10 ธันวาคม 2022
6 K

เมื่อบอกใครต่อใครว่าจะไปศรีลังกา มิตรสถาปนิกและคนรักสถาปัตยกรรมทั้งหลายต่างหันขวับ แล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไปดูงานของ Geoffrey Bawa ให้ได้นะ”

ครั้งแรกที่เราได้ยินชื่อ เจฟฟรีย์ บาวา คือเมื่อไปสัมภาษณ์สถาปนิกภูเก็ตเมื่อหลายปีก่อน เขาเล่าว่านี่เป็นชื่อสถาปนิกในดวงใจ เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานออกแบบอาคารที่แอบอิงกับธรรมชาติเขตร้อน 

จากเกาะที่ได้ชื่อว่าไข่มุกทะเลอันดามัน เราข้ามมาเขียนเรื่องราวในไข่มุกมหาสมุทรอินเดีย ไปที่ไหนก็ได้ยินชื่อบาวาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชาวเกาะซีลอนดูจะภูมิอกภูมิใจกับนักออกแบบคนนี้ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถาปนิกเอเชียผู้ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 บิดาแห่งทรอปิคัลโมเดิร์นมีตัวอย่างประจักษ์ชัดเป็นอาคารรัฐสภาศรีลังกากลางผืนน้ำ ในกรุงโคลัมโบ

เสียงลือเสียงเล่าอ้างหนาหูขนาด เราจึงไปเยี่ยมเยียนทำความรู้จักผลงานของสถาปนิกสุดเท่ ผู้ผันตัวจากการเป็นนักกฎหมายสู่สถาปนิกเต็มตัวในวัย 38 ผ่านบ้านและสวนของเขา

แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga

บ้านบาวา สวนบาวา

เจฟฟรีย์ บาวา หน้าตาเหมือนชาวตะวันตก ตัวสูงใหญ่กว่า 2 เมตร และรสนิยมการใช้ชีวิตก็เอนเอียงไปทางฝั่งตะวันตก เหตุเพราะเขาเกิดในครอบครัวมั่งคั่งที่มีเชื้อสายยุโรป พ่อเป็นมุสลิมลูกครึ่งฝรั่งเศส แม่เป็นเบอร์เกอร์ (ชาวศรีลังกาที่มีเชื้อสายยุโรป) เชื้อสายดัตช์ เจฟฟรีย์ถูกส่งไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่อายุน้อยเพื่อเรียนกฎหมายตามรอยพ่อ แต่เขารู้ตัวว่าไม่ชอบทางนี้เอาเสียเลย เมื่อเรียนจบ เขาออกเดินทางเที่ยวรอบโลก และผูกใจสมัครรักใคร่อิตาลีถึงขั้นซื้อบ้านและสร้างสวนไว้ที่นั่น 

สุดท้ายเมื่อต้องกลับมาเกาะซีลอน พี่ชายของเขา Bevis Bawa แนะนำให้ซื้อที่ดินสวนยางรกร้างใกล้ Bentota เจฟฟรีย์ตัดสินใจแปลงพื้นที่ริมน้ำให้กลายเป็นสวนอิตาลี โปรเจกต์นี้ปลุกความสนใจในการออกแบบสถาปัตยกรรม จนทำให้เขาบินกลับไปเรียนสถาปัตยกรรมที่ลอนดอนอีกคำรบหนึ่ง และกลับมาทำงานสถาปัตย์ที่บ้านเกิด 

แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga

เจฟฟรีย์ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหมายเลข 11 ตลอด 40 ปี และในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาจะออกไปพักผ่อนและดูแลสวน Lunuganga อาณาจักรบ้านตากอากาศและผลงานชิ้นโบว์แดง ตราบจนเสียชีวิตลงในปี 2003 เมื่ออายุ 83 ปี

บ้านหมายเลข 11

แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga

ทาวน์เฮาส์หมายเลข 11 สุดซอย 33 ถนน Bagatelle อยู่ในเขตพักอาศัยอันเก่าแก่หรูหราของโคลัมโบ เดิมบ้านหลังนี้เป็นบังกะโล 4 หลัง แต่บาวาไล่เช่าทีละน้อยตั้งแต่ปี 1959 และเกลี้ยกล่อมเจ้าของบ้าน Harold Pieris ให้ปล่อยเขาปรับปรุงไปตามเห็นชอบ จนในที่สุดเมื่อผู้เช่าอื่นย้ายออกหมด บาวาซื้อพื้นที่ทั้งหมดในปี 1968 และสร้างอาคารสี่เหลี่ยมสีขาว 3 ชั้นสไตล์ Le Corbusier ไว้ด้านหน้า ด้านหลังเป็นบ้านชั้นเดียวขนาดยาว ซ่อนสวนภายในไว้เป็นหย่อม ๆ

