น้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในรูปน้ำมันหอมบริสุทธิ์ (Essential Oil) มีการใช้มานานมากแล้ว ดูได้จากหลักฐานสมัยอียิปต์ที่ใช้ทาบนศพของราชวงศ์และผ้าเพื่อทำมัมมี่ และองค์ความรู้กระบวนการยังสืบทอดจนมาถึงปัจจุบัน

วันนี้น้ำมันหอมระเหยถูกใช้สำหรับการแพทย์ทางเลือกและได้รับความนิยมอีกครั้ง หากแต่การใช้เพื่อการรักษาต้องใช้ความรู้และความเข้าใจหรือได้รับคำแนะนำที่เชื่อถือได้ และมีข้อควรระวังในการใช้ หากเพียงต้องการใช้ดมเล่น สร้างบรรยากาศ ก็เลือกกลิ่นที่ชอบมาใช้โดยไม่ต้องคิดมากได้เลย 

น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์และแท้มีราคาสูง โดยเฉพาะเมื่อผลิตด้วยวัตถุดิบอินทรีย์ น้ำมันเหล่านี้ผ่านการนึ่งและกลั่น ต้องใช้วัตถุดิบตั้งต้นปริมาณมหาศาลในการสกัด แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากเพราะมีสรรพคุณทางยามากมาย  

ในโลกที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมก้าวหน้า จึงมีการใช้กลิ่นสังเคราะห์มาผสมและจำหน่าย แต่กลิ่นสังเคราะห์นั้นน่ากลัวเหลือเกิน เพราะกลิ่นสังเคราะห์ส่วนใหญ่ได้จากการสังเคราะห์น้ำมันปิโตรเลียม มีสารและมีผลข้างเคียงมากมาย อย่าง Benzene Derivatives, Aldehyde, Toluene Phthalate, DEP, DBP, DEHP สารเหล่านี้เป็นสารก่อมะเร็ง ทำให้ระบบการทำงานของต่อมไร้ท่อแปรปรวน ซึ่งเป็นปัญหาสัมพันธ์กับระบบอื่นในร่างกาย ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ก่อให้เกิดภูมิแพ้ และทำลายระบบประสาท ก่อให้เกิดโรค ADHD ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เราจึงควรหลีกเลี่ยงกลิ่นสังเคราะห์เหล่านี้  

กลิ่นเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในรูปแบบกลิ่นน้ำมันหอมระเหยปลอมที่ขายกันเป็นขวดเล็ก หรือน้ำหอมเทียมในขวดแก้วสีใสเท่านั้น แต่ยังแฝงอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา อย่างสบู่ แชมพู น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาถูพื้น น้ำยาล้างจาน และอีกมากมาย รวมทั้งกลิ่นสังเคราะห์ที่ใช้ในอาหาร อย่างผงปรุงอุตสาหกรรม ซอสปรุงรส ซุปก้อนรสไก่รสหมู หรือแม้แต่น้ำปลา ก็ให้กลิ่นที่ใกล้เคียงแม้ว่าจะผลิตจากคนละบริษัท กลายเป็นกลิ่นมาตรฐาน   

‘กลิ่นมาตรฐาน’ ในความหมายของโบ คือกลิ่นสังเคราะห์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และคนในสังคมนำมาใช้ในอาหารอย่างเดียวกัน เช่น ข้าวผัด เมื่อเราไปร้านอาหารตามสั่งแล้วสั่งข้าวผัด เราจะได้ข้าวผัดที่มีกลิ่นแทบเหมือนกันทุกร้านจากซอสปรุงรสสำเร็จรูป กลิ่นซีอิ๊วขาวท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่เมื่อโดนกระทะร้อน ๆ ซึ่งแต่ละบ้านแต่ละจังหวัดผัดไม่เหมือนกันก็ได้เลือนรางไปจากสังคมไทยแล้ว   

เราในฐานะมนุษย์ที่มีอารยธรรม ใช้จมูกในการรับรู้กลิ่นอาหาร และใช้กลิ่นตัดสินใจว่าอาหารนั้นปลอดภัยพอที่จะกินไหม สัญชาตญาณในการใช้กลิ่นกำลังจะหายไปเรื่อย ๆ ไม่เพียงแต่เพราะโควิด-19 ที่ทำให้ศักยภาพในการดมกลิ่นของเราลดลง การที่เราใช้ชีวิตกับกลิ่นสังเคราะห์รอบ ๆ ตัวก็ทำให้ประสาทในการรับรู้กลิ่นของเราลดลง เพราะถูกกระตุ้นเยอะเกินไป  

