โตเกียวในปีนี้ซากุระบานเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา
สร้างสีสันให้เมืองหลวงของญี่ปุ่นสดใสขึ้นตั้งแต่ยังไม่หมดเดือนมีนาคม อากาศเย็นอ่อนๆ และแดดอุ่นๆ ทำให้คนออกมาเดินเล่น นั่งชมดอกไม้ในสวน กันอย่างหนาตา
ร้านอาหารและคาเฟ่ก็ต่างคึกคักไปตามๆ กัน
ปีนี้คาเฟ่ใหม่ๆ ในโตเกียวยังคงทยอยเปิดใหม่เรื่อยๆ แต่เท่าที่เราสังเกตเห็น คาเฟ่ที่นี่เริ่มไม่ใช่แค่ร้านกาแฟแบบเดิมๆ แต่กลับมีคาเฟ่ชา คาเฟ่ช็อกโกแลต หรือแม้แต่คาเฟ่เครื่องดื่มแนวสุขภาพอย่างคอมบูฉะ เกิดขึ้นมาเป็นทางเลือกใหม่ๆ ทำให้ภาพรวมของคาเฟ่ในโตเกียวดูคึกคักขึ้นมา
Sakurai
คาเฟ่ที่เรียกว่าเท่ทุกกระเบียดนิ้ว และละเมียดละไมที่สุดตอนนี้ต้องยกให้ Sakurai คาเฟ่ชาที่ทั้งเปลี่ยนและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เรา
บาร์ขนาด 9 ที่นั่ง บนชั้น 5 ของตึก Spiral ย่านชินจุกุ ที่นี่เสิร์ฟชาจากหลายแหล่งปลูกในญี่ปุ่น เราแนะนำให้ลองแบบคอร์ส ที่เริ่มด้วยพิธีการชงชาอย่างประณีตบรรจง ท่วงท่าการชงชาทำให้นึกไปถึงพิธีชงชาของเซน ครีเอตชาออกมาหลากหลายรูปแบบวิธีการดื่ม เราจะเดาไม่ออกเลยว่าในการจิบครั้งต่อไปของเราเราจะได้เจอกับเมนูชาแบบไหนบ้าง เพราะไม่ใช่เป็นการตามขนบแบบเดิมๆ ไปเสียหมด คอร์สที่ดูเรียบง่าย บางทีก็ถูกกระชากด้วยความครีเอทีฟในการปรุงชาแบบใหม่ๆ ที่คั่นขึ้นมาให้เรารู้สึกสนุกในการชิม
นอกจากชาจะสนุกแล้ว การจับคู่ชากับวากาชิหรือขนมหวานแบบญี่ปุ่นก็สนุกไม่แพ้กัน แถมยังล้ำไปถึงการจับคู่ชากับอาหารมื้อเล็ก ซึ่งวัตถุดิบที่เอามาใช้ทำอาหารล้วนแต่คัดสรรมาอย่างดีไม่ต่างจากชา ในเมนูของร้านยังมีหมวด Tea Liquor เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผสมกับชา ขนาดเราจิ้มเลือกเบียร์ชาเขียวไปแบบมั่วๆ การเสิร์ฟยังร้ายกาจไม่แพ้เมนูแบบคอร์สเลย แต่ไม่อยากสปอยล์มากเกินไป อยากให้ไปลองเปิดประสบการณ์ที่ร้านดูเองเลยดีกว่า
Sakurai
ชั้น 5 ห้าง Spiral
เวลาเปิด-ปิด | 11.00 – 23.00 น. (ทุกวัน)
สถานี Omotesandō
TORAYA CAFÉ・AN STAND
คาเฟ่ที่มีวัตถุดิบพระเอกคือถั่วแดง ประวัติความเป็นมาและวิธีคิดของร้านสามารถอ่านได้จากที่นี่
คาเฟ่สีขาวอบอุ่น ใช้ถั่วแดงวัตถุดิบที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นสุดๆ เป็นส่วนผสมของขนมและเครื่องดื่ม ดีไซน์ของร้านดูโค้งมน นุ่มนวล อะไรก็ช่างดูเป็นมิตรไปเสียหมด เมนูที่เราลองคือ An Bun ขนมปังไส้ถั่วแดงกวน กินคู่กับ An Paste Cafe au Lait กาแฟนมที่ใส่มากับถั่วแดงกวนอีกเช่นกัน เมื่อใช้ไม้กวนถั่วแดงให้เข้ากับกาแฟนมร้อนแล้ว จะได้เครื่องดื่มที่พิเศษที่แทบจะไม่ค่อยเห็นได้จากร้านไหน
ที่นี่เอาถั่วแดงมาดัดแปลงให้เป็นเมนูขนมได้หลากหลาย ใช้แม้กระทั่งเอาเปลือกถั่วแดงมาทำกราโนล่า น่าจะเป็นสวรรค์ของคนรักถั่วแดงแบบเราเลยล่ะ
TORAYA CAFÉ・AN STAND
เปิด-ปิด | 11.00 – 19.00 น. (ปิดวันพุธ)
สถานี Omotesandō
Green Bean to Bar Chocolate
กระแสโกโก้ในไทยกำลังมาแรง ส่วนที่โตเกียวก็กำลังเป็นที่นิยมกันมาก เข้าร้านช็อกโกแลตแบบ Specialty ร้านไหนคนก็แน่นไปหมด
