17 กุมภาพันธ์ หลังเทศกาลวันแห่งความรัก 3 วัน The Cloud ชวนสุดยอด 15 เอเจนซี่ไทยมาพูดถึงงานที่ตัวเองรักในเทศกาล ‘Love My Work Awards 2024’
เทศกาลโฆษณาใหม่ล่าสุดของประเทศไทยที่ไม่มีกรรมการตัดสิน ไม่มีถ้วยรางวัลใหญ่ แต่อบอวลไปด้วยความรักของคนธรรมดาที่รักทุกการตัดสินใจของตัวเอง จากคำถามง่าย ๆ บนโต๊ะกองบรรณาธิการว่า งานโฆษณาที่คนทำรัก แต่กรรมการไม่ชอบ ลูกค้าไม่ปลื้ม ไม่ใช่งานที่ดีจริงหรือ
บนเวทีอื่น เราอาจเห็นตัวเลขทะลุเป้าหรือความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ แต่บนเวทีนี้ เราเห็นงานที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม และหน้าตาของคนทำงานที่เหนื่อยยากกับงานทุกชิ้น ขณะเดียวกันก็เห็นพลังของความคิดสร้างสรรค์ที่อาจไม่โดดเด่นบนเวทีโลก แต่สร้างคุณประโยชน์ได้มหาศาล
นี่คือ 15 งานโฆษณาแห่งปี 2023 ที่ 15 เอเจนซี่ไทยรักมากที่สุด ท่ามกลางผู้ฟังที่แห่แหนเข้าร่วมจนล้นห้อง บ่งบอกได้ว่าถ้วยรางวัลไม่ใช่เครื่องหมายการันตีงานดีอีกต่อไป
เพราะที่นี่เราตัดสินกันด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และคราบน้ำตา
Rabbit’s Tale, Part of Accenture Song
รักงานช่วยแอปฯ ดิลิเวอรีไทยสู้กับแอปฯ ต่างชาติด้วย Quote บ้าน ๆ ของร้านอาหารตามสั่ง
โดย ปภพ เชาวนปรีชา, Executive Creative Director
ออ-ปภพ เชาวนปรีชา เริ่มเป็นคนแรกด้วยงาน ‘โค้ดส่วนเลิฟ’ จากลูกค้า Robinhood Food
โจทย์คือช่วยชวนลูกค้าใหม่ ๆ มาดาวน์โหลดและสั่งอาหารจากแอปฯ Robinhood แต่ต้องคำนึงไว้เสมอว่า ต้องสื่อสารด้วยวิธีการแบบ Robinhood
ออเจออินไซต์ว่ายุคหลังโควิด ราคายังคงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจของลูกค้าใหม่ บางคนเช็กโปรโมชัน 3 – 4 แอปฯ ก่อนสั่งอาหาร แต่จะให้ทำโปรโมชันแข่งกับแอปฯ ต่างชาติคงจะไม่ไหว
Robinhood เป็นตัวแทนของร้านเล็ก แม้โปรฯ ไม่แซ่บเท่าร้านใหญ่ แต่พวกเขามีเซอร์วิสที่ดี เป็นมิตร จริงใจ เชื่อว่าทุกคนเดินผ่านร้านข้าวเมื่อไร พ่อค้าแม่ขายเป็นต้องร้องทักว่า “กินไรยังจ๊ะสุดหล่อ” “ลองทานไหมลูก” “ไม่สั่งจะเสียใจ”
ออเอาประโยคในชีวิตจริงมาใช้ในออนไลน์จนได้เป็นแคมเปญโค้ดส่วนเลิฟ แคมเปญที่ช่วยเสิร์ฟความจริงใจผ่านโค้ดที่สร้างโดยแม่ค้าบ้าน ๆ พ่อค้าบ้าน ๆ ร้านบ้าน ๆ อย่าง ‘KINRAIJASUDLOR’ ‘LONGTANMAILOOK’ หรือ ‘MAISANGJASIAJAI’ ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาสั่งอาหารจาก Robinhood ออและผู้กำกับหนังโฆษณาตกลงกันว่าจะไม่แคสต์นักแสดง แต่ใช้ร้านค้าจริง ๆ ด้วยคำพูดที่ใช้จริง ๆ
ท้ายที่สุดโค้ดส่วนเลิฟนี้สร้างลูกค้าใหม่ได้ถึง 250,000 ยูสเซอร์ จากโค้ดที่ถูกใช้ไป 10,000 ครั้งต่อวัน แต่สิ่งที่น่าชื่นใจกว่านั้นคือเสียงตอบรับจากลูกค้า คอมเมนต์จากคนทำงาน เป็นรางวัลที่ทำให้เห็นว่าวันนี้แบรนด์ไม่ได้อยู่ห่างจากผู้บริโภคอีกต่อไป และคนเบื้องหลังแพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้ก็คือคนเหมือนกันที่คุยกับพวกเขาอยู่
VML Thailand
รักงานคอลแล็บขั้นเทพที่พาแบรนด์ไทยจับมือกับแบรนด์สตรีมมิ่งระดับโลก
โดย ภาคย์ วรรณศิริ, Chief Creative Officer
งานที่ ไผ่-ภาคย์ วรรณศิริ รัก คือ ‘CRYBABY SAUCE’ งานคอลแล็บระหว่างเน็ตฟลิกซ์และโรซ่า ใช้โปรโมตภาพยนตร์ คนหิว เกมกระหาย (HUNGER) ที่เล่าเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคมผ่านอาหาร สิ่งหนึ่งที่เปรียบได้กับซอฟต์พาวเวอร์คือผัดงอแงที่นางเอกใช้เป็นไม้ตายเอาชนะคู่ต่อสู้ ไผ่ดึงมันออกมาเป็นซอสที่ใช้ได้จริงบนโต๊ะอาหาร
ถามว่าทำไมถึงรักงานนี้ ประการแรก มันเกือบอยู่ในมือเอเจนซี่อื่น เมื่อโอกาสกลับมาอีกครั้ง ไผ่ไม่รีรอที่จะเสนอโรซ่าทันที
ประการที่ 2 นอกจากโรซ่าจะเป็นแบรนด์ซอสไทยที่ไผ่ถืออยู่แล้ว โรซ่ายังรับเงื่อนไขมหาโหดจากแบรนด์ระดับโลกอย่างเน็ตฟลิกซ์ที่ไม่ได้ร่วมมือกันง่าย ๆ ไผ่ตั้งใจทำสิ่งนี้เป็นของขวัญให้กับลูกค้าของเขา เพราะนี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบรนด์ครั้งยิ่งใหญ่ที่วางแผนกันมาถึง 6 เดือน