หลังบาวาสิ้นชีพ The Geoffrey Bawa Trust ซึ่งตัวสถาปนิกเองเป็นผู้ก่อตั้ง รับหน้าที่ดูแล House Number 11 ต่อ โดยเปิดทัวร์บ้านสวยเป็นรอบ ๆ ให้เข้าชมทุกวัน และชั้นสองยังเป็นโรงแรมที่สวยวิเศษและคิวยาวเหยียด 

เมื่อแรกมาถึง เราสัมผัสได้ทันทีว่าเจ้าของบ้านเป็นคนสันโดษและเนี้ยบกริบ หน้าบ้านมิดชิดเรียบร้อย เมื่อประตูเปิดออก เราจึงได้เข้าไปเห็นความงามของบ้านซึ่งเผยตัวออกมาทีละส่วน เสมือนเขาวงกตเลี้ยวไปมา ซึ่งนักออกแบบคิดคำนวณเป็นอย่างดีแล้วว่างามทุกมุม 

แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga
แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga

ห้องแรกที่เราเข้าไปเยี่ยมชมคือส่วนบังกะโลที่ 3 ซึ่งเป็นออฟฟิศในบ้าน บาวาเป็นคนมีระบบระเบียบชัดเจน หลังอาหารเช้า เขาจะมานั่งทำงานที่เก้าอี้ตัวเดิมข้างโต๊ะกลมจนถึงเวลาอาหารกลางวัน จุดนี้มีวิดีโอประวัติชีวิตบาวาแบบสั้น ๆ ให้ชม และส่วนหนึ่งของห้องนี้กั้นกระจกติดแอร์ เป็นห้องเก็บผลงานของเขา

จากนั้นเราก็ออกมาที่ทางเข้าหลักหน้าบ้าน โรงรถกว้างขวางมีรถคันโก้จอดอยู่ 2 คัน 1934 Rolls-Royce Phantom II Continental Drophead Coupe ที่บาวาซื้อมาจากอังกฤษ และ 1953 Mercedes-Benz 300 EL-782 Coupe บาวาชอบสะสมรถยนตร์เช่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา และนอกจากรถวินเทจ บริเวณนี้ยังมีงานศิลปะฝีมือเพื่อนฝูงเขาหลายชิ้น ที่โดดเด่นมากคือภาพบาติกลายแสงอาทิตย์ของ Ena de Silva สาดความงามเก๋น่าประทับใจ

ต่อจากโรงรถคือทางเดินสีขาวแคบ ๆ ที่พาไปสู่สวนด้านหลัง โทนสีหลักของบ้านเป็นสีขาว-ดำ และพนักงานทุกคนก็สวมยูนิฟอร์มสีขาว ผู้ดูแลอธิบายว่าเจฟฟรีย์ชอบสีขาวดำมาก ขนาด Leopold สุนัขที่เลี้ยงก็เป็นพันธุ์ดัลเมเชียน ที่นอนของมันก็เป็นเบาะลายขาวดำ เหนือเบาะมีประติมากรรมนกฮูกสีทองของ Laki Senanayake เพื่อนสนิทอีกคนของบาวา 

แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga
แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga

แม้ทุกสิ่งขาวโพลนและไร้เครื่องปรับอากาศ แต่ระบบการระบายลมในทางเดินนี้ดีมาก มีสวนหย่อมเป็นระยะ และมีบ่อน้ำส่งเสียงน้ำไหลเบา ๆ ที่สุดทางเบื้องหลังเสาเจฏฏินาฑ เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างดูน้อยชิ้น แต่คัดสรรรวมดีไซน์ชั้นเลิศจากหลาย ๆ ที่มาไว้อย่างลงตัว 

แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga

เลี้ยวเข้ามาในบ้านซึ่งยังคงรักษาทุกสิ่งไว้ใกล้เคียงยามบาวามีชีวิตอยู่ เป็นจุดห้ามถ่ายภาพ ความน่าสนใจคือทั้งบ้านนั้นโปร่งโล่ง ห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องรับประทานอาหาร ทะลุถึงกันหมด ทั้งบ้านเต็มไปด้วยงานศิลปะ งานดีไซน์ และหนังสือมากมายมหาศาล พื้นที่ส่วนตัวทั้งหมดของบาวาอยู่ที่นี่ ทั้งเก๋เสมือนหลุดจากแคตตาล็อก แต่ก็ยังอบอุ่นแบบบ้านจริง ๆ 

แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga
แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga
ภาพ : geoffreybawa.com/number-11

ที่ไม่น่าจะถูกฮวงจุ้ยเลยแต่เราจำได้ดี คือประตูห้องนอนที่ตรงกับห้องนั่งเล่นเล็ก ซึ่งมีหน้าต่างโลหะสูงจรดเพดาน มองออกไปเห็นต้นไม้ยักษ์ด้านหลัง เรียกได้ว่าถ้าเปิดประตูทุกบาน เมื่อเจ้าของบ้านลืมตาตื่น จะเห็นต้นไม้ร่มรื่นเบื้องหน้าทันที 

เดินถัดมาที่ห้องทานอาหาร โต๊ะกินข้าวอีพ็อกซี่สีขาวทรงล้ำ ๆ ผอมยาว และเก้าอี้ดีไซน์จัดทุกตัว เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นต้นแบบของโปรดักต์ที่บาวาออกแบบให้โรงแรม สิ่งสะกิดใจคือทั้งที่บ้านกว้างขวาง แต่โต๊ะและเก้าอี้บ่งบอกว่าแขกของบ้านนี้ไม่มากนัก

“ใช่ครับ เพื่อน ๆ เขามาทีละ 2 – 3 คน ไม่เกินนี้ ไม่เคยรับแขกทีละมาก ๆ” Rohana วัย 43 ปี หนึ่งในผู้ดูแลบ้านหลังนี้ครุ่นคิดแล้วตอบเสียงเบา เขาทำงานกับบาวาตั้งแต่อายุ 17 คือในช่วง 8 ปีสุดท้ายของสถาปนิก เป็นทั้งคนดูแลและบางครั้งทำอาหาร

“เขาเป็นเจ้านายที่ดี เงียบมาก ชอบดื่มกาแฟ ทำงานตั้งแต่ 8 โมงครึ่งถึง 9 โมงเช้า ยาวไปถึง 6 โมงเย็น แต่บางครั้งก็พักบ้าง” 

Rohana เล่าว่าบาวามีคนดูแลหลายคน โดยเฉพาะช่วงบั้นปลายสุดท้ายซึ่งเคลื่อนไหวไม่ถนัดหลังสโตรก แต่หลังจากสถาปนิกเสียชีวิต เหลือผู้ดูแลไม่กี่คนที่ยังคงทำงานต่อที่นี่ 

เราขึ้นบันไดแคบ ๆ ต่อมาที่ชั้นสอง ผ่านประตูอะลูมิเนียมฉลุลายของ Ismeth Raheem ซึ่งเป็นจุดที่เปิดเป็นโรงแรม และได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูปได้อีกครั้ง ด้านหน้าคือห้องรับแขกกว้างขวางบนยกพื้น ผนังแขวนผ้าลายละเอียดยิบจากบาหลี ห้องนอนด้านในมี 2 ห้อง ซึ่งจองแยกกันมาไม่ได้ เพราะบ้านนี้รับแขกทีละกลุ่มเท่านั้น 

แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga
แกะรอย Geoffrey Bawa สถาปนิกในตำนานของศรีลังกา ที่บ้านหมายเลข 11 และสวน Lunuganga
ภาพ : geoffreybawa.com/number-11-stay

เลี้ยวขึ้นบันไดมาอีกครั้งจะพบสวนบนดาดฟ้าที่ซึ่งบาวาใช้พักผ่อน ในยามชราเขาต่อเติมลิฟต์เพื่อขึ้นมาใช้พื้นที่ชมสวนบนนี้ จุดนี้อยู่ใกล้ทะเล แต่น่าเสียดายที่ตึกสูงบังทิวทัศน์ผืนน้ำไปหมด เหลือแต่ภาพมุมสูงของพื้นที่อยู่อาศัยย่านนี้ มองออกไปยังเห็นสีเขียวและความสงบ 

Rohana เสิร์ฟชาขิงจากกากระเบื้องสีขาว ทัวร์บ้านเจฟฟรีย์ บาวา สิ้นสุดลงที่นี่ 

บ้านหมายเลข 11 เป็นต้นแบบบ้านในฝันที่ยอดเยี่ยม และยังคงร่วมสมัยกับปัจจุบัน สำหรับคนเมืองหลวงที่อยู่บ้านหลังเล็ก ๆ อย่างเรา บ้านนี้ใหญ่มากและร่มรื่นประหนึ่งบ้านตากอากาศ แต่แน่นอน สถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่มีวิสัยทัศน์เรื่องการตากอากาศที่กว้างไกลกว่ามากนัก เราจึงออกเดินทางสำรวจความฝันของเขา ไปอีก 60 กิโลเมตรทางตอนใต้ของโคลัมโบ 

