ของเล่นอะไรที่มีผู้ใหญ่เล่นมากพอๆ กับเด็ก
ของเล่นอะไรที่มีความเป็นไปได้ในการเล่นมากที่สุดในโลก
ของเล่นอะไรที่มีคนนำไปต่อยอดทีไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด ทั้งเกม หนัง สวนสนุก งานศิลปะ หนังสือ รายการโทรทัศน์ การทดลองทางวิทยาศาสตร์ งานมหกรรม หรือแม้แต่ร้านแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนมือสองของของเล่นอมตะยี่ห้อนี้
ค่ะ… อุ้มกำลังพูดถึงตัวต่อพลาสติกชิ้นเหลี่ยมๆ เล็กๆ สีสันสดใสที่เรียกว่า ‘เลโก้’ (LEGO)
อุ้มไม่ได้โตขึ้นมาด้วยการเล่นเลโก้หรอกค่ะ บ้านอยู่ปากน้ำ ห้างอะไรก็ไม่มี ว่างก็เล่นหม้อข้าวหม้อแกง ตั้งเต หมากเก็บ ปีนต้นมะม่วงอะไรไปตามเรื่อง จนโตมามีลูก แล้วก็มาอยู่ที่อเมริกานี่แหละ ถึงได้มาเล่นเลโก้จริงจังและได้รู้ว่าคนที่นี่เขาโตมากับเลโก้ บ้านหนึ่งอย่างน้อยก็ต้องมีเลโก้เป็นลัง ทั้งที่ซื้อใหม่ให้ลูกหรือตกทอดมาจากพ่อแม่ ญาติโยม เพื่อนบ้าน รวมทั้งที่ได้มาเป็นของขวัญ คือถ้าจะไปงานวันเกิดแล้วนึกอะไรไม่ออก ซื้อเลโก้ไว้ยังไงก็รอดค่ะ
แต่เชื่อไหมคะว่ากว่าจะกลายมาเป็นของเล่นยอดฮิตอายุเกือบศตวรรษ มียอดขายปีละหลายหมื่นล้านชิ้น (ทุกหนึ่งนาทีจะมีเลโก้ผลิตออกมามากกว่าหนึ่งแสนชิ้น!) เลโก้เริ่มต้นจากช่างไม้หนึ่งคน และโดนไฟเผาโรงงานวอดวายไป 3 หน คุณ-ภาพ-ชี-วิต ตอนนี้ มีเรื่องสนุกๆ เกี่ยวกับเลโก้มาเล่าให้ฟังค่ะ
เมื่อ ค.ศ.1891 โอเล เคิร์ก คริสเตียนเซน (Ole Kirk Christiansen) เกิดมาในครอบครัวยากจนในประเทศเดนมาร์ก เขาเรียนจนจบมัธยมปลาย แล้วไปฝึกงานเป็นช่างไม้อยู่ที่เยอรมันนาน 5 ปี ก่อนจะกลับเมืองบิลลุนด์ (Billund) บ้านเกิด แล้วซื้อโรงไม้เล็กๆ พร้อมกับแต่งงานจนมีลูกชาย 4 คน เคราะห์ร้ายภรรยามาเสียชีวิตตอนคลอดลูกคนสุดท้อง ทิ้งให้โอเลเป็นพ่อม่ายเลี้ยงลูกสี่เพียงลำพัง แต่ไม่เท่านั้น ค.ศ. 1924 ลูกชายคนที่ 2 กับ 3 จุดไฟเผาเศษไม้เล่นในโรงไม้ของพ่อ แต่ไฟกลับลุกลามเผาทั้งโรงงานและบ้านไปจนหมดสิ้น
แทนที่โอเลจะสิ้นหวัง เขากลับวางแผนสร้างทั้งบ้านและโรงงานใหม่ แล้วเริ่มต้นทำของใช้ในบ้านชิ้นเล็กๆ อย่างกระดานรีดผ้า บันได ม้าไม้นั่งรีดนมวัว และของเล่น โชคไม่เข้าข้าง เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ช่วงตกต่ำใน ค.ศ. 1930 โอเลถึงขั้นล้มละลาย แต่เขาไม่ถอดใจ กลับฮึดสู้เพราะมองเห็นว่าในบรรดาสิ่งที่ทำขายทั้งหมด ของเล่นไม้นั้นขายดีที่สุด เขาจึงตัดสินใจเลิกทำอย่างอื่น เน้นแต่ทำของเล่นไม้เบิร์ชทาสีใส่กล่องสวยงาม
แม้เริ่มแรกจะยังขายไม่ดี แต่ด้วยความสู้ไม่ถอยและกำลังเสริมของก็อดเฟร็ด (Godtfred) ลูกชายคนที่ 3 (คนเดียวกับที่จุดไฟเผาบ้านเมื่อตอนเด็ก) สุดท้ายคนก็เริ่มยอมรับในคุณภาพสินค้า ยอดขายและชื่อเสียงของโอเลเริ่มดีขึ้น ทำให้เขาตั้งปณิธาณตั้งแต่วันนั้นว่า ‘Only the best is worthy’ มีแต่ของดีที่สุดเท่านั้นที่คู่ควรกับการผลิตออกมาขาย
เมื่อธุรกิจเริ่มไปได้ดี โอเลก็มีไอเดียจะตั้งชื่อโรงงาน เขาให้ลูกน้องเสนอชื่อประกวด ใครชนะจะได้ไวน์บ่มเองขวดหนึ่งเป็นรางวัล รู้ไหมคะว่าใครได้ไวน์ขวดนั้นไป… คนจัดประกวดคือคุณโอเลนั่นเอง (โถ ลูกน้องเซ็งแย่) ชื่อที่เขาเลือกคือ ‘LEGO’ ซึ่งมาจากคำเดนิช legt godt ซึ่งแปลว่า ‘เล่นสนุก’ ของเล่นที่ขายดีสุดในตอนนั้นคือเป็ดติดล้อเอาไว้ลาก อ้าปากส่งเสียงก้าบๆ มีตราเลโก้ ซึ่งเดี๋ยวนี้กลายเป็นของสะสมหายากชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
ชีวิตเหมือนจะดีอยู่แล้วเชียว แต่จักรวาลไม่ยอมให้คุณโอเลสุขสบายไปได้ง่ายๆ เลยส่งไฟมาเผาโรงงานเรียบวุธไปเป็นรอบที่ 2 แต่คราวนี้คุณโอเลแกมีวิชาอยู่กับตัว เลยลุกขึ้นได้เร็วกว่าเก่า สร้างโรงงานใหม่ใหญ่กว่าเดิมเสียอีก แล้วไปซื้อเครื่องฉีดพลาสติกเข้าแม่พิมพ์มาเป็นเครื่องแรกของเดนมาร์ก ทีแรกแกลองปั๊มตัวต่อแบบที่ไปเห็นจากของเล่นอังกฤษยี่ห้อ Kiddicraft ออกมาขาย
แต่สิ่งที่มาทำให้เลโก้เริ่มขายดีระเบิดระเบ้อ ก็คือการที่คุณก็อดเฟร็ดไปงานแสดงของเล่นที่อังกฤษ แล้วได้ยินพ่อค้ารายหนึ่งบ่นว่าของเล่นที่มีอยู่ในตลาดตอนนั้น ไม่มีอะไรที่เป็น ‘System’ คือซื้อชุดใหม่แล้วเอามาเล่นต่อกับชุดเก่าได้เลย ทุกอย่างคนทำคิดวิธีการเล่นมาให้เบ็ดเสร็จ เล่นจบในตัวเองหมด
คุณก็อดเฟร็ดเลยได้ไอเดีย กลับมาเดนมาร์กแล้วออกชุดตัวต่อพลาสติกที่เป็นบ้าน ให้เด็กได้จินตนาการเล่นเอง นับเป็นเลโก้เซ็ตแรกที่ยังส่งผลมาถึงเลโก้จนถึงปัจจุบัน
ไม่แค่นั้นค่ะ คุณก็อดเฟร็ดสังเกตว่าลูกชายเล่นตัวต่อเลโก้แล้วบ่นว่าหลุดง่าย แกเลยไปนั่งคิดๆๆๆ จนได้แบบตัวต่อใหม่ที่มีรูกลวงด้านล่างเพื่อยึดปุ่มด้านบน แบบนี้ทำให้ตัวต่อยึดติดกันแน่น แต่ก็แกะง่ายด้วย ค.ศ. 1958 คุณก็อดเฟร็ดเลยจดสิทธิบัตรระบบ Stud-and-tube Coupling นี้ แล้วตั้งชื่อว่า Automatic Binding Lego Bricks เป็นที่มาว่าทำไมคนถึงเรียกตัวต่อเลโก้ว่า Bricks ไงล่ะคะ
ได้ลิขสิทธิ์แล้วควรจะฉลอง แต่ปีเดียวกันนั้น คุณโอเลกลับมาจากไปด้วยอาการหัวใจวาย แถมปีต่อมา โรงงานฝั่งที่ยังผลิตของเล่นไม้ก็ถูกฟ้าผ่าไฟไหม้จนหมดสิ้น (ครอบครัวนี้มีอะไรกับไฟกันนะ) เป็นอันปิดฉากเลโก้ยุคแรกเริ่ม กลายมาเป็นเลโก้ยุคของคุณก็อดเฟร็ดที่ผลิตแต่ตัวต่อพลาสติกนับแต่นั้นมา
