มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน คือที่ที่เรายืนอยู่ตอนนี้ เพราะคงไม่มีใครเหมาะแก่การนั่งสัมภาษณ์กันที่นี่มากไปกว่า แม็กซีน-อินทิพร แต้มสุขิน 

วันนี้เธอรับหน้าที่มาสาธิตวิธีการทำดอกดาหลาให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เราถือโอกาสนี้ชิมฝีมือของเธอ ก่อนจะชวนคุยถึงเบื้องหลังชีวิตสาวสายสุขภาพที่มักปรากฏตัวบนโซเชียลมีเดียพร้อมผักใบเขียว จนได้รับขนานนามให้เป็น ‘Miss ผัก’

ทั้งเดินดุ่มไปเคี้ยวผักจากต้น ทั้งบอกว่ามะระมีรสหวานจนน่าตกใจ กินผักหลากหลายชนิดได้เอร็ดอร่อยจนคนดูถึงกับขอบคุณที่เธอกินแทนให้ แต่กว่าจะมาเป็นแม็กซีนที่ร่าเริงสดใสอย่างนี้ได้ เธอเองก็มีช่วงวัยที่ผิดพลาดกับการกินอยู่เหมือนกัน

เธอเป็นเด็กขี้โมโหที่เติบโตมาพร้อมโรคกระเพาะตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เป็นนักแสดงที่เข้าวงการมาไล่เลี่ยกับอาการคลั่งผอม เผชิญกับการมี Growth Hormone เหมือนคนอายุ 80 ปี ในวัยเพียง 27 เท่านั้น เป็นสะเก็ดเงิน ลมพิษ จากการใช้ชีวิตสุดโต่งโดยไม่สนว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

นั่นทำให้เธอกลายเป็นแม็กซีน อินทิพร ที่ตกตะกอนได้ในที่สุดว่าทางออกของการมีสุขภาพดี คือแค่หาสมดุลชีวิตให้เจอ 

และนี่คือเรื่องเล่าทั้งหมดจากประสบการณ์จริงของผู้หญิงคนนี้

ชีวิตขมปนหวานเหมือนมะระของ แม็กซีน อินทิพร อดีตเด็กขี้โมโหลงกระเพาะสู่ Miss ผักผู้รักสุขภาพ
แม็กซีน-อินทิพร แต้มสุขิน 
ชีวิตขมปนหวานเหมือนมะระของ แม็กซีน อินทิพร อดีตเด็กขี้โมโหลงกระเพาะสู่ Miss ผักผู้รักสุขภาพ

Hi, I’m Max. I’m sharing my healing journey.

ทราบมาว่าครอบครัวคุณเคยเปิดร้านขายยา

ใช่ค่ะ พ่ออยากให้ลูกเป็นหมอมาก ตอนเด็กเรียนหมอไม่ได้เลยเปิดร้านขายยาให้ลูก ขนาดตอนพ่อไปผ่าตัดซีสต์ เขาก็ให้เราเข้าไปดู เพราะอยากรู้ว่าลูกกลัวเลือดไหม ตอนเด็ก ๆ แบ่งกันกับพี่สาวว่า เธอเป็นหมอหัวใจ ฉันเป็นหมอสมอง สรุปตอนนี้พี่สาวได้เป็นหมอนะ แต่เรามาเรียนเศรษฐศาสตร์แทน 

ซึ่งการเปิดร้านยาทำให้เรามองการป่วยเป็นเรื่องง่ายมากเลยค่ะ เป็นอะไรก็หยิบยามากิน

ตอนนั้นเราไม่สบายเยอะมาก เป็นโรคกระเพาะอักเสบตั้งแต่ 8 ขวบ กินยาแก้อักเสบมา 10 กว่าปี ยาโรคกระเพาะอีก 10 กว่าปี

