SSIP Boutique Dhevej Bangkok บูติกหลังสีขาวสะอาดตาสไตล์โคโลเนียล อยู่บริเวณเดียวกับบ้านสีขาวทำจากไม้สักทองอายุ 90 ปีตกแต่งสไตล์เดียวกัน ที่พักสองหลังตั้งเคียงข้างใกล้ชิดในย่านเทเวศร์ บ้านหลังสวยเป็นมรดกตกทอดของ สิปป์-สิริกมล กมลยะบุตร หลานสาวลำดับที่ 10 ของ หม่อมราชวงศ์นวลขจร (นันทวัน) กมลยะบุตร


คุณย่าของเธอเกิดปลายรัชกาลที่ 5 สืบเชื้อสายจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นหญิงห้าแผ่นดินที่ผ่านเรื่องราวยาวนาน สิปป์ผูกพันกับคุณย่าตั้งแต่เธอเกิด จนกระทั่งวันสุดท้ายของบุคคลที่เธอรักมาถึง
หลานรักมีโอกาสเข้าไปเก็บของใช้ส่วนตัวภายในห้องนอนของคุณย่า

หนึ่ง
“…ดันไปเปิดเจอหีบโบราณ”
สอง
“ของข้างในเป็นรูปซีเปียสมัยคุณย่ายังมีชีวิตอยู่ เครื่องทองเหลือง จานและชามบลูแอนด์ไวท์”
สาม
“เจอแป้งร่ำที่คุณย่าใช้ผัดหน้า ผัดตัว หลังอาบน้ำและก่อนนอน”
สี่
“ของพวกนั้นทำให้เรารู้สึกว่าไม่น่าเก็บเอาไว้เฉยๆ น่าจะพาเขามาเล่าเรื่องราวให้คนต่างชาติทั่วโลกรู้ว่า อดีตของประเทศไทยช่วงรัชกาลที่สี่ถึงห้ามีความเป็นอยู่ยังไง เลยเป็นที่มาให้เราทำ SSIP Boutique Dhevej Bangkok ขึ้นมา”


ที่พักสไตล์ย้อนยุคทว่าร่วมสมัยก่อสร้างขึ้นเมื่อ 7 ปีก่อน ตกแต่งล้อกับบ้านไม้สักทองหลังเดิมของครอบครัว ความโดดเด่นของที่พักทั้งสองแบบคือ ‘หน้าต่างบานกระทุ้ง’ สัญลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ช่วงรัชกาลที่ 5 – 6 เจ้าบ้านเปรยว่าหน้าต่างเป็นจุดเชื่อมอดีตกับปัจจุบัน คล้าย ‘ประตูไปที่ไหนก็ได้’ ของการ์ตูนเรื่องดังจากประเทศญี่ปุ่น

ห้า
การตกแต่งอาคารเน้นสีขาวเป็นหลัก ไม่แปลกถ้าคุณจะรู้สึกสบายตาและผ่อนคลาย แถมอากาศยังถ่ายเทสะดวก ชวนเอนกายพักพิง ด้วยเทคนิกลูกหมุนระบายอากาศและช่องแสงชั้นบนสุด ทำให้เธอลดการเปิดเครื่องปรับอากาศและประหยัดไฟ เพราะช่องแสงทะลุถึงกันหมดทั้ง 4 ชั้นของอาคาร คนรักที่พักแบบ Eco-friendly ต้องชอบใจ


ส่วนห้องพักมีทั้งหมด 19 ห้อง 4 ประเภท ดีลักซ์ ดับเบิ้ล, ดีลักซ์ ทวิน, สวีท ทริปเปิล และฮันนีมูน สวีท เหมาะกับการนอนเที่ยวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก คู่เพื่อนสนิท หรือยกก๊วนเที่ยวทั้งครอบครัว แถมบางห้องยังเป็น Connecting Room ด้วยนะ เราขอแนะนำห้องพักแบบฮันนีมูน สวีท (มีเพียง 2 ห้องเท่านั้น) ความพิเศษอยู่ตรงเตียงนอนสี่เสา ที่เคยใช้งานจริงในสมัยคุณย่าของสิปป์ ความงามของลายฉลุบริเวณปลายเตียงยังสวยมิเสื่อม เสมือนได้ย้อนเวลากลับไปหาอดีต


เพื่อคงความเป็นยุครุ่งเรืองของไทย ลายกระเบื้องบนพื้นเธอสั่งทำขึ้นพิเศษ เป็นลายยอดฮิตสมัยรัชกาลที่ 5 คล้ายกับลายกระเบื้องในมิวเซียมสยาม รวมถึง ‘แป้งร่ำ’ เครื่องปะทินผิวของสตรีชั้นสูงที่เธออนุรักษ์ไว้ เพื่อให้แขกสัมผัสความเป็นไทยพร้อมกับการหวนคิดถึงคุณย่าของเธอ สิปป์แนบกระดาษแผ่นเล็กคู่กับแป้งร่ำให้แขกเข้าใจวิธีการใช้และประโยชน์ เธอว่าให้หยิบเม็ดแป้งร่ำสักสองสามเม็ดผสมกับน้ำ จะผัดหน้าหรือผัดตัวก็ได้ จะช่วยให้ผิวผ่อง ไร้ความมัน

