เวลามาภูเก็ต เรามักนึกถึงแดดจ้า เกาะสวย ทะเลใส แต่การมาถึง ‘Wyndham Grand Nai Harn Beach Phuket’ (โรงแรมวินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต) ครั้งนี้ เปิดประสบการณ์มากกว่านั้น แม้วันที่อากาศไม่เป็นใจ หรือวันที่คุณอยากดูแลสุขภาพกายใจให้ดี สถานที่แห่งนี้ยังเปิดต้อนรับแขกผู้มาเยือนเสมอ
ก่อนจะออกเดินทางไปด้วยกัน เราขอแนะนำสถานที่นี้อย่างเป็นทางการสักนิด
Wyndham Hotels & Resorts คือแฟรนไชส์โรงแรมรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีมากกว่า 9,060 สาขา ส่วนในไทยเองก็มีถึง 22 แห่ง และหาดในหานภูเก็ตคือสาขาใหม่ล่าสุด นำโดย บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด (CISSA) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทยมากว่า 18 ปี และมี คุณอรรถนพ พันธุกำเหนิด เป็นผู้ก่อตั้ง รวมทั้งเป็นหนึ่งในผู้พาเราทัวร์ชมตลอด 3 วัน 2 คืน
หลังจากบินลัดฟ้าจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่า ๆ เรานั่งรถตู้ต่อมาจากสนามบินภูเก็ตเพียง 45 กิโลเมตรก็ถึงที่หมาย
วันแรกในภูเก็ต
คุณอรรถนพออกมาต้อนรับ พร้อมเริ่มต้นเล่าให้เราฟังว่า ด้วยพื้นเพและความคุ้นเคยกับภาคใต้ ทำให้หลาย ๆ โครงการของซิซซาเกิดขึ้นในปลายด้ามขวานของไทย ประกอบกับข้อมูลจาก คุณเกรกอรี่ โรนัลด์ แฮร์ริสัน (Gregory Ronald Harrison) General Manager ของที่นี่ชี้ให้เราเห็นว่าจังหวัดภูเก็ตกลายเป็นจุดหมายของชาวไทยและชาวต่างชาติมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพื่อการพักผ่อน แต่เป็นการมาเพื่อดูแลสุขภาพ
“เนื่องจากพฤติกรรมของนักเดินทาง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีกำลังการใช้จ่ายสูง เริ่มผสานแพ็กเกจสุขภาพเข้าไปเป็นหนึ่งในโปรแกรมท่องเที่ยวมากขึ้น วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต จึงอยากพัฒนาสู่ Medical Wellness Resort” คุณอรรถนพเสริม
ดังนั้น สิ่งที่เราเห็นและรู้สึกได้ชัดว่าความแตกต่างของโรงแรมแห่งหาดในหานกับโรงแรมอื่น ๆ คือการตั้งเป้าหมายเป็น Destination Hotel ซึ่งมีทั้งการบริการระดับ 5 ดาว และสร้าง World-class Wellness ให้เกิดขึ้น เป็นโมเดลธุรกิจต้นแบบแห่งแรกที่แยกสัดส่วนการบริหารชัดเจน ในส่วนของโรงแรมและศูนย์สุขภาพ
วันที่แดดออก
ไม่ทันที่เราจะสงสัยว่าทำไมโรงแรมหรู 5 ดาวถึงมาตั้งอยู่ใกล้หาดเล็ก ๆ อย่างในหาน คุณเกรกอรี่ก็ตอบให้ว่าหาดในหานมีเอกลักษณ์อย่างหาที่ไหนไม่ได้ ทั้งความเป็นหาดส่วนตัว ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ แม้จะอยู่ใต้สุดของเมืองภูเก็ต แต่คุณก็เข้าเมืองได้ง่าย ไปสนามบินก็สะดวก รวมถึงมีกิจกรรมมากมายให้ทำตลอดทั้งวัน ซึ่งแต่เดิม ส่วนท้องถิ่นเองก็สนับสนุนการทำให้หาดในหานเป็นพื้นที่เพื่อสุขภาพอยู่แล้วด้วย
เพื่อพิสูจน์ความจริง เราไม่รอช้า ขึ้น Shuttle Bus สไตล์ชาวเลผ่านทะเลสาบในหาน (Nai Harn Lake) มุ่งหน้าสู่หาดภายใน 5 นาที (ความลับที่ 1 : ระยะทางแสนใกล้ ถ้าคุณอยากออกกำลังกายก็เดินไปถึงได้ หรือจะวิ่งรอบทะเลสาบสัก 1 รอบก็วอร์มร่างกายได้ดีประหนึ่งเดินรอบสวนลุมพินี กรุงเทพฯ)
กิจกรรมชายหาดมีมากมายจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิ่งริมหาดตอนเช้า เล่นวอลเลย์บอลช่วงบ่าย ขับสปีดโบต ซึ่งในวันที่เราเดินทางมาก็เห็นเด็ก ๆ กำลังฝึกเซิร์ฟกันอย่างสนุกสนาน
หรือว่าใช้เวลา 8 นาที ขับต่อไปอีกนิดก็ได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรหมเทพได้
ส่วนใครอยากลองเล่นน้ำในโรงแรมก็มีถึง 10 สระโดยรอบให้คุณเลือกจุ่มเท้าหรือลงไปเล่นน้ำได้ (ความลับที่ 2 : ถ้าใครอยากตื่นมาเล่นน้ำแบบส่วนตัว ก็จองห้องแบบ Pool Access ซึ่งมีถึง 77 ห้องจากตรงระเบียงได้เลย)
วันที่ฝนตก
น่าเสียดายที่วันต่อมาฝนฟ้าไม่ค่อยเป็นใจ แต่นั่นทำให้เราได้ขลุกตัวและเดินสำรวจภายในโรงแรมมากขึ้น แถมได้สัมผัสความนุ่มของเตียงและหมอนที่ทางโรงแรมคัดสรรมาอย่างดีว่าเหมาะแก่การนอนยาว
ธีมการตกแต่งของที่นี่เป็นแบบสวนเขตร้อน ใช้สัญญะของทิวมะพร้าวซึ่งเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ มาประกอบกับความร่วมสมัย ออกแบบเป็นอาคารทรงเพดานสูงเพื่อให้พื้นที่ดูโปร่งโล่ง มีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ทั้งอาคารส่วนกลางและห้องพักทั้ง 353 ห้อง เพื่อให้เปิดรับวิวทิวทัศน์อันสวยงามได้ รวมถึงโทนสีที่ใช้มีความเป็นหาดทรายและสายน้ำ เพื่อให้ทุกคนสัมผัสความรื่นรมย์จากท้องทะเลได้เต็มที่
โดยห้องพักมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ห้องดีลักซ์ขนาด 41 ตารางเมตร ไปจนถึงห้องสวีตขนาด 64 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นห้องวิวหาด ห้องวิวสระน้ำ และห้องที่มี Sky Bath ส่วนตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อย่างฟิตเนสเซ็นเตอร์และสปา
นอกจากนี้ยังมีห้องจัดประชุมและอีเวนต์ ซึ่งเหมาะมากสำหรับองค์กรหรือบริษัทมาใช้จัดกิจกรรมองค์กร สร้างทีมสัมพันธ์ งานเปิดตัวสินค้า งานเลี้ยงสมาคม หรืองานกาล่าการกุศลต่าง ๆ
และที่เราอยากนำเสนอที่สุด เพราะติดใจในบรรยากาศความอิ่มอร่อย ก็คือบรรดาห้องอาหารและบาร์ที่มีมากถึง 4 แห่ง เริ่มต้นวันด้วยบุฟเฟต์อาหารเช้าที่ ‘ห้องอาหารบัว’ ซึ่งช่วงกลางวันและเย็นจะเปิดให้แขกผู้มาเยือนได้ลิ้มลองอาหารนานาชาติ และอาหารเอเชียเลิศรสในช่วงสาย
ถ้าอยากได้อะไรจิบชิม ก็ต้องเดินไปที่ ‘โกปี๊ บาร์’ คาเฟ่ย่อม ๆ ที่มีทั้งกาแฟ ขนมอบ เค้ก และค็อกเทล ใน Sunken Lobby Lounges (ซันเคน ล็อบบี้ เลาจน์)
ส่วนห้องอาหารที่สนุกปากที่สุด ยังคงต้องยกให้ ‘โซเฟีย’ ห้องอาหารตะวันออกกลาง โดยเชฟชาวเลบานอนขนานแท้ซึ่งปรุงออกมาเป็นอาหารสุขภาพแต่รสชาติถูกปากคนไทย และปิดท้ายค่ำคืนใน ‘แซฟไฟร์ พูล บาร์’ จิบเครื่องดื่มสดชื่น พร้อมพิซซาทำสดใหม่ (ความลับที่ 3 : ตัวบาร์ติดกับห้องอาหารบัวและสระว่ายน้ำ หลังจากเล่นน้ำในสระจนเต็มอิ่มก็ว่ายขึ้นมานั่งพัก ขอจิบเครื่องดื่มให้หายเหนื่อยได้ทันที)
วันที่อยากสุขภาพดี
มาที่นี่ ถ้าไม่พูดถึงไฮไลต์อย่าง เพลนารี เวลเนส (Plenary Wellness) ก็คงไม่ได้ งานนี้ นายแพทย์ฐิฏิ สมุทรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ พาเราทัวร์รอบศูนย์สุขภาพและความงาม