ปกติมีลูกค้าเจ้าเดียวก็ยากแล้ว นี่เขามีลูกค้า 2 เจ้า กระบวนการคูณ 2 ทุกอย่าง ความยากของคนกลางจึงเป็นการจูนความต้องการของลูกค้า 2 เจ้าให้มาเจอกัน
ถัดมา ไผ่เปิดภาพที่เขาไปทดลองซอสถึงบริษัทโรซ่า วันนั้นเขามีคอมเมนต์ว่า อยากได้กลิ่นกระทะแบบเดียวกับนางเอกในหนัง สิ่งที่ตอกย้ำความสู้ยิบตาของโรซ่า คือพวกเขากลับมาพร้อมกลิ่นกระทะได้จริงใน 2 อาทิตย์
ความลับอีกข้อ สินค้านี้เกือบไม่มี ออกแบบ ชุติมณฑน์ อยู่บนขวด เพราะออกแบบเป็นดารา ตามสัญญาไม่ได้ถูกจ้างมาให้ขายซอส แต่ทีมงานทุกคนก็ช่วยกันดันจนสำเร็จ
ความลับสุดท้ายคือการจัดจำหน่าย ปกติเราจะเห็นงาน Collaboration เพื่อประชาสัมพันธ์ ผลิตแค่ 100 ชิ้น แต่สินค้านี้ทำ 300,000 ชิ้น เป็นครั้งแรกที่เกิด Top-down สินค้า เข้า 7-Eleven ทุกห้างสรรพสินค้าอยากมีซอสนี้ถึงขนาดยอมให้ไผ่ทำเชลฟ์ที่มีไฟลุก
ประโยคเด็ดจากไผ่ที่ขมวดงานนี้ได้เป็นอย่างดีคือ It’s always impossible until it is ดัน
รักงานโปรโมตซีรีส์ใหม่ด้วยกลยุทธ์โฆษณาบนแผงลอตเตอรี่
โดย สหรัฐ สวัสดิ์อธิคม, Founder / Chairman Creative
ชาย-สหรัฐ สวัสดิ์อธิคม เริ่มต้นการนำเสนอของเขาด้วยการเล่าความจริงข้อหนึ่งของคนทำงานโฆษณาว่า “เรามักจะทำงานบนมีเดียที่เราสบายใจ แต่น้อยครั้งมากที่เราจะมีพลังงานสร้างมีเดียของตัวเองขึ้นมาใหม่”
เขาโปรโมตภาพยนตร์ ปฏิบัติการกู้หวย จากเนตฟลิกซ์บนบิลบอร์ดที่มีขนาดแค่ใบปิดลอตเตอรี่
งานนี้เริ่มจากการระดมความคิด จนพบว่าคนไทยกว่า 30 ล้านคนซื้อลอตเตอรี่และเสิร์ชกูเกิลเรื่องลอตเตอรี่ติดอันดับ 1 ทุกเดือน ถึงขนาดที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีแผ่นปิดลอตเตอรี่หลากสีสันไว้ล่อตาล่อใจ ที่สำคัญ ใบปิดเล็ก ๆ นี้ไม่เคยถูกใช้เป็นโฆษณา ชายจึงเปลี่ยนมันให้กลายเป็นโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ซะเลย พร้อมข้อความ เก็บไว้ให้ดี ระวังหาย นอกจากเป็นใจความสำคัญของเรื่อง ยังเป็นการบอกให้ทุกคนเก็บโฆษณาชิ้นเล็กจิ๋วนี้ใส่กระเป๋าไว้ด้วย
ทุกครั้งเวลาสร้างมีเดียใหม่ ๆ คำถามที่ชาวเอเจนซี่เจอเหมือนกันหมดคือ Eyeball จะมีกี่คน แต่ชายบอกว่านิยามของการทำโฆษณาสมัยใหม่คือการสร้างสตอรีให้กับชิ้นงาน
CJ WORX ได้ Eyeball ไปทั้งหมด 94 ล้านครั้ง และพาหนังเรื่องนี้ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 ของเน็ตฟลิกซ์ จากการโปรโมตบนแผงลอตเตอรี่ตามหัวเมืองสำคัญในไทย ถ่ายทำวิดีโอเพื่อโปรโมตเรื่องราวนี้ และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ เป็นวิธีที่ประหยัดมาก แต่กระจายสู่ประชาชนทั้งประเทศได้เพียงพริบตา
Ogilvy Thailand
รักงานโฆษณาที่ใช้ศาสตร์มูคู่ Effectiveness จนยอดขายลูกค้าแซงคู่แข่งครั้งแรกในรอบ 10 ปี
โดย อิฐ สุขธงไชยกูล, Executive Creative Director
อิฐ แนะนำตัวด้วยการบอกว่าตัวเองเป็นครีเอทีฟสาย Hard Sell สินค้าที่ไม่เกิน 20 บาท เขาเก็บเรียบ ของชิ้นแรกที่เขาขายยังเป็นปืนอัดลมสมัยเด็กน้อย
แน่นอน งานที่เขารักมากที่สุดประจำปี 2023 ราคา 12 บาท นั่นคือนมถั่วเหลืองดีน่า สินค้าที่มีคู่แข่งตัวฉกาจราคา 5 บาท เจ้าของเพลงโฆษณาที่กำลังขึ้นอยู่ในหัวคุณตอนนี้
เมื่ออิฐจับสินค้านี้เข้าปีที่ 8 ประเทศไทยก็มาถึงจุดที่ไม่ได้เชื่อความคิดตัวเองอีกต่อไป แต่เชื่อเทพดาฟ้าดิน สีเสื้อ กำไลมงคล อิฐคิดว่านี่อาจทำให้นมถั่วเหลืองร่วมสมัยได้
สูตรของเขาคือ มูเตลู + Marketing = Muketing จนได้เป็นแคมเปญ ดื่มดีน่าได้ดีครบแน่
บางคนขอพรเรื่องความรัก บางคนขอพรเรื่องงาน บางคนขอพรเรื่องสุขภาพ แต่การขอพรนั้นไม่รับประกันว่าสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นตอนไหน จึงต้องดูแลตัวเองเพิ่มด้วยสิ่งดี ๆ จากดีน่าที่ดื่มแล้วเกิดผลดีทันตาเห็น
คนทำโฆษณารู้ดีว่าสินค้าพวกนี้มีความยาก พรีเซนเตอร์ของดีน่าคือ เบลล่า ราณี ที่ถูกใช้ไปแล้วกว่า 10 เจ้าใน 1 ปี อิฐจึงเปลี่ยนเบลล่าให้กลายเป็น ‘ดีน่าเทวี’ เทวีแห่งสุขภาพดีพร้อมมอบสิ่งดี ๆ ให้ทุกคน