หก
“ความสนุกของการทำโรงแรมอยู่ตรงการได้เลือกของมาตกแต่ง”
สิปป์พูดพลางพาเราเดินดูของตกแต่งหาสะสมยาก เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นตกทอดมาจากรุ่นบรรพบุรุษ อย่างชุดเก้าอี้บริเวณโถงทานข้าวเป็นชุดเก้าอี้ไม้วินเทจจากภัตตาคารพงหลีของคุณตาและคุณยาย

อ่างล้างหน้าใช้จริงของคุณย่าโต๊ะเครื่องแป้งขาศร ร่องรอยของศิลปะยุคโคโลเนียลที่เธอได้มาจากเพื่อนสนิทนักสะสมของโบราณ และสิปป์ยังมีตู้ไม้ใบใหญ่บรรจุถ้วยชามรามไหสไตล์บลูแอนด์ไวท์อยู่เต็มตู้


แต่ที่แปลกตาคงเป็นชุดทำขนมครกดินเผา มีทั้งขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ สิปป์เล่าว่าสมัยเด็กคุณย่าของเธอชอบทำอาหารมาก มักเข้าไปเยือนวังสวนสุนันทาอยู่บ่อยครั้ง เพราะมี พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา เป็นแรงบันดาลใจในการเข้าครัว คุณย่าเลยสอนบรรดาหลานทำขนมครกไข่ด้วยเตาถ่าน

“ชุดทำขนมครกชุดนี้คุณย่าซื้อให้เล่นตอนเด็ก ตอนนั้นห้าหกขวบได้” เธอมอบรอยยิ้มสดใสพร้อมเลื่อนกระจกหยิบของเล่นวัยเด็กมาอวดเป็นขวัญตา แต่สิ่งที่เราเห็นกลับเป็นความผูกพันของคุณย่าและคุณหลานที่มีให้กันเสมอมา
เจ็ด
นึกถึงสิปป์ ต้องนึกถึงขนมครก เธอบรรจุการทำขนมครกเป็นหนึ่งในกิจกรรมเวิร์กช็อป แถมยังพลิกแพลงขนมครกแบบเดิมเป็นขนมครกหน้าแฮมชีส ขนมครกหน้าไข่มุก และขนมครกหน้าฝอยทอง วิธีการทำก็เรียกความตื่นตาตื่นใจให้นักนอนเที่ยวสายอินสตาแกรมเมอร์มาถ่ายภาพกันสนุกสนาน ถ้าผู้ใหญ่หน่อยเธอแนะนำกิจกรรมร้อยพวงมาลัยดอกไม้ไทย


ปิดท้ายด้วยการพับผ้าเช็ดตัวเป็นช้าง เพราะแขกเห็นช้างจากผ้าเช็ดตัวตัวจ้อยในห้องนอน เลยอยากให้สิปป์ช่วยสอน จากสอนแขกท่านเดียว กลายเป็นว่าแขกท่านอื่นมายืนมุงด้วยความสนใจ เธอเลยเปิดเป็นเวิร์กช็อปตั้งแต่นั้นมา

นอกจากกิจกรรมที่แสดงความเป็นไทย อาหารการกินเธอยังยกสำรับอาหารเช้าทานง่าย มีทั้งเมนูข้าวและก๋วยเตี๋ยว มาพร้อมกับขนมไทย อย่างขนมเหนียว สาคูเปียก และขนมครก ล้างปากด้วยผลไม้หอมหวานชื่นใจที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกวัน แต่ที่ต้องมีติดโต๊ะคือมะม่วง แขกชอบมาก แต่ถ้าแขกไม่สันทัดอาหารไทยก็มีขนมปัง เนย แยม ไว้บริการ


ความน่ารักที่อยากบอกต่อ เป็นการตกแต่งบนโต๊ะอาหาร เพราะพนักงานมากฝีมือตั้งใจสลักผักแกล้มอย่างประณีตและสานปลาตะเพียนตัวเล็กวางด้านข้าง เหมือนกำลังนั่งตกปลาลงในชามก๋วยเตี๋ยว แม้แต่ตัวกระแต (คล้ายกระรอก) ที่กำลังไต่อยู่บนทางมะพร้าวนั่นก็ด้วย เห็นแล้วอดใจไม่ไหวที่จะบันทึกภาพเก็บไว้ ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน
แปด
“เราอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง เราเลยดูแลพนักงานและลูกค้าเสมือนญาติ”