จำได้เลย ไปดูเกมเบสบอลที่สหรัฐฯ แล้วเราหิวข้าวมาก พี่สาวบอกว่าเดี๋ยวดูเสร็จค่อยไปกินข้าว เราหิวมากจนล้มตัวลงไปนอน แล้วก็ไปโรงพยาบาลเลย ถึงได้รู้ว่าเป็นกระเพาะอักเสบ ซึ่งเกิดจากการที่เราเป็นเด็กขี้โมโห

การเป็นเด็กขี้โมโหเกี่ยวข้องกับโรคกระเพาะยังไง

หลายคนคิดว่าเราเป็นโรคกระเพาะเพราะกินข้าวไม่ตรงเวลา แล้วกรดในกระเพาะอาหารเยอะ แต่ไม่ใช่เลย เพิ่งจะมารู้ตอนโตนี่แหละว่าโรคกระเพาะก็เกิดจากการที่เราอารมณ์ร้อน เครียด แล้วเลือดไม่ไปเลี้ยงที่ท้อง ทำให้อาหารไม่ย่อยได้เหมือนกัน 

แม็กซีนเคยเป็นเด็กขี้โมโหเอาแต่ใจด้วยเหรอ 

จริง ๆ พ่อเราเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห เราไม่ชอบเลย แต่ดันไปโฟกัสกับมัน จนกลายเป็นเด็กขี้โมโหไปโดยไม่รู้ตัว เลียนแบบ รับพฤติกรรมมาเอง 

ตอน 20 กว่าเราคิดเร็วทำเร็ว ใครตามอะไรไม่ทันก็จะรู้สึกไม่พอใจ หงุดหงิดมาก เราเข้มงวดเรื่องตัวเองไม่พอ เราเข้มงวดกับคนอื่น เข้มงวดกับงาน เอาแต่แบก Emotional Garbage ไว้บนหลัง แบกไปทุกที่เลย แล้วแบกมากี่ปีแล้วก็ไม่รู้

พอโตขึ้นมาก็ปล่อยวาง ค่อย ๆ ยอมมากขึ้น หยวนมากขึ้น ปิดตาข้างหนึ่งแล้วสบายใจกว่า เราเลือกได้ว่าจะมีความสุข อายุช่วยทำให้เราใจเย็นลงเยอะมากเลย

ชีวิตขมปนหวานเหมือนมะระของ แม็กซีน อินทิพร อดีตเด็กขี้โมโหลงกระเพาะสู่ Miss ผักผู้รักสุขภาพ
ชีวิตขมปนหวานเหมือนมะระของ แม็กซีน อินทิพร อดีตเด็กขี้โมโหลงกระเพาะสู่ Miss ผักผู้รักสุขภาพ

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองคืออะไร

ตอนอยู่ปี 3 มั้ง เริ่มเข้าวงการ อยากสวย จนเป็น Anorexia ต้องล้วงคออ้วก 

มีวันหนึ่งถ่าย Coffee Prince วุ่นรักเจ้าชายกาแฟ อยู่เลย ต้องไปหาหมอเพราะปวดท้อง หมอส่องกล้องลงไป คือติดเชื้ออีกแล้ว พอไปรับยา หมอก็ให้กินยาแบบเดิม 

ในกระเป๋าเรามียาโรคกระเพาะ ยาลดกรด ยาช่วยย่อย ติดไว้เสมอ พอเราอาหารย่อยไม่ดี ก็ต้องกินยาช่วยย่อย พอกินยาช่วยย่อยก็ถ่ายไม่ดีอีก ต้องกินยาถ่าย ชีวิตวน ๆ อยู่อย่างนี้ แล้วทุกอย่างคือการแก้ปลายเหตุหมดเลย ซึ่งเรากินยาแบบเดิมมา 12 ปี ไม่ได้ดีขึ้น แปลว่าเราอาจทำอะไรบางอย่างผิดไป

