คุมาโมโตะ เมืองเล็ก ๆ ที่มีเจ้าหมีดำแก้มแดงชื่อคุ้นหูว่า ‘คุมะมง’ เป็นมาสคอตและซุกซ่อนอยู่เต็มเมืองไปหมด ไม่ว่าจะถนนหนทาง รถไฟ รถราง รถเมล์ หรือแม้แต่ห้องน้ำในสถานี ซึ่งที่นี่เป็นเมืองที่เซอร์ไพรส์กว่าที่คิด ก่อนจะมาก็รู้แค่ว่ามีปราสาทขนาดใหญ่ มีเจ้าหมีดำ มีรถราง มีแม่น้ำ และไม่คิดว่าพอมาถึงจะพบกับเมืองที่เรียกได้ว่าต่างจากฮากาตะอย่างลิบลับ ตึกสูงใหญ่มีน้อยมากจนไปถึงห้างและร้านรวงส่วนใหญ่ปิดตั้งแต่หัววัน มีเพียง Shopping Street แห่งเดียวที่รับนักท่องเที่ยวได้จนถึงราว ๆ 2 ยาม 

รถไฟท่องเที่ยวหลายขบวนของเจอาร์ คิวชู เริ่มต้นที่สถานีคุมาโมโตะ (Kumamoto) เมืองกลาง ๆ ค่อนไปทางสงบ เชื้อเชิญให้คนมาเที่ยวและพักผ่อนได้ด้วยการตั้งหมุดต้นทางของรถไฟท่องเที่ยวที่ออกในช่วงเช้า แม้ว่ารถไฟความเร็วสูงจะพาเราเดินทางมาจากฮากาตะได้ภายในเวลา 45 นาที แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราพักผ่อนนอนเล่นที่นี่ไปเลยโดยไม่ต้องตื่นเช้ามาก แล้วนั่งรถไฟในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ตามเนิร์ดรถไฟนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อสำหรับเด็กที่มีเทคนิคซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง 

กลยุทธ์นี้จึงเป็นรูปแบบธุรกิจที่สำคัญของการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาค การกระจายรถไฟท่องเที่ยวออกไปไม่ต้องกระจุกตัวที่เมืองใหญ่ต้นทางอย่างฮากาตะ ทำให้นักเดินทางเลือกไปเยี่ยมเมืองยิบเมืองย่อยได้โดยไม่ต้องคิดเยอะ ถ้ากางนิ้วไล่ดูบนเอกสารของเจอาร์ คิวชู ที่ว่าด้วยรถไฟท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่มีด้วยกันถึง 4 ขบวน

Aso Boy! รถไฟที่เหมือนสวนสนุกของเด็ก

A-TRAIN รถไฟสายสั้น ๆ ที่ชวนเราไปนั่งจิบเครื่องดื่มดูวิวทะเล

KAWASEMI YAMASEMI รถไฟส่องนก

SL HITOYOSHI รถจักรไอน้ำหนึ่งเดียวในคิวชู

ยังไม่รวมรถดีเซลรางด่วนสีแดงที่มีชื่อยาวเหยียดว่า Kyushu Odan Tokkyu ที่แปลว่า รถด่วนสำรวจคิวชู

คุมาโมโตะจึงกลายเป็นเมืองที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่นานที่สุด เพื่อจะได้นั่งรถไฟท่องเที่ยวครบทุกขบวน

ตามเนิร์ดรถไฟนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อสำหรับเด็กที่มีเทคนิคซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง 

Aso Boy! (あそぼーい!) คือรถไฟขบวนแรกที่เรานั่งในวันรุ่งขึ้น ให้บริการระหว่างสถานี Kumamoto (คุมาโมโตะ) ไปถึงสถานีเบปปุ (Beppu) ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะแบบตัดขวางตะวันตก-ตะวันออก ซึ่งสถานีรถไฟ Aso ที่เราจะลงนั้นอยู่กึ่งกลางของเส้นทางพอดิบพอดี 

เรามาถึงสถานีตั้งแต่ไก่โห่ (อ้าว ไหนบอกไม่อยากตื่นเช้า) อากาศเย็นเฉียบจนต้องหาเสื้อกันหนาวมาใส่ วันนี้บนชานชาลาคลาคล่ำไปด้วยผู้คนซึ่งน่าจะเป็นเรื่องปกติของสถานีรถไฟในญี่ปุ่น เช้านี้เป็นวันที่ถ่ายรูปรถไฟชานเมืองได้สนุกมือมาก มีรถไฟวิ่งเข้า-ออกแทบจะตลอดเวลาจนไม่รู้ว่าจะโฟกัสตรงไหนก่อนดี จนกระทั่งรถไฟที่จะนั่งในวันนี้ค่อย ๆ ปรากฏร่างขึ้น