ความยากอีกข้อ คือสินค้าของลูกค้ามีเยอะมาก แต่ดีน่าต้องการขายทุกอย่าง อิฐแก้เกมด้วยการดึงเอาอินไซต์ของคนดื่มแต่ละสูตรมาใช้ เช่น สูตรผสมงาดำ ช่วยเรื่องความสวย สูตรผสมจมูกข้าวญี่ปุ่น ช่วยเรื่องการทำงาน ไปจนถึงการชวน หมอช้าง มาช่วยออกแบบวอลล์เปเปอร์สายมูให้กับ Top Spender ของดีน่า เรียกเสียงฮาในงานไปอย่างกึกก้อง
Leo Burnett Group (Thailand)
รักงานที่ช่วยชีวิตเกษตรกรจากการใช้ชีวิตร่วมกัน ด้วยวิธีที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
โดย ณัฐพล แย้มกวีตระกูล, Associate Strategic Planning Director
ฟลุ๊ค-ณัฐพล แย้มกวีตะกูล ตกตะกอนได้ว่า งานที่เขารักคืองานที่ช่วยให้ชีวิตคนดีขึ้น เพราะผู้บริโภคทุกคนคือมนุษย์ที่มีความคิด มีความเชื่อ มีความฝัน และกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่างในชีวิต
ฟลุ๊คคิดถึงลูกค้าที่มีความเชื่อคล้ายกันอย่างคูโบต้า แบรนด์ที่อยู่กับเขามานานถึง 7 ปี
ทั้งคู่ใช้วิธีลงไปใช้ชีวิตกับเกษตรกรจริง ๆ จนรู้ว่าคนเหล่านั้นเจอปัญหาอะไรอยู่ ซึ่งสิ่งที่เจอก็เปลี่ยนไปทุกปีตามสภาพแวดล้อมหรือเทคโนโลยี ยิ่งแล้วใหญ่ในช่วง 2 – 3 ปีหลังที่ธรรมชาติเริ่มรวน ชีวิตชาวสวนก็รวนตามโลกไปด้วย ในฐานะแพลนเนอร์ ฟลุ๊คเจอข้อมูลที่น่าตกใจว่า 18% ของเกษตรกรต้องจำใจทิ้งที่ดินที่ควบคุมไม่ได้
เขาอยากให้เกษตรกรไทยเปิดใจใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ ผ่าน Kubota Incubation Farm สมาร์ตกรีนเฮาส์ของลูกค้าที่ควบคุมสภาพอากาศเองได้ กลายเป็นที่มาของแคมเปญ IMPOSSIBLE GROWTH ที่จะสาธิตให้เห็นเลยว่านวัตกรรมช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตดีขึ้นได้จริง
วิธีการง่าย ๆ ตรงไปตรงมา คือเอาสมาร์ตกรีนเฮาส์นี้ไปตั้งในพื้นที่รกร้าง แทบจะปลูกอะไรไม่ได้ แล้วเอาพืชที่เปราะบางที่สุดอย่างเมลอนเข้าไปปลูกให้ดู โดยมีลูกเล่นคือให้เกษตรกรส่งรูปหน้าตัวเองเข้ามาเป็นการลงทะเบียน แกะสลักใบหน้าลงบนผลเมลอน ทำให้เห็นว่าทั้งเขาและเมลอนกำลังเติบโตไปพร้อม ๆ กันผ่านทาง Live Brodcast ผลที่ตามมาคือวันนี้มีการส่งเมลอนคืนกลับไปให้เกษตรกรที่ร่วมลงทะเบียนกว่า 60,000 คน และมี 197 ชุมชนเกษตรตัดสินใจเริ่มต้นทดลองใช้ Kubota Incubation Farm เรียบร้อย
นี่คืองานที่ Leo Burnett Group รักที่สุดแห่งปี เพราะเชื่อว่า WHAT HELPS PEOPLE, HELPS BUSINESS.
TWF Agency
รักงานช่วยชีวิตคนทั่วโลกจากภัยออนไลน์ด้วยงานที่สร้างด้วย AI
โดย สฤณี สุทธิกุลพานิช, Managing Partner and Head of Strategy
ปิ๋ม-สฤณี สุทธิกุลพานิช รักงานเพื่อเยาวชนไทยที่ทำโดย AI ทั้งหมด
หลายปีหลังนี้คนหันมาตระหนักรู้เรื่องภัยทางเพศมากขึ้น แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเยาวชนไทยมักคิดว่าการพูดคุยกับคนในโลกออนไลน์ปลอดภัยกว่าในชีวิตจริง ซึ่งไม่ใช่ กระบวนการบังคับ ข่มขู่ ล่วงละเมิดทางออนไลน์หรือ Sextortion จึงเป็นโจทย์สำคัญจากลูกค้า UNICEF Thailand ที่ปิ๋มต้องหาวิธีแก้
#สงสัยไว้ก่อน คือชื่อแคมเปญนี้ ปิ๋มเปิดเผยว่าเธอเองก็มีประสบการณ์เลวร้ายบนโลกออนไลน์ เป็นแรงผลักดันให้เธอเอาทั้งตัวทั้งใจลงไปทํา เพื่อหวังให้ผลลัพธ์เกิดขึ้นจริงกับเยาวชนไทย
เริ่มจากการใช้หนังโฆษณาสื่อสารให้เห็นว่ากำแพงของคนบนโลกออนไลน์ไม่ได้หนาอย่างที่คิด กลับบางมากจนเหมือนมีภัยมาประชิดที่หน้าบ้านโดยไม่รู้ตัว
ถัดมาคือชิ้นงานที่ต้องการสร้างให้เกิดประสบการณ์ร่วม วัดผลได้ แต่จะใช้เด็กจริง ๆ มาแสดงก็สุ่มเสี่ยง พวกเขาจึงเลือกใช้ AI ในการผลิตทั้งหมด ชิ้นงานที่ค่อนข้างเซนสิทีฟจึงออกมาเป็น Videoask Poll ที่บ่งชี้ได้ว่าผู้ใช้งานมีการตระหนักรู้เรื่อง Sextortion มากน้อยแค่ไหน โดยใช้ AI ทั้งหมด 4 ตัวในการสร้าง ประกอบด้วย ChatGPT สำหรับการระดมความคิด Midjourney สำหรับการสร้างภาพประกอบ D-ID Studio สำหรับการสร้างวิดีโอ และ VideoAsk.com สำหรับการสร้างแบบสอบถาม