อุ้มเชื่อว่าคนที่เล่นเลโก้คงรู้สึกเหมือนกันว่า การเอา Bricks มาประกบกันแล้วมันติดหนึบเนี้ยบกริ๊บ ช่างเป็นความรู้สึกที่ฟินอย่างบอกไม่ถูก แล้วถ้าใครได้ดู Lego Movies คงนึกออกว่าคนต่อเลโก้นี่มี 2 จำพวก คือพวก Master Builder เนรมิตอะไรก็ได้ขึ้นมาจากกอง Bricks กับพวกต่อตามคู่มือ อุ้มนี่รักคู่มือหมดใจเลยค่ะ เพราะชีวิตมันยุ่งเหยิงมากพออยู่แล้ว การได้ต่อตามรูปไปเรื่อยๆ มันมีความสุขได้อย่างประหลาดจริงๆ (เคยฟังสัมภาษณ์ผู้กำกับ Southpark ก็พูดเหมือนกันเลย)
อุ้มไปรู้มาว่า มีศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ชาวเดนมาร์กคนหนึ่ง ชื่อ โซเรน ไอเลอร์ (Soren Eilers) เขาพยายามคำนวณว่า เลโก้ 2 x 4 จำนวน 6 ชิ้น จะต่อกันได้กี่แบบ ได้ยินคำตอบแล้วอาจจะหงายท้องไปเลย… 915,104,765 แบบค่ะ! นี่ยังไม่นับว่าเลโก้มีทั้งหมด 2,350 แบบ 52 สี คือพูดง่ายๆ ว่า ความเป็นไปได้ในการต่อนั้นไม่จบไม่สิ้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่เลโก้กลายเป็นของเล่นที่ทุกคนยอมรับว่าส่งเสริมจินตนาการมากที่สุดในโลก
สิ่งที่คุณโอเลเองเพิ่งมารู้ภายหลังจากตั้งชื่อบริษัทแล้วก็คือ คำว่า legt godt นั้น ในภาษาละติน แปลว่า ‘ฉันประกอบ’ (I put together.) ด้วย ราวกับจะรู้ล่วงหน้าว่าต่อไป คนครึ่งโลกจะเอาตัวต่อที่เขาทำขึ้นมาประกอบต่อยอดเป็นอะไรได้อีกมหาศาลเกินกว่าที่เลโก้เองจะคาดคิดเสียอีก
มาดูกันไหมคะว่ามีอะไรที่เลโก้ไม่ได้คิด แต่มีคนทำ ทั้งน่าทึ่ง น่านิยม น่าชื่นชม และน่าปรบมือให้ในโลกนี้บ้าง
นาธาน ซาวายะ (Nathan Sawaya)
อดีตทนายความที่กลายมาเป็นศิลปินเลโก้ที่อุ้มว่าดังและน่าสนใจที่สุด อุ้มเคยไปดูนิทรรศการเขาครั้งหนึ่ง โอ้โห ไม่รู้ทำได้ยังไงค่ะ แต่ละชิ้นใหญ่ยักษ์ ไม่มีแบบด้วย ต่อไปเรื่อยๆ จากภาพในหัว คือโลกนี้มีคนแบบนี้ไม่กี่คนค่ะบอกได้เลย
อดัม รีด ทักเกอร์ (Adam Reed Tucker)
สถาปนิกที่สร้างตึกจำลองจากเลโก้เล่นเอง (คือเล่นของเขานี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ นะคะ) จนได้มาเป็นคนดีไซน์ Lego Architecture ทั้งหมด เข้าไปฟังสัมภาษณ์อดัมได้ที่นี่ค่ะ
เดวิด พาคาโน (David Pagano)
คนนี้ทำ Lego Stopmotion เป็นเรื่องเป็นราวมายี่สิบกว่าปีแล้วค่ะ ช่องเขาชื่อ Paganomation สนุกมั่งไม่สนุกมั่ง แต่ดูแล้วขอก้มหัวให้ในความทำจริงทำจังต่อเนื่องมาตลอดสองทศวรรษ
Lego for the blind