ตามเนิร์ดรถไฟนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อสำหรับเด็กที่มีเทคนิคซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง 
ตามเนิร์ดรถไฟนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อสำหรับเด็กที่มีเทคนิคซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง 

Aso Boy! เป็นรถไฟที่หน้าตาค่อนข้างแปลกทีเดียวเลยล่ะ หัวและท้ายขบวนเป็นที่นั่งพาโนรามาสำหรับชมวิวขนาดใหญ่ ห้องขับด้านบนเหนือที่ชมวิว ตัวรถทั้ง 4 คัน สีขาวครึ่งบน ดำครึ่งล่าง และขลิบด้วยสีเหลือง มีตัวการ์ตูนน้องหมาสีดำที่มีชื่อว่า ‘คุโระจัง’ อยู่เต็มตัวรถ รหัสข้างรถทำให้เรารู้ว่าเจ้าขบวน Aso Boy! ใช้รถดีเซลราง KIHA 183 รุ่นพิเศษ แต่ดัดแปลงตัวรถให้มาเป็นรถไฟสำหรับท่องเที่ยว ซึ่งการออกแบบเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกจาก อาจารย์เอจิ มิโตะโอะกะ ปรมาจารย์ออกแบบรถไฟเจ้าเดิมที่เนรมิตรถไฟขบวนนี้ให้กลายเป็นสวนสนุกของเด็ก ๆ

ตามเนิร์ดรถไฟนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อสำหรับเด็กที่มีเทคนิคซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง 

ภายในรถไฟสมแล้วกับที่เป็นรถไฟของเด็ก นอกจาก คุโระจัง เจ้าหมาน้อยสีดำหน้าตาทะเล้น หลากหลายคาแรกเตอร์อยู่เต็มรถทั้งในและนอก จนรู้สึกว่าไปที่ไหนก็เจอแต่น้อง ตั้งแต่หน้ารถ ผ้าม่าน พื้น ที่นั่งในแต่ละตู้ก็ยังใช้สีสดใส กระตุ้นอารมณ์ของนักเดินทาง โดยเฉพาะเด็ก ๆ 

ตู้รถไฟคันที่ 1 และ 4 ที่ทำหน้าที่เป็นส่วนหัวและท้ายขบวนเป็นที่นั่งพิเศษ นั่งหันหน้าออกไปดูวิวด้านนอกจำนวน 9 ที่นั่ง ถือได้ว่าเป็น ‘ทำเลทอง’ ที่ทุกคนแย่งชิงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เราจองที่นั่งพาโนรามานี้ผ่านเว็บไซต์ไม่ได้ ต้องจองที่สถานีรถไฟเท่านั้น นั่นหมายความว่าชาวไทยอย่างเราแทบจะไม่มีสิทธิ์ได้ที่นั่งตรงนี้เลย ระหว่างที่เรายืนดูวิวห่าง ๆ แม่บ้านญี่ปุ่นที่กำลังสาละวนเฝ้าดูลูกชายส่องวิวเล่าให้ฟังว่า เขาต้องตื่นไปสถานีแต่เช้าในวันแรกของการเปิดจอง เพื่อเอาที่นั่งนี้มาเป็นของขวัญให้ลูกชายให้ได้

ผมยอมพี่ก็ได้….

จุดที่น่าสนใจอยู่ที่ตู้ส่วนกลางของขบวน ซึ่งออกแบบให้เป็นตู้สำหรับครอบครัวและเด็กอย่างแท้จริง 

1 ใน 3 ของรถเป็นส่วนคาเฟ่ที่ตั้งชื่ออย่างน่ารักเก๋ไก๋ว่า ‘Kuro Cafe’ มีพุดดิ้งและเครื่องดื่มให้ทุกคนได้เลือกสรร และแน่นอน มันคือซอยละลายทรัพย์ของเราอีกครั้ง ของที่ระลึกเฉพาะขบวน Aso Boy! ออกแบบมาได้น่ารักที่สุดจนอยากกวาดมาหมดทั้งแผง เจ้าหมาคุโระจังคือของที่ระลึกนั้น ไม่ว่าจะเข็มกลัด Magnet ติดตู้เย็น หรือแม้แต่ผ้าขนหนูลายรถไฟ Aso Boy! เรียกได้ว่าไม่ต้องหลอกเด็กไปซื้อหรอก ผู้ใหญ่เนี่ยแหละติดเบ็ดไปเรียบร้อย

