันหลังให้การใช้เหตุและผล การขยายตัวตนที่ทำให้คน 2 คนรวมเป็นหนึ่ง จนถึงวันที่ยมทูตเข้ามาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันและสมองของเธอต้องกอบกู้ใจที่แตกสลายเพื่อก้าวต่อไปโดยเก็บรักไว้ในวิญญาณ

บันทึกรักจากสมองถึงหัวใจ ฉบับนักประสาทวิทยาศาสตร์ คือหนังสือวิทยาศาสตร์สมองที่อัดแน่นด้วยข้อมูลและเกร็ดความรู้ชวนตื่นตาจากงานวิจัย พร้อมกันนั้นก็เป็นบันทึกความทรงจำแห่งการพบรัก ตกหลุมรัก คลั่งรัก และจากลาตลอดกาล 

ความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องความรักที่สั่งสมมาตลอดชีวิตนักวิชาการจะทำให้เธอตื่นเต้นน้อยลงไหม การรู้เท่าทันสมองตัวเองทุกกระเบียดจะทำให้ใจเต้นรัวน้อยลงหรือเปล่า การผ่านกรณีศึกษามากมายจะช่วยอะไรได้หรือไม่เมื่อต้องประสบเอง และการมองเห็นภาพใหญ่แบบโค้ชจะมีประโยชน์ไหมเมื่อต้องลงสนามเล่นเอง 

หาคำตอบได้ในเล่มนี้เลย

เหตุผลที่เลือกแนะนำหนังสือเล่มนี้ เพราะความเหงาเป็นภัยคุกคามที่มีอำนาจทำลายล้างร้ายแรงในวงกว้าง จนอาจนับเป็นโรคระบาดแห่งยุคสมัย และหนังสือเล่มนี้เสนอว่าไม่มีอะไรจะหยุดโรคระบาดนี้ได้ นอกจากการสานสัมพันธ์และการรัก 

ยิ่งไปกว่านั้น ความรักยังสร้างสมอง ช่วยให้เราบรรลุศักยภาพสูงสุดของมนุษย์ ทำให้เราคิดสร้างสรรค์ และทำให้เรากล้าคิดฝันถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เมื่ออยู่คนเดียว – มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน!

ศรัชญ์ศรณ์ ศรประสิทธิ์

บรรณาธิการสำนักพิมพ์

04

ชื่อหนังสือ : เจ้าชายน้อย ฉบับมังงะ

ผู้เขียน : อองตวน เดอ แซงแต็กซูเปรี

ผู้แปล : วรพร สิงขรอาจ

เรียบเรียง : ไดซาบุโระ โอคุโมโตะ 

มังงะ : ยามาชิตะ โคเฮ

สำนักพิมพ์ : Bloom

บูท : F47

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : Bloom

เจ้าชายน้อย คือวรรณกรรมสุดคลาสสิกที่ทำให้ทุกคนเข้าใจและซาบซึ้งไปกับเรื่องราวอันละเมียดละไม เป็นวรรณกรรมที่ไม่ได้แค่มุ่งเน้นความสนุกสนาน หรือสั่งสอนศีลธรรมอันดีให้กับเด็ก แต่ยังมีคุณค่าสำหรับผู้ใหญ่และแฝงนัยเอาไว้หลายประเด็นจนได้รับการแปลมากกว่า 500 ภาษา มียอดขายสะสมกว่า 200 ล้านเล่มทั่วโลก

แต่หากใครจำไม่ได้ นี่คือเรื่องเล่าของนักบินที่เกิดอุบัติเหตุจนพลัดตกสู่กลางทะเลทราย เขาได้พบกับเด็กชายที่มาจากดาวหลายหมื่นแสนกิโลเมตรห่างไกล 

“ช่วยวาดแกะให้ผมหน่อยได้ไหม” นั่นคือประโยคที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ นักบินและเจ้าชายน้อยทำความรู้จักกัน กลายเป็นเรื่องราวที่พร้อมส่องให้เห็นความหวังและการเติบโตที่งดงามในทะเลทรายนี้

เจ้าชายน้อย ฉบับมังงะ ในวาระฉลองครบรอบ 80 ปี นักวาดและนักเขียนใส่ใจเป็นพิเศษในทุก ๆ รายละเอียด ปรับเปลี่ยนถ้อยคำทุกตัวอักษรให้เป็นสไตล์การ์ตูนมังงะน่ารักสดใส อ่านง่ายและไม่ซ้ำฉบับใดมาก่อน ช่วยให้เราเข้าใจความคิดของผู้เขียนต้นฉบับผ่านภาพประกอบ 4 สีตลอดทั้งเล่มที่ทำให้คุณเข้าใจบางฉากบางตอนได้ลึกซึ้งกว่าเดิม

ปิยะนัฐ ลักษมีพงศ์ (บ.ก. มิตสึ)

บรรณาธิการสำนักพิมพ์

05

ชื่อหนังสือ : 2475 นักเขียนผีแห่งสยาม

ผู้เขียน : สะอาด / พชรกฤษณ์ โตอิ้ม

สำนักพิมพ์ : ด้วงคอมิกส์

บูท : วางหนังสือที่ K01 บูทสำนักพิมพ์ไก่3

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : Kai3

ณ สยามประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 พระนครเต็มไปด้วยความหวาดระแวงต่ออาชญากรรม ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเกิดขึ้นทั่วโลก 

นิภา ทำงานเป็นนักพิสูจน์อักษรอยู่ในหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่ง หากแต่ภายใต้ฉากหน้านั้น เธอคือนักเขียนผีผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และเข้าไปพัวพันกับกลุ่มก่อการปฏิวัตินามว่าคณะราษฎร 

ภารกิจลับที่นิภาได้รับพาเธอไปพบอุปสรรคมากมายที่ตัวเธอเองจำเป็นต้องยืนหยัดต่อสู้ เพื่อไขว่คว้าความฝันและความหมายผ่านปลายปากกาของตัวเอง

2475 นักเขียนผีแห่งสยาม เป็นกราฟิกโนเวลแนวดราม่าสายลับอิงประวัติศาสตร์ อ่านเพื่อความบันเทิงก็ได้ อ่านเพื่อหามุมมองใหม่ ๆ ทางประวัติศาสตร์ก็ดี ในหนังสือมีบทความอ้างอิงทางวิชาการให้ผู้อ่านที่สนใจประวัติศาสตร์ตามต่อได้ด้วย น่าจะเป็นหนังสือที่ให้รสชาติใหม่กับนักอ่านไทยได้ดี

ธนิสร์ วีระศักดิ์วงศ์

บรรณาธิการสำนักพิมพ์

06

ชื่อหนังสือ : คู่มือลับฉบับเลสเบี้ยนในโรงเรียนคาทอลิก

ผู้เขียน : Sonora Reyes

สำนักพิมพ์ : lily house. 

บูท : M41

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : lily house.

แอบรักเพื่อนสนิทว่าช้ำแล้ว แต่การสารภาพรักแล้วถูกปฏิเสธซ้ำยังโดนเหยียดหยามนั้นยิ่งช้ำกว่า แต่ก็ยังไม่เจ็บร้าวแสบทรวงเท่าเพื่อนสนิทที่เราแอบรักดันแฉเรื่องของเราให้คนอื่นรู้ ถ้าเป็นคุณล่ะจะทำยังไง 

ยามีเล็ต เลือกหลบลี้หนีหน้านังมารร้ายอดีตเพื่อนซี้ ย้ายไปเข้าโรงเรียนคาทอลิกตามน้องชายอัจฉริยะที่ได้ทุนการศึกษา แต่เลสเบี้ยนผิวสีน้ำตาลอย่างเธอจะอยู่รอดไหมในโรงเรียนคาทอลิกที่มีแต่คนผิวขาว เธอตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จึงมุ่งมั่นจะทำตัวเป็นหญิงแท้ตามแบบฉบับ แต่จะทำยังไงหนอเมื่อหัวใจดันไม่รักดี ไปหลงเสน่ห์สาวเลสเบี้ยนหนึ่งเดียวในโรงเรียนเข้าเต็มเปา ภารกิจปกปิดตัวตนเลยจำเป็นต้องเกิดขึ้น ไหนจะต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ไหนจะต้องดูแลน้องชายเจ้าปัญหาที่แม่ฝากฝังไว้ ไหนจะต้องรับมือกับวัฒนธรรมความเชื่อของครอบครัวที่ตีกรอบบีบบังคับ ยามีเล็ตจะเอาตัวรอดได้ยังไงในโลกใบใหม่ กับเพื่อนกลุ่มใหม่และตัวตนใหม่ อีกทั้งความในใจที่อัดแน่นจนแทบระเบิดทุกครั้งที่เข้าใกล้ใครคนนั้น เธอจะหาทางอยู่กับมันได้กลมกลืนราบรื่นหรือไม่ หรือหัวใจจะเรียกร้องให้ทำอะไรอย่างไม่ยั้งคิดจนชีวิตต้องพังอีกรอบกันแน่นะ

