5 กุมภาพันธ์ 2024
865

Ashram Scent หรือ อาศรมเซ้นท์ คืออาศรมแห่งกลิ่นที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอันหลากหลาย ให้ทั้งความรู้สึกอ่อนหวาน ลึกลับ เย้ายวน มีเสน่ห์ ลุ่มลึก และอื่น ๆ อีกมากมาย ยากที่จะสรรหาคำมาบรรยาย 

ขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่แตกต่างกันไปตามประสาทสัมผัสและประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน 

แต่ถึงกลิ่นจะแตกต่างกัน สิ่งที่เหมือนกันและเป็นหนึ่งเดียว คือทุกกลิ่นรังสรรค์โดย เฟิร์ส-อชิตพล พานทอง หรือที่ใครหลายคนเรียกเขาว่า ‘พ่อมดปรุงกลิ่น’ หรือไม่ก็ ‘ศิลปินผู้เบลนด์น้ำหอม’ ผู้ดูแลอาศรมแห่งนี้ เส้นทางของ เฟิร์ส กับ กลิ่น มาบรรจบพบกัน เมื่อเฟิร์สตัดสินใจลาออกจากงานมาร์เก็ตติ้งให้กับแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง แล้วผันตัวไปทำงานด้านสปาและความงาม 

จนกระทั่งเกิดการระบาดของโควิด-19 ลูกค้ามาสปาไม่ได้ เลยเกิดไอเดียที่ว่าจะทำผลิตภัณฑ์เพื่อความผ่อนคลาย คลายปวดเมื่อย ส่งไปให้ลูกค้าที่บ้าน ดังนั้น Office Syndrome Spray จึงเป็นคำตอบที่เฟิร์สต้องการ 

แต่ด้วยความที่ว่าเฟิร์สไม่ชอบกลิ่นแบบยา เลยตั้งโจทย์ให้กับสินค้าชิ้นนี้ว่าจะต้องมีกลิ่นหอม ไม่ใช่กลิ่นแบบยาหม่อง ต้องไม่เหนียวเหนอะหนะ รวมถึงต้องไม่ติดเป็นคราบที่เสื้อผ้า สรุปพอทำออกมา ลูกค้าชอบกันมาก เลยทำออกมาอีกหลาย ๆ กลิ่น จนกระทั่งมีลูกค้าคนหนึ่งถามว่านำมาฉีดแทนน้ำหอมได้ไหม เฟิร์สเลยรู้ว่าเรื่อง ‘กลิ่น’ มีความสำคัญและมีผลต่อมนุษย์มาก ๆ พร้อมทั้งรู้ใจและแพสชันของตัวเองว่าอยากลงลึกกับมัน เลยตัดสินใจไปเรียนด้านนี้ต่ออย่างจริงจัง 

 “พอไปเรียนก็ยิ่งทำให้ได้รู้ว่าศาสตร์เรื่องกลิ่นน่าสนใจมากกว่าคำว่า ‘หอม’ และ ‘ไม่หอม’ กลิ่นสัมผัสไปที่จิตวิญญาณได้ กลิ่นมีผลทั้งทางด้านร่างกาย ใจ จิตวิญญาณ และกลิ่นลงลึกไปได้ถึงความทรงจำที่ยาวนาน ไปจนถึงการจำได้หมายรู้ของอดีตชาติ 

“ตอนที่เริ่มเรียนก็รู้สึกตื่นเต้นว่าโอ้โห มันมีอะไรมากมาย ทั้งกลิ่นกับจิตวิทยา เรียนไปจนถึงการสกัด ลงลึกไปจนถึงความแตกต่างของ Fragrance และ Essential Oil ว่าเข้าไปถึงระดับจิตวิญญาณได้แตกต่างกันยังไง มันพาเราไปได้ลึกแค่ไหน ทำไมบางคนดมบางกลิ่นแล้วร้องไห้ บางคนดมแล้วนึกถึงอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ แต่กลิ่นเข้าไปทำงานกับระดับจิตใต้สำนึก บางคนดมแล้วรู้สึกเดจาวู 

“พอรู้แบบนี้เลยอยากเรียนอะไรที่เกี่ยวกับกายภาพและร่างกายมนุษย์มากขึ้น อยากเข้าใจถึงความซับซ้อนและความอัจฉริยะในร่างกายมนุษย์ ระบบประสาท สมอง วิธีการรับรู้กลิ่น เลยไปเรียนคอร์สอายุรเวทสั้น ๆ และประกอบกับผมชอบศึกษาธรรมะมาตั้งแต่เด็ก ชอบอ่าน พระไตรปิฎก และรู้สึกว่ามันคือเส้นทางของจิตวิญญาณ เลยรู้สึกว่าทุกอย่างผนวกกันได้ ระหว่างคำว่า กลิ่น + พระธรรม + กายภาพ + เวท หรือวิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยยาที่ได้จากพืช สัตว์ สมุนไพร ซึ่งทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกันหมด 

“ร่างกายมนุษย์มีความอัจฉริยะที่จะบำบัดรักษาตัวเองได้ และกลิ่นก็เป็นเหมือน Scent Medicine ที่ช่วยบำบัดและเยียวยาด้วยเช่นกัน ผมค่อย ๆ เห็นจุดเชื่อมโยงของมันทีละนิด ๆ” 