ร้านที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในย่าน Nakameguro คือร้าน Green Bean to Bar Chocolate คาเฟ่ช็อกโกแลตเต็มรูปแบบที่ทำช็อกโกแลตขึ้นเองตั้งแต่ขั้นตอนการคั่ว แถมในร้านยังมีครัวแบบเปิดให้เห็นกระบวนการทำช็อกโกแลตจากเมล็ดจนออกมาเป็นช็อกโกแลตแท่ง หรือกลายไปเป็นเมนูขนม เครื่องดื่มต่างๆ อีกหลายเมนู
ความพิเศษของที่นี่คือมีการจับคู่ระหว่างไวน์กับช็อกโกแลต หรือจะเป็นสาเกกับช็อกโกแลตก็ได้ เป็นกิมมิกที่น่าสนใจ เราเลือกชิมช็อกโกแลตจับคู่กับสาเกเพราะอยากชิมรสช็อกโกแลตกับสาเก คงเพราะอยากรู้ว่าช็อกโกแลตจะไปได้ดีกับสาเกที่มีความญี่ปุ่นแค่ไหน
Green Bean To Bar Chocolate
เปิด-ปิด | 11.00 – 21.00 น. (ปิดวันพุธ)
สถานี Nakamekuro
Oizumi kojo Nishiazabu
เห็นคำว่า kombucha ตั้งแต่หน้าร้าน ดึงดูดความสนใจคนที่ชอบดื่มน้ำหมักเพื่อสุขภาพ ที่กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วทั้งโลกตอนนี้
Oizumi kojo Nishiazabu เป็นคาเฟ่สายเฮลตี้ที่บอกว่าตัวเองคือ Tokyo’s First Kombucha Tap Bar
คอมบุฉะที่เสิร์ฟเลยมีให้เลือกหลายรสชาติ มีทั้งรสออริจินัล รส Chai รสชาติที่มีเฉพาะตามฤดูกาล รส Hibiscus ที่เป็นรส Limited และยังมีอีกรสที่กำลังบ่มรอเวลาเสิร์ฟที่เหมาะสมอยู่ในตู้แช่
ชาคอมบุฉะจะถูกกดออกมาจาก Tap เสิร์ฟมาในแก้วไวน์ คงเป็นความตั้งใจให้เราดื่มด่ำกับกลิ่น สี และละเลียดกับรสชาติของชาคอมบุฉะเช่นเดียวกับไวน์
นอกจากชาคอมบุฉะ Oizumi kojo Nishiazabu ก็ยังเสิร์ฟอาหารเพื่อสุขภาพด้วย แซนด์วิช สลัดออร์แกนิก หรือน้ำผลไม้สกัดเย็น ก็มาครบตามแบบฉบับคาเฟ่สายสุขภาพ
Oizumi kojo Nishiazabu
เปิด-ปิด | 08.00 – 22.00 น. (ทุกวัน)
สถานี Roppongi
Gallage Coffee Bar
อดไม่ได้ที่จะแนะนำคาเฟ่ที่มีกาแฟบ้าง แต่คาเฟ่นี้ค่อนข้างพิเศษ ตรงที่ Gallage Coffee Bar เกือบจะเรียกว่าเป็นบาร์ค็อกเทลแล้ว
บาร์ห้องเล็กๆ บนชั้นสองในย่านการค้าแถวสถานี Higashi-Nakano เริ่มเปิดตอนบ่าย 2 ไปจนถึง 5 ทุ่ม ซึ่งไม่ใช่เวลาปกตินักสำหรับร้านกาแฟที่มักจะเปิดตั้งแต่ช่วงเช้าเสียมากกว่า
เดินตามถนนไปถึงหน้าร้าน ถ้าหากร้านเปิดจะมีป้ายแขวนบอกเอาไว้ตั้งแต่ตรงทางขึ้น หน้าประตูจะมีแผ่นป้ายเมนูบอกสิ่งที่ร้านเสิร์ฟไว้คร่าวๆ มีทั้งกาแฟดำ กาแฟนม เมนูพิเศษของร้าน และที่เราสนใจคือ Coffee Cocktail ที่ไม่ได้ระบุว่ามีเมนูอะไรบ้าง
วันที่เราไปเกือบจะ 4 ทุ่มใกล้เวลาร้านปิดแล้ว แต่ยังมีคนนั่งอยู่พอสมควร หน้าบาร์มีคนมานั่งอ่านหนังสือ นั่งดื่มกาแฟเป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบได้ บาริสต้า (หรือจะเรียกว่าบาร์เทนเดอร์ดี) ก็ยังดริปกาแฟอยู่
หลังจากพูดคุยกับบาริสต้าสักพัก เราเลยลองให้เขาเป็นคนเสนอเมนูให้เรา วันนั้นอากาศเย็น บาริสต้าเลยเสนอให้กินอะไรอุ่นๆ อย่าง Irish Coffee กาแฟผสม Single Malt Whisky กับน้ำผึ้งจากดอกกาแฟ ซึ่งออกมาเป็นกาแฟไอริชที่ช่วยอบอุ่นร่างกายได้อย่างดี
ปกติเราจะใช้กาแฟเป็นจุดเริ่มต้นของวัน แต่วันนี้กลับกันที่ขอใช้กาแฟเป็นแก้วปิดท้ายวันแทน แล้วก็ดีเสียด้วย