คู่มือลับฉบับเลสเบี้ยนในโรงเรียนคาทอลิก เป็นนิยายเควียร์ที่ได้รับการตีพิมพ์มาแล้วใน 8 ประเทศ และกวาดรางวัลหนังสือแห่งปีจากหลายสำนักในปี 2023 ถือเป็นนิยายแปลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในต่างประเทศจนติดเทรนด์ #booktok บน TikTok 

ตอนที่คัดเลือกหนังสือเล่มนี้ ทางทีมงานบรรณาธิการตกหลุมรักตัวละครยามีเล็ตเข้าอย่างจัง เพราะเธอเป็นตัวละครต้นแบบที่ทำให้หลาย ๆ คนย้อนนึกถึงเรื่องราวความยากลำบากในฐานะเควียร์ ทั้งเรื่องของการไม่เป็นที่ยอมรับของคนส่วนมากในสังคม เรื่องของความเชื่อทางศาสนา เรื่องการยอมรับตัวตน แม้เรื่องราวเหล่านี้อาจจะเป็นปัญหาที่ทุเลาลงแล้วบ้างในปัจจุบัน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องราวที่ยามีเล็ตกำลังเล่าภายในเรื่องนั้นเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงตัวตนของเควียร์หลาย ๆ คน 

หากใครที่กำลังมองหาหนังสือที่เพลิดเพลินไปกับเรื่องราวและสีสันของความเป็นวัยรุ่นที่ทั้งสนุก ป่วง และให้ข้อคิด แนะนำเรื่องนี้เลย 

พิมพ์ชนก เจียรวัฒนกุล

บรรณาธิการสำนักพิมพ์

07

ชื่อหนังสือ : ขอให้ความรักอยู่กับแมว: เรื่องเล่าเก้าชีวิต

ผู้เขียน : โตมร ศุขปรีชา

สำนักพิมพ์ : Brown Books

บูท : ฝากขายที่บูทมติชน, Biblio, Salmon, Chatchapol Books, P.S., SALT, bookscape และ Paperyard

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : Brown Books

ขอให้ความรักอยู่กับแมว: เรื่องเล่าเก้าชีวิต คือบันทึกความทรงจำว่าด้วยแมวในชีวิตของ โตมร ศุขปรีชา ตั้งแต่แมวตัวแรกในชีวิตที่เขาเป็นผู้ตั้งชื่อให้ แมวที่แสนร่าเริง แสนหยิ่ง แมวแห่งทุ่งลาเวนเดอร์ แมวกล้าหาญ แมวแสนสวย และกระทั่งแมวแห่งอนาคตที่สักวันหนึ่งจะเดินทางมาถึง

เรื่องราวมีแรงบันดาลใจจากการสูญเสีย ‘โคยะ’ แมวที่ผู้เขียนเลี้ยงดูอย่างจริงจังมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ผู้อ่านจะได้สัมผัสกับเรื่องราวความรัก ความผูกพัน และการพลัดพรากระหว่างผู้เขียนกับแมวแต่ละตัว พร้อมสอดแทรกให้เห็นเรื่องราวของครอบครัวและสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา พร้อมปิดบทสุดท้ายด้วยเรื่องสั้นที่มีแนวคิดและรสชาติแปลกใหม่โดยมีแมวปรากฏอยู่อย่างเลือนราง

การค้นหาความหมายของการมีอยู่ของชีวิตเป็นธีมหนึ่งที่จะพบเห็นได้ตลอดมาในงานเขียนของโตมร นอกจากคนอ่านจะได้อ่านเรื่องราวความน่ารัก ความแก่น ความซน และอีกหลายความของแมวแต่ละตัว ผ่านการพบและพลัดพรากกับแมวที่ต่างมีบุคลิกลักษณะ ตลอดจนความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันไปแล้ว โตมรยังสอดแทรกการค้นหาความหมายของชีวิตผ่านความสัมพันธ์กับแมวรวมถึงผู้คนที่อยู่รายล้อมในแต่ละห้วงเวลาได้อย่างแยบคาย งานเขียนเล่มนี้จึงเป็นงานที่อ่านได้แบบเพลิดเพลิน (เคล้าน้ำตาในบางช่วง) หรือจะอ่านแบบชวนให้ใคร่ครวญถึงความหมายของชีวิตก็ได้ 

และที่สำคัญ ในบทสุดท้าย โตมรยังได้นำเรื่องสั้นเข้าไปประกอบเป็น 1 ใน 9 ชีวิตของแมวในเล่มนี้ด้วย ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่แฟนคุณโตมรจะได้อ่านงานเขียนในแนววรรณกรรมที่เขาไม่ได้นำเสนอมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว 

สุธรรม ธรรมรงค์วิทย์

บรรณาธิการ

08

ชื่อหนังสือ : สรรพสิ่งร่วงหล่นมาจากท้องฟ้า (แปลจาก TAIVAALTA TIPPUVAT ASIAT)

ผู้เขียน : เซลยะ อะฮะวะ (Selja Ahava)

สำนักพิมพ์ : Library House

บูท : O22

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : Library House Shop

“บางครั้งสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด คือการที่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย” 

หลายคนปักใจเชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ สรรพสิ่งที่มีอยู่และสูญหายไปล้วนมีเหตุผลของมัน แต่ก็มีคนประสบกับเหตุการณ์อันประจวบเหมาะเคราะห์ดีหรือเคราะห์ร้ายอย่างเหลือเชื่อจนน่าคลางแคลงสงสัย และมีคนจำนวนมากมายที่อยากได้คำตอบว่า ทำไมเรื่องราวเหล่านั้นถึงเหมือนถูกจับวางให้เจาะจงเกิดกับตัวเอง สรรพสิ่งร่วงหล่นมาจากท้องฟ้า คือเรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่งผู้หมกมุ่นกับเรื่องเวลาและการขีดเส้นสีขาวล้อมไปตามรูปร่างคน เธอสูญเสียแม่ด้วยอุบัติการณ์ระดับหนึ่งในหลายล้านจากฟากฟ้า และต้องไปอยู่กับป้าผู้มีโชคอภิมหาศาลหล่นทับ

นวนิยายขนาด 232 หน้าเล่มนี้ แปลตรงจากภาษาฟินแลนด์โดย วิกานดา คมปรัชญา ติโมเนน ผู้แปลที่ใช้ชีวิตคลุกคลีกับผู้คน คุ้นเคยกับวัฒนธรรมฟินแลนด์มากว่า 20 ปี เป็นนวนิยายจากแถบสแกนดิเนเวียเล่มแรกที่ไลบรารี่ เฮ้าส์ จัดพิมพ์ฉบับแปลภาษาไทย ความน่าสนใจของเนื้อหาที่ว่าด้วยเด็กหญิงคนหนึ่งที่สูญเสียแม่ด้วยสาเหตุไม่คาดฝัน ความที่เด็กหญิงคนนี้หมกมุ่นเรื่องความตายและเวลา และต้องเติบโตปรับตัวในสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ หลังแม่จากไป รวมทั้งเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ต้องประสบสิ่งไม่คาดฝันเช่นเธอ ทำให้นักอ่านเจ้าของภาษาชวนกันตั้งคำถามว่า ‘ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง – จริงหรือ’ 

นวนิยายเรื่องนี้โด่งดังจนเข้าชิงรางวัลทางวรรณกรรมระดับชาติในฟินแลนด์ ทั้งยังไปได้รางวัล The European Union Prize for Literature ประจำปี 2016 มีการแปลเผยแพร่ไปแล้ว 25 ภาษา (รวมทั้งภาษาไทย) ถือว่าเป็นวรรณกรรมฟินแลนด์ร่วมสมัยที่แพร่หลายทั้งในและต่างประเทศมากที่สุดเล่มหนึ่ง นับเป็นโอกาสดีที่นักอ่านชาวไทยจะได้สัมผัสความหนาวเย็นแบบยุโรปเหนือผ่านงานวรรณกรรมร่วมสมัยเล่มนี้