สเตจแรก เรียกว่า Grooming Question คือมีตัวอย่างคำถามมาให้ตอบว่าประโยคไหนที่ดูไม่ปกติที่สุด สเตจต่อมาคือการสำรวจพฤติกรรมว่าจากประโยคที่เลือกควรจะ ‘ดูทรงไว้ก่อน’ หรือ ‘ชัวร์เลย นี่แหละคนร้าย’ สเตจสุดท้ายคือการสรุปความว่าสิ่งที่เห็นทั้งหมดล้วนน่าตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน
นอกจากผลงานจาก AI ชิ้นนี้จะสร้างให้เกิดประสบการณ์ร่วมแล้ว ยังเป็นการปลุกพลังให้เยาวชนลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง ไม่กลัวที่จะขอความช่วยเหลือ และบอกให้รู้ว่าทุกคนไม่ได้อยู่ลำพัง
นั่นคือสิ่งที่ปิ๋มรักที่สุด
Adapter Digital Agency
รักงานแอปฯ Demo สินค้าผู้ชายที่ทำใน Local แต่ดังจน Global ต้องทำตาม
โดย กนิษฐ์ มิ่งเมือง, Creative Director
งานที่ ปาล์ม-กนิษฐ์ มิ่งเมือง รักที่สุด คือ Gatsby Look ของลูกค้า Gatsby Thailand
ปี 2019 เป็นปีที่แวกซ์ Gatsby ขายดีมาก เพราะชายไทยนิยมเซตผม ปัญหาคือพอเวลาผ่านไป ทรงผมเกาหลีที่ไม่ต้องใช้แวกซ์กลับเป็นนิยมจนยอดขายของ Gatsby ไม่เติบโตเท่าที่ควร ทั้งที่ทรงผมเกาหลีมีอีกหลายทรงที่ใช้แวกซ์ได้ โจทย์ของปาล์มจึงเป็นการทํายังไงก็ได้ให้ผู้บริโภคอยากทําผมได้หลากหลายอีกครั้งหนึ่ง
ปาล์มอยากสร้าง Gatsby Look แพลตฟอร์มที่ให้ผู้คนอัปโหลดรูปตัวเอง เลือกทรงผมที่ชอบ จากนั้น AI จะ Generated ทรงผมให้พอดีกับศีรษะและหน้าตา ถ้าชอบทรงไหนก็เซตผมตามวิดีโอ แล้วสั่งซื้อแวกซ์ไปใช้ต่อที่บ้านได้เลย
Adapter เป็นเอเจนซี่ที่โดดเด่นเรื่องข้อมูล พวกเขามีทีมพัฒนาในบริษัท ความยากแรกของปาล์มคือการสื่อสารกับทีมพัฒนาที่ครีเอทีฟไม่ค่อยคุ้นชินให้เข้าใจ แม้เวอร์ชันแรกจะหูแหว่ง ผมขาด ตาเหล่ แต่ทีมพัฒนาของเขาก็กลับมาพร้อม Gatsby Look ที่ Generated ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะมีหนวด น้ำหนักเยอะ หรือแม้กระทั่งเป็นผู้หญิง
ความยากต่อมาคือแบรนด์มีโควตาให้ใช้ 1 แสนคนใน 2 เดือน แต่ด้วยการประมวลผลที่แม่นยำทำให้มีคนหลั่งไหลเข้ามาใช้แอปถึง 80,000 คนใน 2 สัปดาห์แรก นั่นแปลว่าอีก 1 เดือนจากนี้จะกลายเป็นแอปที่ไม่มีประโยชน์ ปาล์มตัดสินใจชะลอการยิง Ads และขอซื้อโควตาเพิ่มอีก 1 แสน ด้วยทรงผมหมัดเด็ดอย่างผมทรงแสกกลางตามกระแสหนัง 4Kings และผมทรงรีไวล์จากแอนิเมชัน Attack on Titan
นอกจากนี้ ข้อมูลมหาศาลจากแอปฯ นี้ก็เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าในการสต็อกของ เพราะบอกได้ว่าภูมิภาคไหนนิยมทรงผมอะไร จน Gatsby ประเทศญี่ปุ่นขอนำผลงานของเขาไปพัฒนาต่อ
“เราเจออุปสรรคเยอะมาก แต่ก็ได้ความร่วมมือจากทีมที่เราไม่คุ้นเคย ซึ่งเป็นความช่วยเหลือที่ Marketing ทําไม่ได้ มันพิสูจน์ว่าพวกเราไปได้ไกลกว่าเดิม และวงการเอเจนซี่โฆษณาไม่ได้กําลังจะตายครับ”
Yell Advertising
รักงานนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยเยียวยาจิตใจคนโฆษณาทั้งประเทศ
โดย ดิศรา อุดมเดช, Founder / Chief Executive Officer
“ผมเองก็เป็นคนที่รักงานเหมือนกัน แต่ที่ผมอยากทราบ คือทุกท่านรักตัวเองมากน้อยแค่ไหน”
โอม-ดิศรา อุดมเดช เริ่มต้นนำเสนองานที่เขารักด้วยการตั้งคำถาม งานนี้แตกต่างจากอีก 14 เอเจนซี่ เพราะไม่ได้เล่าแคมเปญของลูกค้า แต่เป็นงานที่เขาทําเพื่อคนในธุรกิจโฆษณาและทุกคนที่รักงาน
ตลอด 14 ปีที่ทําบริษัท โอมพบว่าทีมงานของเขาหลายคนมีปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพจิต เขาเปิดเผยว่าเคยขออนุญาตไม่ต่อสัญญากับลูกค้า เพราะพบว่าครึ่งทีมมีปัญหา Mental Breakdown และจากการศึกษาข้อมูลยังพบอีกว่าประเทศไทยทำงานหนักเกินควรเป็นอันดับ 3 ของโลก
“คนทําธุรกิจย่อมไม่อยากเสียลูกค้า แต่สิ่งสําคัญที่ทําให้องค์กรอยู่รอดได้คือคนของเรา”
AI-Deate คือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ร่นเวลาการเขียนสตอรีบอร์ดหรือ Key Visual จาก 3 – 4 วันให้เหลือไม่กี่ชั่วโมงได้ โดยการกรอกคีย์เวิร์ดที่ต้องการลงไป AI ตัวนี้จะแปลสารออกมาเป็นภาพที่ต้องการ ทั้งยังเลือกลายเส้น ท่าทาง สีหน้า ภาษา โดยไม่ต้องห่วงว่าจะผิดลิขสิทธิ์ เพราะโอมได้เซ็นสัญญากับนักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่นเพื่อใช้ลายเส้นแล้วเรียบร้อย ที่สำคัญ แพลตฟอร์มนี้ใช้ฟรี
