ประกาศสำคัญถึงคนรักกาแฟ : การประกวด Thailand Coffee Packaging Awards 2023 ได้ผู้ชนะแล้ว!

‘Mood Drip Bag’ คือเจ้าของรางวัล เกิดจากเพื่อน 4 คนต่างอาชีพที่เป็นคนรักกาแฟ แต่เวลาไปนอกสถานที่ไกล ๆ ก็ประสบปัญหาคลาสสิกของมนุษย์เผ่าพันธุ์นี้ คือพวกเธอไม่รู้จะไปหากาแฟที่ถูกจริตดื่มได้ที่ไหน จึงตั้งใจว่าจะทำให้เครื่องดื่มชนิดนี้ทานได้ทุกวัน ชงได้ทุกที่ ให้สำเร็จให้ได้

ทั้งสี่ตัดสินใจไปหาเหล่าดีไซเนอร์รักกาแฟที่เคยร่วมงานในอดีตให้ช่วยกันสร้างสรรค์ ทำ Marget Research ทำแบรนดิ้ง ไปจนถึงออกแบบแพ็กเกจจิ้งจนชนะการประกวดในครั้งนี้

Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งที่ออกแบบโดยคนรักกาแฟ เพื่อคงรสชาติเดิมไว้โดยไม่พึ่งอุปกรณ์

“เคยชนะประกวดดีไซน์ที่ DEmark มา แต่คราวนี้เป็นการประกวดแพ็กเกจจิ้งกาแฟ ดีใจที่สิ่งนี้ตอบโจทย์ในด้านกาแฟจริง ๆ ด้วย” ต้น Founder ของ Sauce Design Studio กล่าวอย่างดีใจ

จาก 30 ทีมที่เข้ารอบ พวกเขาคว้ารางวัลมาได้ยังไง วันนี้ Founder ของ Mood Drip Bag อย่าง ตูน-ธริดา คล้ายประชา, อ้อมอก-อธิฏฐานพร อุวรรณโณ, เกรส-นัยนุช คล้ายประชา (มี โม-ลลิตา ตรัยเลิศพัฒนา อีกคนที่อยู่ต่างประเทศ) และแก๊งดีไซเนอร์จาก Sauce Design Studio อย่าง ต้น-ชาญวิทย์ สรรพานิช, ติ๊ง-ปลายฝน จันทร์ปัญญา, แพร สันต์เสริมสุข จะมาเล่าให้ฟังตั้งแต่แนวคิดตั้งต้น ไปจนถึงรายละเอียดในการออกแบบในแต่ละองค์ประกอบ

บอกเลยว่าภายใต้ความเรียบง่ายที่เราเห็น เต็มไปด้วยการคิดวิเคราะห์จาก Pain Point อย่างละเอียดถี่ถ้วน

Mood Drip Bag ดีต่อผู้ดื่มกาแฟ เข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่หัดดริป เชื่อมโยงกับการรับรู้ของมือโปรเนิร์ดกาแฟ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะ มีเมล็ดดี ๆ จากหลายพื้นที่ให้เลือก ทั้งยังดีต่อคุณภาพ กลิ่นหอมหวนมาเต็มตั้งแต่เปิดซอง

น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชั่น

Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งที่ออกแบบโดยคนรักกาแฟ เพื่อคงรสชาติเดิมไว้โดยไม่พึ่งอุปกรณ์

ความคิดของนักยกระดับ

เกรส จากทีม Mood บอกว่า โดยทั่วไปคนจะเริ่มทำธุรกิจกาแฟกันที่ร้าน จากนั้นก็ทำโรงคั่ว แล้วค่อยเริ่มทำโปรดักต์ และปกติ Drip Bag มักเป็นโปรดักต์ท้าย ๆ ที่จะทำ ต่างกับ Mood ที่เลือกเป็นโปรดักต์หลักและโปรดักต์เดียวของธุรกิจเลย

ด้วย Core Idea คือ ‘Uplift Your Tasteful Life’ ซึ่งหมายถึงการยกระดับชีวิตผู้คนให้ง่ายขึ้น และยกระดับรสชาติของกาแฟให้กลมกล่อมขึ้น ดีไซเนอร์จึงเลือกใช้คำว่า ‘Mood’ สื่อถึงความล่องลอย สบายอารมณ์ ซึ่งทำให้นึกถึงกลิ่นหอมของกาแฟ

“กลุ่มเป้าหมายเราคือ Coffee Lovers แน่นอน แต่บุคลิกที่คิดไว้คือคนที่จริงจังกับการใช้ชีวิต ถ้าจะไปแคมป์ ทุกอย่างต้องดี การเดินทางดี จุดที่พักต้องดี กาแฟก็ต้องเอาไปเอง ไม่ใช่คนที่ไปแคมป์แล้วดื่มอะไรก็ได้” ต้นเล่าให้เราฟัง

จากเวลากว่า 6 เดือนในการปฏิบัติการ ทั้งลงพื้นที่สัมภาษณ์ หา Insight ลองทำ Drip Bag ออกมาทดลองหลาย ๆ แบบ ซองต้องสูงเท่าไหร่ ฉีกยังไง ท้ายที่สุดแล้วก็ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ Mood Drip Bag และ Mood Collection ที่ประกอบด้วยเมล็ดกาแฟหลากที่มา พร้อมประโยคเด็ดข้างกล่องอย่าง Simply enjoy tasteful experiences anywhere, anytime and in any mood ที่ชนะการประกวดไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร

Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งที่ออกแบบโดยคนรักกาแฟ เพื่อคงรสชาติเดิมไว้โดยไม่พึ่งอุปกรณ์
Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งที่ออกแบบโดยคนรักกาแฟ เพื่อคงรสชาติเดิมไว้โดยไม่พึ่งอุปกรณ์

3 องค์ประกอบความดีงามของ Mood Drip Bag

01 กล่อง

ท่ามกลางสีสันสดใสของแพ็กเกจจิ้งจากทีมอื่น ๆ Mood Drip Bag มาในสีขาว เรียบง่าย ไม่กระแทกตา แม้แต่คำว่า Mood ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์ยังเป็นเพียงสีขาวที่นูนออกมาจากกล่อง ชวนให้คิดว่าดีไซเนอร์คงชอบสไตล์มินิมอล

แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอก เบื้องหลังของการออกแบบน่าสนใจกว่านั้น

พวกเขาตั้งใจให้กล่องสีขาวเป็นกล่อง Default สำหรับทุกรสชาติ และบ่งบอกว่าข้างในกล่องมีกาแฟอะไรด้วยการ์ดที่เสียบไว้ ซึ่งมีทั้งแบบที่เป็นแหล่งปลูกเดียว (Single Origin) และแบบ Mood Collection ที่มีช่องให้ติ๊กว่ามีมาจากแหล่งปลูกไหนบ้าง อย่างละกี่ซอง (Mood Collection ดีตรงที่ผู้สั่งเลือกชนิดกาแฟได้เองนี่แหละ)

ดีไซเนอร์มองว่าการมีกล่องดีไซน์เรียบ ๆ แบบเดียวนั้นทั้งยั่งยืนและยืดหยุ่น เพราะง่ายต่อการสั่งผลิตและการออกไลน์สินค้าใหม่ ทั้งยังรักษ์โลกด้วยการใช้หมึกสีดำสีเดียว ส่วน Mood ที่เป็นแค่ตัวนูนนั้น มาจากแนวคิดการทิ้งสเปซไว้ให้คนกับรสชาติ ไม่มีอะไรปลายปิด ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ

Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งที่ออกแบบโดยคนรักกาแฟ เพื่อคงรสชาติเดิมไว้โดยไม่พึ่งอุปกรณ์

เมื่อเราถามต่อว่า ทำไมการ์ดจึงต้องเสียบลึกจนมองเห็นแค่แหล่งปลูกกับ Taste Note พวกเขาก็ตอบมาอย่างเข้าใจง่ายว่า เป็นการลำดับความสำคัญของข้อมูลและการออกแบบ User Experience ไม่ให้ข้อมูลถาโถมสู่คนอ่านในคราวเดียว