อยากให้หนังสือเล่มนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เป็นการเปิดพรมแดนใหม่ ๆ ทางการอ่าน เพราะไลบรารี่ เฮ้าส์ มีแผนงานที่จะนำวรรณกรรมจากฟินแลนด์มาทำอีก ขนานไปกับงานจากเยอรมนี โปรตุเกส อิตาลี ฯลฯ ที่เราได้เริ่มต้นมาแล้ว เราเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทั้งเราและนักอ่านจะได้เดินทางไปยังพรมแดนใหม่ ๆ ด้วยกัน

รังสิมา ตันสกุล

บรรณาธิการบริหาร

09

ชื่อหนังสือ : ระเบิด (爆弾)

ผู้เขียน : โก คัตสึฮิโระ

ผู้แปล : บัณฑิต ประดิษฐานุวงษ์

สำนักพิมพ์ : ไดฟุกุ

บูท : O15

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : สำนักพิมพ์ ไดฟุกุ

คนร้ายใช้ความลับอันดำมืดของตำรวจเป็นอาวุธ นี่คือการต่อสู้ระหว่างตำรวจมือฉมังกับจอมวางแผนผู้ฉลาดล้ำในคราบลุงอ้วนตกอับ เกมจิตวิทยาสายดาร์กสุดดีปจะบีบใจคนอ่านให้หวาดกลัวเจตนาชั่วร้ายของฆาตกร แม้จะอยากถอดเล็บและทรมานลุงเพื่อเค้นความจริงแค่ไหน ตำรวจก็ทำไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย อะไรคือสิ่งที่ควรทำเพื่อรักษาชีวิตคนบริสุทธิ์กันแน่

ระหว่าง ‘การสืบสวนกดดันแสบสันเคล้าหยดเหงื่อในห้องสืบสวนคับแคบ’ เพื่อเค้นข้อมูลสถานที่และเวลาในการวางระเบิดจากลุงจอมป่วน กับ ‘พื้นที่กว้างใหญ่ทั่วโตเกียว’ ที่ตำรวจวิ่งวุ่นหาหลักฐานจ้าละหวั่นไล่ตามคำใบ้เพื่อค้นหาระเบิดลูกต่อไปที่กำลังจะคร่าชีวิตคนในโตเกียวเพิ่มขึ้นอีก 2 สถานการณ์สลับฉากกันให้คนอ่านให้ลุ้นระทึกตลอดเวลา ระดับความเข้มข้นทะลุปรอทแน่นอน

ลุงอ้วนที่มีชื่อสุดจะเชยว่า ซูซูกิ ทาโกซากุ เป็นมือวางอันดับ 1 ในการใช้จิตวิทยาสายดาร์ก บอกว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษที่บอกได้ว่าจะเกิดระเบิดที่ไหนเมื่อไหร่ในโตเกียว แต่ต้องเล่นตอบคำถามกับลุงเพื่อไขปริศนาสถานที่และเวลาระเบิด ระหว่างเล่นเกมตอบคำถาม ตำรวจแต่ละคนก็ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ด้วยคำถามขยี้ปมในใจซึ่งทุกคนอยากเก็บซ่อนไว้ ไม่เคยต้องรู้สึกหรือแผ่ออกมาให้ใครได้เห็น จนตำรวจแพ้พ่าย ต้องเปลี่ยนตัวกันมาสืบสวน ซูซูกิแท้จริงเป็นใคร ลุงตกอับที่โหดเหี้ยมและน่ากลัวหรืออะไร ต้องมาพิสูจน์กันในเล่ม ระเบิด เพราะบรรณาธิการจะเล่ารายละเอียดยังไงก็ไม่ได้อารมณ์เวลาอ่านบทสนทนาในห้องสืบสวน ฉากปะทะคารมยากจะหยั่งถึงเหมือนมีนักจิตวิทยาสายแข็งมาตั้งคำถามใส่ตัวตนจนทลายกำแพงแห่งเหตุผลและความเข้มแข็งในใจลงไปให้ย่อยยับ

เราจะได้สัมผัสจิตใจของเหล่าผู้คนนิยมการฆ่าตัวตาย หลากชีวิตคนที่เลือกปลิดชีพตัวเองเพราะสังคมรังเกียจ คนที่ไม่ได้รับการยอมรับเพียงเพราะกิริยาท่าทาง รูปร่างหน้าตา และอีกหลายความซับซ้อน เปิดเผยมุมมองของชาวญี่ปุ่นทะลุถึงหัวใจ 

อ่าน ระเบิด เล่มนี้จบแล้วรู้สึกเหมือนว่าสิ่งที่ได้รับแรงระเบิดกลับเป็นความรู้สึกของเราเองนั่นแหละ มันกระจัดกระจาย สมองมึนงง ไม่รู้เลยว่าใครถูกใครผิด อะไรคือสิ่งที่ควรและไม่ควร เบลอบรรทัดฐานทั้งหมดที่เชื่อถือมาตลอดชีวิต 

นวนิยาย ระเบิด แบกรางวัลมาเต็มบ่าจากญี่ปุ่น เป็นนิยายสืบสวนที่อยู่ในลิสต์นิยายแหวกแนวของวงการเพราะคว้ารางวัลใหญ่ระดับประเทศ 2 รางวัล ชนะเลิศ Kono Mystery ga Sugoi 2023 และ ชนะเลิศ Mystery ga Yomitai 2023 

คว้า 2 มงมาอย่างสง่างาม กลายเป็นนิยายสืบสวนแห่งปีของญี่ปุ่นที่คนอ่านชาวญี่ปุ่นชักชวนให้อ่านกันแบบสนั่นลั่นเปรี้ยง อาทิ อ่านแล้วรู้สึกกลับไปเป็นคนเดียวกับก่อนอ่านไม่ได้แล้ว เล่มนี้น่าติดตามว่าระเบิด 20 กว่าลูกจะไปแจ็กพ็อตที่ไหนในโตเกียว เป็นการวางระเบิดที่ใช้ตัวประกันเป็นคนในโตเกียวถึง 14 ล้านคน สเกลใหญ่ระทึก ตัวละครที่ออกมาทั้งฝ่ายวางระเบิดกับฝ่ายตำรวจก็ล้วนมีชีวิตที่สะเทือนใจ สะท้อนปัญหาหลากหลายของยุคปัจจุบันไว้ลึกซึ้งสะพรึงเพริด กว่าร้อยศพ ลุงซูซูกิน่าขยะแขยงได้ใจ 

ขอจบด้วยอีก 2 มงใหญ่ของเล่มนี้ ระเบิด (爆弾) เข้ารอบ 10 เล่มสุดท้ายของรางวัล Japan Booksellers Award 2023 (รางวัลที่ร้านหนังสือทั่วญี่ปุ่นโหวตว่าปังที่สุดแห่งปี) และได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Naoki Award (รางวัลวรรณกรรมดีเด่นแห่งชาติ) ครั้งที่ 167 ปี 2022 อีกด้วย

อลีน เฉลิมชัยกิจ

เจ้าสำนัก

10

ชื่อหนังสือ : In The forest of Serre ป่ามนตราแห่งแซร์

ผู้เขียน : Patricia A. McKillip

สำนักพิมพ์ : Words Wonder

บูท : Q01

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : Words Wonder

In The forest of Serre ป่ามนตราแห่งแซร์ เป็นเรื่องชองเจ้าชายโรนันที่เพิ่งสูญเสียภรรยาและลูกไป ซ้ำยังถูกพระราชาบังคับให้แต่งงานใหม่ ชีวิตหมดอาลัยตายอยาก วันหนึ่งเขาไปพบกับวิหคเพลิง ทำให้เขาหลงติดตามวิหคเพลิงไปในป่ามนตรา ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด ร้อนถึงเจ้าหญิงต่างเมืองที่ต้องมาแต่งงานกับเจ้าชาย ต้องออกมาตามหาเจ้าชายในป่ามนตรา เพราะว่าชะตากรรมของอาณาจักรขึ้นอยู่กับการกลับมาของเจ้าชาย

หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายแฟนตาซีของ แพทริเซีย แมคคิลลิป ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างสูงในหมู่นักอ่านและนักเขียนมานานหลายทศวรรษ ภาษาสวยงาม และซ่อนความหมายของชีวิตไว้ในทุกเล่ม แต่อ่านง่ายและเข้าใจง่าย