ทุกวันนี้ถ้าไม่สบายจริง ๆ เราก็กินยานะ แต่ยาไม่ใช่ทางออกสำหรับทุกอย่าง เพราะในที่สุดแล้วยาที่เรากินไป ผลอยู่กับที่ตับกับไต ถ้าเป็นโรคอะไร ลองมองว่าปรับชีวิตประจำวันหรือพฤติกรรมการกินได้ไหม 

วันนั้นออกมาจากโรงพยาบาลแล้วโยนยาทิ้งเลย บอกตัวเองว่าเราจะเปลี่ยนการใช้ชีวิต 

พ่อเราก็เสียปีเดียวกันจากโรคมะเร็ง เราเลยตระหนักว่าสุขภาพสำคัญ แต่กลับกลายเป็นมีความรับรู้ผิด ๆ เกี่ยวกับสุขภาพ เป็นสุดโต่งไปเลย 

ที่ว่าสุดโต่ง ทำอะไรบ้าง

ทำหมดทุกอย่างเลยค่ะ 

เราชอบปาร์ตี้ ดื่มก็ดื่มสุดทาง Healthy ก็ Healthy สุดทาง จะเป็นวีแกนก็เป็นจนสุดทาง ต้องชั่งอาหารก่อนกิน กินผักต้ม ไก่ต้ม ปลาต้มตลอด หรือออกกำลังกายวันหนึ่ง 3 – 4 ชั่วโมง ต้องตื่นตี 3 ไปซ้อมวิ่งมาราธอน กลับมา Weight Training โยคะ บ้าพลังมาก ซ้ายสุดขวาสุดตลอดเวลา ไม่มีความพอดี (หัวเราะ)

มองย้อนกลับไปตอนนั้น รู้สึกว่าตัวเองเก่ง จัดการชีวิตได้ดีมากไหม 

ไม่ดีเลย เราอยากทำทุกอย่าง แต่ถามว่าเรา Handle ได้ไหม เรา Handle ไม่ได้

แล้วเป็นคนชอบวางแผนตามเวลาเป๊ะ ๆ เวลาออกกำลังกายที่ควรจะผ่อนคลาย เรายังเครียดเลย ต้องกลับบ้านก่อน 6 โมง เพราะเดี๋ยวครูโยคะมา ต้องทำงานก่อน 8 โมงนะ เพราะเราต้องไปก่อนทุกคน ทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมด 

พออายุ 27 เราไปตรวจสุขภาพเพราะว่าเมนส์มาปีละครั้ง ตอนไปตรวจคิดว่าแข็งแรงมาก เพราะเรากินดีมาก ออกกำลังกายดีมาก แต่หมอบอกว่า Growth Hormone หนูเหมือนคนอายุ 80 หมายถึงร่างกายเราฟื้นฟูไม่ได้แล้วนะ และเรายังเป็นโรคเครียด นอนไม่หลับ เป็นลมพิษ สะเก็ดเงิน สารหนูเป็นพิษในเลือด ต้องไปล้างโลหะหนักออกจากร่างกาย

ใช้เวลารักษาตัวเองมา 2 – 3 ปีถึงรู้ว่าการสุขภาพดีคือแค่หาสมดุลให้เจอ 

ชีวิตขมปนหวานเหมือนมะระของ แม็กซีน อินทิพร อดีตเด็กขี้โมโหลงกระเพาะสู่ Miss ผักผู้รักสุขภาพ

รู้สึกยังไงตอนไปตรวจสุขภาพแล้วรู้ว่าตัวเองไม่ได้แข็งแรงอย่างที่คิด 

เอาจริง ๆ ไหม ยังรู้สึกว่าไม่เป็นไร เพราะหมอเขาให้ยาเรากิน 

มียาให้ทุกอย่างเลย ต่อมหมวกไตเพลียก็มียาให้ นอนไม่หลับก็มียาให้ เรารู้สึกว่า อ้าว แล้วยังไงอะ (หัวเราะ) ก็กินยา ใช้ชีวิตเหมือนเดิม 