หลังเปิดตัว มี 41 ประเทศใช้งาน AI-Deate นั่นแปลว่าเขาแก้ปัญหาของคนทํางานไปแล้วทั่วโลก
“สิ่งที่ทําให้ผมเรียนรู้ คือถ้าเรารักอะไรก็อยู่กับมันดี ๆ อย่าให้รักนั้นกลายเป็นความ Toxic ของชีวิตเราครับ”
Dentsu Creative Thailand
รักงานแก้ปัญหาให้องค์กรวิทยาศาสตร์ด้วยศิลปะของการแก้บน
โดย วุฒิชัย เชาว์เมธีวุฒิ, Creative Director
ถ้าพูดถึง Dentsu หลายคนคงคิดว่างานที่ วู้ดดี้-วุฒิชัย เชาว์เมธีวุฒิ รักคงเป็นงานสไตล์ญี่ปุ่น แต่งานที่เขาเลือกวันนี้กลับเป็นงานสายมูที่ผนวกทั้งวิทยาศาสตร์ การเกษตร และความเชื่อเข้าด้วยกัน
BIOTEC ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติในสังกัด สวทช. (สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) ร่วมกับ Forest Friends Project (โครงการเพื่อนสวนพฤกษ์) หน่วยงานที่ช่วยพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมในแม่สอด จังหวัดตาก ทั้งสองร่วมมือกันเอาขยะที่ได้จากวัสดุทางการเกษตร เช่น อ้อย เปลือกไม้ มาแปรรูปเป็นวัสดุใหม่ทางชีวภาพที่มีความแข็งแรงแต่ก็เบาจนลอยนํ้า ขึ้นเป็นรูปต่าง ๆ ได้ และย่อยสลายเองตามธรรมชาติ โจทย์ของวู้ดดี้คือการโปรโมตวัสดุใหม่นี้
เขากระโจนลงไปในศาสตร์ใหม่ที่ไม่เคยเรียนรู้ เพราะวู้ดดี้เองก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเกษตรกรที่มักใช้วิธีเผาเพื่อกําจัดขยะจนทําให้เกิดมลภาวะ PM 2.5
ไอเดียของเขามีมากมาย ทั้งบ้านหมา บ้านแมว แพลอยน้ำ แม้กระทั่งเสื้อชูชีพ แต่ไอเดียที่ถูกตาต้องใจเขามากที่สุด คือตุ๊กตาม้าลายถวายแก้บน Zero Pollution Zebra จากเคยทำจากปูนปลาสเตอร์ ปูนซีเมนต์ ก็เปลี่ยนให้เป็นวัสดุชีวภาพมันซะเลย แถมใช้แล้วยังเหมือนได้ทำบุญอีกต่างหาก
เขาขายไอเดียนี้กับ BIOTEC ว่าเราเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคนไม่ได้ แต่นําความคิดและนวัตกรรมมาเปลี่ยนแปลงวิธีการได้ ศูนย์พันธุวิศวกรรมฯตอบตกลงทันที ส่วน Forest Friends Project เองก็เห็นด้วย
ไม่ว่าจะเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจต่างติดต่อเข้ามาเพราะอยากขยายสเกลม้าลายไปในวงกว้างกว่านี้ ปัจจุบันจึงอยู่ในขั้นตอนการผลิต วู้ดดี้ไม่ลืมหยิบม้าลายที่เขาภาคภูมิใจขึ้นมาอวดบนเวทีเป็นการส่งท้าย
รักงานโฆษณาเปิดตัวห้างหรูที่สร้างด้วยลังกระดาษ มีนักแสดงทั้งเรื่องเป็นแมว-หมา
โดย นพรัตน์ เอกสุวรรณเจริญ, Executive Creative Director
ภาพจำของ SOUR คือเอเจนซี่สาวแสบที่สวมรองเท้าบูตเดินขึ้นตึก วันนี้ มิ้นท์-นพรัตน์ เอกสุวรรณเจริญ พูดถึงงานที่พวกเธอถอดบูตเข้าโรงงาน
ปลายปี 2023 เปรียบได้กับสมรภูมิของการเปิดตัวห้าง ทั้งในเมือง รอบเมือง และต่างจังหวัด ลูกค้าเซ็นทรัลเดินเข้ามาหา SOUR พร้อมกับคำขอที่ว่า “อยากทําแคมเปญเปรี้ยว ๆ ที่เปิดตัวห้าง Central Westville ได้ไม่เหมือนคนอื่น แต่ต้อง Eco และ Sustainability”
มิ้นท์เลือกวิธีการเปิดตัวแบบทาส ๆ โดยมีน้องหมาน้องแมวเป็นผู้บริโภคหรือเรียกว่า Petsumer เพราะจุดขายหนึ่งของห้างนี้คือการเป็น Pet-friendly ของแท้ และทุกคนที่ทำงานนี้เลี้ยงสัตว์ทั้งหมด
SOUR เปลี่ยนห้าง Central Westville ให้กลายเป็นกล่องลังบ้านหมาแมวไซซ์จิ๋ว ออกแบบเป็นหน้าห้าง ลาน Playground โรงภาพยนตร์ ร้านกาแฟ แม้แต่โซนฟิตเนส ผลิตจากลังของคู่ค้าเซ็นทรัลจำนวนมากที่ใช้สำหรับการเปิดตัวห้าง ด้วยจุดแข็งของ SOUR คือการดีไซน์ พวกเขาจึงทำให้ Human Behavior กลายเป็น Pet Behavior ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังมี ยอร์ช-สรศาสตร์ วิเศษสินธุ์ จาก Gluta Story ผู้รักสัตว์เป็นที่สุดมากำกับหนังโฆษณาให้ ซึ่งบ้านหมาแมวเหล่านี้ไม่ได้ใช้ถ่าย TVC แล้วจากไป แต่นำกลับไปใช้ได้จริงทุกชิ้น ตามแกนสําคัญของเคมเปญนี้ นั่นคือ Repurpose Waste into Westville