นอกจากนี้ ลึกลงไปอีกขั้นคือหนังสือพูดถึงการสูญเสีย การที่เราเสียคนที่รักไปจนถึงกับสูญเสียตัวตนของตัวเอง คิดว่าคุณค่าตัวเองหมดไป คิดว่าตัวเองไม่สำคัญอีกต่อไป แต่ที่จริงแล้วชีวิตของทุกคนมีค่า ความเจ็บปวดที่เรามีจะไม่คงอยู่ตลอดไป จะมีวันที่เราจะมีความสุข ถึงแม้เราจะมองไม่เห็นวันในช่วงเวลานั้นก็ตาม ผมชอบที่หนังสือของแมคคิลลิปไม่เคยฉาบฉวย เขาต้องการพูดสิ่งสำคัญกับผู้อ่านเสมอ

ณัฐกร วุฒิชัยพรกุล

บรรณาธิการสำนักพิมพ์

11

ชื่อหนังสือ : พบกันคืนนี้ ที่คาเฟ่คิสสะโดโด

ผู้เขียน : นากิ ชิเมโนะ

ผู้แปล : สิริพร คดชาคร

สำนักพิมพ์ : ซันเดย์ อาฟเตอร์นูน

บูท : Biblio F17, มติชน J47, ร้านนายอินทร์ B46

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : Sunday Afternoon Page

ในย่านพักอาศัยแสนจะธรรมดาของเมืองใหญ่ มีกระท่อมไม้หลังน้อยเป็นคาเฟ่ต้อนรับลูกค้าที่มาคนเดียว ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ไม้ คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดแห่งนี้มีชื่อว่า คิสสะโดโด เป็นชื่อที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก นกโดโด ที่เคลื่อนไหวเชื่องช้า บินไม่ได้ สูญพันธุ์ไปนานแล้ว

ส่วนฉายาของ โซโรริ ชายหนุ่มเจ้าของร้านผู้มีผมหยิกยุ่งฟูเหมือนเพิ่งตื่นนอน ก็ตั้งขึ้นเพื่อคารวะนักเขียนนาม ธอโร ผู้เขียนหนังสือ วอลเดน

พื้นที่เล็ก ๆ ซึ่งรายล้อมด้วยบรรยากาศอบอุ่นและชายหนุ่มผู้นี้ รอคอยที่จะช่วยเยียวยาเหล่าลูกค้าที่เหนื่อยล้าและกลุ้มกังวล ด้วยเมนูและบทสนทนาเรียบง่ายที่ทำให้ตระหนักคิด ได้ทบทวนความเป็นไปของชีวิต และการมีช่วงเวลาที่สุขสงบจากภายใน

เป็นนิยายญี่ปุ่นที่พูดถึงผู้คนอย่างร่วมสมัย เช่น ผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ต้องปรับชีวิตเข้ากับวิถีใหม่ การใช้โซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีที่แม้จะช่วยให้ใช้ชีวิตสะดวกขึ้นแต่ก็มีด้านลบตามมา ฯลฯ ตัวละครในเรื่องตั้งคำถามกับตัวเองว่า แท้จริงแล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุข เริ่มปรับแนวคิดเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการงานกับชีวิต ตลอดจนเริ่มเห็นความสำคัญของวิถีชีวิตที่ยั่งยืน

มีหลายประเด็นร่วมสมัยที่น่าสนใจสอดแทรกอยู่เบา ๆ ชวนให้ฉุกคิดและเชื่อมโยงได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภายในจิตใจของแต่ละตัวละคร หรือปัญหาจากภายนอกที่กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมโลก แต่เมื่ออ่านจบแล้วก็ยังจะได้รับความรู้สึกรื่นรมย์ตามสไตล์หนังสือของสำนักพิมพ์ซันเดย์ อาฟเตอร์นูน

ปาลิดา พิมพะกร
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

12

ชื่อหนังสือ : The Woman In Me

ผู้เขียน : บริตนีย์ สเปียร์ส

สำนักพิมพ์ : howto

บูท : B46

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : Amarin HOW-TO

ในยุคสมัยที่ บริตนีย์ สเปียร์ส เป็นนักร้องป๊อปที่ดังสุดในโลก เธอถูกปาปารัสซี่ตามล่าอย่างสาหัส ครอบครัวกดดันให้เธอรับงานเพื่อหาเงิน สเปียร์สจึงแสดงออกเป็นพฤติกรรมขบถต่าง ๆ ทั้งทำตัวเองให้น่าเกลียดเพื่อประชดสื่อมวลชน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากซูเปอร์สตาร์วัยทีนทั่วไป และนั่นทำให้เธอสูญเสียโอกาสที่จะได้อยู่กับลูก และสิ่งที่แตกต่างจนทำให้เรื่องของสเปียร์สไม่ธรรมดา คือพ่อของเธอวางแผนหาประโยชน์โดยกระทำในนามของความรัก เขายื่นคำร้องต่อศาลว่าบริตนีย์ สเปียร์ส เป็นผู้ไร้ความสามารถในการดูแลตนเอง ไม่อาจตัดสินใจในชีวิตตนเองได้ เขาควรเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดแทนเธอ หรือเป็น Conservator ซึ่งช่วงแรกก็ดูสมเหตุสมผล ก่อนจะพัฒนาสู่มิติใหม่ของการทำร้ายและกักขังอย่างเป็นระบบ

ทั้งหมดอยู่ภายใต้กฎหมาย นับเป็นเคสที่น่าตกใจ เพราะเป็นเวลา 13 ปีที่ บริตนีย์ สเปียร์ส ผู้หาเงินได้ปีละมากกว่าร้อยล้านเหรียญฯ ไม่มีสิทธิ์ใช้เงินเหล่านั้น รวมถึงใช้ชีวิตด้วยตนเองในทุกมิติ ปัจจุบัน สเปียร์สเป็นอิสระแล้ว 

หนังสือเล่มนี้เล่าทุกอย่างจากน้ำเสียงของเธอเองและเล่าอย่างเรียบซื่อ ให้ความรู้สึกสะเทือนใจในการดิ้นรนที่จะมีเสรีภาพ การยอมจำนน การลุกขึ้นสู้ สะท้อนถึงอิทธิพลของครอบครัว อันตรายของชื่อเสียง เงินทอง และช่องโหว่ทางกฎหมาย ทั้งยังสะท้อนถึงความรักบริสุทธิ์ที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีให้เสียงดนตรีและความบันเทิง รวมถึงความผูกพันระหว่างเธอและเหล่าแฟนคลับที่สร้างการขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อเรียกร้องอิสรภาพให้เธอ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นเคสประวัติศาสตร์ที่แฟนคลับกอบกู้ชีวิตนักร้องที่ตนรักได้อย่างแท้จริง

ด้วยยอดขายกว่า 1 ล้านเล่มใน 1 สัปดาห์ และ 2 ล้านเล่มใน 2 เดือน หนังสือเล่มนี้ต้องมีดีมากกว่าแค่หนังสือคนดัง เมื่อได้อ่านดูก็พบว่ามีความน่าตกใจหลายอย่าง อย่างแรกคือมันสะท้อนภาวะความโดดเดี่ยวบนชื่อเสียงท่วมท้น และการมีชีวิตในแสงไฟมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยมีใครมองเห็นตัวตนเธออย่างแท้จริงเลย อีกประเด็นที่คิดว่าน่าสนใจ คือการถูกครอบครัวทำร้ายและทำลายสุขภาพจิตอย่างแนบเนียน เป็นการหลอกลวงหาผลประโยชน์บนคำว่าปรารถนาดี รวมถึงจุดประกายบทสนทนาว่าด้วยความคาดหวังจากสังคมที่กดทับดาราหญิงเช่นเดียวกับบริตนีย์อีกมากมาย

ชมพูนุท ดีประวัติ

บรรณาธิการเล่มและรองบรรณาธิการบริหารกลุ่ม Non-fiction สำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์

13

ชื่อหนังสือ : ประวัติศาสตร์โลกจากแผนที่สิบสองฉบับ (A History of the World in 12 Maps)