จนกระทั่งเป็นสะเก็ดเงินกับลมพิษ นอนไม่ได้ อาการคันเป็นอาการที่ทรมานมาก เหมือนมีตัวอะไรมาเกาะ เหมือนมีมดคลานอยู่ทั้งตัวเราตอนกลางคืน ใส่เสื้อดำไม่ได้เลย ทาอะไรก็ไม่หาย กินอะไรก็ไม่หาย ได้แต่นอนร้องไห้ เลยไปหาหมอผิวหนัง 

เขาถามเราว่า ใช้ชีวิตยังไง 

คำตอบคือ

ใช้ชีวิตแย่มาก (หัวเราะ) 

ดื่มถึงเที่ยงคืน ตี 1 นอนแป๊บหนึ่งแล้วออกไปวิ่ง ถ้ามองจริง ๆ ไม่แปลกใจหรอกที่ป่วย

แล้วเขาไม่จ่ายยาเลยด้วยซ้ำ หมอพูดว่าหายขาดไม่ได้ ซึ่งคนฟังแล้วก็ใจแป้ว เพราะพวกโรคผิวหนังต่าง ๆ เกิดจากพฤติกรรมเราล้วน ๆ คุณแค่กลับไปเปลี่ยนชีวิต เราเลยเริ่มปรับ เริ่มศึกษามากขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพ

ไม่ต้องออกกำลังกายขนาดนี้ก็ได้มั้ง ไม่ต้องไปดื่มก็ได้มั้ง ตกตะกอนได้ว่าต้องทำอะไร แต่ไม่ต้องหักดิบ หมุนตัว 360 องศา Change is Chance

ใครบอกว่าไม่หาย เราหาย ทุกวันนี้ก็ไม่เคยเป็นอีก 

ปรึกษาคนอื่นบ้างไหม 

ไม่ใช่เชิงปรึกษา แต่เราชอบเรียนรู้ ชอบคุยกับคน ค่อย ๆ แก้ไปทีละเปลาะ เปลาะแรกเป็นเรื่องโรคผิวหนัง เราไปเรียนให้เข้าใจมากขึ้น ใครแนะนำอะไร เรารับหมด

ไปมาทุกสายเลยค่ะ ทั้งฝังเข็ม แพทย์แผนไทย ไปดีท็อกซ์ ไปสายฝรั่ง วิตามิน แล้วมาขยำรวมกัน

ชีวิตขมปนหวานเหมือนมะระของ แม็กซีน อินทิพร อดีตเด็กขี้โมโหลงกระเพาะสู่ Miss ผักผู้รักสุขภาพ
ชีวิตขมปนหวานเหมือนมะระของ แม็กซีน อินทิพร อดีตเด็กขี้โมโหลงกระเพาะสู่ Miss ผักผู้รักสุขภาพ

เริ่มจริงจังกับการกินผักตั้งแต่เมื่อไหร่

แม็กไม่ค่อยเขี่ยอาหารตั้งแต่เด็ก ชอบกินผักค่ะ พอโตมาอยู่กับคุณแม่ก็รสนิยมเดียวกัน แต่อาจจะไม่ได้กินผักแบบฮาร์ดคอร์หรือสนุกสนานขนาดนี้ 

รู้จักคำว่าวีแกนประมาณ 5 – 6 ปีที่แล้ว ตอนจะไปแข่งมาราธอน โค้ชวิ่งเราเป็นวีแกน แล้วเราก็เริ่มเป็นด้วย เราค้นพบว่าสิ่งที่เราชอบคือผัก เพราะเวลาเรากินผักเสร็จ หลายคนบอกว่ามันไม่อิ่ม แต่เราตัวเบามากเลย วิ่งได้เร็ว คล่องตัวมาก แล้วก็หลับดี ขับถ่ายดี ร่างกายชอบ

