3 เมษายน 2025
3 K

ออฟฟิศ The Cloud อยู่ชั้น 26 ย่านคลองเตย 

และชาว The Cloud ก็อาศัยอยู่บนคอนโดมิเนียมจำนวนไม่น้อย

นั่นหมายถึงชีวิตทั้งกลางวันและกลางคืน เราต่างวนเวียนขึ้นลงตึกสูงกันแบบไม่รู้ตัว

บ่ายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เราอยู่กระจัดกระจายกันตามภาระหน้าที่ ทันใดนั้น เมื่อแผ่นดินไหวอุบัติ บางคนวิ่งหนีไม่คิดชีวิตมาจากชั้น 26 จนขาเจ็บ บางคนทำงานอยู่ชั้นล่างพอดีจนแทบไม่รู้สึก แม้จะมีประสบการณ์ระทึกมากน้อยต่างกัน แต่ภาพที่ติดตาทุกคนเหมือนกัน คือตึกถล่มที่จตุจักร

ต่อให้ล่วงเลยมาหลายวัน แต่ความตื่นตระหนกยังคงอยู่ ทั้งความไม่รู้ผสมอุปทานหมู่ ทำให้ทุกคนยังกลับมาใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้ จนกระทั่งเราได้เห็นโพสต์ในเฟซบุ๊กของวิศวกรไทยในญี่ปุ่น Peerapat Khaimook ที่อธิบายเรื่องโครงสร้างตึกเมื่อเผชิญแผ่นดินไหวได้อย่างลึกซึ้ง 

เราจึงขอเป็นตัวแทนหมู่บ้าน ต่อวิดีโอคอลตรงจากญี่ปุ่นกับวิศวกรออกแบบโครงสร้างต้านแรงแผ่นดินไหว พีท-ดร.พีระพัฒน์ ไข่มุกด์ Civil Engineering Consultant แห่ง DNV Business Assurance Japan พีทอาศัยอยู่ญี่ปุ่นมานานนับสิบปี ในดินแดนที่เกิดแผ่นดินไหวพันกว่าครั้งต่อปี พีทยังทำงานด้านแผ่นดินไหวโดยตรง ตั้งแต่ออกแบบสะพาน ตอม่อ อาคาร สถานีรถไฟ ขณะนี้กำลังทำเรื่องออกแบบโครงสร้างสำหรับกังหันลมยักษ์ที่สูงกว่า 200 เมตรในมหาสมุทร

เรามาพร้อมกับสารพัดคำถามที่สะท้อนหลากหลายสถานการณ์ของคนเมืองกรุง ตั้งแต่ 

คนยังไม่กล้ากลับเข้าคอนโด 

คนเข้าคอนโดแล้วแต่นอนไม่หลับ 

คนอยากซ่อมแซมคอนโด 

คนอยากซื้อบ้านใหม่ในอนาคต

หวังว่าคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญในครั้งนี้จะช่วยไขข้อกังวลใจให้ใช้ชีวิตกันต่อไปอย่างมีสติและปัญญา

คนยังไม่กล้ากลับเข้าคอนโด

แนะนำคนที่ยังไม่กล้ากลับเข้าบ้านหรือกลับขึ้นคอนโดอย่างไร

ผมเข้าใจดีว่าภาพของความเสียหายมันน่ากลัว และคนเจอครั้งแรกย่อมตกใจ 

สิ่งแรกที่อยากให้เข้าใจ คือ ‘ตึกเสียหายได้และซ่อมแซมได้’ หากความเสียหายไม่ได้กระทบกับโครงสร้างตึกที่ส่งผลต่อความปลอดภัย เราเข้าอยู่ได้ ไม่ต้องกังวล 

​​ญี่ปุ่นเจอแผ่นดินไหวหนัก ๆ ก็แตกเหมือนกัน แต่ไหวเสร็จ เรียกวิศวกรมาประเมิน ประเมินแล้วออกแบบ (เสริมกำลัง) ออกแบบแล้วซ่อม ซ่อมเสร็จก็จบ

ส่วนไหนที่พังแต่ยังเข้าอยู่ได้

โครงสร้างตึก คือพื้น คาน เสา หากเสียหายต้องตรวจประเมินก่อนจนวิศวกรอนุญาตให้เข้าอยู่ได้