ผู้เขียน : Jerry Brotton

ผู้แปล : ช้องนาง วิพุธานุพงษ์

สำนักพิมพ์ : ยิปซี 

บูท : E16

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : Gypzy

หนังสือเล่มนี้พาเราไปสำรวจความเป็นมาของ ‘แผนที่’ เครื่องมือนำทางแสนมหัศจรรย์ดั่งมีเวทมนต์ได้เดินทางข้ามผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน โดยตัวผู้เขียนพาเราสำรวจถึงปูมหลังการทำแผนที่สำคัญ 12 ฉบับที่มีพัฒนาการ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ที่มีมาแล้วหลากหลายรูปแบบ ทั้งแผ่นหิน จารึกแผ่นดินเหนียว สู่กระดาษพาไพรัส ผืนผ้าไหม และแผ่นหนังสัตว์ พัฒนาไปเป็นรูปแบบการพิมพ์ลงบนกระดาษ และแผนที่ 12 ฉบับนี้เองก็เป็นต้นตำรับต่อยอดพัฒนามาจนถึงขีดสุด กลายเป็นแอปพลิเคชันแผนที่ออนไลน์ที่เราทุกคนต่างใช้ในปัจจุบัน 

โดยแผนที่แต่ละฉบับที่ผู้เขียนนำมากล่าวถึง ไม่เพียงสะท้อนภาพเรื่องราวประวัติศาสตร์ของภูมิประเทศในอดีต ตั้งแต่กรีกยุคโบราณ จีน มุสลิม คริสเตียน สานต่อมายังแผนที่จากวัฒนธรรมที่เกิดใหม่อย่าง ‘สังคมออนไลน์’ แต่ยังแสดงให้ผู้อ่านได้เห็นถึงคติอันเป็นรากเหง้าเฉพาะตัวของวัฒนธรรมนั้น ๆ สะท้อนถึงค่านิยมทางการเมืองของผู้สร้าง ซึ่งอาจมีทั้งข้อแตกต่างและจุดร่วมที่เหมือนกันในการใช้งานแผนที่ และแผนที่ยังเปิดให้เห็นมุมมองและทัศนคติต่าง ๆ บนโลกที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ผู้สร้างเหล่านี้ล้วนสร้างแผนที่ขึ้นโดยตั้งอยู่บนเงื่อนไขการใช้งานที่ยึดโยงอยู่กับ ‘อำนาจ’ ทั้งสิ้น 

ประวัติศาสตร์โลกจากแผนที่สิบสองฉบับ จึงไม่ได้แค่พาเราไปสำรวจแต่เพียงแผนที่หรือทำความรู้จักโลกเท่านั้น แต่ยังทำให้เรารู้จักบรรพบุรุษของเราอีกด้วย และไม่แน่ว่าการที่เรากลับไปทำความเข้าใจกับอดีตของแผนที่อีกครั้ง นั่นอาจเป็นก้าวสำคัญที่ยิ่งใหญ่ อันจะนำมาซึ่งวิวัฒนาการที่กระโดดไปไกลกว่าแอปพลิเคชันนำทางที่เราใช้ในปัจจุบันก็เป็นได้

หากมนุษย์ไร้แผนที่ เราจะรู้จักตัวเองและทำความเข้าใจโลกได้เยี่ยงไร เชิญทำความรู้จักกับเจ้าสิ่งที่จะไม่ทำให้คุณต้องหลงทางอีกต่อไป

ณัฎฐิ์ภัทร์ ศิรพึ่งเงิน

บรรณาธิการสำนักพิมพ์

14

ชื่อหนังสือ : OPEN º53: THE EARTH

ผู้เขียน : อมรรตยะ เสน, สาทิศ กุมาร, เฮนรี คิสซิงเจอร์, อีวอง ชุยนาร์ต และ เดวิด แอทเทนเบอเรอห์

สำนักพิมพ์ : openbooks

บูท : I16 (เคล็ดไทย) 

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : openbooks

10 เหตุผลว่าทำไมจึงควรอ่าน OPEN º53: THE EARTH 

  1. ในโลกที่ทุกคนอ่านอะไรสั้น ๆ หนังสือเล่มนี้ชวนให้ทุกคนกลับมาอ่านอะไรยาว ๆ
  2. ในโลกที่ทุกคนอ่านอะไรกันง่าย ๆ หนังสือเล่มนี้ชวนให้ทุกคนกลับมาอ่านอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น
  3. ที่ว่าลึกซึ้ง เพราะนักเขียน 5 คนจากหนังสือเล่มนี้ หนึ่งคนได้รับรางวัลโนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์ หนึ่งคนได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ หนึ่งคนเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจที่ปันผลกำไรคืนให้กับกิจกรรมทางสังคมที่ต่อสู้เพื่อรับมือกับสภาวะโลกร้อน หนึ่งคนคือผู้ก่อตั้งวิทยาลัยทางเลือกซึ่งเป็นผู้นำด้านนิเวศ และคนสุดท้ายเป็นนักสื่อสารและนักผลิตสารคดีที่มีประสบการณ์ยาวนานและเป็นที่รักของผู้ชมทั่วโลก
  4. ทั้งหมดนี้จะมาบอกเล่าประสบการณ์ของพวกเขาที่มีมาร่วมศตวรรษเกี่ยวกับ ‘โลก’ ทั้งในความหมายของ World, Gaia, Global Politics, Earth และ Planet
  5. นั่นเป็นที่มาที่ทำให้หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า ‘THE EARTH’ เพราะเป็นการรวบรวมความห่วงใยที่นักคิด นักเขียน นักธุรกิจมีต่อโลก ซึ่งอยู่ในขุดเสี่ยงภัยต่อการล่มสลายอย่างยิ่ง
  6. นี่คือการย่นย่อบทสำคัญจากหนังสือ 5 เล่มใหญ่ ให้ลงมาเหลือเพียง 1 เล่มเล็ก อันเป็นการใช้ศิลปะของการทำนิตยสารในอดีต เพื่อมารับใช้เรื่องราวในปัจจุบัน
  7. นั่นคือเหตุผลที่หนังสือเล่มนี้ใช้ชื่อว่า OPEN º53: THE EARTH 
  8. นอกจากจะได้อ่านข้อเขียนของ อมรรตยะ เสน, สาทิศ กุมาร, เฮนรี คิสซิงเจอร์, อีวอง ชุยนาร์ต และ เดวิด แอทเทนเบอเรอห์ ผู้อ่านยังจะได้สัมผัสกับการออกแบบจัดหน้าอันเป็นศิลปะของการทำนิตยสารในอดีต
  9. ในโลกที่เต็มไปด้วยข่าวสาร ความเห็นสั้น ๆ การตอบสนองด้วยอารมณ์ต่อสถานการณ์ หนังสือเล่มนี้จะชวนท่านหันกลับมามองภาพใหญ่ เพื่อให้ท่านเห็นว่าโลกของเราเดินทางมาถึงจุดไหน และมีสิ่งใดที่ต้องขบคิดคำนึงหลังจากคิดถึงตนเอง
  10. นี่จึงเป็นหนังสืออันงดงามที่ท่านจะอ่านจบได้สบาย ๆ ในช่วงสุดสัปดาห์และเชื่อว่าท่านจะได้แนวคิดมากมายจากความรู้และประสบการณ์ที่ผู้เขียนแต่ละท่านสั่งสมมาตลอดชีวิต

ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา

บรรณาธิการสำนักพิมพ์

15

ชื่อหนังสือ : ห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิตอยู่ตรงนี้ (With the End in Mind: Dying, Death and Wisdom in an Age of Denial)

ผู้เขียน : Kathryn Mannix

ผู้แปล: วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ

สำนักพิมพ์ : Be(ing)

บูท : F17

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : Being – Biblio

‘เปลี่ยนความกลัวเป็นความเข้าใจ’ นี่คือเรื่องราวอันเปี่ยมด้วยความหมายที่เกิดขึ้นระหว่างการรักษาผู้ป่วยระยะสุดท้าย แสดงให้เห็นสภาวะที่เกิดขึ้นจริงทางกายและทางจิตใจในช่วงเวลาก่อนที่คนเรากำลังจะตาย ทำให้ผู้อ่านตระหนักรู้ความจริงที่ไม่ได้มาจากจินตนาการปรุงแต่ง จึงมีส่วนช่วยให้เราเข้าใจและหวาดกลัวความตายน้อยลง และได้เห็นว่าพลังแห่งการบำบัดเยียวยาร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยได้ด้วยความเมตตาและซื่อตรง