“ไม่รู้ว่าจะได้รางวัลในเวทีไหนไหม แต่รางวัลที่ดีที่สุด คือกล่องเหล่านี้มันถูกจริตเรา ถูกใจน้อง ๆ และมีหลาย ๆ บ้านยังเก็บลังโฆษณาของเราไว้”
BBDO Bangkok
รักงานที่ให้พ่อแม่ยืมกล้องอินฟลูเอนเซอร์ ชวนลูกกลับบ้านเกิดทาง TikTok
โดย ศุภฤกษ์ ศิลารังษี, Creative Group Head
My Parent is a TikToker จากไก่ย่างห้าดาว คืองานที่ชาว BBDO รัก
แคมเปญนี้คิดขึ้นโดยแก๊งผู้ชายที่ไม่ได้กลับบ้าน บ้างอยู่ต่างจังหวัด บ้างอยู่กรุงเทพฯ แต่ห่างไกล จนออกมาเป็น ‘The Taste that Bring You Home รสชาติที่พาคุณกลับบ้าน’ โดยมีความตั้งใจว่าอยากทำงานโฆษณาที่พาทุกคนกลับบ้านเป็น Big Idea
อินไซต์ที่ ทีม-ศุภฤกษ์ ศิลารังษี ค้นพบ คือปัญหาของการไม่ได้กลับบ้านไม่ได้มีเพียงธุระปะปังเท่านั้น สิ่งสำคัญกว่านั้นคือความรู้สึกทางใจ เมื่อรู้สึกอยากกลับบ้านแล้ว การเคลียร์ตารางชีวิตให้ว่างจะตามมาเอง
กลุ่มเป้าหมายของพวกเขาคือ Gen Z ที่เล่น TikTok เป็นประจำ แต่คุณพ่อคุณแม่ของพวกเขาไม่ได้อยู่บนแพลตฟอร์มนั้นด้วย ทีมจึงคิดสนุกด้วยการพาพ่อแม่มา Takeover ช่อง TikTok ที่ Gen Z ชื่นชอบ ได้แก่ Pigkaploy, ไจ๋ ซีร่า และ แม่เมือง แล้วชวนกลับมาทานห้าดาวที่บ้านด้วยกัน
ด้วยการที่โปรเจกต์นี้ริเริ่มในช่วงใกล้เทศกาลแห่งการกลับบ้านอย่างสงกรานต์ ความโหดหินของมันจึงอยู่ที่ช่วงโปรดักชันเต็มประตู ตั้งต้นจากคำถามง่าย ๆ ว่า จะเซตถ่ายหรือจะถ่ายจริง แน่นอน ผู้กำกับมือดีอย่าง เอ๋-ธีระพล สุเนต์ตา ตอบทันควันว่าถ่ายจริง เพราะทำงานกับความรู้สึกคนดูได้มากกว่า แต่ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย เอ๋กลับมาด้วยไทม์ไลน์การถ่ายทำเพียง 33 วัน
พวกเขาต้องแคสติงนักแสดงกว่า 300 คนใน 5 วัน ไปดูโลเคชัน 3 วัน ถึงเชียงใหม่ อยุธยา นครราชสีมา Pre-production 5 วัน เตรียมการถ่ายทำ 3 วัน พา TikToker ไปเจอกับพ่อแม่ถึงที่แล้วแปลงโฉมพวกเขาใน 3 วัน ให้ TikToker ตัดคลิป 5 วัน นำคลิปที่ได้ไปให้ลูกหลานดู 2 วัน และพาลูกกลับบ้านไปทานห้าดาวใน 2 วันสุดท้าย
นอกจากการลงแรงลงใจของทีมจะทำให้นักแสดงอยากกลับบ้านและได้รับคำชื่นชมมากมาย ทีมปิดจบงานที่เขารักอย่างสวยงามด้วยสิ่งที่มากกว่ายอดขายถล่มทลาย นั่นคือการที่ครีเอทีฟอย่างเขาได้กลับไปทานข้าวที่บ้านกับครอบครัว
Wolf BKK
รักหนังโฆษณาไซไฟที่บรีฟแรกคือการถ่ายเซเลบร้อยล้านคู่ภาพ Packshot
โดย ต่อศักดิ์ ชื่นประภา, Co-founder / Chief Creative Officer
พูดถึงชื่อ Wolf เรารู้ได้ทันทีว่างานที่พวกเขาเลือกพูดบนเวทีวันนี้คืออะไร เพราะในปี 2023 มีแคมเปญบ้า ๆ ที่ถ้าไม่ใช่ Wolf ก็คงไม่มีใครกล้าทำอย่าง CP Chicken : Go For Launch #ไก่ไทยจะไปอวกาศ แต่คราวนี้เขามาพร้อมกับเบื้องหลังสุดมันที่ทำให้งานนี้สมควรถูกรักที่สุด
เต้ย-ต่อศักดิ์ ชื่นประภา เล่าว่าโจทย์ของลูกค้าง่ายมาก คือต้องการเพิ่มยอดขายและชนะคู่แข่งด้วยการเป็น Brand of Choice
ฟังดูก็เหมือนจะไม่มีปัญหา แต่ด่านแรกที่พวกเขาต้องเจอคือลูกค้ามีพรีเซนเตอร์เซเลบที่เซ็นสัญญาแล้ว และโฆษณาที่ลูกค้าอยากได้คือพรีเซนเตอร์ยืนคู่กับไก่ดิบ พร้อมบอกว่ามันสะอาดปลอดภัย – Wolf คิดไกลกว่านั้น
ด่านสอง เต้ยหาจนเจอต้นตอว่าทำไมความสะอาดจึงเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เพราะ CP สะอาดเป็นอันดับ 6 ในสายตาผู้บริโภค ในขณะที่คู่แข่งอยู่อันดับ 1 ทั้งที่ CP เองก็ได้รับรองมาตรฐานไก่จาก NSE, GMP, HACCP และ ISO 9001 ครบทั้งหมดด้วยเช่นกัน
ความบ้าเริ่มต้นตรงนี้ เมื่อโจทย์คือเอาชนะคู่แข่งให้ได้ และมาตรฐานไก่ในโลกมีอยู่เท่านี้ เต้ยไม่ทำแค่โฆษณา แต่เขาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยวิธีที่ไม่ใช่แค่ชนะในปัจจุบันแต่จะชนะตลอดไป ด้วยการส่งไก่ไทยไปสถานีอวกาศ ISS สถานที่ที่ความปลอดภัยไม่ใช่แค่เรื่องสำคัญ แต่จำเป็นมากที่สุด