ส่วนสถาปัตยกรรม คือกำแพงผนังกั้นห้อง ฝ้าเพดาน ประตู หน้าต่าง เสียหายได้อยู่แล้วเมื่อเจอแผ่นดินไหวหนัก ลองคิดตามว่าถ้าประตูบ้านพัง เราก็แค่เปลี่ยนประตู 

ต้องกังวลไหมหากผนังมีรอยร้าวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จาก Aftershock 

ผนังส่วนใหญ่เป็นกำแพงก่ออิฐที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงสร้างทางวิศวกรรม ถือเป็นฟังก์ชันเพื่อการอยู่อาศัยที่ไม่ได้ออกแบบมาให้รับแรง แม้จะเจอเพียงแค่ Aftershock ก็อาจร้าวจนปูนหลุดลงมาได้

การรีโนเวตตึกเก่า ช่างยังทุบกำแพงกันได้ นั่นเป็นเพราะไม่ได้กระทบกับโครงสร้างตึกใด ๆ

ถ้าฝ้าเพดานถล่มลงมาจะกระทบโครงสร้างไหม

ฝ้าเป็นเพียงส่วนประกอบของสถาปัตยกรรม เพื่อบังระบบท่อต่าง ๆ ให้เพดานดูสวยงาม ฝ้าที่ร่วงหล่นมาไม่มีผลต่อความปลอดภัยของโครงสร้างตึก

ทั้งตึกเสียหาย แต่ห้องเราไม่เสียหาย 

ห้องไม่เสียหายถือว่าโชคดีแล้วที่ไม่ต้องซ่อมแซมตกแต่งใหม่ แต่อยากให้ดูเรื่องโครงสร้างตึกเป็นหลัก ต้องดูว่ามีการตรวจสอบหรือยัง 

หากคนและรถขึ้นตึกเยอะหลังจากเกิดเหตุ จะเพิ่มความเสี่ยงหรือไม่

ต้องมีข้อมูลประกอบว่าตึกเสียหายมากน้อยแค่ไหน การงดใช้ตึกชั่วคราวมีข้อดี ช่วยให้วิศวกรปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้น หากตรวจแล้วไม่มีปัญหาเรื่องโครงสร้าง ทั้งคนทั้งรถก็เข้าตึกได้ตามปกติ

ตึกสั่นเพราะรถวิ่งผ่าน มีความเสี่ยงเพิ่มไหม 

หากตึกสั่นแสดงว่าวางบนฐานรากที่ไม่ลึกมาก ส่วนใหญ่น่าจะเป็นห้องแถวสูงไม่เกิน 3 – 4 ชั้น แต่ไม่มีความเสี่ยงเรื่องถล่ม ส่วนตึกที่สูงมากกว่านั้น มักวางเสาเข็มลึกเกิน 20 เมตร ไม่สั่น ไม่กระทบอยู่แล้ว

การตรวจตึก เขาทำกันอย่างไร

วิศวกรตรวจสอบตึกจากการดูด้วยตาเปล่าได้ โดยดูโครงสร้างตึกเป็นหลัก 

หากไม่มีความเสียหายก็ให้คนเข้าอาคารได้ตามปกติ 

หากเสียหายปานกลาง จะเสนอแนะให้ซ่อมแซมตามความเหมาะสม

หากเสียหายหนัก ต้องย้อนไปดูแบบที่ก่อสร้างและคำนวณอย่างละเอียดเพิ่มเติม

ยกตัวอย่าง ตึกมีเสา 20 ต้น จู่ ๆ หายไป 2 ต้น ตึกนั้นยังเข้าอยู่และซ่อมแซมได้ เพราะได้รับการออกแบบคำนวณมาแล้วอย่างดี เราจึงต้องให้เวลาวิศวกรประเมินเป็นรายกรณีไป

เมื่อเกิดแผ่นดินไหว โครงสร้างตึกที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือส่วนใด 

ถ้าพูดถึงโครงสร้างหลักของอาคาร บริเวณเสาและกำแพงทางหนีไฟ แรงจะกระทบมากที่สุด คานแทบไม่มีผล

เสาที่ญี่ปุ่นก็มีความเสียหายจากแผ่นดินไหว แม้ว่าจะออกแบบและก่อสร้างด้วยวัสดุที่มีมาตรฐาน แต่วิศวกรมักออกแบบมาเผื่อไว้แล้วว่าเสียหายได้ แต่โครงสร้างยังต้องปลอดภัยและซ่อมแซมได้

จะมั่นใจได้อย่างไรว่าตึกออกแบบมารองรับแผ่นดินไหวเพียงพอ

ความเหนียว คือหลักการสำคัญในการออกแบบต้านแผ่นดินไหว เราจะพยายามให้โครงสร้างยืดหยุ่น ปูนร้าวแตกได้ เหล็กโก่งงอได้ แต่ห้ามพังถล่ม

ขออธิบายเพิ่มเติมเรื่องพฤติกรรมของโครงสร้างเสาคอนกรีตที่ใช้กันมากสุด จากรูปจำลองลักษณะความเสียหายที่พังด้วยแรงดัด เมื่อโดนแรงกระทำแนวนอน เช่น แรงแผ่นดินไหว แบ่งได้เป็น 4 ระดับ

ระดับ 1 ปูนร้าวบนผิว เหล็กด้านในคอนกรีตถูกดึงจนถึงจุดคราก แต่ยังมองไม่เห็นเหล็ก

ระดับ 2 ปูนร้าวมากขึ้น ปริแตกหรือปูนหลุดออกมาบ้าง

ระดับ 3 ปูนรอบนอกหลุดออกหมด เห็นเหล็กข้ออ้อยชัดเจน เหล็กเริ่มโดนดัดจนเสียรูป

ระดับ 4 เหล็กปลอกที่ครอบชั้นนอกขาด เหล็กข้ออ้อยดัดงอเสียรูปชัดเจน ปูนแกนกลางแตกร้าว

ตามหลักการออกแบบให้มีความเหนียว แม้เสาคอนกรีตจะร้าวแตก แต่โครงสร้างยังรับแรงได้ ไม่ถล่ม ในทุกระดับจะมีวิธีการซ่อมเสริมกำลังที่แตกต่างกันให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้

ภาพ : Facebook Peerapat Khaimook

คนกลับเข้าคอนโดแล้วแต่นอนไม่หลับ

หากเจอ Aftershock อีก วิ่งก่อนหรือหลบก่อน

จากสถิติ ส่วนมาก Aftershock จะเบาลงเรื่อย ๆ แต่หากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหม่ก็มักเกิดเพียงไม่กี่วินาที เราไม่มีเวลาวิ่งลงไปข้างล่าง ต้องหาที่กำบังก่อน

ควรจัดข้าวของในบ้านอย่างไรเพื่อความปลอดภัย

ข้อแรกสุด เตรียมที่กำบังให้พร้อม เช่น โต๊ะที่ขนาดใหญ่เพียงพอและไม่มีของวางกีดขวางใต้โต๊ะ

ข้อถัดมา สำรวจของชิ้นใหญ่ที่อาจร่วงหล่นมาทำให้เราบาดเจ็บได้ ควรหาวิธียึดให้ปลอดภัย

ที่ญี่ปุ่น ชั้นหนังสือสูง ๆ บาง ๆ ที่ล้มง่าย มักมีแท่งพลาสติกหรือไม้ค้ำระหว่างตู้และเพดาน ไม่ให้โยกเยกตามแรงแผ่นดินไหว และทีวีส่วนใหญ่จะมีสายโซ่คล้องมาด้วยตั้งแต่ตอนซื้อ เอาไว้คล้องกับห่วงที่เราเจาะเล็ก ๆ เองได้บนผนัง 

ตามออฟฟิศสำนักงานบนตึกสูง ทุกใต้โต๊ะจะมีกระเป๋าฉุกเฉินและหมวกกันน็อกเป็นมาตรฐาน

เฟอร์นิเจอร์ Built-in ช่วยให้ของเสียหายน้อยกว่าจริงไหม

ขึ้นอยู่กับกรณี เวลาตึกโยก มันอาจบิดให้เฟอร์นิเจอร์ผิดรูป แต่ก็กระทบกับเรื่องการใช้งานเพียงอย่างเดียว ไม่ได้กระทบโครงสร้าง

‘ตึกไม่โยก’ น่ากลัวกว่า ‘ตึกโยกได้’ จริงไหม

ตึกโยก คือตึกที่ถูกออกแบบให้ยืดหยุ่นตามแรงลม ตึกใหม่ ๆ ทรงสลิมส่วนใหญ่เป็นแบบนี้หมด 