ก่อนโควิดเราได้ทำงานกับหลาย ๆ จังหวัด ได้เดินทางไปหลายที่ รู้สึกว่าผักในแต่ละพื้นที่มันสะท้อนวัฒนธรรมเขามาก ยิ่งสนุกขึ้นค่ะ 

พอแม็กอายุ 30 ปัญหาทุกอย่างดีขึ้นหมดแล้ว เหลือปัญหาเดียวที่ไม่หายคือประจำเดือนยังมาไม่ปกติ บังเอิญได้ไปร้าน Samuay & Sons ที่อุดรฯ แล้วเขาเหมือนแพทย์แผนไทย เลยแนะนำให้เราไปล้างพิษกับเขา ตอนนี้เมนส์มาปกติแล้ว 

เราเข้าใจว่าจริง ๆ ผักมีธาตุ มีรส เช่น เราชอบกินสะตอมาก แต่ต้องรู้ว่าสะตอมีฤทธิ์ร้อน มีกลิ่นฉุน เหม็น งั้นเราไม่ควรกินตอนเย็น 

แล้วก็เริ่มปลูกผักที่บ้านเองด้วย สนุกมากนะคะ เหมือนความรักเลยค่ะ ดูเขาโต ใส่ใจเขา เราเลยอินกับการได้อยู่กับผักตลอด

ศึกษาเพิ่มเติมทางไหน

อ่านหนังสือตำราผัก Old School มากเลย ทั้งของไทยแล้วก็ของเมืองนอก แล้วก็เรียน Nutrition Course, Medicinal Course เป็นคอร์สที่เอามาใช้ได้แบบ Certified Course ตอนนี้ที่เรียนอยู่เป็นเหมือนศาสตร์เมืองนอกที่เอาผักมาปรุงเป็นยาเพิ่มภูมิ อยากรู้ว่าเขาทำกันยังไง

เวลาไปบรรยายเกี่ยวกับสุขภาพ คุณแนะนำตัวเองว่าอะไร

I’m Max. I’m sharing my healing journey. เท่านั้นเอง 

คำห้อยท้ายเป็นแค่การแปะป้าย เรามองถึงคุณค่าที่ซ่อนอยู่ของคน เพราะเป้าหมายของการมายืนตรงนี้คือการเล่าเรื่องจากประสบการณ์

พูดยังไงให้คนรอบข้างที่ไม่ได้สนใจเรื่องสุขภาพหันมาเข้าร่วมกับคุณ

เคล็ดลับง่าย ๆ นะคือการดูดวง

หา

เรารู้เขาเป็นโรคอะไร หน้าตาเราบ่งบอกโรคได้

ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อหรอก เราก็ดูหน้าตา บอกให้เขาแลบลิ้น ทักว่าเขามีอาการนี้อยู่เหรอ พอถูกเขาก็เริ่มคล้อยตาม 

ถ้าไปบอกว่าผักชนิดนี้ดียังไงนะ คนฟังเขาก็คร่อก (ทำเสียงกรน) Come on ไม่มีใครอยากฟัง ไม่มีใครอยากรู้หรอก เขารู้ว่าผักดีแต่ไม่อยากกินไง เข้าใจเปล่า

แต่พอเราทักถูกนะ โอ้โห บอกให้กินผัก เขาก็กินหมดเลย (หัวเราะ)

ชีวิตขมปนหวานเหมือนมะระของ แม็กซีน อินทิพร อดีตเด็กขี้โมโหลงกระเพาะสู่ Miss ผักผู้รักสุขภาพ

The greatest wealth is health.