ห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิตอยู่ตรงนี้จะสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะสุดท้ายของคนเราก่อนก้าวข้ามไปสู่ความตาย อธิบายอย่างเรียบง่าย ตรงไปตรงมา อบอุ่น และสร้างแรงบันดาลใจในการใช้เวลาชีวิตที่เหลืออยู่ เป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวผู้ป่วยและบุคคลใกล้ชิดที่กำลังเผชิญกับความตาย รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่กำลังค้นหาความหมายของชีวิต

คุณหมอแคทริน แมนนิกซ์ ถ่ายทอดองค์ความรู้ในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง หรือ Palliative Care ให้แก่โรงพยาบาลและสถานพยาบาลหลายแห่ง รวมทั้งผู้ป่วยที่อยู่ที่บ้าน โดยมุ่งหวังจะให้ผู้ป่วยและญาติมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระหว่างช่วงเวลาใกล้เข้าสู่ความตาย เป็นการอธิบายกระบวนการในการตายแบบไม่อ้อมค้อม แต่อบอุ่น และก่อให้เกิดความเข้าใจลึกซึ้ง ความรู้เรื่องรูปแบบการหายใจของคนที่เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิตนั้นช่วยเปิดมุมมองใหม่และทำให้รู้ว่าห้วงสุดท้ายมีแบบแผนใกล้เคียงกัน และส่วนใหญ่จะเป็นไปแบบสุขสงบอย่างยิ่ง

เรามักมองความตายเป็นเรื่องไกลตัวที่เอาไว้ให้ถึงเวลาก่อนค่อยคิดว่าจะจัดการอย่างไร แต่บางครั้งความตายก็ปรากฏตรงหน้าโดยไม่มีเวลาให้เราเตรียมตัวใด ๆ ทั้งสิ้น คงเป็นการดีกว่าหากเราจะได้ทำความคุ้นเคยกับความตายไว้บ้าง

ถ้อยคำอันลึกซึ้งในหนังสือเล่มนี้จะทำให้ผู้อ่านมองกระบวนการไปสู่ความตายได้ตามความเป็นจริงอย่างไม่เศร้าโศกจนเกินไป เราจะสัมผัสได้ว่าการเดินไปสู่จุดนั้นเป็นสิ่งที่เราเตรียมการได้ เพื่อให้วาระสุดท้ายเป็นช่วงเวลาอันมีเกียรติและงดงาม

พร่างดาว นุประดิษฐ์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

16

ชื่อหนังสือ : ปลายฤดูร้อนนั้น ฉันคิดถึงคุณ

ผู้เขียน : อีซ็องบก

ผู้แปล : อาจารย์ ดร.อิสริยา พาที

สำนักพิมพ์ : Avocado Book

บูท : G10

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : AVOCADO BOOKS

ปลายฤดูร้อนนั้น ฉันคิดถึงคุณ โดย อีซ็องบก คือกวีนิพนธ์จากเกาหลีที่ชี้ชวนให้เรามองธรรมชาติรอบตัวในมิติที่ลึกลงไป ทั้งภูเขา ทะเล ป่าไม้ สายน้ำ และอื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้เรานึกถึง ‘คุณ’ ซึ่งหมายถึงใครสักคนหนึ่งที่มีผลกระทบต่อจิตใจของเราทั้งในด้านดีและด้านร้าย และทำให้ตระหนักว่าไม่ใช่แค่เราที่กำลังเผชิญเรื่องเจ็บช้ำอยู่เพียงลำพัง

กวีนิพนธ์เล่มนี้คือหนึ่งในหนังสือคลาสสิกที่ได้รับการตีพิมพ์ต่อเนื่องกว่า 30 ปีที่ประเทศเกาหลี เป็นหนังสือที่แนะนำโดยศิลปินเกาหลีชื่อดังขวัญใจชาวไทย และยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในซีรีส์เกาหลีสุดโรแมนติกเรื่อง When My Love Blooms อีกด้วย โดยในเวอร์ชันภาษาไทยนี้แปลโดย อ.ดร.อิสริยา พาที อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาเกาหลี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังเป็นการวาดภาพประกอบหนังสือครั้งแรกของ ธนชัย อุชชิน (ป๊อด โมเดิร์นด็อก) 

นอกจากนั้นแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังทำเป็น 2 ภาษา ไทย-เกาหลี เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาภาษาเกาหลี หรือหากใครไม่ได้สนใจภาษาเกาหลี ตัวอักษรเกาหลีก็เสริมสร้างบรรยากาศขณะอ่านได้เป็นอย่างดี

มีหลายคนบอกว่ากวีนิพนธ์คือหนังสือประเภทที่ขายยากที่สุดในประเทศไทย แต่โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่ากวีนิพนธ์มีคุณค่าไม่น้อย ความรุ่มรวยของภาษาที่ปรากฏในบทกวีทำให้เราได้ใช้เวลาเพื่อคิดทบทวนตนเองและสิ่งรอบข้าง สำนักพิมพ์ อะโวคาโด บุ๊กส์ จึงตัดสินใจสร้างสรรค์ผลงานกวีนิพนธ์เล่มนี้ขึ้นมาเพื่อให้นักอ่านชาวไทยได้มีโอกาสอ่านกวีนิพนธ์มากขึ้น และผมก็เชื่อว่ากวีนิพนธ์เล่มนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้น

จักรกฤต โยมพยอม

บรรณาธิการบริหาร

17

ชื่อหนังสือ : วิญญาณที่ตายแล้ว (Dead Souls)

ผู้เขียน : Nikolai Gogol

สำนักพิมพ์ : บทจร

บูท : N05

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : สำนักพิมพ์บทจร

รถม้าจากต่างถิ่นควบขับเข้ามายังเมืองชนบทรัสเซียแห่งหนึ่ง ชายแปลกหน้าในรถม้าผู้มาใหม่นาม ปาโวล อิวาโนวิช ชิชิคอฟ จึงได้พบปะกับเหล่าข้าราชการ เจ้าที่ดิน และสุภาพสตรีในเมืองนั้น ในยุคสมัยแห่งยศถาบรรดาศักดิ์ แวดวงสังคมเคร่งลำดับชั้น คำร่ำลือเล่าขาน ระบบราชการเทอะทะ และการครอบครองที่ดินพร้อมทาสที่ถูกนับหน่วยเป็นวิญญาณ ด้วยแผนลับบางอย่างในใจ ชิชิคอฟตระเวนเจรจาเพื่อขอซื้อทาสติดที่ดินจากเจ้าที่ดินรายต่าง ๆ แต่กลับจำเพาะเจาะจงเลือกเฉพาะวิญญาณที่ตายแล้ว

การซื้อขายวิญญาณที่ตายแล้วนำมาซึ่งคำร่ำลือเปี่ยมสีสัน แผนของชิชิคอฟยิ่งรุดหน้า ทั้งตัวเขาและผู้อ่านก็ยิ่งได้พบกับความปลอมเปลือกของเมืองนั้น ‘วิญญาณที่ตายแล้ว’ ที่จริงแล้วคือผู้ใด เหล่าทาส เจ้าที่ดิน หรือคือความป่วยไข้ของสังคมและยุคสมัย

วิญญาณที่ตายแล้ว เป็นผลงานคลาสสิกเล่มสำคัญของวรรณกรรมโลก แม่แบบของงานเขียนช่วงยุคทองวรรณกรรมรัสเซีย และถือเป็นงานสำคัญชิ้นแรก ๆ ของนวนิยายร้อยแก้วรัสเซีย

งานของ โกกอล มองชีวิตและสิ่งที่เป็นไปในสังคมด้วยสายตาวิพากษ์อย่างแทงทะลุถึงแก่น แต่ก็เปี่ยมด้วยอารมณ์ขันและน้ำใจ มิได้เยาะเย้ยถากถางหนักมืออย่าง ตอลสตอย และมิได้ท่วมด้วยอารมณ์พรุ่งพรูแบบ ดอสโตเยฟสกี นักอ่านไทยน่าจะรู้จักและคุ้นเคยกับผลงานของนักเขียนยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย 2 ท่านนี้มาไม่น้อยจากผลงานแปลเล่มสำคัญ ๆ ในฉบับภาษาไทย นับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทำความรู้จักกับผลงานของครูใหญ่ท่านอีกท่านอย่างโกกอล