ด่านสาม คือการติดต่อ NASA โชคดีที่ทีมงานไปเจอบริษัทในไทยชื่อ mu Space Corp เป็นตัวแทนของบริษัท Nanoracks ซึ่งเป็นตัวแทนของ Axiom Space ที่ติดต่อกับ NASA ได้อีกที แค่ฟังยังเยอะใจหาย นั่นมาพร้อมกับการประชุมมากกว่า 200 ครั้งในการทำแคมเปญนี้
ด่านสี่ ขอเลื่อนลูกค้าเลื่อนการเปิดตัวไป 1 ปี ฟังไม่ผิด 1 ปี เพราะด่านต่อมาคือ NASA’s Space Safety Standard ที่ตัวแทนจาก NASA ต้องบินมาไทยเพื่อดูว่า CP เลี้ยงไก่ยังไง จนในที่สุดคนไทยก็มีไก่ที่ได้มาตรฐานเดียวกับนักบินอวกาศ
ด่านสุดท้าย ถ้าใครทำอะไรก็ตามที่เอาเข้าปากคนไทยได้ ต้องผ่าน อย. เต้ยไม่เล่ามากมาย แต่บอกว่าด่านนี้ยากกว่า NASA หลายเท่านัก
หลังผ่านไป 6 ด่าน แคมเปญนี้ถูกโปรโมตผ่านทุกช่องทาง #ไก่ไทยจะไปอวกาศ เข้าถึงกว่า 1.3 พันล้านคนทั่วโลกใน 1 เดือนเป็นปรากฏการณ์ ถือเป็นก้าวสำคัญของอาหารไทยในอนาคต โดย CP ทะยานเป็นไก่สะอาดปลอดภัยที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา
เมื่อย้อนกลับไปดูบรีฟแรกที่ลูกค้าให้มา ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาพามันไปไกลทะลุโลก
ตามความเชื่อของเต้ยที่ว่า งานดีได้เท่าที่ลูกค้าดี
รักงานแปลสโลแกนแบรนด์ระดับโลกให้อิมแพกต์ถูกใจคนไทยและปลุกทีมงานให้ตื่น
โดย ชนัษฐพล เธียรศรี, Deputy Chief Creative Officer และ วรวินท์ รัตนศุภาวงศ์, Deputy Chief Strategic Office
ฟังแคมเปญที่แลนดิงอย่างสวยงามมาเยอะ มาดูงานที่ไปไม่ถึงฝันแต่รักที่สุดกันบ้าง
เป็ด-ชนัษฐพล เธียรศรี และ วิน-วรวินท์ รัตนศุภาวงศ์ พาเราย้อนไป 9 เดือนที่แล้ว กับลูกค้าที่ทำด้วยกันมานมนานอย่าง NESCAFÉ โจทย์ใหญ่คือลูกค้าเปลี่ยนสโลแกนจาก It all starts with a NESCAFÉ Coffee เป็น Make Your World และต้องการให้ TBWA แปลประโยคนี้เป็นภาษาไทยที่อิมแพกต์ไม่น้อยหน้า หากคุณคิดว่ามันง่าย เราขอให้อ่านต่อ
เงื่อนไขของโจทย์นี้คือต้องเกี่ยวข้องกับความยั่งยืนและช่วยทำให้โลกนี้ดีขึ้น พวกเขาตีโจทย์แตกในการประชุมแรกด้วยการมองว่าโลกในที่นี้ไม่ได้หมายถึงโลกทั้งใบ แต่ทุกคนมีโลกของตัวเองที่แตกต่างแต่อยู่ร่วมกันได้ กลายเป็นประโยคสุดแหลมคมที่ว่า โลกของคุณ ปลุกโลกทั้งใบ
พวกเขาขายผ่านทันที แต่ใช้เวลา 9 เดือนจากนี้ในการทำ
พอเป็นคำว่า โลกของคุณ ปลุกโลกทั้งใบ ในทุกครั้งของการประชุมจึงเป็นการปลุกกันไปเรื่อยไม่มีหยุด ทั้งลูกค้า ทั้งทีมงาน พวกเขายอมรับตามตรงว่าตลอด 9 เดือนนี้มีโอกาสให้ถอดใจง่าย ๆ เต็มไปหมดแต่โชคยังดีที่เกี่ยวก้อยกันไว้อย่างเหนียวแน่น สุดท้ายจบลงที่ด่านหินอย่าง อย. ไม่อนุมัติให้ใช้คำว่า ‘ปลุก’
แม้จะไปไม่ถึงฝัน แต่พวกเขาเล่าว่าเป็น 9 เดือนที่เห็นความตั้งใจของทุกคน ทำให้รู้ว่า TBWA ไม่มีแผนก ไม่มีคำว่าตำแหน่ง ไม่มีคำว่าลูกค้า ไม่มีคำว่าโปรดักชันเฮาส์ บนจอฉายภาพผู้กำกับไปนั่งทำงานที่เอเจนซี่ เอเจนซี่ไปนั่งทำงานที่บริษัทลูกค้า
ประโยคนี้ปลุกให้รู้ว่างานที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของรางวัล แต่คือทีมที่พร้อมจะทุ่มเททุกอย่าง สโลแกนที่แท้จริงของพวกเขาคือ ‘Make Our World’ ต่างหาก และนั่นคือรางวัล
GREYnJ UNITED
รักงานพลิกกลยุทธ์สินค้าเด็กด้วยพลังของอินไซต์ ให้สินค้าได้ใจคนทั้งครอบครัว
โดย สมพัฒน์ ทฤษฎิคุณ, Chief Creative Officer
เข้-สมพัฒน์ ทฤษฎิคุณ เชื่อในพลังของอินไซต์มาก นิยามคำนี้ของเข้คือการนำพฤติกรรมผู้คนมาผสานกับแบรนด์อย่างเหมาะสมในช่วงเวลานั้น ๆ เช่น ผู้หญิงอยากสวยเพื่อให้สามีมาชม ใคร ๆ ก็อยากมีผิวที่อ่อนเยาว์เหมือนผิวเด็ก หรือไม่มีความอ่อนโยนใดเทียบได้กับสัมผัสรักของแม่ ก็ยังเป็นอินไซต์ที่เขาใช้ตั้งแต่เริ่มงานแรกจนถึงวันนี้
เข้ทำงานที่ GREYnJ มา 6 เดือน งานที่เขาชื่นชมและชื่นชอบมากมาจากลูกค้า D-nee เพราะสิ่งที่ D-nee ทำคือการทลายกรอบความคิดของสังคม
D-nee ไม่เชื่อว่าการดูแลลูกเป็นหน้าที่ของแม่อย่างเดียวอีกต่อไป อินไซต์ที่ลูกค้าหยิบยื่นให้เข้จึงกลายเป็น ‘ไม่มีความอ่อนโยนใดเทียบได้กับสัมผัสรักของแม่และพ่อ’