ตามเนิร์ดรถไฟนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อสำหรับเด็กที่มีเทคนิคซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง 
ตามเนิร์ดรถไฟนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อสำหรับเด็กที่มีเทคนิคซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง 

อีกหนึ่งส่วนเหมือนสวนสนุกของเด็ก ๆ มีการแบ่งพื้นที่สำหรับที่อ่านหนังสือ มุมเล่นสนุก ๆ และที่พีกไปกว่านั้น คือบ่อลูกบอลที่ดูเหมือนว่าจะกลึงเกลามาจากไม้ ส่วนเรื่องความปลอดภัยสบายหายห่วง เพราะขอบบ่อลูกบอลออกแบบมาเป็นอย่างดีให้มีนวมหุ้มขอบ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการล้มกระแทกตอนรถไฟกำลังวิ่ง ตอนแรกเราคิดว่ารถไฟสำหรับเด็กต้องอุดมไปด้วยตัวการ์ตูนและสีสันที่จัดจ้าน แต่ Aso Boy! ไม่ใช่แบบนั้น พนักงานประจำขบวนรถเล่าให้ฟังว่า รถไฟขบวนนี้ออกแบบมาให้เป็นพื้นที่ของครอบครัว เด็กคือสมการสำคัญของขบวนนี้ เพราะถ้าเด็กเกิดอยากนั่งรถไฟขบวนไหนก็ต้องให้ครอบครัวพามานั่ง รถไฟขบวนนี้เลยเป็นส่วนผสมของความน่ารักสดใสของเด็กและความสะดวกสบายของผู้ใหญ่ มีพื้นที่ให้ครอบครัวได้ใช้เวลาด้วยกันบนรถไฟและสถานที่ท่องเที่ยวที่รถไฟสายนี้ผ่าน เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งตระกูล

นอกจากนั้นแล้ว ลูกเล่นของรถไฟขบวนนี้ยังคงซุกซ่อนไว้ตามจุดต่าง ๆ ด้วย เก้าอี้นั่งในตู้ Family ที่จัดวางเอาไว้สำหรับน้องหนูและผู้ปกครอง โดยเก้าอี้ที่คู่กันฝั่งริมหน้าต่างมีขนาดเล็กกว่าฝั่งริมทางเดินให้เป็นเก้าอี้นั่งสำหรับเด็กที่ดูวิวได้เต็มตาและผู้ใหญ่นั่งริมทางเดิน นอกจากนั้นแล้วชื่อของ Aso Boy! เมื่อเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น あそぼーい!จะออกเสียงคล้ายกับคำว่า あそぼ (อะสะโบะ) มีความหมายเชิงชักชวนว่า ‘มาเล่นกัน!’ แถมข้อความนี้ยังอยู่บนหน้ารถไฟด้วย ชวนกันเล่นแบบง่าย ๆ งี้เลยเหรอ 

แล้วพี่จะไปไหม

ไปจ้า!!

ตามเนิร์ดรถไฟนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อสำหรับเด็กที่มีเทคนิคซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง 

ตั้งแต่รถไฟออกจาก Kumamoto จะวิ่งผ่านพื้นที่ราบไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงช่วงหนึ่งของทางเริ่มไต่เนินเขาไปจนถึงสถานีเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า Tateno รถไฟจะต้องขึ้นเขาที่ชันขึ้นกว่าเดิม แต่พิเศษตรงที่ไม่ได้เป็นการขึ้นไปแบบตรง ๆ แต่เป็นเทคนิคที่เรียกว่า ‘สวิตช์แบ็ก (Switch Back)’ 

ลองมองภาพตาม

ตามเนิร์ดรถไฟนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อสำหรับเด็กที่มีเทคนิคซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง 
เทคนิค Switch Back สำหรับการขึ้นภูเขาที่ชันมาก ๆ ของรถไฟ

ด้วยความชันมาก ๆ ทำให้รถไฟไต่ขึ้นไปตรง ๆ ไม่ได้ ทางจึงต้องตัดด้วนที่จุดจุดหนึ่ง จากนั้นรถไฟทั้งขบวนต้องถอยหลังกลับไปทิศทางเดิม แต่การถอยหลังไม่ได้กลับไปที่เดิม แต่จะแยกไปอีกทางที่เป็นทางลาดชันสูงขึ้นไปอีกระดับ ซึ่งสุดทางลาดนั้นก็มีจุดสับรางอีกจุดที่รถไฟต้องไปหยุดพักตรงนั้น ก่อนจะเดินหน้าตรงต่อไปได้ คล้าย ๆ กับการซิกแซ็กในมุมตั้ง โดยเทคนิคนี้ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรามีอยู่ที่เมียนมา ในเส้นทางก่อนข้ามสะพาน Gokteik ที่เมืองนองกีโอ รัฐฉาน 

ตามเนิร์ดรถไฟนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อสำหรับเด็กที่มีเทคนิคซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง 
ตามเนิร์ดรถไฟนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อสำหรับเด็กที่มีเทคนิคซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง 

ชั่วโมงกว่า ๆ จาก Kumamoto เราเดินทางถึงสถานี Aso เป้าหมายถัดไปคือการไปสู่ยอดปากปล่องภูเขาไฟ Aso ที่เปิดให้ขึ้นแล้วหลังจากที่ปิดไประยะหนึ่ง เพราะก๊าซพิษที่พ่นออกมา

ที่สถานี Aso เป็นอาคารไม้ขนาดย่อม ทาด้วยสีดำ ทำให้สถานีดูขลังและคลาสสิกมาก เมื่อลงจากรถมาแล้ว เราจะกับนายสถานีคุโระจังพร้อมที่ทำการเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ใครมาก็ต้องแวะถ่ายรูปกับน้องคุโระ

ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง
ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง

สำหรับใครที่จะไปภูเขาไฟ Aso ต่อนั้น ด้านหลังมีจุดจอดรถบัสที่เรียกได้ว่ามารับกันถึงที่ ซึ่งรถบัสนี้ไม่ใช่ทัวร์เหมาคันแบบที่นักท่องเที่ยวไทยชอบทำกัน แต่เป็นรถประจำทางจริง ๆ ที่มีจุดจอดและเวลาชัดเจน นักท่องเที่ยวซื้อตั๋วจากจุดนี้ขึ้นไปจนถึงจุดสุดท้ายที่ Aso Sanjo แล้วต่อรถระยะสั้น ๆ ไปถึงปากปล่อง หรือว่าจะลงที่ Aso Volcano Museum แล้วเดินเท้าต่อไปถึงปากปล่องก็ย่อมได้ ซึ่งเราเลือกแบบหลังเพราะอยากใช้เวลาพินิจพิจารณาภูเขาไฟไปด้วย

ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง

ที่ Volcano Museum เป็นลานจอดรถกว้าง ๆ และมีทุ่งขนาดใหญ่ชื่อว่า ‘คุซะเซนริ’ ซึ่งถ้าหากเราไต่บันไดขึ้นไปตรงจุดชมวิวจะมองเห็นทัศนียภาพของภูเขาไฟได้อย่างชัดเจน ตรงนี้เราพลาดนิดหน่อยที่ไม่ได้คิดว่าอากาศจะเย็นจัดจากลมจนปวดหูไปหมด สิ่งที่ทำได้คือถ่ายรูปให้ไวแล้วลงไปที่ลานจอดรถโดยทันทีเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ก่อนจะเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรเพื่อไปที่ Aso Sanjo อันเป็นจุดพักก่อนขึ้นไปถึงปากปล่อง โดยจากจุดพัก เราก็เลือกได้อีกว่าจะต่อบัสขึ้นไปหรือจะเดินไป 

สภาพแวดล้อมสองข้างทางโล่งมาก แทบไม่มีต้นไม้ใหญ่เลย มีต้นไม้เล็ก ๆ ที่เหมือนยืนต้นตายแล้วก็มีรอยดำ ๆ ที่น่าจะเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟด้วย บนพื้นดินที่เดินมีเถ้าภูเขาไฟกระจายตัวอยู่เต็ม จนรองเท้าสีดำเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาและเริ่มขาว ลมที่แรงหวีดหวิวทำให้ต้องหยุดพักเป็นระยะ ๆ แม้ว่าทางเดินจะง่ายดายขนานไปกับถนน แต่ถ้าใครที่ร่างกายไม่พร้อมกับอากาศที่เย็นและต้องเดินบนทางลาดชันก็อาจจะเหนื่อยเอาง่าย ๆ 

ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง

ภูเขาไฟ Aso เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นและมีขนาดใหญ่เบอร์ต้น ๆ ของญี่ปุ่น แถมยังติดอันดับภูเขาไฟขนาดใหญ่ของโลกด้วย กินพื้นที่กว่า 100 กิโลเมตร มีปล่องภูเขาไฟเรียงรายกันไปถึง 5 ปล่อง ได้แก่ ปล่อง Nakadake, Takadake, Kijimadake, Eboshidake และ Nekedake โดยปล่องที่เป็นปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ชมได้ง่ายที่สุด คือ Nakadake (นาคาดาเกะ) ซึ่งโชคดีมากที่เราขึ้นมาได้ เพราะก่อนหน้านั้นต้องปิดการขึ้นเนื่องจากคุณอะโสะพ่นก๊าซพิษออกมา

ปากปล่องนาคาดาเกะมีขนาดใหญ่มากและมีไอน้ำพวยพุ่งออกมาตลอดเวลา ถ้าเงี่ยหูฟังดี ๆ จะได้ยินเสียงคำรามจากโลกใต้พิภพดังออกมาเป็นระยะ ๆ นักท่องเที่ยวหลายคนเลือกปักหลักตามรั้วเพื่อถ่ายรูปกับปากปล่องขนาดใหญ่ บ้างก็ซื้อหินภูเขาไฟที่มีคนตั้งแผงขาย มองไปมองมาทำให้รู้สึกได้ว่า ถ้าเทียบกับธรรมชาติแล้ว มนุษย์เราดูเล็กจิ๋วไปเลย

ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง
ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง

ตอนที่เราขึ้นรถบัสจากสถานี Aso มา เขามีเอกสารเวลารถบัสให้ดูเพื่อวางแผนการนั่งรถไฟกลับด้วย นี่เป็นข้อดีของการเที่ยวในญี่ปุ่นที่เราไม่จำเป็นต้องเหมารถหรือเหมาทัวร์เลย ทุกคนวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองได้ เราพลิกกระดาษดูเวลารถบัสที่จะกลับไปสถานีรถไฟอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ตกรถแน่ เพราะขากลับเข้าไป Kumamoto นั้น เรานั่งรถไฟท่องเที่ยวอีกหนึ่งขบวนที่มีชื่อว่า KAWASEMI YAMASEMI (かわせみ やませみ) โดยการออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘นก’ 

ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิด 

Kawasemi และ Yamasemi คือนกในสายพันธุ์เดียวกับนกกระเต็น (Kingfisher) ทั้ง 2 สายพันธุ์ที่พบได้ในแถบแม่น้ำคุมะ โดยรถไฟขบวนนี้นำเอกลักษณ์จากนกมาสรรสร้างให้เป็นรถไฟท่องเที่ยว เป็นรถดีเซลราง KIHA 47 จำนวน 2 คัน จุดเด่นของการออกแบบคือใช้สีพื้นรถคนละสี โดยตู้ KAWASEMI เป็นสีน้ำเงินกรมท่า และรถ YAMASEMI มีสีเขียวเข้ม ภายในใช้ไม้ในการประดับตกแต่งอย่างสวยงามและสบายตาเป็นโทนสีเบดจ์ โครงเก้าอี้ทุกตัวทำมาจากไม้ที่ประณีต เบาะสักหลาดหุ้มที่นั่งมีสีโทนเดียวกันกับตู้นั้น ๆ ทำให้เรารู้ได้ว่าตอนนี้เราอยู่ในตู้ KAWASEMI หรือ YAMASEMI

ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง
ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง

รถไฟขบวนนี้เปิดให้บริการครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิปี 2017 ออกแบบโดย อาจารย์เอจิ มิโตะโอะกะ เดบิวต์ในเส้นทาง Kumamoto-Hitoyoshi เพื่อให้เป็นรถไฟแห่งการฟื้นฟู (Recovery Train) จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ Kumamoto เมื่อปี 2016 

หลังจากพายุไต้ฝุ่นทำให้เส้นทางรถไฟสาย Hitoyoshi ถูกน้ำท่วมเสียหายหนัก รถไฟขบวน KAWASEMI YAMASEMI จึงเปลี่ยนเส้นทางวิ่งมาเป็น Kumamoto-Miyaji แทน

นอกจากนำนกพื้นถิ่นมาเป็นจุดขายของขบวนรถแล้ว ภายในรถยังออกแบบให้เรารู้สึกเหมือนกำลังส่องดูนกอยู่ด้วยเช่นกัน หน้าต่างบางบานทำให้เป็นวงกลมเหมือนช่องส่องนก มีลวดลายของนกกระเต็นทั้ง 2 สายพันธุ์ประดับประดาอยู่เต็มพื้นที่ รวมถึงด้านหน้าสุดของรถไฟที่มีแผ่นทองเหลืองรูปนกติดอยู่เหนือดวงไฟส่องทาง ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกด้วย

ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง
ตู้ KAWASEMI
ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง
ตู้ YAMASEMI

เหมือนเดิมเช่นขามา รถไฟต้องผ่านจุด Switch Back ที่สถานี Tateno อีกครั้ง รอบนี้เราขอใช้เวลาหยุดรถลงมาถ่ายรูปเล็ก ๆ น้อย ๆ พนักงานประจำรถเดินถือกระดิ่งลงมาดูแลบนชานชาลาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันอย่างหนำใจ ก่อนจะสั่นกระดิ่งเพื่อเรียกทุกคนกลับขึ้นไปบนรถ 

บรรยากาศในรถช่วงเย็นนั้นค่อนข้างเงียบกว่าขามา หนึ่ง คือไม่มีเด็ก สอง คือหลายคนน่าจะเหนื่อยกับการเดินภูเขาไฟ ซึ่งผู้โดยสารที่อยู่บนรถนั้นเป็นคนคุ้นหน้าตั้งแต่ขบวน Aso Boy! แล้ว ต่างคนต่างมองวิวนอกหน้าต่างที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนรถมาจอดสนิทบนชานชาลาสถานี Kumamoto อันเป็นปลายทาง

ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง

เพื่อนร่วมขบวนของเราลงจากรถไปหมด เหลือเราอยู่บนชานชาลากับเนิร์ดรถไฟอีก 2 – 3 คน ซึ่งก็จำหน้าได้ว่าเห็นตั้งแต่เช้าแล้ว เหมือนกับว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังรอคอยขบวน Aso Boy! เที่ยวกลับ และเป็นจริงอย่างที่คาดเมื่อขบวน Aso Boy! ปรากฏตัวขึ้นมา ชายวัยรุ่น 3 คนนั้นก็ลั่นชัตเตอร์อย่างถี่ยิบซะจนเนิร์ดรถไฟไทยกดตามไม่ทัน เรา 4 คนยืนดูขบวน Aso Boy! ที่จอดนิ่งอยู่ข้างหน้ากันอย่างพินิจพิจารณาจนถึงเวลาที่รถไฟขบวนสีขาว-ดำต้องกลับไปพักผ่อนเพื่อรับผู้โดยสารในวันถัดไป 

เสียงเร่งเครื่องดังขึ้น รถไฟทั้งขบวนค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป ทิ้งให้ชายผู้ชื่นชอบรถไฟ 4 คนมองไปจนลับสายตา พร้อมแสงอาทิตย์ที่สิ้นสุดการทอแสงเปลี่ยนให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีเข้มอันเป็นสัญญาณของกลางคืนที่กำลังมาถึง

วันนี้สนุกดีแฮะ ได้นั่งรถไฟท่องเที่ยวตั้ง 2 ขบวนแน่ะ

เกร็ดท้ายขบวน

  • ก่อนที่ Aso Boy! จะเป็นอย่างทุกวันนี้ เซตรถชุดนี้เคยเป็นรถไฟท่องเที่ยวสาย Yufu DX มาก่อน ก่อนจะมีการใช้ชุดรถ Yufuin no Mori มาให้บริการ Yufu DX จึงเปลี่ยนแปลงมาเป็น Aso Boy! อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
  • ก่อนเดินทางให้ตรวจปฏิทินก่อนว่า Aso Boy! มีวิ่งวันไหนบ้าง หากเราไปเที่ยวในช่วงที่ไม่ได้วิ่ง ช่วงเวลานั้นจะทดแทนด้วยรถด่วนขบวนสีแดงที่ชื่อว่า Kyushu Odan Tokkyu 
  • หลังสถานี Aso มีรูปปั้นของ Usopp หนึ่งในตัวละครจากมังงะ One Piece ด้วย
ตามไปนั่ง Aso Boy! สวนสนุกติดล้อที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก-ครอบครัว และเทคนิค Switch Back หรือการซิกแซ็กสับรางในมุมตั้ง

Writer & Photographer

Avatar

วันวิสข์ เนียมปาน

มนุษย์ผู้มีรถไฟไทยเป็นเพื่อนสนิท และอยากแนะนำเพื่อนให้ชาวบ้านสนิทด้วย รักการเดินทางและชอบเดินเป็นชีวิตจิตใจ