นี่คือปีที่ 24 ที่เราได้เห็นงานเคานต์ดาวน์บนลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์
ด้วยคุณภาพ ความเสมอต้นเสมอปลายของทีมงาน ทำให้งานนี้ถูกยกให้เป็น Times Square of Asia จากสื่อและนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่ทุกคนรอคอย
เคล็ดลับความสำเร็จ คือการพยายามสร้างสิ่งใหม่เสมอ ไม่ย่ำอยู่กับที่ และกับงานปีนี้ก็เช่นเดียวกัน
งานปีนี้มีชื่อทางการว่า centralwOrld Bangkok Countdown 2024 อัดแน่นศิลปิน 65 คนทั้งไทยและเทศในงานเดียว ไฮไลต์ปีนี้คือโชว์ของ 5 ศิลปิน Headliner PP Krit x Billkin, BOWKYLION และการคอลแล็บระหว่าง NONT TANONT และ INK WARUNTORN ในรูปแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
หากถอยมาดูในภาพรวม ความตั้งใจในปีนี้ของเซ็นทรัลพัฒนา คือการทำให้งานเคานต์ดาวน์มีองค์ประกอบที่เหมือนเทศกาลระดับโลก
อาวุธหลักที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมายนี้ คือ ‘ศิลปะ’
ประเทศไทยเราเป็นเจ้าของสถิติโลกมากมายโดยที่เราไม่รู้ตัว
ลองไปเดินลานเซ็นทรัลเวิลด์ เงยหน้ามองตึกเซ็นทรัล หน้าจอ LED ที่คุณเห็นคือจอที่เรียกว่า ‘panOramix’ มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ทีมเซ็นทรัลเวิลด์เห็นว่าเทรนด์ของเทศกาลดนตรีขนาดใหญ่ทั่วโลก ไม่ได้มีแค่ดนตรี แต่ให้ความสำคัญกับศิลปะและวัฒนธรรม นำ 2 สิ่งนี้มาเบลนด์ให้อยู่ในงานอย่างกลมกลืน ผ่านวิธีการต่าง ๆ เช่น สื่อสารผ่าน Key Visual ของที่ระลึก หรือเป็นองค์ประกอบในงาน
เวลาไปเดินงานแบบนี้ เราจึงไม่ได้ไปแค่ฟังเพลง ดูคอนเสิร์ต รอนับถอยหลัง แต่เป็นการไปพบประสบการณ์ใหม่ที่ทีมงานตั้งใจออกแบบผ่านบรรยากาศที่คิวเรตมาอย่างดี
เซ็นทรัลชวนศิลปินดัง 2 คนคือ เหนือ-จักรกฤษณ์ อนันตกุล และ ธนา แสงศร
คนในวงการภาพประกอบทุกคนรู้จัก เหนือ จักรกฤษณ์ เขาเคยวาดให้ Monocle, FREITAG, BEAMS JAPAN, UNIQLO, Meta
คนในวงการโมชันรู้จักธนาในนาม PAI LACTOBACILLUS เขาอยู่เบื้องหลังงานโมชันเจ๋ง ๆ มากมายในไทย ล่าสุดคือนิทรรศการ Lucid Dreamers
ธนาคือคนที่เข้ามาช่วยเติมเต็มงานนี้ เพราะสิ่งที่พวกเขาจะสร้าง คือการทำพลุดิจิทัลบนจอ panOramix ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
คนเคยไปเทศกาลดนตรี รู้ดีว่าศิลปะกับดนตรีเป็น 2 ศาสตร์ที่ต้องมีในงาน
คำถามคือ จะทำอย่างไรให้มันอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว ไม่ได้เป็นเพียงภาพประกอบฉากที่ไร้ความหมาย
จักรกฤษณ์ตีความว่า งานเคานต์ดาวน์สำหรับเขาไม่ใช่แค่ปาร์ตี้ แต่เป็นงานที่เล่าเรื่องในสิ่งที่มนุษย์ทุกคนโหยหามากที่สุด นั่นคือความหวัง
“โดยพื้นฐานเราทำงานเกี่ยวกับความเชื่อ ความรัก ความหวังมาตลอด และรู้สึกว่างานเคานต์ดาวน์ก็พูดถึงความหวังในปีข้างหน้า” จักรกฤษณ์เล่า
นักวาดหนุ่มใช้ภาพของเมล็ดพันธุ์เป็นตัวแทนแห่งความหวัง จากนั้นก็นำมาจับคู่กับคอนเซปต์ของภาพพลุ ให้ระเบิดกลายเป็นดอกไม้ ในแนวคิดแบบ Futuristic เสมือนทุกคนกำลังอยู่ในโลกแห่งความหวัง
“แต่ละคนอาจมีความหวังที่แตกต่างกัน เราอยากให้เขารู้สึกว่าในอนาคตยังมีความหวังอยู่ สิ่งที่คุณคิดหรือคุณฝันในปีนี้กำลังจะเติบโตขึ้น