งานที่เข้ทำพูดถึงพ่ออย่างเดียว ไอเดียนั้นคือความรักความอ่อนโยนของพ่อก็เป็นในแบบของพ่อ กอปรกับน้องในทีมเจอ #อย่าปล่อยลูกไว้กับพ่อ ที่ใช้กันแพร่หลายในโซเชียล เป็นที่มาของหนังโฆษณาสุดที่รักที่เขาไม่ได้ถ่าย แต่ขอฟุตเทจจากโซเชียลมาตัด ได้เป็นเรื่องราวการปล่อยลูกไว้กับพ่อ เห็นภาพลูกกลายเป็นเครื่องบิน กังหันน้ำ เปาบุ้นจิ้น ตบท้ายด้วยแท็กไลน์ที่ว่า D-nee สนับสนุนการปล่อยลูกไว้กับพ่ออย่างเป็นทางการ #ปล่อยลูกไว้กับพ่อก็ดีนี่
คนเคยดูหนังโฆษณาของ D-nee จะรู้ดีว่าพ่อกับแม่แทบจะออกกันครึ่งต่อครึ่ง เข้บอกว่าการที่แบรนด์เลือกใช้อินไซต์ที่มีพลังเข้ากับยุคสมัยทำให้ D-nee ประสบความสำเร็จจนเป็น Baby Care Product ที่เติบโตเร็วสุดในไทย เขาชื่นชมในความกล้าหาญของแบรนด์เป็นอย่างมาก
รักงานโฆษณาที่พูดถึงความตาย โดยคนโฆษณาที่ทำเพื่อสังคมมาทั้งชีวิต
โดย ประสิทธิ์ วิทยสัมฤทธิ์, Co-founder / Creative Director
เม้ง-ประสิทธิ์ วิทยสัมฤทธิ์ พูดเป็นคนสุดท้าย งานนี้เขาตั้งใจทำให้สำเร็จในวันที่ 17 มกราคมปีที่ผ่านมา แต่มันไม่เกิดขึ้น
เม้งรักงานที่ไม่มีจริง
เขาพาเราย้อนกลับไป 8 – 9 ปีก่อน กลุ่ม Peaceful Death เชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์ตายดีถ้าได้เตรียมตัว สั่งเสีย ทำความเข้าใจกับครอบครัว เดินเข้ามาขอให้ชูใจทำโฆษณาสมุดเบาใจ พินัยกรรมกึ่งสำเร็จรูปของผู้อยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิต เช่น ฉันต้องการเสียชีวิตที่ไหน บรรยากาศที่อยากอยู่ในช่วงวาระสุดท้ายเป็นอย่างไร ข้อสำคัญที่สุดที่มีผลทางกฎหมาย คือฉันเห็นด้วยกับการยื้อชีวิตหรือไม่
เม้งช่วยทำโฆษณาให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจนมาถึงโปรเจกต์ที่ 3 เขาชวน เอ๋-สราวุทธิ์ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม) มาจัดงานศพให้ตัวเอง เมื่อ พ.ศ.2561 เรียกเล่น ๆ ว่างานศพซ้อมตายแต่จัดขึ้นตามกระบวนการจริงทุกอย่างที่วัดธาตุทอง เว้นเพียงแต่เอ๋ไม่ได้นอนอยู่ในโลง โดยในงานมีสมุดเบาใจเป็นนิทรรศการเล็ก ๆ ที่บอกความต้องการของเอ๋ทั้งหมด
เม้งให้เอ๋ชวนคนมากล่าวคำไว้อาลัยตัวเองในวันเผา เอ๋เลือกแฟน เพื่อน และพี่ที่สนิทที่สุดมากล่าวให้ เมื่อถึงวันเผา ทั้งคนอ่าน คนฟัง คนร่วมงาน ต่างพากันน้ำตาไหล เอ๋ปรากฏตัวให้เห็นเมื่อคำกล่าวเหล่านั้นสิ้นสุดลงและบอกว่า “โชคดีที่สุดที่ผมสามารถได้ยินสิ่งนี้ในวันที่ผมยังมีชีวิตอยู่” ประโยคนี้เปลี่ยนชีวิตเม้งไปอย่างสิ้นเชิง
เขาอยากจัดงานนี้ให้พ่อที่ป่วยเรื้อรัง ต้องฟอกไตตลอดชีวิต ในวันที่ 17 มกราคม หวังมอบเป็นของขวัญวันเกิดและของขวัญวันตายให้พ่อได้เดินทางไกล
เวลาผ่านไปหลายปีที่เม้งไม่ได้ทำมัน เขายอมรับอย่างละอายแก่ใจว่าเป็นเพราะเขาวิ่งหนีตัวเอง คิดถึงวันที่พ่อไม่อยู่ไม่ได้ และในฐานะนักเล่าเรื่องที่ทำโฆษณามา 20 ปี เม้งมีทักษะอ่อนด้อยมากเหลือเกินที่จะสื่อสารกับคนในครอบครัว
พ่อเขาเสียชีวิตเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565
เม้งผิดหวังในตัวเองมากที่สุด เขาเคยนับเล่น ๆ ว่ามีโอกาสเป็น 3,000 ครั้งตั้งแต่พ่อป่วยที่จะสื่อสารเรื่องสมุดเบาใจ แต่การงานที่ทำร่วมกับ Peaceful Death มาเกือบ 10 ปีได้ตอบแทนเขา ก่อนจากไปไม่นาน พ่อเม้งจึงพูดว่า “ถ้าป๊าเป็นอะไร ปล่อยป๊าไปเลย ไม่ต้องยื้อ อย่าให้ป๊ากลับมาด้วยสภาพที่ไม่พร้อม”
งานวันที่ 17 มกราคมไม่มีอีกต่อไป แต่การจัดงานศพ 5 วันนั้น เขาพูดเรื่องการเตรียมตัวตายและการตายดีทุกวัน โดยมีของที่ระลึกคือสมุดเบาใจ พร้อมกล่าวคำไว้อาลัยที่พ่อไม่มีวันได้ยิน
“แม้งานนี้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่พ่อก็ให้ของขวัญกับตัวเองและพวกผม วินาทีที่คุณหมอเอาเอกสารมาให้เซ็นมันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดว่าพ่อได้ออกแบบความตายตัวเองไว้แล้ว พี่ชายผมเลยบอกว่าไม่ยื้อ นี่คือสิ่งที่งานนี้ให้กับผม”
โลกปัจจุบันมีช่องทางการสื่อสารเต็มไปหมด แต่งานนี้ของเม้งทำให้เรารู้ว่า การสื่อสารที่ดีที่สุดจะไม่มีความหมายเลย ถ้าเราไม่ได้พูดกับคนที่มีค่าทันเวลา
นี่คืองานของพ่อที่เม้งรักสุดหัวใจ