ส่วนตึกที่ไม่โยกถูกสร้างอีกแบบให้ทนแรงด้านข้างอย่างแรงลมได้

แผ่นดินไหวแต่ละครั้งมาด้วยความถี่ที่ไม่เท่ากัน แต่รอบนี้ในกรุงเทพฯ มาด้วยความถี่ของการสั่นที่ต่ำ ซึ่งตรงกับความถี่ธรรมชาติของตึกที่สูงและบางพอดี รอบนี้จึงรู้สึกกันมาก แต่หากแผ่นไหวที่มีความถี่ของการสั่นต่ำ มันจะกลับกัน กลายเป็นตึกสูงที่หนา (แข็ง) กว่า จะโดนเล่นงานมากกว่า

สระว่ายน้ำบนตึกสูงช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้จริงไหม

ตอบตรง ๆ ไม่ได้

ตามทฤษฎี แรงหน่วงของมวลน้ำช่วยสู้ได้ก็จริง แต่ขึ้นอยู่กับตอนออกแบบ ตั้งใจคำนวณอย่างละเอียดเพื่อใช้รับมือแผ่นดินไหวหรือไม่ 

ยกตัวอย่างที่ญี่ปุ่น มีการติดลูกตุ้มขนาดยักษ์ไว้ในตึกเผื่อสร้างแรงหน่วงจริง แต่คิดว่าสระว่ายน้ำบนตึกส่วนใหญ่ไม่ได้คำนวณอย่างชัดเจนเพื่อการนี้ ดังนั้น ผมมองว่ามีหรือไม่มีสระว่ายน้ำก็ไม่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ

แล้วอะไรที่ช่วยต้านแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้

หนึ่ง โครงสร้างแข็งแรง เสาที่วางในลักษณะทแยงขวางมีส่วนสำคัญที่สุด ที่ญี่ปุ่นจะเห็นเสาในรูปแบบต่าง ๆ โชว์ให้เห็นหน้าตึกเลย เช่น เสาไขว้กัน เสารูปตัววี เพื่อให้มันค้ำน้ำหนักกัน

สอง อุปกรณ์ลดแรงแผ่นดินไหวที่เกิดกับโครงสร้างตึก เช่น Earthquake Damper (ระบบลดแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว) ถ้าให้เปรียบเทียบง่าย ๆ จะเหมือนโช้กสปริงที่ใส่ใต้ท้องรถเพื่อลดแรงกระแทก แต่ขนาดใหญ่กว่ากันมาก 

ภาพ : thetokyofilesurbandesign.wordpress.com

บันไดหนีไฟปลอดภัยที่สุดจริงไหม

จริง

แผ่นดินไหวเป็นแรงกระทำด้านข้าง ตึกสูงในไทยใช้กำแพงรับแรงด้านข้างด้วยการเสริมเหล็ก เรียกว่ากำแพงรับแรงเฉือน แต่หากกำแพงนี้มีช่องเปิดเยอะ เช่น หน้าต่าง กำลังต้านแรงจะลดลง ปล่องลิฟต์หรือบันไดหนีไฟที่ไม่มีช่องเปิดจึงมักถูกออกแบบให้เป็นกำแพงเฉือนอยู่เสมอ ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังที่ช่วยรับแรงเยอะสุด

แต่การเป็นด่านหน้ารับแรงก็อาจเกิดความเสียหายมากสุดเวลาเกิดแผ่นดินไหว ต้องมีการประเมินและซ่อมแซมใหม่

ตึกที่ซ่อมแซมและประเมินอย่างเหมาะสมแล้ว ถือว่าแข็งแรงเท่าเดิมเลยไหม

เท่าเดิมได้ มากกว่าเดิมก็ได้ อยู่ที่วิศวกรออกแบบ โดยปกติวิศวกรจะออกแบบมาเผื่ออยู่แล้ว 

ตึกสูงที่สร้างเสร็จแล้วถูกต้องตามหลัก มีโอกาสถล่มไหม 

ไม่ควรมีคำว่าถล่ม แต่ความเสียหายเกิดได้และซ่อมแซมได้

ระดับ 1 รองรับแผ่นดินไหวที่มาบ่อย ๆ ตึกสูงทั่วไปออกแบบให้ต้านได้ 100% ส่วนบ้านเรือนทั่วไปใช้โครงสร้างไม้เป็นหลักก็ไม่กระทบเช่นกัน

ระดับ 2 รองรับแผ่นดินไหวรุนแรงที่ไม่ได้เกิดบ่อย ออกแบบให้เสียหายแตกร้าวได้ แต่ห้ามส่งผลกระทบถึงชีวิต และต้องซ่อมได้อย่างรวดเร็ว 

หากตึกจะถล่ม ควรหลบที่ไหน ชั้นใต้ดินแข็งแรงสุดหรือเปล่า

ถ้ามีเวลาลงไปชั้นใต้ดิน วิ่งหนีออกมากลางแจ้งดีกว่า

คนอยากซ่อมแซมคอนโด

เวลาเจอรอยร้าว ไปซื้ออุปกรณ์มาอุดเองหรือจ้างช่างดีกว่า

ขึ้นอยู่กับว่าสะดวกแบบไหน เหมือนการรีโนเวตบ้าน สอบถามสถาปนิกหรือช่างทั่วไปได้เลย

ผมคงพูดแทนไม่ได้ในฐานะวิศวกร เพราะไม่ได้มีผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้าง

การซ่อมห้องในคอนโด หากมีการซ่อมกันหลายห้องจะเกิดผลกระทบเป็นทอด ๆ หรือเปล่า

ไม่กระทบต่อโครงสร้างตึกแน่นอน การซ่อมเชิงสถาปัตยกรรมเกิดขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีเหตุภัยพิบัติหรือไม่ ของพวกนี้ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน มันเสียหายได้ สิ่งสำคัญคือการป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุจากการซ่อมแซมกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน

หากเสาเสียหายรุนแรง ควรซ่อมเสาอย่างไรให้แข็งแรงยิ่งกว่าเดิม 

ที่ญี่ปุ่นมีหลายวิธีมาก แต่ขอยกตัวอย่างที่ใช้ได้ง่าย ๆ ที่ไทย

วิธีที่ 1 เสริมกำลังด้วยวิธีพอกคอนกรีตใหม่เพิ่มรอบเสาเดิม เพิ่มเหล็กปลอกเสริมความเหนียวและเหล็กข้ออ้อยตามความจำเป็น ปกติถ้าพอกเสาจะหนาขึ้นประมาณ 20 – 60 เซนติเมตร ถ้าเสาเดิมเสียหายก็ต้องซ่อมก่อน ด้วยการค้ำยันโครงสร้างรอบ ๆ เคลียร์คอนกรีตที่แตกออก แล้วอัดคอนกรีตชนิดไม่หดตัว หรือใช้สารอีพ็อกซีไปอุดรอยแตกเติมเสาให้เต็ม

หากโครงสร้างทรุดหรือเหล็กข้ออ้อยโก่ง ต้องใช้ระบบไฮโดรลิกดันคานหรือโครงสร้างอื่นขึ้นไปก่อน แล้วดัดเหล็กกลับมาให้ตรงก่อนทำการเติมเสา ถ้าเหล็กงอมาก ในบางกรณีอาจต้องตัดส่วนที่งอออกแล้วใส่เหล็กใหม่ทาบไปหรือใส่เสริมไปแทน

วิธีที่ 2 เสริมกำลังแบบครอบเสาด้วยแผ่นเหล็ก คล้ายวิธีแรก แต่ใช้แผ่นเหล็กครอบเสาทั้ง 4 ด้าน แล้วเติมคอนกรีตแบบไม่หดตัวลงไประหว่างกลางให้เต็ม หากเสาเดิมเสียหายก็ต้องซ่อมก่อน

ถ้าที่ญี่ปุ่นเจอหนัก ๆ ก็พังเหมือนกัน แต่ซ่อมแซมกลับมาใช้งานต่อได้ ไม่ต้องเป็นห่วง

หากอยากเพิ่มความเหนียวของโครงสร้างตึก ทำได้อย่างไรบ้าง

ทำได้หลายวิธี แต่วิธีพื้นฐานสุด คือใส่เหล็กปลอกที่รัดหุ้มเหล็กข้ออ้อย ยิ่งใส่เบอร์ใหญ่ ใส่เหล็กเกรดดี ยิ่งเหนียว เพราะมันคือเหล็กรับแรงเฉือน ดูดซับพลังงานแผ่นดินไหวได้มากขึ้น