ทุกวันนี้หน้าแม็กซีนกลายเป็นสัญลักษณ์ของผักไปแล้ว

(หัวเราะ) ก็ดีเหมือนกันนะ ยอมน้อมรับ Miss ผัก

ไปอีเวนต์ทุกครั้ง ทุกคนต้องเดินเข้ามาทักให้กินมะระ จนเดี๋ยวนี้ต้องถือมะระไป

งงมากเลย ของแปลกตั้งหลายอย่าง คนมาดูกัน 10 กว่าล้าน บางคนบอกว่าไม่สะอาดเลย แต่เป็นผักท้องถิ่น ไม่ได้มียาฆ่าแมลง โอเค มีฝุ่น มีดินบ้างแหละ แต่หมูแดดเดียวเรายังกิน นั่นก็ตากบนหลังคาเหมือนกัน

แต่ว่าเดี๋ยวนี้พอไปกินเบียร์สักแก้ว กินไวน์สักแก้ว เขาก็ทักกันว่ากินไวน์ด้วยเหรอ ซึ่งเราก็ใช้ชีวิตให้บาลานซ์เหมือนคนปกติ 

นอกจากอาหารการกินที่เปลี่ยนไปหลังป่วย อะไรในชีวิตที่เปลี่ยนไปอีกบ้าง

ความคิดเลยค่ะ เราว่าเปลี่ยนยิ่งกว่าอาหารอีก 

หนึ่ง คือเมื่อก่อนเราอยากได้อยากมี แต่ตอนนี้เราปล่อยวาง Emotional Garbage ชีวิตก็เบาขึ้น สบายขึ้น หมู เห็ด เป็ด ไก่ จะกินอะไรก็ได้ 

สอง คือเรื่องความสัมพันธ์ ลองคิดว่าเราเป็นแก้วน้ำ แต่เรามีรูรั่วที่ต้องหาคนมาเติมตลอดเวลา พอเราเติมเต็มตัวเองได้ เหมือนการกลับไปเคารพตัวเอง เราไม่ต้องการอะไรอีก

การละทิ้งบางอย่างเป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่น คุณทำได้ยังไง

มีสำนวนหนึ่งนะคะ เขาบอกว่า Whenever a student is ready, the teacher appears. เมื่อไหร่ที่เราพร้อม ยินดีเปิดใจปรับเปลี่ยนตัวเอง เดี๋ยวจะมีแนวทางมาเอง 

ถามว่าเรา (ดีดนิ้ว) แล้ว Everything happens all at once. คิดว่าไม่ แต่มันจะมาเป็นลำดับ

ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิตได้เหรอ

(นิ่งคิด) อาจจะดู Cliche แต่ก็จริงที่ความไม่สมบูรณ์แบบเป็นเหมือนจุดดำที่อยู่บนกระดาษ มองแล้วรู้สึกเซ็ง รู้สึกโกรธ แต่มันเล็กมากเลย สิ่งอื่น ๆ ที่อยู่ในชีวิตที่เราได้รับโอกาสมีเยอะกว่ามาก

แล้วยิ่งได้รับมาก โอกาสที่เราจะไปส่งต่อให้คนอื่นก็ยิ่งเยอะ แต่ถ้าเรามัวอยู่กับไอ้จุดตรงนี้ วนเวียนกับสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่พอใจ เราไปไหนไม่ได้ค่ะ ถ้าจะโตขึ้นต้องโตทั้งกายและใจ ต้องมองอีก 99% ของชีวิต

เราไม่เคยโทษตัวเอง โทษพ่อแม่ จะทำอะไรได้นอกจากแก้ปัญหาไป แค่แก้ยังไงให้ถูกวิธี โชคดีที่ในที่สุดก็แก้ถูก 

ยังสุดโต่งกับชีวิตอยู่ไหม

ไม่นะคะ คิดว่าหย่อนยานมาเยอะมากเลยค่ะ เพราะถ้าให้เลือกระหว่างความสุขของคนอื่น ๆ กับความสุขของเราคนเดียว เราเลือกความสุขหรือความสัมพันธ์ของคนที่เราอยู่ด้วย