เพราะดูแลแขกด้วยความใส่ใจอย่างทั่วถึงจนเหนือความคาดหมาย ทำให้ SSIP Boutique Dhevej Bangkok มีลูกค้าประจำกลับมาพักอยู่บ่อยครั้ง บ้างก็มากันแบบปากต่อปาก สิปป์เล่าให้เราฟังว่ามีครั้งหนึ่งแขกมาพักเป็นครอบครัว แล้วลูกของเขาทำตุ๊กตาหายที่วัดพระแก้ว กลับมาที่พักก็ร้องไห้โฮไม่หยุด เธอเลยหาตุ๊กตาช้างตัวจิ๋วมาให้พร้อมเขียนโน้ตว่า “My name is Chang. I’m your new friend. Please bring me back to New York. I want to see snow.” รอยยิ้มของเด็กน้อยกลับมา แถมได้เพื่อนใหม่เป็นต่างชาติ ส่วนพ่อแม่ปลื้มมาก จนเอาความประทับใจไปเขียนลงรีวิวจองที่พัก

นอกจากแขกส่วนใหญ่จะเป็นคู่รัก ยังมีแขกที่ชอบความสงบและประวัติศาสตร์มาพักด้วย นักโบราณคดีก็มี นักประวัติศาสตร์ก็มา ยิ่งได้เห็นของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์แอนทีครุ่นเก๋า ก็เหมือนได้ดื่มด่ำเรื่องราวจากคนรู้จริงคอเดียวกัน
เก้า
ด้วยที่พักอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำเจ้าพระยาในระยะเดินถึง บวกกับความชอบเสาะแสวงหาสถานที่ Hidden Gems ของสิปป์ ทำให้เธอมีลิสต์มิวเซียม ร้านอาหารโลคอล และคาเฟ่เก๋ตามตรอกซอกซอยไว้แนะนำแขกอยู่เสมอ และยังช่วยเป็นกระบอกเสียงประชาสัมพันธ์ร้านรวงละแวกใกล้เคียงลงทางโซเชียลมีเดียด้วย เพราะเธอยึดกฎ ถ้าดี ต้องบอกต่อ!

“การทำโรงแรมทำให้เราได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับคนในชุมชน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ช่วยกันสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนให้คนในชุมชนเก่าย่านเทเวศร์ บางครั้งเราก็ส่งผ้าไปซักกับร้านซักรีดแถวนี้ แนะนำลูกค้าให้ซื้อยากับร้านขายยาของอาแปะฝั่งตรงข้าม ส่งลูกค้าไปนวดกับร้านโลคอลในย่าน อุดหนุนดอกไม้ ขนม จากร้านคุณลุง คุณป้า เจ้าประจำในตลาดเทเวศร์
“เราว่าทั้งหมดเป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชน ให้เขาโตไปพร้อมไปกับเรา เพื่อนบ้านและคนแถวนี้ก็มีทัศนคติที่ดีกับโรงแรมและนักท่องเที่ยวของเรา บางคนช่วยบอกทาง เรียกรถให้ สุดท้ายย่านนี้จะเป็น Friendly Environment”
สิบ
“เราอยากให้แขกปลาบปลื้มกับความเป็นอยู่ของไทย ให้ที่พักของเราได้เป็นหน้าต่างพาเขาไปสู่อดีตกาลของสยามอันรุ่งโรจน์ เขาจะสัมผัสมันได้ในทุกจุดที่เขาเจอ ตั้งแต่การเช็กอิน เวลคัมดริงก์ ห้องนอน อาหารเช้า เวิร์กช็อป ทุกอย่างมันทำให้เขารู้สึกถึงวิถีชีวิตความเป็นไทย และเราเชื่อว่าเขาจะกลับไปพร้อมความประทับใจอย่างแน่นอน”

เจ้าบ้านเล่าความตั้งใจที่เธอใส่ลงไปในทุกส่วนของโรงแรม สิปป์มั่นใจว่าแขกจะสัมผัสสิ่งเหล่านั้นได้จากใจจริง เพราะเธอปลุกปั้น SSIP Boutique Dhevej Bangkok ขึ้นมาด้วยความผูกพันและความรักบริสุทธิ์ที่มีต่อคุณย่าของเธอ
ไม่เช่นนั้นแววตาแห่งความสุขของหลานรักคนที่สิบคงไม่เปล่งประกายขนาดนี้

SSIP Boutique Dhevej Bangkok
42 ถนนพิษณุโลก แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
ติดต่อ 0 2282 1899
เว็บไซต์ : www.ssiphotelthailand.com
เฟซบุ๊ก : SSIP Boutique Dhevej Bangkok