หลังจากเรียนจบ เฟิร์สก็เริ่มออกแบบกลิ่นให้เพื่อนและคนรู้จัก ซึ่งวิธีการปรุงกลิ่นของเขาไม่ได้มาจากแค่ในตำราเรียน แต่น่าจะมีเซนส์พิเศษที่ทำให้กลิ่นที่เขาปรุงนั้นมีความซับซ้อน ไม่เหมือนใคร มีความละเอียดลออ รู้ว่าจะผสมกลิ่นไหนกับกลิ่นไหน จนทำให้หลายคนติดใจและมาสั่งให้ Customize กันเรื่อย ๆ จนตอนหลังเฟิร์สตัดสินใจเปิดบริษัทขึ้นมาเพื่อรับออกแบบกลิ่นโดยเฉพาะ ตั้งแต่สำหรับบุคคลไปจนถึงร้านอาหาร โรงแรม Wellness Center และอีกหลายโปรเจกต์ที่ต้องการสร้างอัตลักษณ์ผ่านการสื่อสารด้วยกลิ่น 

“เวลาออกแบบให้ลูกค้าแต่ละคน เราต้องพูดคุยเยอะมาก เหมือนเรานั่งสัมภาษณ์งานเลย เพื่อที่จะต้องได้รู้ความเป็นเขา จับตัวตนของเขา จับจิตวิญญาณของเขา พฤติกรรมและวิธีการใช้ชีวิต เพื่อออกแบบกลิ่นให้เหมาะสมที่สุด อย่างบางคนเฟิร์สขอดมตัวเลยก็มี บางทีต้องถามว่ากินผักหรือกินเนื้อ เพราะฟีโรโมนแต่ละคนบนโลกนี้ไม่เหมือนกันเลย หรืออย่างเช่นบางคนทำงานกลางแดด เราต้องรู้ว่าเขาเหงื่อออกมากไหม เหงื่อเค็มหรือเหงื่อเปรี้ยว ถ้าจะออกแบบน้ำหอมเพื่อกลบกลิ่นเหล่านี้เราต้องรู้ รวมไปถึงธาตุ คนนี้เป็นธาตุอะไร ดิน น้ำ ลม ไฟ มีผลหมด หรืออย่างเช่นผิว ผิวมันหรือผิวแห้ง เพราะถ้าผิวแห้งน้ำหอมจะติดไม่ค่อยทน ที่ยกตัวอย่างมาคือสิ่งที่เราต้องรู้ ต้องถามและสังเกต เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นสถานที่ ก็ต้องรู้ว่าลูกค้าอยากให้สถานที่สื่อสารอะไร อยากให้คนจดจำในรูปแบบไหน มีซิกเนเจอร์หรือความพิเศษอะไร” 

“พอเริ่มทำงานที่มีความเป็นธุรกิจมาได้ระยะหนึ่ง เส้นทางการเดินทางกับกลิ่นของเฟิร์สก็เริ่มเข้าสู่สายจิตวิญญาณ เริ่มมีคนมาให้เบลนด์กลิ่นเพื่อบำบัด ผ่อนคลาย หรือรักษาอาการต่าง ๆ ทางจิตใจ อย่างเช่นบางคนอยากนั่งสมาธิได้ดีขึ้น บางคนเป็นซึมเศร้า หรือบางคนอยากทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น เฟิร์สก็จะเบลนด์กลิ่นเพื่อให้เกิดการทำงานภายใน ซึ่งนี่เป็นมากกว่าระดับทางกาย แต่ลงลึกไปจนถึงความรู้สึกและจิตใจ 

“ก่อนจะมาเบลนด์กลิ่นในระดับจิตวิญญาณ เริ่มสังเกตตัวเองว่าเวลาคุยกับใคร เรามักจะได้กลิ่นบางอย่างจากเขา พูดแล้วอาจดูเหลือเชื่อ แต่บางทีเราได้กลิ่นความทุกข์และรู้สึกได้ว่าเขาเป็นอะไร ซึ่งพอถามแล้วก็ตรง หรือบางทีเราได้กลิ่นความสุข พอเราสัมผัสตรงนี้ได้ เลยอยากทำกลิ่นเพื่อช่วยคนด้วย ไม่ใช่เพื่อธุรกิจหรือเงินอย่างเดียว” 

นอกเหนือจากจคัดสรรและออกแบบกลิ่นให้บุคคลและสถานที่แล้ว ยังมีงานสอนเบลนด์กลิ่นในแบบฉบับของเฟิร์สเองที่จะพาผู้เข้าร่วมนั่งสมาธิกลับเข้ามาหาลมหายใจ กลับมาหาตัวเอง เพื่อให้รู้จักตัวเองมากที่สุด จะได้เบลนด์กลิ่นได้ตรงจุดที่สุด เป็นการผสมผสานเรื่องเบลนด์กลิ่นและจิตวิญญาณเข้าด้วยกันที่น่าสนใจมาก ๆ 

“ผมอยากใช้กลิ่นเป็นสื่อในการส่งสารและเมสเซจเกี่ยวกับชีวิต โลก และมนุษย์ ดังนั้นอีกหนึ่งบทบาทที่ผมกำลังทำอยู่ คือการเป็นศิลปินออกแบบกลิ่นสำหรับงาน Art และ Performance Art ในงาน Bangkok Design Week 2024 กลิ่นสื่อได้ถึงความลึกลับภายในของจิตใจมนุษย์ ผมอยากให้งานศิลปะที่มีกลิ่นเป็นสื่อกลางนี้ปลุกอะไรบางอย่าง หรือเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คน ปีหน้าผมมีแพลนจะทำ Solo Exhibition มากมาย อยากให้รอติดตามกันนะครับ”

อาศรมเซ้นท์ (Ashram Scent)

Writer

Avatar

นวลวรรณ สุพฤฒิพานิชย์

เกิดและเติบโตในเมือง จนวันหนึ่งรู้สึกว่า Disconnect กับธรรมชาติ เลยเลือกมาใช้ชีวิตบนเกาะกับสายน้ำและภูเขาแทน

Photographer

Avatar

เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล

ปัจจุบันกำลังหัดนอนก่อนเที่ยงคืน