ถ้าแม็กซีนในวัย 27 ไม่ได้ป่วย คงยังไม่เข้าใจว่าอะไรคือการหยวนบ้าง หย่อนบ้าง

คงซ่า ๆ แสบ ๆ กินเหล้าไปด้วยแล้วเช้าก็ไปวิ่งมาราธอนต่อ 10 โล 15 โล มีหลายครั้งที่เราเท้าบวม กระดูกแตก กระดูกร้าว หักกระดูกเป็นว่าเล่น เกิดจากการนอนไม่พอ กินเหล้าเยอะ กระดูกเลยเปราะ

ทำไมถึงมองการป่วยของตัวเองเป็นเรื่องโชคดี

โห ถ้าใช้ชีวิตแบบนั้น วันหนึ่งก็ต้องป่วย ถ้าเป็นตอนแก่คงยากกว่ามาก

โชคดีที่เราเป็นตั้งแต่เด็ก ยังมีโอกาสที่ 2 ให้แก้ตัวได้ ยังเป็นวัยที่เราทำความดี แบ่งปันเรื่องนี้ให้คนอื่นได้

มีคนเป็นสะเก็ดเงินเยอะมาก คนเมนส์มาปีละครั้งเยอะมาก ที่ต้องศึกษาก็เพราะว่ามีหลายสาเหตุกับ 1 ปัญหา แล้วเราต้องพยายามเข้าใจทุกสาเหตุก่อนว่าเป็นยังไง เพราะคนฟังเป็นร้อย คนทักมาทีหนึ่งเราก็เถียงไม่ออก 

เป้าหมายสูงสุดของเราคือการพาสิ่งที่เราทำไปถึงต่างประเทศ

คิดว่าประสบการณ์ของแม็กซีนเปลี่ยนโลกได้ไหม

เราเชื่อว่าเปลี่ยนได้ แต่เราต้องศึกษาเพิ่มขึ้น เอาหลาย ๆ ศาสตร์ที่เราเรียนมา แล้วก็ประสบการณ์จากตัวเราที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่แค่อ่านมาแล้วมาพูด เราเชื่อว่าเราทำได้ค่ะ 

เห็นภาพตัวเองอยู่บนเส้นทางนี้ไปอีกนานแค่ไหน

เราอยากอยู่กับสิ่งนี้ตลอดไป เพราะมันคือเรื่องธรรมชาติ เรื่องสุขภาพ ไม่ว่าจะได้ไปต่างประเทศหรือไม่ เราก็ต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและทำไปเรื่อย ๆ ค่ะ

ที่ผ่านมา การกินดูเป็นตัวแปรสำคัญในชีวิตคุณมาก ตั้งแต่เป็นโรคกระเพาะ เป็นโรคคลั่งผอม เป็นนักกินผัก เห็นพัฒนาการอะไรของตัวเอง

ความสัมพันธ์กับอาหารที่โตขึ้นมาเรื่อย ๆ คือการฟังร่างกาย เห็นพัฒนาการของการอยู่กับธรรมชาติ 

ตอนเป็นโรคกระเพาะ เป็นโรคคลั่งผอมก็ไม่อยากกินอะไรเลย 3 วันนะ กินแต่น้ำ แต่ตอนนี้คือให้เป็นธรรมชาติที่สุด ฟังร่างกาย กินผักหรือไม่กินผัก จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร เพราะร่างกายบอกเราตลอดเวลาจริง ๆ

เคยเป็นร้อนในไหม ร่างกายคุณกำลังบอกว่า เฮ้ย คุณกำลัง Overheat อยู่นะ การที่คุณเป็นสะเก็ดเงิน การที่คุณเป็นสิว ร่างกายคุณกำลังบอกอะไร ก็แค่ฟังมัน แล้วก็อยู่กับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด 

จุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตทุกวันนี้ของคุณคือ

To Complete Myself 

บางคนมีจุดประสงค์คือการทำเพื่อคนอื่น แต่หลายครั้งเราลืมที่จะทำเพื่อตัวเองเหมือนกัน 