งานคลาสสิกรัสเซียขึ้นชื่อลือชาและให้แรงบันดาลใจต่อนักอ่านมากมายหลายรุ่น อีกทั้งส่งอิทธิพลต่องานสร้างสรรค์ให้นักเขียน ศิลปิน ผู้กำกับจำนวนมาก เชิญชวนมาพิสูจน์ ‘หนังสือเล่มหนาที่จะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต’ ว่าสมคำร่ำลือหรือไม่ กับการถ่ายทอดโดยตรงจากภาษารัสเซียครั้งแรกในผลงานนวนิยายขนาดยาวของโกกอลที่พยายามรักษาอรรถรสและบรรยากาศตามต้นฉบับอย่างเต็มที่

วรงค์ หลูไพบูลย์

บรรณาธิการอำนวยการ

18

ชื่อหนังสือ : Twists and Turns คิดเปลี่ยนในโลกหักมุม

ผู้เขียน : สันติธาร เสถียรไทย

สำนักพิมพ์ : มติชน

บูท : J47

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : สำนักพิมพ์มติชน

เมื่อโลกเราพลิกผันอย่าง ‘หักมุม’ (Twists) คนเองก็จำต้อง ‘คิดเปลี่ยน’ (Turns) ให้ทันในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม

หนังสือเล่มใหม่ของ ดร.สันติธาร เสถียรไทย จะพาสำรวจการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งในภาคเทคโนโลยีที่ปัญญาประดิษฐ์กำลังพัฒนาอย่างรุดหน้า ภาคสิ่งแวดล้อมซึ่ง ‘โลกเดือด’ กลายเป็นภาวะเร่งด่วนของทุกภาคส่วน ด้านนโยบายสาธารณะที่เน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สอดรับกับตลาดแรงงานและเศรษฐกิจแห่งเอเชียว่าจะมีลุ้นพลิกเกมกลับมาโดดเด่นได้หรือไม่

มากไปกว่านั้น ผู้เขียนจะถอดบทเรียนจากประสบการณ์ตรงซึ่งได้ทำงานในหลากแวดวง เพื่อเป็นดั่ง ‘คู่มือเบื้องต้น’ ว่าคนควร ‘คิดเปลี่ยน’ แบบไหน เช่น กรอบคิดแบบนักเศรษฐศาสตร์ดีอย่างไรและต้องทำอย่างไรจึงจะสร้างได้ หรือเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ‘การตัดสินใจ’ นี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมหรือยัง รวมไปถึงชวนผู้อ่านตั้งคำถามว่า เรามีความสุขกับ ‘งาน’ ที่ทำอยู่หรือไม่

ร่วมอ่าน 10 Twists 10 Turns ที่จะเปลี่ยนโลกและเราไปตลอดกาล

บรรณรต แสงทอง

บรรณาธิการเล่ม

19

ชื่อหนังสือ : จิตวิทยาแห่งความสำเร็จ

ผู้เขียน : ดร.เดโบราห์ เอ. โอลสัน และ เมแกน เคย์

สำนักพิมพ์ : วารา

บูท : D02

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : สำนักพิมพ์วารา

จิตวิทยาแห่งความสำเร็จ คือคู่มือปฏิบัติเพื่อปลดล็อกศักยภาพของผู้อ่านในทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความสัมพันธ์ หรือชีวิตประจำวัน ก็จะได้รับแรงบันดาลใจและช่วยให้คุณมีเครื่องมือที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายนั้น

แนวคิด เครื่องมือ และวิธีการต่าง ๆ ในหนังสือเล่มนี้ได้รับการสรุปเนื้อหามาจากงานวิจัยด้านความสำเร็จและการบรรลุเป้าหมาย แต่ละบทออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้คุณใส่ใจกับความคิดของตัวเอง ซึ่งช่วยให้ออกแบบแผนการที่ละเอียดและเฉพาะเจาะจงได้ โดยนั่นจะทำให้คุณรักษาแรงผลักดันในตัวเอาไว้แม้จะต้องรับมือกับนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง เสียงจากคนอื่น ๆ ที่ตัดสินว่าสิ่งคุณกำลังทำอยู่ ‘เหมาะกับคุณหรือไม่’ ความกลัวความล้มเหลว ตลอดจนความกังวลใจเกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นจะต้องทิ้งไว้ข้างหลังถ้าคุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้ได้แล้ว

หลังจากอ่าน จิตวิทยาแห่งความสำเร็จ แล้ว คุณจะพบว่าการเดินตามเป้าหมายเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ โอกาสใหม่ ๆ จะปรากฏออกมา และสถานการณ์ในชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไป แถมคู่มือนี้จะช่วยคุณค้นหาด้วยว่า จริง ๆ แล้วนิยามความสำเร็จของคุณคืออะไร และคุณจะเก็บเกี่ยวความสำเร็จนั้นมาได้อย่างไร

ณราชิต นามเรืองศรี

บรรณาธิการสำนักพิมพ์

20

ชื่อหนังสือ : มานุษยวิทยามหาสมุทร: ชาติพันธุ์วรรณนาว่าด้วยเทคโนโลยี สปีชีส์ วัตถุ และเรื่องเล่าใต้ท้องทะเล

ผู้เขียน : จักรกริช สังขมณี

สำนักพิมพ์ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)

บูท : F24

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : shop.sac.or.th

หนังสือ มานุษยวิทยามหาสมุทร: ชาติพันธุ์วรรณนาว่าด้วยเทคโนโลยี สปีชีส์ วัตถุ และเรื่องเล่าใต้ท้องทะเล บอกเล่าเรื่องราวของผืนน้ำและท้องทะเลในฐานะ ‘สนามวิจัย’ การศึกษาทางมานุษยวิทยา โดยผู้เขียนเล่าประสบการณ์การทำงานภาคสนามในพื้นที่เปราะบางอย่าง ‘ใต้ท้องทะเล’ ซึ่งถือเป็นวิธีการทำงานสนามชาติพันธุ์ในทะเล (Thalassoethnography) 

ประเด็นสำคัญที่หนังเล่มนี้นำเสนอ คือการใช้ผัสสารมณ์ชนิดต่าง ๆ เพื่อรับรู้ถึงการดำรงอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตหลากสายพันธุ์และวัตถุใต้ท้องทะเล โดยสภาวะใต้ท้องทะเลแสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของวัตถุที่แตกต่างกันออกไป สถานะของซากเรือที่จมอยู่ใต้ท้องทะเลไม่ได้ดำรงอยู่ในฐานะของวัตถุที่กำลังผุพังหรือรอเวลาในการเก็บกู้สู่พื้นดิน หากแต่ซากเรือกำลังมีชีวิตใหม่และกลายเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ 

เมื่อนักมานุษยวิทยาดำลงสู่ใต้ทะเล นอกจากจะได้เรียนรู้วิธีการจัดการกับร่างกายที่ต่างไปจากการอยู่บนพื้นดิน มองเห็นความงดงามของฝูงปลา ความสวยงามของปะการัง สิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน หนังสือ มานุษยวิทยามหาสมุทร ยังทำให้ผู้อ่านมองลึกลงไปในประเด็นต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ทั้งที่มีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องและวาระที่มนุษย์ถูกลบออกไป 

การศึกษาครั้งนี้ถือเป็นงานชิ้นแรกทางมานุษยวิทยาไทยที่นำเสนอจากประสบการณ์ของการเข้าไปสัมผัสโลกที่เปราะบางใต้ท้องทะเล และอาจช่วยให้เกิดข้อถกเถียง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตหลากสายพันธุ์รวมถึงสิ่งไม่มีชีวิต ถือเป็นการชักชวนผู้อ่านให้สนุกไปกับการขยายพรมแดนความรู้แบบใหม่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกวิชาการในปัจจุบัน

ภานรินทร์ แสงศรี น้ำเพชร

นักสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม ฝ่ายสื่อสารสังคมและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ

21

ชื่อหนังสือ : สมุดบันทึกบันดาลฝัน

ผู้เขียน : ฮอนดะ อาริอาเกะ

สำนักพิมพ์ : SandClock Books

บูท : F43

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : SandClock Books

“ถ้ามัวแต่ลังเล ความกล้าหาญจะลดลงเรื่อย ๆ ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะทำก็ควรลงมือทำเลย ไม่ต้องลังเล”
เคยไหม ที่ฝันอยากให้บางเรื่องกลายเป็นจริง แต่กลับมัวลังเล ผัดวันประกันพรุ่ง จนไม่ได้ทำอะไรเสียที

โคเฮ ก็เป็นแบบนั้นเป๊ะ!