“เราอยากให้เขายืนบนพื้นฐานของความหวัง เพราะถ้าเราไม่มีความหวังเลย ชีวิตเราจะเดินหน้าไม่ได้ ความหวังคือสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เราก้าวเดินไป”
จากจุดเริ่มต้นของจักรกฤษณ์ ธนาสานต่อด้วยการนำหลักการของงานแนว Digital Art ผสมกับการสร้างภาพลวงตา เพื่อให้ภาพบนจอ panOramix ไม่แบนราบ แต่มีมิติ น่ามอง เป็นอีกหนึ่งพระเอกที่โอบอุ้มงานทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
งานพลุดิจิทัลจะแบ่งการโชว์เป็น 5 องก์ ได้แก่ The Futuristic, The Master, The Collabs, The New Legendary และ The Phenomenon
องก์ที่ 1 The Futuristic เชื่อมั่นในศักยภาพ มองการณ์ไกล ใจเปิดกว้าง พร้อมรับทุกความท้าทาย กล้าพัฒนาทำสิ่งใหม่ เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีสำหรับทุกชีวิต และส่งต่อรากฐานอันยั่งยืนให้คนรุ่นต่อไป
องก์ที่ 2 The Master เปล่งประกายความเป็นมาสเตอร์ในแบบฉบับของตัวเอง มุ่งมั่นรังสรรค์สิ่งใหม่ และประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย เพื่อสร้างมาตรฐานแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
องก์ที่ 3 The Collabs ผนึกพลังร่วมสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้กับทุกความสามารถได้ร่วมคิดร่วมสร้าง กรุยทางสู่การพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ รวมทั้งนวัตกรรมสุดล้ำที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
องก์ที่ 4 The New Legendary ยืนหนึ่งเรื่องความสามารถและพัฒนาไม่หยุดยั้ง เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับโลก พร้อมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในฐานะต้นแบบแห่งความสำเร็จและผู้สร้างแรงบันดาลใจ
องก์ที่ 5 The Phenomenon ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์แห่งความสุขสุดยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองสู่การเริ่มต้นใหม่ สร้างสรรค์ทุกประสบการณ์ของทุกวันให้เป็นปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่และน่าจดจำไปตลอดกาล
ศิลปะทั้ง 5 องก์สะท้อนบุคลิกของกลุ่มศิลปินที่จะมาร่วมสร้างปรากฏการณ์เคานต์ดาวน์ระดับโลกกับ centralwOrld
งานเคานต์ดาวน์ไม่ได้จัดแค่วันสิ้นปีเท่านั้น แต่จะเริ่ม 10 วัน 10 คืน ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2566
ภาพทั้งหมดจะแสดงเป็นรอบ ถ้าจะให้ดี แนะนำให้มาดูตอนกลางคืน ภาพบนจอขนาดใหญ่จะทำงานกับความรู้สึกของเราได้ดีที่สุด
ในบ้านเรา งานศิลปะแบบ Commercial Art อาจถูกให้คุณค่าน้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น งานแบบนี้โดยพื้นฐานก็คือศิลปะแขนงหนึ่งที่ทำงานกับคนหมู่มาก เป็นการร่วมมือกันระหว่างศิลปินและภาคธุรกิจ สร้างสรรค์ให้เกิดสิ่งใหม่
งานของเซ็นทรัลเวิลด์เป็นตัวอย่างชัดเจนที่สุด และเป็นงานที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนไปชม
แรกเริ่ม นี่คืองานที่ตั้งใจจะดันอีเวนต์ไทยให้ไปสู่ระดับโลก
หากมองดี ๆ นี่คืองานที่พูดกับมนุษย์ทุกคนในช่วงสิ้นปี ไม่ว่าคุณจะผ่านอะไรมาในปี 2023 เซ็นทรัลและงานชิ้นนี้อยากบอกว่าความหวังคือสิ่งสำคัญที่สุดในการใช้ชีวิต ไม่ว่าปีหน้าคุณจะต้องเผชิญกับชีวิตแบบไหนก็ตาม