*จองเยี่ยมชมและเข้าพัก House Number 11 ที่ geoffreybawa.com/number-11 

Lunuganga

เยี่ยมบ้าน Number 11 และอาณาจักร Lunuganga ของ Geoffrey Bawa สถาปนิกทรอปิคัลโมเดิร์นที่โลกหลงรัก

“ไม่ไหวแล้ว จะต้องกลับมาที่นี่อีกให้ได้เลย” 

ช่างภาพสาวหันมาพูดประโยคนี้ซ้ำ ๆ เฉลี่ยทุก 20 นาที หรือทุกครั้งที่เราเดินเลี้ยวเข้าชมมุมนั้นมุนนี้ในสวนเขียวขจีอายุ 50 กว่าปี ซึ่งไม่ใช่แค่สวนอิตาลีที่มีรูปปั้นจากยุโรป แต่ยังแฝงแนวการจัดสวนแบบอังกฤษ ญี่ปุ่น และศรีลังกา ส่วนเรานั้นไม่ใช่แค่ลูกขุนพลอยพยัก แต่เสิร์ชดูเรียบร้อยแล้วว่าจะกลับมาจองเยี่ยมชมที่นี่อย่างไร หมายมั่นปั้นมือว่าต้องกลับมาหาอาณาจักรของเจฟฟรีย์ บาวา ให้จงได้

Lunu-ganga เป็นภาษาสิงหล แปลว่า Salt-river มาจากชื่อทะเลสาบน้ำเค็ม Dedduwa ข้างที่ดิน 15 เอเคอร์ ซึ่งบาวาซื้อในปี 1948 ตั้งแต่เห็นที่ดินผืนนี้ครั้งแรก เขาก็รู้ว่าการออกแบบจะเผยประกายของเพชรเม็ดงามที่ซ่อนตัวอยู่ 

เช่นเดียวกับบ้านส่วนตัว เมื่อเรามาถึงก่อนเวลาทัวร์ชมสวน ประตูโลหะที่ห้อยระฆังด้านหน้าปิดสนิท ต้นไม้ใหญ่ปกคลุมจนไม่เห็นด้านใน จนเมื่อได้เวลาเยี่ยมชมเท่านั้น เราถึงได้รับอนุญาตให้นั่งรถขึ้นเนิน เข้าถึงพื้นที่ที่จงใจซ่อนไว้ 

เยี่ยมบ้าน Number 11 และอาณาจักร Lunuganga ของ Geoffrey Bawa สถาปนิกทรอปิคัลโมเดิร์นที่โลกหลงรัก

Nuwan ผู้สวมเชิ้ตขาวและโสร่งขาวเหมือน Rohana ออกมาต้อนรับ และพาเราเดินชม Garden Tour ที่โอบล้อมอาคารหลายหลัง ทั้งบ้านพัก แกลเลอรี่ และบ้านแขกของบาวา ซึ่งกลายเป็นห้องพักและร้านอาหารค่ำ น่าเสียดายที่วันนี้มีแขกเข้าพักเต็ม เราจึงชมห้องพักต่าง ๆ ทั้งหมด 9 ห้องไม่ได้ เพียงแต่ชมอาคารด้านนอกบางส่วนเท่านั้น

เยี่ยมบ้าน Number 11 และอาณาจักร Lunuganga ของ Geoffrey Bawa สถาปนิกทรอปิคัลโมเดิร์นที่โลกหลงรัก
เยี่ยมบ้าน Number 11 และอาณาจักร Lunuganga ของ Geoffrey Bawa สถาปนิกทรอปิคัลโมเดิร์นที่โลกหลงรัก

 แต่แค่ชมสวนก็เยี่ยมยอดมาก ๆ สถาปนิกใช้เวลา 40 ปีในการทำสวน ทั้งปรับที่ดินใหม่ให้เนินเขาเตี้ยลง มองเห็นผืนน้ำกว้างได้ถนัดตา รื้อพืชบางส่วนออกและปลูกพืชใหม่สารพัดริมน้ำ เขาปรับปรุงที่นี่เรื่อยมาจนถึงวัยชราที่ป่วยจนเคลื่อนไหวเองไม่ได้ ในช่วงสุดท้ายของชีวิตก็มาพักผ่อนที่นี่เสมอ 