โคเฮ คือเด็กชายชั้น ป.5 สุดแสนจะธรรมดา เขาไม่ชอบเรียนหนังสือ แถมเล่นกีฬาก็ไม่เก่งเอาเสียเลย การันตีด้วยตำแหน่งที่โหล่แบบขาดลอยในการทดสอบว่ายน้ำของห้อง แต่ปิดเทอมฤดูร้อนครั้งนี้ชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะสมุดบันทึกที่คุณย่าให้ไว้พร้อมคำพูดที่ว่า เขียนสิ่งที่ฝันไว้ลงในนี้สิจ๊ะ แล้วมันจะเป็นจริงแน่นอน

โคเฮโตแล้ว เขาไม่อยากเชื่อเรื่องเพ้อเจ้อแบบนั้น แต่พอเขียนความฝันลงในสมุดบันทึกเล่มนั้น มันกลับกลายเป็นจริงขึ้นมาน่ะสิ

สมุดบันทึกเล่มนี้มีมนต์วิเศษงั้นหรือ หรือความฝันกลายเป็นจริงเพราะสิ่งอื่นกันแน่

สมุดบันทึกบันดาลฝัน คือวรรณกรรมเยาวชนลำดับที่ 3 จากสำนักพิมพ์ SandClock Books เป็นผลงานของนักเขียนญี่ปุ่น ฮอนดะ อาริอาเกะ โดยในเล่มนี้เขาเล่าเรื่องชีวิตประจำวันแสนธรรมดาของโคเฮ ซึ่งกำลังสับสนหลาย ๆ เรื่อง เพราะอยู่ในวัยเริ่มก้าวผ่านจากการเป็นเด็กสู่วัยรุ่น

โคเฮเป็นตัวละครที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เขามีข้อบกพร่อง มีความไม่มั่นใจ มีการตัดสินใจที่ผิดพลาด หรือรู้สึกไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวเองอย่างที่เด็กทั่วไปต่างต้องเผชิญเพื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ แม้เรื่องราวจะเกี่ยวกับเด็กชายธรรมดา ๆ แต่ สมุดบันทึกบันดาลฝัน ก็น่าติดตาม เพราะมี ‘สมุดบันทึกมหัศจรรย์’ โผล่เข้ามาเป็นส่วนประกอบพิเศษ ชวนให้ลุ้นไปด้วยว่าโคเฮจะเขียนความฝันแบบไหนลงในสมุดบันทึก และความฝันเหล่านั้นจะเป็นจริงได้อย่างไรกันแน่

เล่มนี้อ่านได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สำหรับเด็ก ๆ โคเฮเป็นเหมือนเพื่อนที่จะเผชิญความกลัว ความท้าทายต่าง ๆ ไปด้วยกัน ทำให้เด็กวัยเดียวกับเขารู้สึกเชื่อมโยงได้ไม่ยาก ส่วนผู้ใหญ่ก็จะได้ย้อนความหลังถึงช่วงวัยเด็ก ได้กลับมาทบทวนความฝันของตัวเองและลองลงมือทำสิ่งต่าง ๆ อีกครั้ง

นอกจากความสนุกของเรื่องแล้ว ผู้อ่านย่อมได้แรงบันดาลใจมากมาย ไม่ว่าจะเรื่องการเอาชนะคำสบประมาท เอาชนะความไม่มั่นใจ ความลังเลใจ และที่สำคัญคือการเอาชนะใจตัวเอง ซึ่งโคเฮล้วนได้เรียนรู้ผ่านการเขียน สมุดบันทึกบันดาลฝัน เล่มนี้

ธนัชชา เศาธยะนันท์
บรรณาธิการสำนักพิมพ์

22

ชื่อหนังสือ : Buddy Gator V.2

ผู้เขียน : Chow Hon Lam

ผู้แปล : ปิญณ์ชาน์ เหล็กเพชร

สำนักพิมพ์ : Zombie Books

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : Zombie Books 

ซีรีส์ Buddy Gator คือคอมมิกสุดน่ารักจากประเทศมาเลเซียที่ครองใจแฟน ๆ มาตั้งแต่เล่มแรก สำหรับเล่มที่ 2 จระเข้น้อยยังคงความอบอุ่น ใสซื่อ อ่อนหวาน และเป็นมิตรเหมือนเคย เพราะไม่ว่าคุณจะมีรูปลักษณ์แบบไหน ทุกคนมีความพิเศษในแบบของตัวเอง จงรักคนรอบข้างให้มาก และรักตัวเองในแบบที่เป็นให้มากเช่นกัน

หากจะหาของขวัญให้คนที่รักสักชิ้น Buddy Gator V.2 เหมาะสมที่จะอยู่ในลิสต์นั้น เพราะในยามนี้ โลกต้องการคนที่ใส่ใจกันและกันเหมือนเรื่องราวของเกเต้อกับผองเพื่อน ถือเป็นหนังสืออีกเล่มที่ขายดีในหมู่คุณแม่ เพราะนอกจากสร้างพลังบวกให้ชีวิตแล้ว ยังสร้างมุมมองดี ๆ ให้กับเด็ก ๆ ด้วย แต่เราบอกเลยว่า เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่ก็อ่านดีเช่นกัน

10 เดซิเบล
บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์

23

ชื่อหนังสือ : ปีศาจน้อยจิ้งจอกแดงสานบุพเพสันนิวาส (Fox Spirit Matchmaker)

ผู้เขียน : Tuo Xiaoxin

ผู้แปล : หนวดชมพู

สำนักพิมพ์ : เอ็มไอเอส

บูท : วางหนังสือที่ K01

ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์ : misbook

เพราะความรักไร้พรมแดน ความรักระหว่างมนุษย์กับปีศาจจึงเกิดขึ้น อายุขัยของปีศาจนั้นยืนยาว แต่ของมนุษย์นั้นแสนสั้น 

ถูซานซูซู ปีศาจจิ้งจอกน้อยไม่อยากแต่งงานตามที่พี่สาวบังคับและต้องการเป็นปีศาจจิ้งจอกเต็มตัว จึงรับทำภารกิจ ‘กลับชาติสานบุพเพสันนิวาส’ ซึ่งเป็นพิธีกรรมรื้อฟื้นความทรงจำของคู่รักระหว่างปีศาจกับมนุษย์ที่กลับมาเกิดใหม่เพื่อสานต่อความรัก ถูซานซูซูได้พบกับจอมยุทธ์นามว่า ไป๋เยว่ชู และต้องร่วมมือกับเขาเพื่อรับผิดชอบภารกิจแรกในการฟื้นความทรงจำของ ฟ่านหยุนเฟย ปีศาจจิ้งจอกทรายผู้เป็นองค์ชายแห่งอาณาจักรซีซีกับ ลี่เส่ว์หยาง แม่ทัพหญิงซึ่งเป็นชายาในชาติก่อน แต่เมื่อลี่เส่ว์หยางได้ความทรงจำคืนมา กลับกลายเป็นว่าเธอเคียดแค้นฟ่านหยุนเฟยมากเสียนี่!

นี่คือหนังสือการ์ตูนจีนแนวแฟนตาซี-โรแมนติกที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจนได้สร้างเป็นแอนิเมชันและซีรีส์ เหมาะสำหรับนักอ่านทั่วไป (เรต PG) เพราะเนื้อเรื่องครบทุกรสชาติ ทั้งสนุก ตลก และซาบซึ้ง ฉากต่อสู้และพลังของทั้งปีศาจและมนุษย์ก็สนุก ตราตรึงใจ พระเอกเก่งโดยไม่ต้องรอฝึกวิชา เปิดมาก็เก่งเลย นอกจากนี้ ผู้เขียนยังวางพล็อตและแนวทางการดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม เนื้อเรื่องจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเรื่องยาวที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุก เหล่าตัวละครเองก็มีเอกลักษณ์ทั้งการดีไซน์บุคลิกและนิสัย อ่านไปแล้วจะมีตัวละครที่ชอบเป็นพิเศษ และอินไปกับความรักของปีศาจกับมนุษย์อย่างแน่นอน

วายุ แตงภู่

บรรณาธิการสำนักพิมพ์

Writer

วโรดม เตชศรีสุธี

วโรดม เตชศรีสุธี

นักจิบชามะนาวจากเมืองสรอง งานประจำเป็นนักฟัง งานพาร์ทไทม์เป็นนักเขียน งานอดิเรกเป็นนักเล่า