เรามีความสามารถในการได้กลิ่นของไหม้ แม้ว่านอนหลับอยู่ก็สะดุ้งตื่นได้ ประสาทสัมผัสการดมจึงสำคัญและจำเป็นต่อการอยู่รอดของมนุษย์ กลิ่นส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางโดยตรง และมีอิทธิพลต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก ทั้งสุขภาพกายและใจ ตัวอย่างง่าย ๆ ที่ใช้ความสามารถของน้ำมันหอมระเหยหรือการรับรู้กลิ่นได้ดี คือเมื่อเราเป็นลมล้มพับไป เราก็จะใช้ของที่มีกลิ่นแรงอย่างแอมโมเนีย ยาหม่อง ยาดม เมื่อดมแล้วฟื้นหรือรู้สึกตัว เพราะกลิ่นไปกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองนั่นเอง นี่เป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ว่าร่างกายเราตอบสนองต่อน้ำมันหอมระเหย   

คนเราใช้กลิ่นในการปรุงอาหารร่วมกันกับลิ้นมานาน ดมว่าอาหารยังสดอยู่ไหม ดมว่าผลไม้สุกหวานหรือยัง และดมว่าส่วนผสมที่ใส่ลงไปในหม้อ ผัดในกระทะสุกไหมหรือได้ที่หรือยัง หรือถ้ามีอะไรไหม้ในเตาอบ เราก็รีบวิ่งไปเอาออก การใช้ประสาทสัมผัสของการรับรู้กลิ่นและทักษะในการทำอาหารจึงแยกกันไม่ได้

กลิ่น-การรับรู้เรื่องกลิ่นที่ค่อย ๆ จางหาย เมื่ออาหารไทยถูกแทนที่ด้วยกลิ่นสังเคราะห์

หนึ่งในเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครของอาหารไทย คือมิติของกลิ่นที่ผสานกัน จากทั้งสมุนไพรสดและเครื่องเทศแห้ง โบพูดถึงเรื่องของกลิ่นในอาหารไทยอยู่เสมอ โดยเฉพาะตอนสอนทำอาหารไทย โบเห็นว่าเป็นความโชคดีของทุกคนที่ได้ทำอาหารไทยตั้งแต่ต้นจนจบเองด้วยวัตถุดิบอินทรีย์ที่ดี เพราะนอกจากจะได้กินอาหารที่อร่อยสุด ๆ แล้ว ระหว่างกระบวนการยังได้รับสุคนธบำบัดแบบธรรมชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมปกติประจำวัน   

ใครก็ตามที่มีโอกาสได้ตำเครื่องแกงสด ๆ ผัดกับขี้โล้ จะได้รับประสบการณ์ความหอมจากอาหารไทยที่ควรจะเป็น ตั้งแต่เริ่มคั่วพริกไทย เม็ดผักชี ยี่หร่าในกระทะ น้ำมันหอมระเหยทำงานจากความร้อน 

กลิ่น-การรับรู้เรื่องกลิ่นที่ค่อย ๆ จางหาย เมื่ออาหารไทยถูกแทนที่ด้วยกลิ่นสังเคราะห์

การได้ดมน้ำมันหอมระเหยนี้ช่วยเรื่องของอาการปวด และมีฤทธิ์ช่วยย่อยได้เป็นอย่างดี เมื่อเอาลงครกหิน โขลกให้หอมฟุ้ง แล้วก้มหน้าลงไปหายใจเข้าลึก ๆ จะรู้สึกดีจริง ๆ แล้วตามด้วยรากผักชี ตัวรากเองก็มีน้ำมันหอมระเหย หอมคนละแบบกับเม็ดผักชี โขลกจนหอมชื่นใจแล้วจึงใส่ผิวมะกรูดลงไป ผิวมะกรูดนี้น้ำมันเยอะ กลิ่นชัดเจนมาก ช่วยให้ผ่อนคลายและสดชื่น และยังมีฤทธิ์ยับยั้งจุลินทรีย์ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้ด้วย โขลกจนละเอียดดี ใส่พริกแห้งที่แช่น้ำแล้วตามด้วยตะไคร้ โขลกไปก็จินตนาการตามได้ว่าอยู่ในสปา กลิ่นตะไคร้ที่โขลกใหม่นี้หอมเบา สดชื่น ๆ แถมยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดความเครียด และเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แล้วตามด้วยกลิ่นเอิร์ท ๆ ของข่าที่มีรายงานว่าช่วยลดอาการกระสับกระส่าย ซึมเศร้า และเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ โขลกต่อไปอีกแล้วลองดมสากดู องค์ความรู้ของคนไทยไม่ใช่แค่เอาอะไรมาผสมกันแล้วอร่อย แต่ยังปรุงกลิ่นของอาหารให้ไปด้วยกันได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย จากนั้นใส่หอม กระเทียมตามตำรับ แล้วจบด้วยกะปิ 

กลิ่น-การรับรู้เรื่องกลิ่นที่ค่อย ๆ จางหาย เมื่ออาหารไทยถูกแทนที่ด้วยกลิ่นสังเคราะห์

เครื่องแกงตำสด ๆ นี้มีกลิ่นที่พิเศษมาก ๆ ถ้าอยากรู้ต้องลงมือตำเองแล้วมาดมเทียบกับเครื่องแกงอุตสาหกรรม หรือมาลองเรียน Curry Workshop กับ Bo.lan Education Program จะได้ไม่ต้องเตรียมของเอง โขลกเสร็จแล้วเอาลงผัดกับกะทิขี้โล้ (กะทิที่ต้มจนแตกมันแล้ว) คราวนี้หอมฟุ้งไปทั้งครัว เป็นสุคนธบำบัดชั้นเลิศ ได้น้ำมันหอมระเหยแบบธรรมชาติสุด ๆ ไม่ต้องกลัวการปนเปื้อนกับกลิ่นสังเคราะห์ ดมตั้งแต่เครื่องแกงยังไม่สุกจนถึงเครื่องแกงสุก เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของกลิ่น และจบด้วยโหระพาอินทรีย์กลิ่นแน่น ๆ สักกำมือ การผสานของกลิ่นสมุนไพร เครื่องเทศ และกะทิ ทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะที่ดีงามต่อหลากหลายระบบในร่างกาย และเราก็จะฟินมาก ๆ ไม่ได้เมากลิ่นเครื่องแกงนะ แต่เป็นเพราะประสาทส่วนกลางได้รับกลิ่นและหลั่งสารที่ทำให้เรามีความสุขออกมา  

กลิ่น-การรับรู้เรื่องกลิ่นที่ค่อย ๆ จางหาย เมื่ออาหารไทยถูกแทนที่ด้วยกลิ่นสังเคราะห์
กลิ่น-การรับรู้เรื่องกลิ่นที่ค่อย ๆ จางหาย เมื่ออาหารไทยถูกแทนที่ด้วยกลิ่นสังเคราะห์

เหตุผลสำคัญที่แนะนำให้โขลกเครื่องด้วยครกหิน เพราะเราจะได้นำพาน้ำมันหอมระเหยเข้าสู่ร่างกายโดยทั้งการหายใจและการกินผ่านอาหารที่ทำ  

ผัดกะเพราที่ฉุนทั้งกระเทียมและพริกตอนผัด เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของอาหารไทยที่ใครต่อใครได้มีโอกาสจามตอนผัด ถือว่าได้โอกาสทำความสะอาดจมูกไปในตัวด้วยเลย จามบ้างก็ดี เป็นกลไกปกติที่ร่างกายใช้กำจัดสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่บริเวณระบบทางเดินหายใจ แค่ต้องหันหน้าไปทางอื่นที่ไม่ใช่กระทะ  

ผัดที่ไม่เผ็ดฉุน แต่หอมมาก ๆ คงหนีไม่พ้นผัดกระเทียมนานาชนิด เอาแค่เจียวอย่างเดียวก็หอมไปทั้งบ้านแล้ว แล้วถ้าตำรากผักชี กระเทียม พริกไทยลงไปด้วยกัน ก็หอมเย้ายวนใจใช่เล่น เดินผ่านร้านซี่โครงหมูทอดกระเทียม ไก่ทอด แล้วอดน้ำลายไหลไม่ได้ กระเทียมเองก็มีน้ำมันหอมระเหยที่มีประโยชน์มาก 

อาหารธรรมดา ๆ อย่างข้าวที่กำลังหุงอยู่ก็ส่งกลิ่นเรียกน้ำย่อยของเราได้ดีพอ ๆ กับการเอาปลาเค็มลงทอดในน้ำมันร้อน ๆ กลิ่นหอมใบเตยอ่อน ๆ กับความตุของปลาเค็มคือใช่ มะนาว หอมซอย และพริกต้องมา เป็นกลิ่นที่เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว  

ไม่เพียงอาหารไทย แต่อาหารชาติอื่น ๆ มากับกลิ่นที่จรุงใจ อย่างอาหารจีนที่ใช้เครื่องเทศจีนตุ๋นกับซีอิ๊วชั้นดี ผสานกับขิงและต้นหอม เมื่อเปิดฝาหม้อ ไอควันลอยขึ้นพร้อมกลิ่นที่ตราตรึงใจ แล้วจบด้วยน้ำมันงา หลังจากได้หมูสามชั้นชิ้นใหญ่ที่หอมกรุ่น นุ่มละมุนลิ้น หรืออาหารฝรั่งที่ใช้สมุนไพรสดอย่างโรสแมรี่ ไทม์ คู่กับกระเทียมและไวน์ขาว ลองนึกถึงไก่ที่หมักด้วยสมุนไพรเหล่านี้ในเตาอบแล้วส่งกลิ่นหอมไปทั้งครัว กลิ่นโรสแมรี่ผสมกระเทียม ตามด้วยกลิ่นเปลือกมะนาวเปรี้ยว ๆ กลิ่นที่ผสานกันนี้มีค่าทั้งต่อสุขภาพกายและใจแน่นอน แม้แต่ขนมปังที่ไม่มีน้ำมันหอมระเหยเลยยังมีกลิ่นหอมเมื่ออยู่ในเตาอบหรือถูกปิ้ง 

อาหารไทยอีกอย่างที่กลิ่นสดชื่นหายไป คืออาหารประเภทยำที่ต้องใช้มะนาวสด ซอยใบมะกรูด ซอยพริกบาง ๆ ประกอบใบผักชี ใบสะระแหน่ เมื่อยำด้วยเครื่องปรุงธรรมชาติ เราจะรู้ เข้าใจ และได้ลิ้มลองอาหารที่มีกลิ่นธรรมชาติ หอมมะนาวนี้เป็นอย่างไรหนอ ไม่มีใครอธิบายได้ นอกจากจะลองด้วยตัวของเราเอง 

กลิ่น-การรับรู้เรื่องกลิ่นที่ค่อย ๆ จางหาย เมื่ออาหารไทยถูกแทนที่ด้วยกลิ่นสังเคราะห์

แต่ตอนนี้น่าเสียดายนักที่อาหารและเครื่องดื่มที่เรารับประทานกันอยู่อย่างเป็นปกติและเป็นประจำต่างถูกปรุงและแต่งกลิ่นขึ้นด้วยกลิ่นสังเคราะห์ อย่างน้ำเชื่อมในเครื่องดื่มนานาชนิด ชาเย็นทั้งไทย ญี่ปุ่น หรือไต้หวัน กาแฟหลากรส และน้ำซ่า ล้วนแต่มีการแต่งกลิ่นและซอสนานาชนิด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซอสปรุงรสชนิดต่าง ๆ ผงปรุงรสต่าง ๆ ขนมขบเคี้ยว ขนมอบก็มีกลิ่นเนย และแน่นอน วานิลลาสังเคราะห์ ใบเตย มะลิ นมแมว ทำให้ความสามารถในการรับรู้กลิ่นธรรมชาติลดลง และอาจทำให้ระบบร่างกายรวนได้ด้วย  

เพราะกลิ่นธรรมชาติเยียวยาสุขภาพร่างกายและจิตใจได้จากน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ตามธรรมชาติ โบอยากให้ใครต่อใครทำอาหารเองที่บ้านตั้งแต่ต้นจนจบ เลือกใช้วัตถุดิบอินทรีย์ แล้วจะได้กลับมาใช้ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นอย่างมีคุณค่าและมีความหมายมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ลองพลิกดูตามฉลากว่ามีกลิ่นสังเคราะห์แอบแฝงอยู่ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนานาชนิด น้ำหอม หรือเครื่องพ่นให้กลิ่น 

ถึงเวลาหันมาสนใจความสำคัญของกลิ่นในชีวิตประจำวันของเรากันแล้วล่ะ! 

Writer

Avatar

ดวงพร ทรงวิศวะ

ดวงพร ทรงวิศวะ เกิดและโตที่กรุงเทพฯ จบการศึกษาทางด้านโภชนศาสตร์จากประเทศออสเตรเลีย อาหาร ประวัติศาสตร์ นโยบายการเมือง วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น การทำเกษตร และเรื่องราวของสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่เชฟโบสนใจและนำมาประยุกต์ใช้กับการปรุงอาหารที่โบ.ลาน เชฟโบได้รับเกียรติเป็นเชฟหญิงที่ดีที่สุดของเอเชีย เมื่อปีพุทธศักราช 2556 หลังจากเปิดโบ.ลานได้ 4 ปี ทุกวันนี้เชฟยังมีความสุขกับการค้นหาสูตรอาหารที่คนหลงลืม ชิมรสชาติของพืชผักพื้นบ้าน และตีความอาหารไทยไปในทิศทางต่างกันตามแต่ละกรณี

Photographer

Avatar

ผลาณุสนธิ์ ผดุงทศ

ช่างภาพที่โตมาจากเมืองทอง รักแมว ชอบฤดูฝน และฝันอยากไปดูบอลที่แมนเชสเตอร์