เมื่อไหร่ที่ตัวเราเต็ม เป็นแก้วที่ไม่มีรู เราก็เติมอะไรเข้ามาเพิ่มขึ้น แล้วก็แชร์ออกไปได้ด้วย ต้องรักตัวเองให้เป็นก่อนแล้วค่อยไปรักคนอื่น

ปีนี้ 33 แล้วนะคะ อายุผ่านไปก็ทำให้ตกตะกอนมากขึ้นในเรื่องของอารมณ์ ความคิด หาตรงกลางของชีวิตเจอแล้ว ถือว่าเป็นเวอร์ชันที่ชอบที่สุด

ถ้าตอนอายุ 27 มี Growth Hormone เหมือนคนอายุ 80 แม็กซีนในวัย 80 อยากมีชีวิตแบบไหน

โอ้โห แบบนี้แหละค่ะ เรายังอยากเห็นตัวเองออกไปใช้ชีวิตได้ เราอยาก Enjoy Life

คิดดูดิ Growth Hormone เหมือนอายุ 80 ยังซ่าขนาดนั้น ฉันใช้ชีวิตเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ 27 แล้ว ถ้าอายุ 80 คงเป็นช่วง Sunshine of My Life (หัวเราะ)

ตอนนั้นคงทำฟาร์มของตัวเอง ทำมูลนิธิเกี่ยวกับสะเก็ดเงิน เราอยากสร้างกลุ่มเหมือนสหรัฐฯ ที่เขามีกลุ่มบำบัด Alcoholism

เราว่าคนไทยไม่ค่อยคุยกันเรื่องอาการเจ็บป่วย บางทีการพูดคุย แนะนำ จะทำให้รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ไม่ต้องสะเก็ดเงินก็ได้ โรคทั่วไปก็ด้วย การสร้างมูลนิธิของเราคือการสร้างคอมมูนิตี้ให้คนมีพื้นที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันค่ะ

รู้สึกยังไงที่เราคนเดียวเผชิญเรื่องราวเกี่ยวกับการกินมาหลายอย่างมาก

มันมากเลย นึกว่า Avengers (หัวเราะ) 

ช่วง ถาม-ตอบ กับ Miss ผัก

ผักอะไรที่ขมที่สุด

เอาจริง ๆ ปะ นึกออกอย่างแรกเลย เป็นอะไรที่ไม่เคยคิดด้วย มันคือก้านผักสลัด โคตรขมเลย ขมหน้าเบี้ยว ขมจนต้องคายทิ้ง 

ผักอะไรที่หวานที่สุด

มะระ ผักปลัง ก็หวานอยู่นะ

ขอผักแปลก ๆ 1 อย่างที่อยากแนะนำให้คนกินสักครั้งในชีวิต

เป็นดอกไม้นะ ดาหลาค่ะ เพราะส่วนมากคนจะไม่ค่อยกินดอกไม้กันเนอะ ดาหลามีสีสวย เอามาทำอาหารหลายอย่างได้ อยากแนะนำให้คนลองเปิดใจแล้วจะเปิดโลก

ถ้าเปรียบชีวิตเป็นผัก แม็กซีนเป็นผักอะไร

แม็กซีนเป็นผักอะไรเหรอ

มะระ เพราะว่าหวานอย่างเดียวมันน่าเบื่อ ต้องขมตัดด้วย จะได้มีหลายรสชาติค่ะ (ยิ้ม)

Writer

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

นักอยากเขียน บ้านอยู่ชานเมือง ไม่ชอบชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้ มีคติประจำใจว่าอย่าเชื่ออะไรจนกว่าหมอบีจะทัก รักการดูหนังและเล่นกับแมว

Photographer

Avatar

ผลาณุสนธิ์ ผดุงทศ

ช่างภาพที่โตมาจากเมืองทอง รักแมว ชอบฤดูฝน และฝันอยากไปดูบอลที่แมนเชสเตอร์