หากดึงการ์ดขึ้นมา คนจะเห็นข้อมูลอื่น ๆ อย่างการแปรรูปกาแฟ โรงคั่ว ระดับการคั่ว หากพลิกไปข้างหลังจึงจะเห็นแผนที่แหล่งปลูกและเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม – น่ารักตรงนี้

“ถ้าเลือกดื่มกาแฟดริปในร้าน ส่วนใหญ่เขาก็จะวางการ์ดให้ เราก็ได้ไอเดียมาจากตรงนั้น” อ้อมอก จาก Mood เล่าเพิ่มเติม “การ์ดจะให้ประสบการณ์เหมือนกับไปดื่มที่ร้านกาแฟ วางไว้ข้าง ๆ แก้ว ถ่ายรูปสวยงาม”

ดื่มจนหมดแล้วก็เก็บการ์ดไปคั่นหนังสือได้ด้วย เก๋ ๆ

Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งที่ออกแบบโดยคนรักกาแฟ เพื่อคงรสชาติเดิมไว้โดยไม่พึ่งอุปกรณ์
Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งที่ออกแบบโดยคนรักกาแฟ เพื่อคงรสชาติเดิมไว้โดยไม่พึ่งอุปกรณ์

02 ซอง

Mood Collection มี 6 ชนิดกาแฟ

3 ชนิดเป็นกาแฟในไทย ส่วนอีก 3 มาจากต่างประเทศ

3 ชนิดเป็นกาแฟกลุ่ม Nutty / Cocoa / Sweet รสชาติแนวถั่ว โกโก้ ส่วนอีก 3 เป็น Fruity / Floral รสชาติสว่างสดชื่น

กาแฟกลุ่ม Nutty / Cocoa / Sweet ใช้ซองโทนสีเหลือง ส้ม น้ำตาลส้ม ส่วน Fruity / Floral มีสีชมพู เขียว ฟ้า โดยแต่ละสีอ้างอิงมาจาก SCA Coffee Taster’s Flavor Wheel ซึ่งเป็นวงล้อรสชาติที่ใช้กันโดยทั่วไป อย่างที่เราเห็นแปะกันตามร้านกาแฟ Specialty สมัยนี้

Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งที่ออกแบบโดยคนรักกาแฟ เพื่อคงรสชาติเดิมไว้โดยไม่พึ่งอุปกรณ์

“ถ้าเป็นคนเนิร์ดกาแฟ ศึกษาจริงจัง มั่นใจว่าเมื่อเห็นก็จะรู้แน่นอนว่าสีมาจาก Flavor Wheel นั้น แล้วก็พอจะนึกรสชาติออก โทนนี้เป็นสายไม่เปรี้ยวนะ โทนนี้มาสายสดชื่น” ตูน จาก Mood พูด เรื่องสีซองนี้เป็นไอเดียของชาวแก๊ง Mood ที่ส่งให้ดีไซเนอร์ไปพัฒนาต่อ

Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งที่ออกแบบโดยคนรักกาแฟ เพื่อคงรสชาติเดิมไว้โดยไม่พึ่งอุปกรณ์

ทั้งนี้ยังมีภาพประกอบบนแต่ละซองแตกต่างกันไปในทุกชนิดกาแฟ เล่าเรื่องตั้งแต่กิจวัตรในวันทำงาน วันหยุดสุดสัปดาห์ และวันออกเที่ยว

“เราไม่ได้บอกว่าคุณจะต้องรู้สึกยังไงเมื่อดื่มกาแฟ” ทีมดีไซเนอร์อธิบาย “แต่เราทำให้คนจินตนาการว่าจะได้ล่องลอยไปกับกลิ่นของของมันในทุก ๆ กิจกรรม จะเป็นการตื่นเช้ามาชงกาแฟง่าย ๆ ใช้สมาธินั่งอ่านหนังสือ เล่นเซิร์ฟ หรือลอยไปกับบอลลูนก็ได้”

ในเบื้องต้น ดีไซเนอร์ได้จับคู่ภาพกิจกรรมกับมู้ดของรสชาติกาแฟแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อดื่มเข้าไปจริง ๆ คนจะรู้สึกยังไงก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลมาก ๆ

กาแฟ 6 ชนิดจะสับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามฤดูกาล และเปลี่ยนภาพประกอบไปตามมู้ดของกาแฟชนิดนั้น ๆ ด้วย รอติดตามกันได้เลย

Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งที่ออกแบบโดยคนรักกาแฟ เพื่อคงรสชาติเดิมไว้โดยไม่พึ่งอุปกรณ์
เบื้องหลังการออกแบบ Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งกาแฟที่ดีต่อทั้งมือใหม่และมือโปร ผู้ชนะ Thailand Coffee Packaging Awards 2023

03 Drip Bag

“เวลาแพรซื้อ Drip Bag มา ต้องมีเครื่องตวงน้ำให้ได้ปริมาณที่ต้องการ แต่ของ Mood เราไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เลย” แพร ดีไซเนอร์คนสำคัญอีกคนเล่า ตามขั้นตอนที่อธิบายไว้ข้างกล่อง เพียงแค่คุณแขวน Drip Bag เยื่อไผ่ญี่ปุ่นไว้ที่ปากแก้ว จากนั้นเติมน้ำตามขีดด้านในถุง เท่านั้นก็ได้ดื่มกาแฟแล้ว

ขีดนี้มาจากความเนิร์ดของทีม Mood ที่อยากให้สัดส่วนน้ำกับกาแฟนั้นถูกต้องพอ ๆ กับการดริปแบบใช้ตาชั่ง โดยขีดนี้เรียกว่าเป็น ‘ขีดธรรมชาติ’ เกิดจากเท็กซ์เจอร์ของถุงที่เรียบไม่เท่ากัน ทำให้กาแฟบดด้านในติดถุงขึ้นเป็นขีดไปโดยอัตโนมัติ

เบื้องหลังการออกแบบ Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งกาแฟที่ดีต่อทั้งมือใหม่และมือโปร ผู้ชนะ Thailand Coffee Packaging Awards 2023

หลายคนใช้แก้วค่อนข้างใหญ่อย่างแก้ว Mug ของโรงแรมในการชงกาแฟ หากใช้ Drip Bag แบบเจ้าอื่น ๆ ที่ใส่ไป 8 – 12 กรัม แล้วเทน้ำจนเต็มแก้ว รสชาติอาจจะจืดจาง Mood Drip Bag จึงออกแบบให้ถุงและหูเกี่ยวใหญ่ขึ้น เพื่อให้ใส่กาแฟแบบเน้น ๆ ได้มากถึง 15 กรัม ทั้งยังมีปากถุงที่กว้าง จึงสกัดออกมาได้ดีกว่า โดยไม่เทน้ำร้อนหกไปนอกถุงง่าย ๆ ด้วย

Mood Drip Bag ตรงตามโจทย์ Good Packaging for Everyone ของการประกวดพอดิบพอดี เพราะเหมาะทั้งกับคนที่เพิ่งเริ่มดื่ม ทั้งสายอุปกรณ์ที่ตื่นมาชงไม่ทัน หรืออยากมีวันสบาย ๆ ไม่ต้องมานั่งบดกาแฟ

เบื้องหลังการออกแบบ Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งกาแฟที่ดีต่อทั้งมือใหม่และมือโปร ผู้ชนะ Thailand Coffee Packaging Awards 2023
เบื้องหลังการออกแบบ Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งกาแฟที่ดีต่อทั้งมือใหม่และมือโปร ผู้ชนะ Thailand Coffee Packaging Awards 2023

มองไปให้ไกลกว่าแค่เครื่องดื่ม 

ถึงจะคว้ามา 2 รางวัล แต่ทีม Mood และดีไซเนอร์ก็ไม่ได้คิดว่า Drip Bag นี้คือที่สุดของพวกเขา เพราะตั้งใจจะพัฒนาเรื่องวัสดุต่อไปในอนาคต

ตอนนี้ซองกาแฟใช้เทคโนโลยี Nitrogen Flush ที่นำออกซิเจนออกแล้วใส่ไนโตรเจนเข้าไป เพื่อไม่ให้อากาศทำลายรสชาติและกลิ่น บางเจ้าที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีนี้จึงทำให้กลิ่นไม่หอมกรุ่นเท่าที่ควร แต่ Nitrogen Flush ยังต้องใช้ซองอะลูมิเนียมเพื่อซีลไม่ให้อากาศเข้า หากอนาคตมีตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อกาแฟ ต่อคนรักกาแฟ และต่อโลกไปพร้อมกันได้ Mood ก็อยากลองดูอีกสักตั้ง

ส่วน Drip Bag เองก็เช่นกัน ในอนาคตพวกเขาอยากใช้วัสดุที่ทำให้แยกกากกาแฟออกไปทำอย่างอื่นได้ดีกว่าเยื่อไผ่ญี่ปุ่นที่ใช้อยู่

“เทรนด์โลกของแพ็กเกจจิ้งกาแฟตอนนี้มีหลากหลายมาก แล้วแต่ว่าแบรนด์นั้นให้คุณค่ากับอะไร” ติ๊งจากทีมดีไซเนอร์กล่าว “อย่างของ Mood เราไม่ได้อินว่า What is trendy แต่เราให้ความสำคัญกับ What is best for our coffee มากกว่า”

เบื้องหลังการออกแบบ Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งกาแฟที่ดีต่อทั้งมือใหม่และมือโปร ผู้ชนะ Thailand Coffee Packaging Awards 2023
เบื้องหลังการออกแบบ Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งกาแฟที่ดีต่อทั้งมือใหม่และมือโปร ผู้ชนะ Thailand Coffee Packaging Awards 2023

ที่แน่ ๆ ตอนนี้ Sustainability ไม่ใช่แค่เทรนด์ของคนรักกาแฟ แต่เป็นสิ่งที่คนในปัจจุบันล้วนให้ความสำคัญ

นอกจากช่องทางออนไลน์ที่ Mood Drip Bag ใช้มาตั้งแต่เริ่ม ตอนนี้พวกเขาก็เลือกไปวางใน King Power โดยเลือกขายเฉพาะเมล็ดกาแฟไทย เพราะอยากผลักดันของไทยให้ไปไกลระดับโลก

“อยากให้ทุกคนเปิดใจ” อ้อมอกจาก Mood ปิดท้าย “Drip Bag ก็อร่อยได้ และเป็น A good companion for everyday. ให้คุณได้เหมือนกัน”

เบื้องหลังการออกแบบ Mood Drip Bag แพ็กเกจจิ้งกาแฟที่ดีต่อทั้งมือใหม่และมือโปร ผู้ชนะ Thailand Coffee Packaging Awards 2023

อ่านเรื่องราวของทั้ง 10 บรรจุภัณฑ์กาแฟที่ยอดเยี่ยมในทุกมิติจาก Thailand Coffee Packaging Awards 2023 ได้ที่นี่

Writer

พู่กัน เรืองเวส

พู่กัน เรืองเวส

อดีตนักเรียนสถาปัตย์ สนใจใคร่รู้เรื่องผู้คนและรูปแบบการใช้ชีวิตอันหลากหลาย ชอบลองทำสิ่งแปลกใหม่ พอ ๆ กับที่ชอบนอนนิ่ง ๆ อยู่บ้าน

Photographer

ภรัณยู วรรณศรีพิศุทธิ์

ภรัณยู วรรณศรีพิศุทธิ์

นักศึกษาเอกญี่ปุ่นจากมหาสารคาม สนใจภาพถ่าย ชีวิตขับเคลื่อนด้วยเสียงเพลง อยากมีเงินไปมิวสิกเฟสติวัลเยอะๆ