โครงการแปลวิธีต่อเลโก้เป็นคู่มือเสียงที่ชายหนุ่มตาบอด แมทธิว ชิฟริน (Matthew Shifrin) ทำขึ้นมาเองกับพี่เลี้ยงของเขา โดยหวังว่าจะช่วยให้คนตาบอดได้มีโอกาสต่อเลโก้โดยไม่ต้องพึ่งคนตาดี สิ่งที่น่ารักก็คือโครงการนี้ทำให้เลโก้เอาไปคิดต่อและหวังว่าจะออกคู่มือสำหรับคนตาบอดอย่างเป็นทางการได้ในไม่ช้านี้ เข้าไปฟังแมทธิวเล่าเรื่องของเขาได้ที่ Ted Talk เลยค่ะ
Lego Build-In-The-Bag
ต่อเลโก้แบบไม่แกะถุง! เออ เอากะเขาสิ มันฮิตมากด้วยนะคะ โดยเฉพาะตามงาน LEGO Convention ต้องมีแข่งต่อเลโก้แบบยังอยู่ในถุงพลาสติก ใครอยากลองดูเขาบอกว่าให้เลือกเซ็ตที่เป็นชิ้นเล็กๆ และชิ้นส่วนทั้งหมดอยู่ในถุงเดียว อุ้มยังไม่เคยลองแต่คิดว่าคงสนุกและอยากฉีกถุงให้รู้แล้วรู้รอดไปตั้งแต่ 5 นาทีแรก ฮ่าๆ
Lego Masters
รายการแข่งต่อเลโก้ที่สนุกมากๆๆๆ ทางช่อง FOX คนคิดรายการเก่งสุดๆ เลยค่ะ ธีมแต่ละครั้งก็อย่างเช่น ให้ต่อสวนสนุก ต่อซีนจากหนัง ต่อสะพานที่รับน้ำหนักได้มากที่สุด ต่อเรื่องจากนิทาน หรือต่ออะไรก็ได้แล้วให้พิธีกรเอาไม้เบสบอลฟาดให้แหลกละเอียด! ทีมรองแชมป์มาจากพอร์ตแลนด์ด้วย บ้านอุ้มเลยยิ่งอินเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เข้าไปดูได้ฟรีแล้วด้วยค่ะ อย่าพลาดเลยเชียว
Bricks & Minifigs
ร้านขายเลโก้มือสองที่มี Bricks กองเป็นกระบะๆ ให้คนมาคุ้ยหาชิ้นที่ตัวเองขาดไป หรือจะมาซื้อ Bricks เอาไปเติมใส่กระบะที่บ้านก็จ่ายเงินตามขนาดกระปุกพลาสติก นอกจากนี้ยังมีเลโก้รุ่นสะสมเพียบเลย อุ้มแวะไปทีไรเห็นคนเต็มร้านทุกที มีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ร้านเป็นแฟรนไชส์ด้วยนะคะ เผื่อใครสนใจอยากซื้อลิขสิทธิ์เอาไปเปิดที่เมืองไทยบ้าง
สุดท้ายคือฝันที่เป็นจริงของทายาทรุ่นสาม เคลด์ คริสเตียนเซน (Kjeld Kristiansen) หลานของคุณโอเลเอง มันคือ Lego House หรือ ‘บ้าน’ ของเลโก้ที่ตั้งอยู่ตรงตำแหน่งของบ้านและโรงไม้หลังแรกของคุณโอเลที่เมืองบิลลุนด์ค่ะ ที่นี่เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และทุกสิ่งทุกอย่างที่เลโก้พึงจะเป็น ออกแบบโดยสถาปนิกดาวรุ่ง บียาร์ก อิงเกลส์ (Bjarke Ingels) ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเลโก้ด้วย
ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจากวันแรกที่คุณโอเลเริ่มทำของเล่นเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว วันนี้มันกลับกลายเป็นมากกว่าแค่ของเล่น แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ที่สร้างขึ้นจากสมองและสองมือของมนุษย์เรานี่เอง