ขอเท้าความไปกว้างกว่านั้น อย่างที่ทุกคนคงรู้กันว่า Medical และ Wellness Tourism ในประเทศไทยเติบโตขึ้นทุกปี นับรวม ๆ มีนักเดินทางกว่า 2 ล้านคนเข้ามาเพื่อรับบริการทางการแพทย์และความงาม ทำให้ตลาดสุขภาพในไทยใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก จึงเป็นที่มาของศูนย์การแพทย์ซึ่งตั้งอยู่ในโรงแรม 5 ดาวขึ้นไป
“เพลนารี เวลเนส คือศูนย์ให้บริการทางการแพทย์แบบองค์รวมที่เน้นปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะบุคคลได้ เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์แบบครบทุกมิติ” คุณหมอเล่าต่อถึงที่มาและคอนเซปต์ Recover, Retreat และ Rehab ซึ่งนำเสนอบริการสุขภาพและความงาม 4 ด้านด้วยกัน
- กายภาพบำบัด : เป็นอีกมุมที่เราว้าวกับนวัตกรรมใหม่ ๆ หลังจากเพื่อนร่วมทริปได้ลอง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอาการตึงคอบ่าไหล่คลายยย เพราะที่นี่มีทั้งเครื่อง Shockwave Therapy รักษาอาการปวดเรื้อรังจากออฟฟิศซินโดรม ไปจนถึงเครื่อง Spinal Decompression เตียงลดการกดทับบริเวณกระดูกสันหลัง
- เวชศาสตร์ชะลอวัย : คุณสาว ๆ น่าจะไม่อยากจากมุมนี้ไปไหน เพราะว่าเทคโนโลยีเด็ด ๆ จัดอยู่เพียบ ทั้งการบำบัดฟื้นฟู วิตามินที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล จนถึง Emface เครื่องยกกระชับใบหน้าซึ่งใหม่ที่สุดในตอนนี้
- เวชศาสตร์ความงาม : มีบริการทั้งการฉีดโบท็อกซ์ เมโสเทอราปี และฟิลเลอร์
- โปรแกรมตรวจสุขภาพ : เตรียมความพร้อมและป้องกันโรค อย่างมะเร็ง ตรวจสารภูมิแพ้ และสารโลหะหนักในร่างกาย เป็นต้น
โดยทั้งหมดดำเนินการโดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านบนมาตรฐานทางการแพทย์ทุกขั้นตอน (ความลับที่ 4 : แขกที่มาเข้าพักก็ใช้บริการที่ศูนย์การแพทย์และความงามได้ หรือผู้ที่เข้ามารักษาพยาบาลที่เพลนารีแล้วอยากจองห้องของโรงแรมเพื่อพักฟื้น ก็ทำได้เช่นเดียวกัน)
วันที่คุณอยากลงทุน
นอกจากที่นี่จะเป็นที่พักผนวกกับศูนย์สุขภาพแล้ว โครงการของวินแดมยังเปิดเป็น Investment Property อสังหาฯ เพื่อการลงทุนให้กับผู้ที่สนใจอยากเป็นส่วนหนึ่ง เนื่องจากซิซซาเป็นบริษัทชั้นนำที่ถนัดด้านการพัฒนาสินทรัพย์ให้กับนักลงทุนและบริหารแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น นักลงทุนไม่ต้องห่วง เข้ามาพักผ่อนใช้สิ่งอำนวยความสะดวกและเพลเนอรีควบคู่ไปด้วยได้
ในอนาคต คุณอรรถนพเล่าว่าตั้งใจสร้างที่นี่ให้เป็น Complex Hotel มากขึ้น นั่นคือการรวม Business Unit ย่อย ๆ เอาไว้ให้ครบในที่เดียว อย่างการเพิ่มเติม Sky Bar Rooftop บาร์บนดาดฟ้าที่เชื่อมต่อทุกอาคารถึงกัน อาจจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มเข้ามา รวมถึงเปิดให้ความร่วมมือในส่วนอื่น ๆ เกิดขึ้นในอาณาจักรแห่งนี้
ถ้าคุณอยากมาชาร์จพลังทั้งภายในและภายนอกแบบครบวงจรแล้วล่ะก็ เราคิดว่าคุณไม่ควรพลาดประสบการณ์สุดพิเศษที่นี่เลยแม้แต่น้อย
ภาพ : วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต