“ถ้าฉันเปิดร้านน้ำหอม จะทำน้ำหอมตามชื่อเมือง อัมสเตอร์ดัมเป็นกลิ่นกัญชา ส่วนปารีสต้องมีกลิ่นฉี่ มันเป็นเอกลักษณ์ของเมือง”
เพื่อนผู้อยู่ปารีสมาหลายปีบอกฉันอย่างจริงจัง จะเถียงก็เถียงไม่ออก เพราะกลิ่นยูรีนฉุนกึกตามมุมตึกจะชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้ ถึงอย่างนั้นฉันก็ขอนั่งยันนอนยันว่าเมืองหลวงของฝรั่งเศสมีมุมหอมยวนใจเหมือนกันนะ ประเทศนี้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำหอมมาหลายร้อยปี นักสร้างสรรค์น้ำหอมมากมายเปิดแบรนด์ที่ปารีส และการตะลอนไปทั่วเมืองน้ำหอมเพื่อตามหากลิ่นดีๆ ในร้านเล็กๆ ก็เพลินจมูกเป็นอย่างยิ่ง
จากบรรดาร้านน้ำหอม Niche สารพัดทั่วกรุง ฉันกำตั๋ว Metro ในมือ จับรถไฟไปตามร้านแสนสวย แล้วใช้เวลานับชั่วโมงซึมซับกลิ่นอยู่ในนั้น
เกณฑ์การเลือกร้านน้ำหอมของฉันคือแบรนด์ที่ออกแบบน้ำหอมเอง มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส ที่สำคัญคือราคาเอื้อมถึงได้ อย่างน้อยก็ต้องได้ขวดเล็กขวดน้อยติดมือกลับไปลองใช้ หรือเป็นของฝากกลับบ้านสุดพิเศษที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า Made in France จริงๆ
01
เยี่ยมพิพิธภัณฑ์น้ำหอมของแบรนด์เก่าแก่อย่าง Fragonard
หอมตั้งแต่ปี 1926
เริ่มทำความรู้จักบทเรียนกลิ่น 101 ที่พิพิธภัณฑ์น้ำหอมเล็กๆ ใจกลางปารีส Fragonard เป็นหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมเก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศส กำเนิดจาก Grasse เมืองหลวงแห่งน้ำหอมที่อยู่ทางใต้ของประเทศ โดย Eugène Fuchs ตั้งชื่อแบรนด์โดยเอานามสกุลของจิตรกรชื่อดังสมัยศตวรรษที่18 เป็นที่ตั้ง
ปัจจุบันแบรนด์น้ำหอมนี้ยังเป็นธุรกิจครอบครัวเดิม แม้จะมีร้านสาขามากมาย แต่ฉันอยากชวนให้มา Musée du Parfum Fragonard มากที่สุด เพราะที่นี่มีไกด์พาผู้ชมไปทำความรู้จักโลกแห่งกลิ่นและการสกัดน้ำหอม ตบท้ายด้วยห้องแห่งการช้อปที่เราจะได้ลองดมกลิ่นและทายดอกไม้ที่เป็นส่วนผสม ที่สำคัญพิพิธภัณฑ์นี้เข้าฟรี ภายใน 1 ชั่วโมง เราได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินกับจมูกไปเต็มๆ
น้ำหอมที่นี่มีหลากหลายมาก กระทั่งเครื่องประทินผิว เทียนหอม และน้ำหอมสำหรับบ้านก็มีครบครัน แถมถ้ามากันหลายคน จะมีส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อหลายขวดด้วยแหละ (อ่านรายละเอียดพิพิธภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่นี่)
ที่อยู่ 3-5 Square de l’Opéra-Louis Jouvet, 75009 Paris (Metro สถานี Opéra)
เวลาทำการ 09.00 – 18.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
musee-parfum-paris.fragonard.com/en
02
ชื่นใจกับกลิ่นสนุกจากธรรมชาติและศิลปะของ L’Artisan Parfumeur
หอมตั้งแต่ปี 1976
น้ำหอมกลิ่นแรกของร้านนี้คือกลิ่นกล้วย
เพื่อนของ Jean Laporte จะใส่คอสตูมชุดกล้วยไปงานเลี้ยง เลยขอร้องให้นักเคมีหนุ่มออกแบบกลิ่นให้ หลังจากนั้นก็ออกแบบกลิ่นเกรปฟรุ๊ตและกลิ่นวานิลลา และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปมากกว่า 40 ปี ปัจจุบัน L’Artisan Parfumeur มีกลิ่นหลายสิบกลิ่นที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น Un Air de Bretagne ที่ได้แรงบันดาลใจจากอากาศริมทะเลของบริตตานี กลิ่นบนหญ้า Sur L’herbe ที่ได้แรงบันดาลใจจากภาพวาดมื้อกลางวันบนสนามหญ้าของ Edouard Manet ไปจนถึงกลิ่น Méchant Loup กลิ่นหมาป่าใจร้ายที่ผสมกลิ่นชะเอมเทศ เฮเซลนัท และน้ำผึ้ง หอมกลิ่นไม้สะอกสะใจ
ร้านนี้มีหลายสาขาทั่วปารีสและในต่างประเทศ รับรองว่าหลงเข้าไปแล้วอยู่เพลินแน่นอน เพราะกลิ่นเขาเยอะและดีงามจนเลือกไม่ถูก
ที่อยู่ 167 Boulevard Saint-Germain 75006 Paris (Metro สถานี Saint-Germain-des-Prés)
เวลาทำการ 10.30 – 19.30 น.
global.artisanparfumeur.com
03
หลงรักกลิ่นแบบเจ้าหญิงงามสง่าของ Annick Goutal
หอมตั้งแต่ปี 1980
Annick Goutal เป็นอดีตนักเปียโนและนางแบบที่ผันตัวมาเปิดร้านน้ำหอมที่ปารีส เธอค้นพบว่าโน้ตดนตรีกับโน้ตกลิ่นเป็นภาษาที่เรียนรู้ได้เหมือนกัน น้ำหอมของ Goutal อ่อนหวานและมีความเป็นผู้หญิงมาก โดยกลิ่นที่ดังที่สุดของแบรนด์คือ Eau d’Hadrien กลิ่นสดชื่นของพืชตระกูลส้มที่ได้แรงบันดาลใจจากวิวที่อิตาลี และ Petite Chérie ที่มีกลิ่นหวานๆ ของลูกแพร์ พีช วานิลลา และหญ้าตัดใหม่
ปัจจุบัน Camille Goutal เป็นผู้สืบทอดแบรนด์แสนหวานแทนแม่ที่เสียชีวิตไป น้ำหอมของที่นี่ราคาค่อนข้างสูง เดินเข้าร้านแล้วรู้สึกถึงรัศมีหลุยส์หรูหรา แต่ยังมี Eau de Toilette, Cologne, เทียนหอม และเครื่องประทินผิวกลิ่นเดียวกันที่ราคาย่อมลงมาหน่อย ใครอยากได้กลิ่นแบบเจ้าหญิง ต้องมาเยือนที่นี่และบรรจงพรมกลิ่นรื่นรมย์ดูสักที
ที่อยู่ 16 Rue de Bellechasse 75007 Paris (Metro สถานี Solférino)
เวลาทำการ 10.00 – 19.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
www.goutalparis.com
04
ปรึกษาหากลิ่นวัยรุ่นของครอบครัวช่างทำน้ำหอม Parle Moi de Parfum
หอมตั้งแต่ปี 2016
แล็บน้ำหอมสีขาวดำที่มาแรงสุดๆ นี้เป็น ของ Benjamin Almairac ลูกชายวัยรุ่นของ Michel Almairac ช่างทำน้ำหอมมือฉมังจากเมือง Grasse ที่ออกแบบน้ำหอมให้แบรนด์ดังๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ Gucci, Burberry, Zadig & Voltaire ไปจนถึง Shiseido
หลังจากทำงานตามโจทย์มาตลอดชีวิต ลูกชายคนที่สองของบ้านก็เปิดร้านเล็กๆ ในย่าน Marais ให้พ่อได้ออกแบบน้ำหอมแบบที่ฝันอยากทำมาตลอด มิเชลออกแบบน้ำหอม 8 กลิ่นที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน ตั้งแต่ Totally White อ่อนหวานเหมือนซุกหน้าดมช่อดอกไม้อย่างฮอว์ธอร์น ไลแลค และวิสทีเรีย กลิ่นซุกซนแบบ Tomboy Neroli ที่ผสมดอกส้มกับยางไม้ ไปจนถึง Woody Perfecto ที่ผสมกลิ่นกาแฟ หนังสัตว์ และหญ้าแฝก เร้าอกเร้าใจเป็นที่สุด
ตัวร้านเป็นแล็บทำน้ำหอมในตัว และพนักงานก็เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เชี่ยวชาญเรื่องกลิ่น คอยช่วยให้คำแนะนำอย่างจริงจังให้เราได้กลิ่นที่ชอบและเหมาะกับตัวเอง ราคาเอื้อมถึงได้ แต่ถ้าตึงมือไปหน่อย เขามี Discovery Kit ให้เลือก 3 กลิ่นที่ชอบมาลองใช้ในขวดจิ๋ว 3 ขวด ราคา 15 ยูโรเท่านั้นเอง
ที่อยู่ 10 Rue de Sévigné 75004 Paris (Metro สถานี Saint-Paul)
เวลาทำการ 11.00 – 19.30 น. (ปิดวันจันทร์)
parlemoideparfum.com
05
ผสมน้ำหอมสูตรเฉพาะของตัวเองกับ Candora
หอมตั้งแต่ปี 2017
ปิดท้ายด้วยการค้นพบโดยบังเอิญเมื่อเดินดุ่มอยู่ในย่าน Marais เลี้ยวเข้าไปแล้วสนุกเพลิดเพลิน เพราะร้าน Candora เขามีน้ำหอม Eau de Toilette 17 กลิ่น ให้เราเลือกผสมเองได้! เชิญเล่นเกมจับคู่กลิ่นให้พออกพอใจ เลือกกลิ่นดอกไม้เครื่องเทศได้ตามประสงค์ ทางร้านจะช่วยแนะนำ แล้วจะผสมน้ำหอมใส่ขวดให้สดๆ ตรงหน้า เรียกได้ว่า Made in France ของแท้ กระทั่งขวดกับปลอกหนังแกะหุ้มขวดยังสั่งจากในประเทศเลย
ร้านนี้เป็นของสองพี่น้อง Emmanuel Frossard และ Béatrice Delorme ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Candora นักร้องโอเปร่าเสียงสวยยุค 30 ที่เป็นเพื่อนกับครอบครัวนี้ แล้วชื่อนี้ยังซ่อนความหมายว่า Can Do ทำได้ทุกสิ่ง เพราะที่นี่จัดเวิร์กช็อปสอนทำน้ำหอมให้คนทั่วไปมาเรียนทำน้ำหอมของตัวเองทุกๆ เดือน แถมในร้านยังมีช็อกโกแลตกลิ่นน้ำหอมสนุกๆ วางขายด้วย
เรื่องน่าตื่นเต้นคือคุณเอ็ม-เจ้าของร้านเป็นคนดูแลร้านเอง สมัยหนุ่มๆ ยี่สิบกว่าปีก่อน เคยมาทำงานที่กรุงเทพฯ เลยพูดไทยได้นิดหน่อย คุยสนุกเชียว แถมข้อดีอีกอย่างที่ทุกคนน่าจะชอบ คือร้านนี้ราคาย่อมเยาที่สุดในทุกร้านที่กล่าวมา