ตึกสูงที่ต้องต้านแรงลมเยอะ ทำให้แรงเฉือนในตัวอาคารมีสูง เวลาก่อสร้าง นอกจากใช้กำแพงพิเศษรับแรงเฉือน เสาของตึกต้องใส่เหล็กปลอกมาให้ต้านแรงเฉือนได้อย่างเพียงพอ เมื่อใส่แล้วจะช่วยเพิ่มความเหนียวด้วย กลายเป็นยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

แต่รอบนี้ ตึกสูงเจอแผ่นดินไหวที่แรงและมาด้วยความถี่ที่ตรงกัน เหล็กที่ใส่มาเพื่อสู้แรงลมเอาไม่อยู่ เลยเห็นมีเสาแตกกันบ้าง

ออกแบบให้แข็งแรงสุด ๆ แทนความเหนียวได้ไหม 

ตอบตรง ๆ คือได้ แต่ยากกว่ามาก 

ยิ่งแข็ง โครงสร้างก็จะพยายามรับแรงต้านเพิ่มขึ้น ถ้าเราอยากให้โครงสร้างแข็ง ไม่แตกไม่งอ ก็ต้องเพิ่มกำลัง ไม่ยอมให้โครงสร้างถึงจุดคราก โครงสร้างจะใหญ่ขึ้นมโหฬารเกินความเป็นจริง สร้างบ้าน 2 ชั้น เสาอาจใหญ่เท่าตึก

อยากทำโครงสร้างทนแรงแผ่นดินไหว ต้องมีความเหนียวสูง 

คนอยากซื้อบ้านใหม่ในอนาคต

ถ้าตึกเคยมีความเสียหาย มีรอยร้าว แต่ซ่อมแล้ว ยังน่าซื้อไหม

หากไม่กระทบโครงสร้างตึกก็ไม่น่ากังวล ความเสียหายจากแผ่นดินไหวเกิดได้และซ่อมได้ ไม่ต่างจากภัยพิบัติอื่น ๆ 

การเลือกซื้อคอนโดหรือเช่าออฟฟิศ อยู่ชั้นบนหรือชั้นล่างปลอดภัยกว่ากัน

ไม่ได้เกี่ยวกับโครงสร้าง แต่คงเป็นความรู้สึกทางใจ อยู่ชั้นล่างจะวิ่งถึงพื้นดินได้เร็วกว่า

ส่วนเรื่องความเสียหาย ส่วนมากชั้นบนจะมีโอกาสกำแพงร้าวมากกว่าชั้นล่าง เพราะการเคลื่อนไหวเยอะกว่า แต่ก็มีปัจจัยของชนิดวัสดุมาเกี่ยวด้วย

เวลาจะสร้างบ้าน 1 – 2 ชั้น ต้องคำนึงถึงเรื่องแผ่นดินไหวด้วยไหม 

คำนึงก็ดี บอกวิศวกรเสียหน่อย แม้ประเทศไทยจะไม่ค่อยมีรอยเลื่อนแผ่นดินไหว แต่เราอยู่ในตำแหน่งที่แรงสั่นสะเทือนส่งผลมาถึงได้ 

การสร้างบ้านให้รองรับแผ่นดินไหวง่ายมาก เพราะน้ำหนักของใช้ส่วนตัวและคนในครอบครัว ไม่ได้ทำให้ตัวอาคารรับน้ำหนักมาก

ตึกสูงที่ต้องมีข้อบังคับเรื่องแผ่นดินไหวเพราะมีผลต่อน้ำหนักด้วย แผ่นดินไหวจะมาพร้อมกับความเร่ง หากข้างบนตึกเบาจะโยกเบา ส่วนตึกที่หนักจะโยกด้วยแรงที่มากกว่า แต่ไม่ได้แปลว่าจะเกิดอันตรายต่อโครงสร้างมากกว่า

ซื้อบ้านต่างจังหวัดดีกว่าไหม

ต้องบอกว่ารอบนี้กรุงเทพฯ โดนสั่นแรงจริงเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะอาคารสูงโดนโยกเป็นพิเศษ เพราะความถี่สั่นพ้องตรงกับตึกสูงพอดี 

แต่ต่างจังหวัดก็มีโอกาสเจอได้ ประเทศไทยแถวภาคเหนือเป็นดินแข็ง เต็มไปด้วยภูเขา เมื่อเกิดแผ่นดินไหวจากพม่าที่เป็นแผ่นดินไหวระดับปานกลาง จะทำให้บ้าน 2 – 3 ชั้น หรือตึกไม่เกิน 5 ชั้น รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนมากกว่า

แม้แผ่นดินไหวเตือนล่วงหน้าไม่ได้ แต่มีอุปกรณ์ใดที่ควรติดตั้งเพื่อประเมินความเสียของตึกได้ในอนาคต

เซนเซอร์วัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว นี่เป็นเรื่องที่ผมอยากผลักดันมากที่สุด 

เมื่อ 5 ปีที่แล้วที่ผมหาข้อมูล คิดว่าในกรุงเทพฯ น่าจะติดตั้งกันจำนวนนับมือได้ มันเป็นเทคโนโลยีที่มีมานานหลายสิบปีและไม่แพงแล้ว ถูกกว่ามือถือตามห้างเสียอีก ติดได้ไม่ยาก ไม่ต้องติดทุกชั้น ติดที่โครงสร้างหลักก็เพียงพอ หากมีสัก 100 ตัว ไม่ต้องติด 100 จุดบนตึกเดียว แต่ติดบนตึก 100 แห่งดีกว่า เราจะได้ข้อมูลหลายมุม 

แผ่นดินไหวมาแต่ละครั้งส่งผลไม่เท่ากัน ตึกแต่ละที่สร้างคนละแบบ ทั้งแบบแข็ง แบบเหนียว ยังมีปัจจัยเรื่องธรณีวิทยาใต้ตึกที่พื้นดินอ่อนแข็งไม่เท่ากัน

ที่ญี่ปุ่นติดเซนเซอร์กันเต็มไปหมด โดยเฉพาะโครงสร้างสำคัญ ๆ อย่างโรงพยาบาล สำนักงานราชการ หรือสถานีรถไฟ มีข้อมูลเยอะมากจนทำเป็นเครือข่ายเซนเซอร์ได้ รัฐมีเว็บไซต์ที่นำข้อมูลพวกนี้มาอัปเดตให้ดูได้เกือบจะทันที ทำให้คนญี่ปุ่นดูข้อมูลแผ่นดินไหวได้เหมือนดูพยากรณ์อากาศ

“ตอนมาญี่ปุ่นใหม่ ๆ เจอแผ่นดินไหวครั้งแรกผมก็ตกใจ แต่พอมันเปิดประสบการณ์เรา ครั้งถัดไปเราก็มีสติมากขึ้น วิศวกรไทยเก่ง ๆ กันทั้งนั้น เขาไม่ปล่อยให้เสี่ยงอันตรายหรอกครับ” ดร.พีท ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม เรากล่าวขอบคุณเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้จะคุยกันทางไกล แต่ทำให้สบายใจขึ้นมากโข 

ไม่มีอะไรดีไปกว่าการรู้เท่าทัน แล้วสาธารณภัยจะไม่กลายเป็นภัยพิบัติในบ้านเมืองเรา ขอให้คำแนะนำชุดนี้เป็นวิตามินเสริมปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้ทุกคนใช้ชีวิตกันอย่างมีสติต่อไป 

คำแนะนำเรียกสติฉบับ ดร.พีท

  • หาที่กำบัง! แผ่นดินไหวสั่นแรง ๆ มาไม่เกิน 1 นาที 
  • หยุดแล้วค่อยอพยพ ไม่จำเป็นต้องวิ่ง Aftershock ไม่มาทันที
  • พังได้ ซ่อมได้ ใช้งานต่อได้ ใช้ชีวิตกันต่อไป

Writer

ธันยมัย อนันตกรณีวัฒน์

ธันยมัย อนันตกรณีวัฒน์

นักข่าวเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยเชื่อว่า GDP คือคำตอบ แต่กลับชื่นชอบในแนวคิด Circular Economy ว่าจะสร้างอนาคตอันสดใสให้กับโลกที่ร้อนขึ้นทุกวัน