กิมมิกของที่นี่คือระฆัง 14 ใบรูปทรงต่าง ๆ ซึ่งแต่ละใบให้เสียงต่างกัน กระจัดกระจายอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของพื้นที่ บาวาใช้การตีระฆังส่งสัญญาณถึงบรรดาผู้ดูแลว่าเขาต้องการอะไรเป็นกิจวัตร เช่น อาหารเช้า อาหารกลางวัน ชายามบ่าย น้ำมะนาว และเครื่องดื่มโปรดอย่างจินโทนิก 

ระหว่างพาชมสวนที่ได้รับการดูแลอย่างดี Nuwan ชี้ชวนและตีระฆังให้เราดูหลายใบ ตั้งแต่ระฆังแบนสำหรับอาหารกลางวัน ระฆังทรงกระดิ่งเหนือม้านั่งอ่านหนังสือสำหรับชา ไปจนถึงระฆังเหนือฝาบ่อน้ำโลหะสำหรับน้ำมะนาว เขาทำหน้าจริงจังขณะเล่าอีกว่าสวนสวยนี้มีผู้เล็มหญ้าให้เรียบร้อยเป็นฝูงวัวสีน้ำตาล ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในสมัยที่บาวามีชีวิต เพราะเขาเลือกแต่วัวสีขาวดำเท่านั้น

เยี่ยมบ้าน Number 11 และอาณาจักร Lunuganga ของ Geoffrey Bawa สถาปนิกทรอปิคัลโมเดิร์นที่โลกหลงรัก

ผ่านต้นไม้ที่ถูกดัดให้เกี่ยวกระหวัดกันเป็นคู่ ๆ ตีนเป็ดน้ำทิ้งลูกระเกะระกะ เราจะพบรูปปั้นเสือดำนอนหมอบอยู่ริมน้ำอย่างเสมือนจริง 

เส้นทางเดินทอดยาวไปสู่เนินเขา Cinnamon Hill เลียบริมน้ำ ไกด์ของเราเดินนำหน้าไปที่ต้นไม้ใหญ่บนยอดเนินแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“เขาอยู่กับเราที่นี่”

Nuwan ชี้ไปที่แผ่นหินสี่เหลี่ยมจัตุรัสเรียบ ๆ ที่ฝังราบกลืนกับพื้นหญ้าโล่งกว้าง มองเผิน ๆ แทบไม่สังเกตเห็นว่า นี่คือจุดฝังเถ้าธุลีสถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่ในวาระสุดท้าย

บนยอดเนินเขาเขียวขจีที่สถาปนิกศรีลังกาหลับตา ฝั่งหนึ่งคือทะเลสาบ Dedduwa กว้างใหญ่ และอีกฝั่งคือบ้านที่เขารัก เป็นการเลือกปักหมุดความตายที่งดงามและยอดเยี่ยมที่สุด เท่าที่มนุษย์ผู้หนึ่งพึงนึกฝันได้

“แล้วมีคนเคยเห็นผีบาวาที่นี่มั้ย”

หนึ่งในสมาชิกทัวร์ชาวไทยยกมือถาม ตามประสาชาวประเทศที่สนใจเรื่องลี้ลับ 

“มีคนเคยเห็นบ้าง ในช่วง 3 ปีแรกที่บาวาจากไป แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีใครเห็นเขาอีกเลย” 

คำตอบของ Nuwan ทำให้เราเงียบครุ่นคิดกันพักใหญ่ ไม่ว่าวิญญาณของเจฟฟรีย์ บาวา จะอยู่ที่นี่หรือไม่ แต่จิตวิญญาณและความทุ่มเทของเขาแฝงอยู่ในทุกมุมของบ้านและสวน ทำให้เราคารวะสายตาอันเฉียบขาด และอยากกลับมารับพลังงานดี ๆ ที่ Lunuganga อีกครั้งและอีกครั้ง

*จองทัวร์ชมสวน Lunuganga ที่ geoffreybawa.com/lunuganga และจองห้องพักที่ www.teardrop-hotels.com/lunuganga/ 

Write on The Cloud

Travelogue

ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

Writer

ภัทรียา พัวพงศกร

ภัทรียา พัวพงศกร

บรรณาธิการ นักเขียน ที่สนใจตึกเก่า เสื้อผ้า งานคราฟต์ กลิ่น และละครเวที พอๆ กับการเดินทาง

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล