• โฮ กวงปิง (Ho Kwon Ping) หรือ KP คือผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร Banyan Tree Holdings และ Laguna Resorts & Hotels แล้วก็ยังเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยวา จํากัด (มหาชน) 
  • Banyan Tree Holdings เป็นเครือโรงแรมขนาดใหญ่มีทั้งหมด 10 แบรนด์ 74 โรงแรมทั่วโลก Laguna Phuket คืออาณาจักรโรงแรม 8 แห่งในพื้นที่ราว 3,000 ไร่ บนเกาะภูเก็ต ส่วน ไทยวา คือผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่และเจ้าของโรงงานวุ้นเส้นแห่งแรกในเอเชีย ไทยวาเดียวกับตึกตรงถนนสาทรนั่นเอง
  • ชายชาวสิงคโปร์ผู้นี้เป็นหนึ่งในเจ้าของโรงแรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก (ถ้าให้ระบุรางวัลทั้งหมดที่เขาเคยได้รับ คงไถอ่านกันเมื่อยนิ้ว)
  • ผมพบ KP ในงานเปิดตัวโรงแรม Garrya Tongsai Bay Samui ของ คุณธนกร ฮุนตระกูล ก่อนงานเลี้ยงรับรองจะเริ่ม ผมเห็นผู้บริหารสูงสุดคนนี้เดินคุยกับพนักงานหลายคน เขาบอกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่เดินไปให้กำลังใจ ไปชวนคุย ตามคอนเซปต์ I’ll be with you. เขาไม่ค่อยให้สัมภาษณ์สื่อมากนัก แต่เขายินดีให้สัมภาษณ์ The Cloud นัดคิวอยู่ 4 เดือน เราถึงได้เวลาว่างตรงกัน
  • ปี 2017 เขาฉลองอายุครบ 65 ปีด้วยการเขียนประวัติตัวเองไว้ในหนังสือชื่อ Asking Why ลีลาการใช้ภาษาของเขาดีมาก สมเป็นนักเขียนเก่า เขาเขียนถึงตัวเองว่า 

ปฏิสนธิที่ย่างกุ้ง เกิดที่ฮ่องกง โตที่กรุงเทพฯ และใช้ชีวิตวัยรุ่นที่สิงคโปร์ วัยหนุ่มเคยเดินขบวนเรียกร้องทางการเมือง เลยได้ติดคุกในสหรัฐฯ และสิงคโปร์ โดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดนแบล็กลิสต์ไม่ให้เข้าสหรัฐฯ 20 ปี แต่เป็นผู้ก่อตั้งและประธานมหาวิทยาลัยแห่งชาติแห่งที่ 3 ของสิงคโปร์

KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก
  • แม่ของเขา Li Lien Fung โตมาในครอบครัวมหาเศรษฐีเซี่ยงไฮ้ ทำเหมืองในสหรัฐฯ จนคุณตากลายเป็นนักธุรกิจชาวจีนที่รวยสุดในสหรัฐฯ พ่อของเขาเป็นชาวจีนรุ่นที่ 4 ของบริษัทผลิตเรือในสิงคโปร์ พ่อและแม่ของเขาเจอกันตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยคอร์เนล พอแต่งงานแล้วแม่ก็ตามพ่อไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ฮาร์วาร์ด จากนั้นก็เริ่มทำธุรกิจขายแร่ในพม่า พอตั้งท้อง KP ก็ย้ายมากรุงเทพฯ บุกเบิกธุรกิจแปรรูปผลผลิตเกษตร เกิดเป็น บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ และตั้งโรงงานผลิตวุ้นเส้นแห่งแรกในเอเชีย
  • KP เรียนประถมที่โรงเรียนบางกอกพัฒนา ในวัย 9 ขวบ เขาชวนเพื่อนอย่าง สมเถา สุจริตกุล พี่สาว และเพื่อน ๆ ทำหนังสือพิมพ์ในโรงเรียนเป็นครั้งแรกชื่อ ??????? (เครื่องหมายปรัศนีย์ 7 ตัว)
  • เขาย้ายมาเรียนมัธยมปลายที่ International School Bangkok (ISB) ช่วงนั้นพ่อของเขารับตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทยเป็นคนที่ 2 บ้านของเขาเลยกลายเป็นทำเนียบทูต ซึ่งถือเป็นดินแดนของสิงคโปร์ เขาเลยถือว่าใช้ชีวิตวัยรุ่นในประเทศสิงคโปร์
  • ช่วงนั้นสงครามเวียดนามเป็นเรื่องใหญ่ของโลก เพื่อนในโรงเรียนซึ่งส่วนใหญ่เป็นอเมริกันเต็มไปด้วยลูกทหารที่มารบในสงครามเวียดนาม ลูกนักบิน ลูกทูต ลูก CIA และลูกเจ้าหน้าฝ่ายสนับสนุน มีเพื่อนฆ่าตัวตายในโรงเรียนเพราะรู้ข่าวว่าพ่อตายในสงคราม KP ได้ร่วมประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนามอย่างจริงจัง จนเพื่อน ๆ สนับสนุนให้เขาเป็นประธานนักเรียน
  • พอเรียนจบ เขาไปเรียนภาษาจีนที่ไต้หวัน 1 ปี ได้อยู่หอห้องเดียวกับเพื่อน 6 คน ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวชาวนาที่ค่อนข้างยากจน การกินไข่ไก่สักฟองต้องเป็นมื้อพิเศษเท่านั้น เขาเริ่มสนใจประเด็นความเหลื่อมล้ำและการพัฒนาในประเทศโลกที่สามมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • เขาชอบเที่ยว พอเรียนจบก็โบกรถเที่ยวทั่วอียิปต์ ต่อด้วยกรีซ ตุรกี จนถึงลอนดอน เพราะชอบนิยายเรื่อง Hitch-hiking
  • ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยที่สแตนฟอร์ด KP อินกับเรื่องการเมืองมาก เขาเป็นส่วนหนึ่งของ Babyboomer ที่อยากเปลี่ยนโลก วันแรกที่เขาเข้าเรียนมีนักเรียนเสียชีวิตในกิจกรรมต่อต้านสงครามซึ่งเกิดเหตุวุ่นวายจากการชุมนุมทั่วประเทศรวมทั้งในมหาวิทยาลัยด้วย เขาร่วมประท้วงหลายครั้ง ผลคือเขาโดนจับถูกคุมขัง ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย และติดบัญชีดำห้ามเข้าสหรัฐอเมริกาข้อหาเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง
  • KP กลับมาเป็นทหารที่สิงคโปร์ แล้วเรียนมหาวิทยาลัยที่สิงคโปร์ เขาหารายได้จ่ายค่าเช่าอะพาร์ตเมนต์ด้วยการเขียนงานให้ The Straits Times หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่เป็นสื่อหลักของสิงคโปร์ และนิตยสาร Far East Economic Review (FEER) นิตยสารข่าวเอเชียภาษาอังกฤษ
  • เพื่อนของ KP แนะนำให้รู้จักสาวสวยชื่อ แคลร์ เชียง (Claire Chiang) เลขาฯ ทูตวัฒนธรรมของฝรั่งเศส ซึ่งเคยเรียนที่ Sorbonne ในปารีส ต่อมาได้กลายมาเป็นแฟนและภรรยาของเขา
  • KP เขียนบทความวิจารณ์รัฐบาลใน FEER รอบแรกโดนปรับหนัก แต่เขายังไม่เบามือ รอบสองเลยถูกจับเอาถุงคลุมศีรษะไปสถานที่ไม่เปิดเผย ติดคุก 2 ปี ข้อหาเป็นคอมมิวนิสต์ สมคบคิดทำให้รัฐบาลเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ติดคุกได้ 2 เดือนก็ถูกปล่อยตัว แลกกับการให้เขาสารภาพออกโทรทัศน์และเขียนสารภาพในนิตยสารของเขา
KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก
  • ออกจากคุกมา KP ก็แต่งงาน แล้วใช้เวลา 1 ปีเรียนจนจบ จากนั้นก็ย้ายไปทำงานกับ FEER ที่ฮ่องกง เพราะเขาสัญญากับรัฐบาลว่าจะไม่เขียนเรื่องเกี่ยวกับสิงคโปร์อีก รายได้ของเขาค่อนข้างน้อย จ่ายค่าเช่าบ้านบนเกาะฮ่องกงไม่ไหว เลยต้องไปเช่าบ้านที่เกาะลัมมา (Lamma) ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมง มีถนนหลักเส้นเดียว ไม่มีรถยนต์ ไม่มีมอเตอร์ไซค์ บ้านเหมือนทั้งเกาะเป็นกล่อง 3 ชั้น เจ้าของอยู่ชั้นล่าง ให้เช่าชั้น 2 ชั้น 3 แพงหน่อยเพราะขึ้นไปดาดฟ้าได้ คนต่างชาติบนเกาะมีแต่นักข่าวกับช่างทำผม เขาอยู่ที่อ่าวต้นไทร (Banyan Tree Bay) นั่นคือช่วงเวลาแสนโรแมนติก เมื่อ KP ทำโรงแรมแห่งแรกในปี 1994 เขาจึงเอาชื่อ Banyan Tree มาใช้
  • Banyan Tree คือช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกของคู่รักหนุ่มสาวไม่ได้สนใจเรื่องเงินทอง ต้นไทรเป็นพืชเขตร้อนที่มีทั้งในอเมริกา แอฟริกา และเอเชีย มีร่มเงากว้างใหญ่ ช่วยปกป้องนักเดินทางจากฝนและแดด ใช้เป็นที่พักผ่อนเติมพลังมานับศตวรรษ
  • อยู่ที่เกาะ 3 ปี KP ก็ได้งานเป็นนักวิจัยที่สถาบัน INSEAD Euro-Asia Centre ในปารีส ภรรยาของเขากำลังจะได้กลับไปอยู่ในเมืองที่คุ้นเคย แต่พ่อของ KP เป็นสโตรก ทำให้ทั้งคู่ต้องเปลี่ยนแผนชีวิต มุ่งหน้าสู่สิงคโปร์เพื่อรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว
  • สิ่งที่ KP เสียใจที่สุดคือไม่ได้เรียนรู้งานจากพ่อในช่วงที่เฉียบคมที่สุดของเขา
  • KP เช่าอะพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ อยู่กับภรรยาในสิงคโปร์ เขาเริ่มลงทุนกับธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน แต่บริหารผิดพลาด ขาดทุนมหาศาล
  • ด้วยความเครียดกับปัญหาที่เจอ ในปี 1984 เขาอยากสร้างบ้านตากอากาศนอกสิงคโปร์ เลยชวนญาติเดินทางมาหาซื้อที่บนเกาะภูเก็ตด้วยกัน ในวันที่ภูเก็ตมีสนามบินเล็กจิ๋ว ยังไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว ป่าตองยังไม่บูม หลังจากซื้อที่ 3 – 4 ไร่ เขาก็ไปเจอที่แปลงข้าง ๆ กัน ติดทะเล แต่ไม่มีต้นไม้ เหมือนทะเลทราย เพราะเป็นซากเหมืองดีบุกเก่า น้ำในบึงสีฟ้าอ่อน สวยมาก มารู้ทีหลังว่ามันคือสารเคมีตกค้าง อะไรก็ไม่รู้ทำให้เขาตัดสินใจซื้อที่ผืนนี้ในราคาถูกมาก แล้วค่อย ๆ ซื้อมาเพิ่มเรื่อย ตอนนี้มีประมาณ 3,000 ไร่
  • เขาตัดสินใจทำโรงแรม แต่ไม่มีเชนไหนอยากบริหาร เพราะไม่เห็นโอกาสที่จะทำกำไร ธนาคารก็ไม่ปล่อยกู้ จนกระทั่งโรงแรมดุสิตธานีที่อยากขยายสาขาออกนอกกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกรับปากที่จะช่วยบริหาร โดยมี คุณชนินทธ์ โทณวณิก คนหนุ่มรุ่นเดียวกับ KP รับบทแม่ทัพ ดุสิตธานีเลือกที่ดินริมทะเล โรงแรมเชอราตันตามมาด้วยเงื่อนไงว่าขอร่วมทุนและขอที่ริมทะเลเช่นกัน ที่แปลงสุดท้ายซึ่งไม่ติดทะเลไม่มีใครเอา KP จึงตัดสินใจทำโรงแรมของตัวเองด้วยวิธีคิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน คือเป็นพูลวิลล่าทุกหลังแห่งแรกของไทย จึงเกิดเป็นโรงแรม Banyan Tree แล้วขยายสาขาไปที่มัลดีฟส์ เป็นก้าวแรกของชีวิตนักการโรงแรมที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งของโลก
  • เขาระดมปลูกต้นไม้จนเหมืองเก่าแห่งนี้กลับมาเป็นพื้นที่สีเขียว ที่ธรรมชาติฟื้นคืนอีกครั้ง ได้รับรางวัลด้านการพัฒนาพื้นที่มากมาย
KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก
  • ผมนัดสัมภาษณ์ KP ที่บันยันทรี ภูเก็ต เมื่อใกล้ถึงเวลานัด GM และพนักงาน 10 กว่าคนมายืนรอรับเขาที่หน้าตึก เหมือนขบวนแขกระดับ VVIP กำลังจะมา ไม่นานนักเขาก็ขับรถมาสด้า CX-8 ผ่านหน้าพวกเราไปจอดในลานจอดรถ แล้วเดินกลับมาทักทาย
  • “คุณแปลกใจที่ผมขับรถเองเหรอ ผมยังไม่แก่นะ” KP ในวัย 71 ปีทักทาย “ส่วนใหญ่ผมขับรถเอง ผมมี BMW เก่าคันหนึ่งเป็นรถสปอร์ต ส่วนใหญ่ผมขับมาสด้า ปีที่แล้วผมซื้อรถมินิมือสองอายุ 7 ปีมาคันหนึ่งจากกรุงเทพฯ ผมก็ขับมาที่นี่เองกับภรรยา สนุกดีนะ ผมชอบขับรถ”
KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก

ทำหนังสือพิมพ์

“ทุกอย่างที่คุณทำจะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ นั่นคือสิ่งสำคัญของชีวิตที่ผมได้เรียนรู้ตอน 9 ขวบ ไม่ว่างานอะไรก็ตาม ไม่มีทางที่จะทำให้คนชอบ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นอย่ากังวลถ้ามีคนไม่ชอบงานของคุณ แค่ทำในสิ่งที่ถูกต้องก็พอ ตอนนั้นพวกเราทำหนังสือพิมพ์กันเองด้วยความสนุก อย่าพยายามทำให้มันป๊อปปูลาร์ จงเป็นสิ่งที่คุณเป็น อย่าเป็นเหมือนนักการเมืองที่พยายามหาเสียงด้วยการทำสิ่งบ้า ๆ ไร้ความรับผิดชอบ คุณทำให้ทุกคนชอบคุณไม่ได้ แต่ทำให้ทุกคนยอมรับคุณได้ ผมไม่ได้อยากให้ทุกคนชอบผม ผมอยากให้ทุกคนยอมรับว่าผมซื่อสัตย์กับตัวเองและทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ซึ่งคุณอาจไม่ชอบ แต่ผมไม่ได้ทำมันอย่างไร้ความรับผิดชอบ ผมหวังว่าคนจะมองว่าผมคือคนที่พยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง”

KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก

ชีวิตนักเรียน

“นักเรียนใน ISB เกือบทั้งหมดเป็นอเมริกัน ทุกอย่างเป็นวัฒนธรรมอเมริกัน ผมที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเอเชียเลยไม่สนุกเลย เด็กผู้หญิงจะมองคุณเหมือนขี้ เด็กผู้หญิงฝรั่งชอบผู้ชายฝรั่ง ส่วนเด็กผู้หญิงเอเชียก็ชอบผู้ชายฝรั่ง ในวิชาพละเมื่อแบ่งทีมซอฟต์บอล ผมคือคนที่ทั้ง 2 ทีมพยายามโยนให้อีกทีม เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการที่สุด ผมจะได้ยืนในจุดที่ไกลที่สุดในสนาม ไม่มีทางได้บอล ผมโตมากับสิ่งรอบตัวที่ดีมาก แต่ผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้นเลย ผมเลยหันไปตั้งใจเรียน ผมเรียนดีมาก อ่านหนังสือเยอะ เขียนหนังสือ เขียนบทกวี เอามาเล่าตอนนี้มันก็ตลกดี เพราะผมประสบความสำเร็จกว่าเพื่อน ๆ ในรุ่น ยกเว้น บิล ไฮเนคกี้ (วิลเลียม อี. ไฮเนคกี้ ผู้ก่อตั้งเครือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)) เขาแก่กว่าปีหนึ่ง เขาเรียนเก่งมาก ประสบความสำเร็จสุด ๆ”

สงครามเวียดนาม

“ผมเข้าร่วมการต่อต้านสงครามเวียดนามเพราะมันเป็นสงครามในเวอร์ชันของอเมริกันโดยสิ้นเชิง ในโรงเรียน ISB มีแต่เด็กที่เป็นลูกทหารอเมริกัน ผมคิดว่าอเมริกันทำสิ่งที่ถูกต้องคือพิทักษ์โลก คนไทยในยุคนั้นก็น่าจะคิดแบบเดียวกัน เพราะเราได้รับการโฆษณาชวนเชื่อจากสหรัฐฯ พอเวลาเปลี่ยนไป มุมมองผมก็เปลี่ยนไป ประวัติศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าการต่อต้านสงครามเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่นี่เป็นสงครามเรื่องชาตินิยม เวียดนามต้องการรวมประเทศ ไม่ใช่เรื่องที่คอมมิวนิสต์จะมายึดเมืองไทยหรือครองโลกอย่างที่อเมริกันบอก ซึ่งตอนนี้ก็พูดแบบเดียวกันกับจีน เรารู้ว่าจีนอยากมีพลัง อยากให้ชาติรอบ ๆ ยอมรับ แต่จีนไม่ได้คิดจะยึดครองโลก”

ประธานนักเรียน

“ช่วงนั้นกระแสต่อต้านสงครามเวียดนามรุนแรงมาก ผมทำกิจกรรมต่อต้านสงครามเยอะ เพื่อน ๆ เลยผลักให้ผมลงรับเลือกตั้ง แล้วก็ได้ ผมทำอะไรหลายอย่าง ผมตั้ง ‘ศาลนักเรียน’ ถ้านักเรียนทำผิด ครูต้องส่งมาให้ศาลนักเรียนตัดสินเอง มันคือแนวคิดของการปกครองครองตัวเอง ซึ่งได้มาจาก Prague Spring ปี 1968 พอผมเรียนจบ ปีต่อมาโรงเรียนก็ยกเลิกสิ่งนี้”

KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก

ตั้งคำถาม

“พ่อแม่ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกว่าอยู่ใต้ร่มเงาของเขา ไม่เคยเลย ผมอยากทำอะไรก็ได้ ตอนนี้แม่ผมอายุ 100 กว่าปีแล้ว เธอได้รับการศึกษาอย่างดี เป็นนักเขียน 2 ภาษา ตั้ง บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) มากับพ่อ พ่อเป็นคนจีนโพ้นทะเลที่เงียบ ๆ ไม่พูดมาก น่านับถือ รักครอบครัว ผมโตมากับการที่แม่พยายามชวนให้ผมคิด โต้แย้ง ตั้งคำถาม ผมก็ทำแบบนั้นกับลูก เวลาเพื่อนลูกมาบ้านเขางงมาก เพราะตลอดมื้ออาหาร ผมจะชวนเขาตอบคำถามประเภทว่า พระเจ้ามีจริงไหม ผมโตมาแบบนั้น ไม่มีความกดดันที่ต้องประสบความสำเร็จหรือต้องรวย มีแค่กดดันว่าต้องคิดกับทุกเรื่อง อย่าโง่ไปเชื่อบางอย่างเพราะคนอื่นบอกว่าเป็นแบบนั้น”

KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก

พ่อแม่

“แม่ผมโตมากับการมีส่วนร่วมทางการเมืองเยอะมาก ช่วงปี 1920s ก็ปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อร่วมกับกองทัพไปสู้กับญี่ปุ่น ช่วงปี 1930s พ่อกับแม่ก็เคยร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สหรัฐฯ แต่พวกเขาไม่อยากอยู่สหรัฐฯ เขาอยากกลับไปพัฒนาประเทศจีน แต่ตอนนั้นจีนปิดประเทศแล้ว เลยมาอยู่ประเทศไทยแทน ตอนที่ผมโดนจับเพราะร่วมประท้วงในสหรัฐฯ หรือติดคุกที่สิงคโปร์เพราะวิจารณ์รัฐบาล พ่อแม่ไม่เคยว่าอะไรเลย บางทีเขาอาจจะภูมิใจในตัวผมที่ผมก็เป็นเหมือนเขาตอนเด็ก ๆ”

โดนจับที่สหรัฐอเมริกา

“เมื่อมองย้อนกลับ ผมเรียนรู้ว่าผมอาจไปไกลเกินไป ซึ่งผมโชคดีมาก เพราะเพื่อนสนิทผมเลยเถิดไปไกลกว่าผมเยอะ ผมอายุ 19 ปี มีวัยรุ่นจำนวนมากร่วมประท้วง บางคนโชคร้ายโดนจับ บางคนติดคุกสองปี ตอนที่คุณเด็กมาก ๆ และเต็มไปด้วยอุดมการณ์ คุณจะไม่ยอมรับว่าคุณกำลังถูกหลอกใช้เพราะคุณคิดว่าตัวเองฉลาด พอมองย้อนกลับไป ผมโดนหลอกใช้โดยกลุ่มอเมริกันหัวรุนแรง เขามองว่าผมเป็นเด็กเอเชียที่โตในไทย เหมาะจะพูดเรื่องสงครามเวียดนาม เลยผลักให้ผมขึ้นไปพูด มันมีเรื่องราวมากมายอยู่เบื้องหลัง”

อุดมการณ์

“ไม่ว่าอุดมการณ์ของคุณจะเป็นอย่างไร เมื่อเรียนจบแล้วมันยากที่จะอยู่กับอุดมการณ์ เพราะคุณต้องหางาน แต่งงาน มีลูก คุณต้องไม่ทิ้งอุดมกาณ์ที่จะเปลี่ยนโลกเมื่อคุณยังเด็ก ผมมีเพื่อนชาวอเมริกันมากมายที่ตอนนี้อายุ 70 แล้ว เป็นอาจารย์ เป็นนักธุรกิจ มีชีวิตที่มั่นคง แต่พวกเขาก็ยังทำในสิ่งที่เชื่อเมื่อตอนเด็ก ผมกับภรรยาก็เหมือนกัน ทุกอย่างที่ผมทำที่บันยันทรีเป็นเรื่องพื้นฐานมากอย่างเรื่องความยั่งยืน การพัฒนาทางเศรษฐกิจ สิ่งที่ผมอยากจะบอกเด็กในยุคนี้ คืออย่าเปลี่ยนอุดมการณ์ของคุณ แต่ความหมายของคุณที่มีต่ออุดมคตินั้นต้องเปลี่ยนตลอดเวลา และระวังอย่าถูกใครหลอกใช้”

ติดคุกที่สิงคโปร์

“ผมเขียนวิจารณ์การเมืองสิงคโปร์ เลยโดนจับติดคุกข้อหาเป็นคอมมิวนิสต์ คนที่จับผมบอกว่าเขารู้ว่าผมไม่ใช่คอมมิวนิสต์ แต่เขาต้องจับผมเพราะผมเป็นคนหนุ่ม เขาอยากทำให้วัยรุ่นคนอื่นกลัว ผมต้องสารภาพผ่านโทรทัศน์ ผมต้องเขียนบทความสารภาพ ช่วงนั้นผมยังเรียนมหาวิทยาลัย เขาให้ออกมาสอบได้ ผมได้คะแนนท็อปของรุ่น เพราะอยู่ในคุกผมอ่านหนังสืออย่างเดียว เลยเป็นเรื่องตลกที่ผมชอบแนะนำคนอื่นว่า ถ้าอยากได้คะแนนดี ต้องลองติดคุก

“เรื่องที่ผมติดคุกเป็นข่าวใหญ่ ครอบครัวของแฟนผมบอกว่าให้เลิกกับผมซะ แต่แฟนผมกับครอบครัวผมเลือกยืนข้างผม ตอนนั้นพ่อผมเป็นทูต เป็นเพื่อนกับนายกรัฐมนตรี มีคนรู้จักมากมาย ถ้าเป็นพ่อแม่คนอื่นคงตะโกนใส่หน้าผมว่าทำให้เขาเสียชื่อเสียง แต่พ่อไม่เคยว่าผม เขาอยู่ข้างผมเสมอ พอถูกปล่อยตัว ผมขอแฟนแต่งงาน ไม่ค่อยโรแมนติกเท่าไหร่ ผมบอกเธอว่าตอนที่ผมถูกจับ เธอไปเยี่ยมผมไม่ได้เพราะยังไม่ได้แต่งงานกัน ถ้าแต่งงานแล้วผมติดคุกอีก เธอจะได้ไปเยี่ยมผมได้”

KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก

Crazy Rich Asians

“ผมเกลียดหนังเรื่องนี้ มันสนุกดีนะ แต่ทำให้คนเข้าใจผิดว่าคนรวยชาวเอเชียเป็นแบบนั้น ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ลูกผมก็ไม่ได้โตมากับอะไรที่ใกล้เคียงแบบนั้นเลย ไม่ได้มีของเล่นเป็นซูเปอร์คาร์ ไปปาร์ตี้ทุกคืน คนไทยรวย ๆ ที่ไม่ได้เป็นแบบนั้นก็เยอะนะ ระหว่างเรียนที่สิงคโปร์ผมทำงานเป็นนักเขียนอิสระเพราะอยากได้เงิน ผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน ผมอยู่ห้องเช่าเล็ก ๆ ต้องหาเงินมาจ่ายค่าเช่า ผมไม่อยากขอเงินพ่อแม่แล้ว ผมอยากพิสูจน์ตัวเอง อยากเป็นอิสระ ผมเคารพพ่อแม่นะ เขาก็อดทนกับผมมาก ผมบอกเขาว่าไม่ต้องให้เงินผม ถ้าให้ผมก็จะเอาไปทิ้ง ตอนนั้นผมสุดโต่งมาก ตอนผมคบกับแฟน แฟนผมไม่รู้ประวัติผม เธอรู้ตอนที่ผมพาไปรู้จักพ่อแม่ที่บ้าน เธอบอกว่าถ้ารู้ก่อนเธอจะไม่คบกับผมแน่นอน เพราะเธอคิดว่าผมคงเป็นไฮโซที่ใช้ชีวิตไร้สาระไปวัน ๆ แบบ Crazy Rich Asians แต่สุดท้ายเธอก็ให้อภัยที่ผมปกปิดเธอมาตลอด”

คนท้องถิ่น

“ที่ Far Eastern Economic Review ฮ่องกง ผมได้เงินเดือนน้อยมาก ผมทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ เขียนดีมาก เขียนดีกว่าฝรั่งอีก แต่กลับให้เงินเดือนฝรั่งเยอะมาก ผมไม่ได้ต่อต้านฝรั่ง แต่เชื่อว่าคนท้องถิ่นทำงานดีไม่แพ้ฝรั่ง GM โรงแรมผม (บันยันทรี ภูเก็ต) เป็นคนภูเก็ต เขาเริ่มทำงานกับเราตั้งแต่ปี 1994 ในตำแหน่งพนักงานต้อนรับ แต่ตอนนี้เขาบริหารโรงแรมให้ประสบความสำเร็จได้ คุณไก่ (นพรัตน์ อำภา) GM ของเราที่บันยันทรี กรุงเทพ เป็นผู้หญิงชาวไทยคนแรกที่ได้บริหารโรงแรมห้าดาวในกรุงเทพฯ เธอได้รางวัลในฐานะ GM มากมาย ผมภูมิใจกับเธอมาก คนท้องถิ่นก็มีความสามารถ ไม่ใช่อะไร ๆ ก็ต้องฝรั่งก่อน”

Banyan Tree

“3 ปีที่ผมอยู่ที่เกาะลัมมา ไม่ใช่ช่วงเวลาลำบากที่สุดในชีวิต แต่เป็นช่วงเวลาโรแมนติกที่สุดในชีวิต ผมมีเงินเดือนแต่ไม่มาก ถ้าผมอยากรักษาหน้า อยากใช้ชีวิตในมาตรฐานเดียวกับคนอื่น แล้วเลือกไปอยู่ย่านแพง ๆ ที่ฝรั่งอยู่ ผมคงใช้ชีวิตอย่างลำบาก แต่ผมเลือกไปอยู่เกาะลัมมาที่มีแต่ชาวประมง ผู้คนน่ารักมาก สำหรับคู่รักหนุ่มสาวที่ยังไม่มีลูกมันโรแมนติกมาก เราทำทุกอย่างเอง ผมใช้ลวดมัดไม้ให้เป็นเตียง ทำเฟอร์นิเจอร์เอง เราอยู่ตรงที่เรียกว่าอ่าวต้นไทร (Banyan Tree Bay) ตอนที่ผมสร้างโรงแรมบันยันทรีขึ้นมา มันไม่ใช่เรื่องความหรูหรา แต่มันเป็นเรื่องการพัฒนาย่านที่ยากจน พัฒนาคน ผมเล่าเรื่องนี้ทุกครั้งตอนปฐมนิเทศพนักงานใหม่ คุณค่าของบันยันทรีไม่ใช่ความหรูหรา แต่เป็นความโรแมนติกของคู่หนุ่มสาวที่มีความรักและสร้างความมหัศจรรย์ของตัวเองขึ้นมาได้”

KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก

แบรนด์

“สิ่งที่ผมได้เรียนรู้และส่งผลกับงานผมทุกวันนี้ คือถ้าคุณต้องสืบทอดธุรกิจ คุณต้องหาความพิเศษให้เจอ ซึ่งมันมี 2 อย่าง หนึ่ง คุณเป็นเจ้าของเทคโนโลยี สอง คุณเป็นเจ้าของแบรนด์ ผมไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ ผมเลยเลือกเป็นเจ้าของแบรนด์ เราค่อนข้างประสบความสำเร็จกับการเป็นโรงงานรับจ้างผลิต ซึ่งมันยากมากที่จะอยู่รอดในระยะยาว เพราะทุกครั้งที่ต่อสัญญาเขาจะบีบให้ลดราคาลงตลอด หรืออยู่ดี ๆ ก็ย้ายไปผลิตที่อินโดนีเซียเพราะต้นทุนถูกกว่า ผมบอกตัวเองตอนเริ่มต้นทำธุรกิจว่าผมจะสร้างแบรนด์ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ ผมไม่ได้อยากเป็นเจ้าของโรงแรม แต่อยากสร้างแบรนด์โรงแรมระดับโลก”

นวัตกรรม

“เราเป็นโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่ทุกห้องมีสระน้ำของตัวเอง และทำสปาในสวนเขตร้อนเป็นครั้งแรก นวัตกรรมไม่ใช่เรื่องโรแมนติกที่มีไอเดียหล่นลงมาจากฟ้า แต่มันต้องตอบสนองความต้องการเสมอ ผมไม่อยากเสียเงินมาก เลยไม่ทำโรงแรมขนาด 300 ห้อง ทำแค่วิลล่า 25 ห้อง ซึ่งตอนนี้ขยายเป็น 200 กว่าห้องแล้ว เราไม่มีหาด จะแข่งกับโรงแรมอื่นยังไง ก็ต้องทำให้แขกทุกคนมั่นใจว่าจะมีสระของตัวเอง

“แค่นั้นยังไม่พอ ผมไม่เคยเข้าสปามาก่อนในชีวิต ผมจ้างที่ปรึกษามาทำสปา เขาบอกว่าที่นี่ร้อนเกินไป ไม่มีน้ำพุร้อน สปาประเภทเดียวที่เหมาะคือสปาสไตล์ยุโรป ถ้าเราพยายามจะเป็นเบอร์ 2 เราจะไม่มีทางเป็นเบอร์ 1 เราไม่มีคุณสมบัติที่จะทำสปาแบบยุโรปเลย ทำไมถึงไม่ใช้วัฒนธรรมที่สวยงามแบบเอเชียล่ะ เอเชียมีประวัติศาสตร์การนวดและสปามากมาย เราก็ทำแบบนั้น นวดบนเตียงสไตล์เอเชีย พนักงานถอดรองเท้า มันคือการแสดงความเคารพแบบคนเอเชีย เพราะเชื่อว่ารองเท้าสกปรกว่าเท้า เข้าบ้านใครก็ต้องถอดรองเท้า แต่ฝรั่งเท้าเหม็นเขาถึงใส่รองเท้า ที่ปรึกษาผมขอลาออก เพราะรับไม่ได้ที่จะทำสปาที่ไม่ถูกสุขลักษณะเนื่องจากคนนวดถอดรองเท้า ผมเลือกสปาสไตล์สวนเขตร้อน เอาสปาไปไว้ในสวน เป็นสปาแห่งแรกที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ มาถึงเราจะให้แขกอาบน้ำเย็นก่อน แล้วก็นวดในสวนฟังเสียงนกไปด้วย ผมว่ามันโรแมนติก แขกก็ชอบกันมาก”

การบริหารโรงแรม

“ความสำเร็จในการบริหารโรงแรมของผมมี 2 เรื่อง คือเรื่องลูกค้า กับเรื่องการบริหารจัดการ เราเชื่อในความรู้สึกที่มีต่อสถานที่ (Sense of Place) แบรนด์โรงแรมยุโรปเน้นเรื่องคุณภาพการบริการและมาตรฐาน ส่วนแบรนด์อเมริกันเน้นการมีมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าไปสาขาไหนก็เจอโรงแรมแบบเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องสร้างเอกลักษณ์ของโรงแรมแต่ละแห่ง ผมคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อสถานที่สำคัญ ไม่ว่าคุณไปบันยันทรีที่ประเทศไหน ก็จะได้ความรู้สึกของประเทศนั้น
“แมริออทมีพนักงานครึ่งล้านคน ทั้งหมดอยู่ภายในระบบแบบอเมริกัน เรามีพนักงาน 15,000 คน 50 สัญชาติใน 25 ประเทศ เราพยายามทำให้พนักงานทุกคนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร มีการฝึกอบรมแบบออนไลน์ จับกลุ่มพนักงานจากหลายประเทศให้ทำโปรเจกต์ร่วมกัน เพื่อสร้างความเป็นบันยันทรี การที่พนักงานรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของบันยันทรีนี่แหละที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ”

KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก

พนักงาน

“ผมชอบคุยกับพนักงาน ผมต้องคุยกับเขา ทุกคนรู้ว่าผมคือ เคพี โฮ เป็นเจ้าของลากูน่าภูเก็ต เจ้าของบันยันทรี มันมีช่องว่างที่ใหญ่มากระหว่างผมกับพนักงาน ผมอยากให้กำลังใจเขา ผมก็แค่เริ่มต้นจากการคุยเรื่องงานของเขา ไม่ได้ใช้อะไรเลยนอกจากความอยากรู้อยากเห็น ผมเห็นพนักงานกำลังเตรียมอาหาร ผมก็จะขอบคุณที่เขาทำอาหารให้ แล้วก็ถามว่าเขาทำยังไง ทำยังไงให้อาหารยังสด มันทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากคนอื่นตลอดเวลา”

การให้เกียรติคนอื่น

“ผมสอนลูกตลอดว่าผมเกลียดการที่เราทำให้พนักงานไม่มีตัวตน คุณกำลังกินข้าวอยู่แล้วมีพนักงานเดินมารินน้ำให้ คุณก็ไม่สนใจเขา เดินในล็อบบี้แล้วพนักงานไหว้ คุณไม่จำเป็นต้องไหว้ตอบก็ได้ แต่ต้องไม่ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน ไฮโซชาวไทยจำนวนมากเป็นแบบนั้น ทำแบบนั้นตลอดเวลา ถ้าผมกินข้าวอยู่แล้วมีพนักงานถามว่าเอาไวน์ไหม ผมจะไม่ทำแค่ยกมือ แต่จะหันไปสบตาเขา แล้วบอกว่าไม่เอา ขอบคุณ ปฏิบัติกับเขาให้เหมือนเขาเป็นมนุษย์ที่มีตัวตนคนหนึ่งที่กำลังจะทำอะไรบางอย่างให้ผม ผมสอนลูกว่าเราต้องให้เกียรติคนอื่นอย่างที่เราสมควรจะได้รับจากคนอื่น เวลามีคนไหว้คุณ คุณก็แค่รับไหว้ หรือจะไหว้เขาก่อนก็ได้ มันเป็นสิ่งง่าย ๆ ที่คนส่วนมากพยายามจะลืมมัน บางครั้งคุณอาจเป็นคนดีมาก ๆ แต่พอคุณทำตัวแบบนี้ คนอาจคิดว่าคุณเป็นไฮโซผู้เย่อหยิ่ง คุณต้องแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้เป็นแบบนั้น”

การแต่งตัว

“ภรรยาผมเกลียดชีวิตแบบไฮโซ เธอไม่เคยซื้อเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับที่เป็นแบรนด์เนมเลยสักชิ้น แต่เธอเป็นคนดังในสิงคโปร์ที่ได้รับการยอมรับว่าแต่งตัวดีมาก เวลาเราไปช้อปปิ้งในภูเก็ต เราไม่ได้ไปเซ็นทรัลนะ เราไปที่โลตัส คุณต้องไม่เชื่อแน่ ๆ เธอซื้อเสื้อตัวละ 250 บาท แต่ใส่แล้วดูเหมือน Hermès เธอสายตาคมมาก ใช้เวลาเลือกแป๊บเดียว รู้วิธีแต่งตัว เธอชอบชุดนี้ ราคา 250 บาท แล้วมันจะมีปัญหาตรงไหน ผมกับเธอเชื่อในสิ่งเดียวกัน ผมก็ใส่ UNIQLO บางคนใส่เสื้อผ้าแพง ๆ เพราะไม่มั่นใจในตัวเอง แต่ถ้าเรามั่นใจ แบรนด์เนมก็ไม่จำเป็น ผมกับภรรยาไม่ได้อยากแต่งตัวให้ดูราคาถูกนะ เราเชื่อว่าต้องแต่งตัวดี ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ได้รับการยอมรับจากคนอื่น ผมก็สอนลูกแบบนั้น ผมไม่ให้ลูกใส่รองเท้าแตะไปเดินห้าง เพราะคนอื่นจะไม่ยอมรับคุณ คุณต้องแต่งตัวให้ดี มันคือการบ่งบอกถึงตัวคุณ คือการให้เกียรติตัวเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ของแพง”

ครอบครัว

“ครอบครัวสำคัญกับผมมาก ๆ ในหลายระดับ ระดับแรก นี่คือกลุ่มคนที่จะอยู่กับผมไปทั้งชีวิต เพื่อนก็สำคัญนะ แต่ครอบครัวสำคัญที่สุด ระดับที่ 2 ผมไม่ได้ทำงานเป็นซีอีโอของบริษัทแห่งชาติ แต่ผมทำงานกับธุรกิจครอบครัว เรื่องงานกับเรื่องครอบครัวอาจเป็นเรื่องเดียวกัน สำหรับผม ครอบครัวไม่ใช่แค่คนที่อยู่ด้วยกันหรือเกี่ยวดองกัน แต่ต้องแชร์คุณค่าอะไรบางอย่างร่วมกัน พนักงานที่ทำงานกับบันยันทรี ใส่ใจบันยันทรี ผมก็รู้สึกว่าเขาคือครอบครัวของผม”

KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก

ธุรกิจครอบครัว

“การรักษาสมดุลระหว่างครอบครัวกับธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมกับภรรยาใกล้ชิดกันมาก คุยกันได้ทุกเรื่อง ผมพูดถึงธุรกิจของเธอ เธอพูดเรื่องงานของผม เราคุยกันเรื่องลูก ๆ เมื่อเราคุยเรื่องเดียวกันได้ จึงเป็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและแข็งแรงมาก แต่ถ้าขยับขึ้นไปอีกระดับ มันจะน่ากลัวมาก เพราะคุณจะทะเลาะกัน ถ้าคุณกับภรรยาทำงาน เวลาคุยเรื่องงาน คุณก็แค่ฟังเธอ เธอก็ฟังคุณ มันดีมาก แต่ถ้าอยู่ในธุรกิจเดียวกัน บริษัทเดียวกัน หรือทำธุรกิจด้วยกัน มุมหนึ่งก็ใกล้ชิดกันดี แต่อีกมุมมีโอกาสที่จะทะเลาะกัน เพราะเราอาจใส่อารมณ์กับเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องใช้อารมณ์ วิธีรักษาสมดุลคือผมมีพื้นที่ของผม เธอมีพื้นที่ของเธอ เราจะไม่ไปก้าวก่ายกันมาก”

ทำธุรกิจกับลูก

“ทำงานกับลูกง่ายกว่าทำงานกับภรรรยา เมื่อลูกอายุ 30 – 40 เขาควรถูกฝึกให้เตรียมรับช่วงต่อ ถ้าพ่อหรือลุงยังมองว่าเขาเป็นเด็ก เขาก็จะกระอักกระอ่วนเพราะไม่มีที่ทางของตัวเอง คนรุ่นแรกรักธุรกิจมากเพราะเขาสร้างมันขึ้นมา ภูมิใจกับมันจนไม่ปล่อยมือ เพราะคิดว่าคนรุ่นต่อไปจะทำลายมัน ผมมองว่า ถ้าคุณสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ดี แต่ไม่รู้วิธีวางมือ คุณนั่นแหละจะทำลายทุกอย่างที่คุณสร้างขึ้นมา พอคุณอายุ 80 คุณก็ต้องวางมือ ถ้าคุณวางมือเมื่อตาย คนที่มาสานต่อจะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน คุณจะไม่มีโอกาสได้แนะนำเขา ถ้าคุณบริหารจนตายก็รับประกันความล้มเหลวได้เลย ผมปล่อยมืองานจำนวนมากให้ลูกทำ เป็นงานที่ผิดพลาดได้ เขาจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดเล็ก ๆ เหล่านั้น”

วัย 70 ปี

“วัย 70 ไม่มีอะไรต่างไปจากวัย 60 นะ ตอนผมอายุ 60 มีโรงแรมอยู่ 60 แห่ง ตอนนี้มีเพิ่มเป็น 70 แห่ง ชีวิตที่เหลือก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปนัก ผมยังทำงานเยอะ ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม การเล่นกับการทำงานมันเป็นเรื่องเดียวกัน การทำงานคือชีวิตของผม ถ้าผมทำงานน้อยลงผมจะตาย (หัวเราะ) งานที่ผมทำตอนนี้คือเรื่องเกี่ยวกับโรงแรมในภูเก็ต ผมเดินทางไปแค่กรุงเทพฯ สิงคโปร์ ภูเก็ต ผมไม่ได้เดินทางไปดูโรงแรมทั่วโลกแล้ว งานที่ผมทำก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับการบริหารโรงแรมแล้ว”

ทำอาหาร

“ผมทำอาหารให้ภรรยาทุกเช้า บางวันก็ทำอาหารเย็นกินกันที่บ้าน มันเป็นอาหารง่าย ๆ บ้านเราไม่มีแม่ครัว มีแม่บ้านมาทำความสะอาดทุก 3 วัน ผมซื้อของเข้าบ้านเอง จ่ายตลาดเอง ผมชอบทำอาหาร ผู้ชายจำนวนมากคิดว่าการทำอาหารไม่ใช่งานของผู้ชาย นั่นเป็นความคิดที่ไม่ฉลาดเลย ผมไม่ได้คิดว่าต้องทำอาหารแฟนซี ผมทำอาหารง่าย ๆ เพื่อความสนุก ลูกชายคนเล็กของผมก็ทำอาหารได้”

KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก

ลี กวนยู

“ผมเจอเขาบ่อย ทำงานร่วมกับเขาหลายอย่าง เขาให้ผมเป็นผู้บริหารหลายหน่วยงานในสิงคโปร์ มีคนถามว่าทำไมผมถึงทำงานกับคนที่จับผมเข้าคุก ที่ผ่านมาเขาไม่เคยขอโทษผม ไม่เคยบอกว่าเขาทำผิดพลาด เขาพูดสั้น ๆ แค่ เขาต้องทำในสิ่งที่เขาต้องทำ ผมรู้ว่าเขารู้ว่าเขาทำพลาด แต่เขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเขาเอง แต่เขาต้องทำเพราะมันคือสิ่งที่ถูกต้องในขณะนั้น”

การสร้างคน

“ถ้าอายุมากกว่านี้ ผมคงทำโปรเจกต์เล็ก ๆ ที่จะส่งต่อสิ่งดี ๆ มันไม่ใช่เรื่องของการสร้างอาคาร แต่เป็นการสร้างคน ที่นี่เราทำครัวฟรีเลี้ยงพนักงานมา 35 ปีแล้ว แล้วเราก็ทำโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติ สอนเป็นภาษาอังกฤษ เปิดมาได้ 3 – 4 ปีแล้ว เพราะพนักงานของเราอยากส่งลูกเรียนอนุบาลอินเตอร์ จะได้เรียนภาษาและเล่นกับเด็กฝรั่ง ถ้าเป็นลูกพนักงานของเราเรียนฟรี ถ้าเป็นฝรั่งต้องจ่ายเงิน เวลาไปในภูเก็ตเราก็จะเจออดีตพนักงานของเรามาคุยด้วย ผมเพิ่งขึ้นแท็กซี่กับภรรยา คนขับบอกว่าเขาเคยทำงานซักรีดกับเราเลยมีเงินซื้อบ้าน ซื้อรถมาขับแท็กซี่ เขาขอบคุณบันยันทรี ไม่ได้ขอบคุณผมนะ เราสร้างคนมากมายตลอดเวลา 30 ปี”

ผู้นำ

“ก่อนจะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันหมด คือการเป็นผู้นำทางความคิด จะเป็นเรื่องการเมืองหรือวิทยาศาสตร์ก็แล้วแต่ ถ้าคุณไม่มีความคิดออริจินอลของตัวเอง คุณจะเป็นได้แค่ผู้นำแบบ โดนัลด์ ทรัมป์ คือเป็นผู้นำเพราะปลุกเร้าผู้คนได้ ผู้นำที่แท้จริงคือคุณมีแนวคิดของตัวเองที่คนอื่นคิดว่ามันถูกต้อง แล้วอยากร่วมด้วยเพราะคิดว่าคุณคือผู้นำ”

ทำไม

“แม่สอนให้ผมตั้งคำถามกับทุกอย่าง อย่าเพิ่งเชื่อ ตอนเด็ก ๆ ผมตั้งคำถามจนโดนครูไล่ไปอยู่ในชั้นที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรในชีวิตผมจะเริ่มจากการตั้งคำถาม ไม่ว่าความสำเร็จอะไรผ่านเข้ามา ผมก็ตั้งคำถาม ผมตั้งชื่อหนังสือว่า Asking why เราทุกคนควรถามว่า ทำไม ไม่ได้หมายความว่าเราควรขบถหรือถามเพื่อต่อต้านทุกอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธมัน แค่ต้องถามว่า ทำไม อย่างเช่น หลายคนนับถือศาสนาพุทธเพราะพ่อแม่นับถือพุทธ เกิดมาก็เป็นพุทธ เลยไม่สนใจศาสนาอื่น ไม่สนใจศาสนาพุทธด้วย ถ้าเราตั้งคำถามว่า ทำไมเราต้องนับถือศาสนาพุทธ เราจะศึกษาทุกศาสนา เมื่อสรุปว่าเราเชื่อศาสนาพุทธที่สุด คุณจะเข้าใจศาสนาพุทธลึกซึ้งขึ้นมาก ผมนับถือศาสนาพุทธด้วยเหตุผลนั้น”

KP Ho นักข่าวผู้อินการเมือง ติดคุก 2 ครั้ง สู่เจ้าของ Banyan Tree มี 71 โรงแรมทั่วโลก

Writer & Photographer

ทรงกลด บางยี่ขัน

ทรงกลด บางยี่ขัน

ตำแหน่งบรรณาธิการโดยอาชีพ เป็นนักเดินทางมือสมัครเล่น แบ่งเวลาไปสอนหนังสือโดยสมัครใจ และชอบจัดทริปให้คนสมัครไป