หากคุณกำลังทำบ้านหรือเคยทำบ้าน ผ้าม่านเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณจะนึกถึงใช่หรือไม่
คำตอบจะใช่หรือไม่ใช่ ไม่สำคัญเท่าการแนะนำให้คุณรู้จัก ‘VICHITR’ (วิจิตร) ธุรกิจผลิต จำหน่าย และนำเข้าผ้าม่านจากทั่วทุกมุมโลก มีประสบการณ์ ความชำนาญ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามาตลอด 42 ปี ขอการันตีว่าเรื่องราว ‘ข้างหลังม่าน’ จะทำให้คุณนึกถึงวิจิตรทุกครั้งที่คิดถึงผ้าม่าน
ก่อนชื่อแบรนด์ VICHITR (วิจิตร) เคยชื่อ วิจิตรการม่าน และ VC Fabric มาก่อน (คุ้น ๆ ไหม)
วิจิตรการม่าน เริ่มต้นใน พ.ศ. 2524 โดย คุณพ่อยงยุทธ์ วรดิษฐกิตติกุล (ปัจจุบันอายุ 89 ปี) ท่านย้ายจากเมืองจีนมาเมืองไทยตอนอายุราว 10 ขวบ เล่าเรียนเพิ่มเติมจนได้ประกอบอาชีพครูสอนภาษาจีน กระทั่งเพื่อนที่ทำกิจการผ้าย่านสำเพ็งชักชวนให้เปิดกิจการผ้าม่านด้วยกัน เพราะเกือบ 50 ปีที่แล้ว ผ้าม่านยังเป็นเรื่องใหม่ของคนไทย สองเพื่อนซี้มองเห็นโอกาสจึงกระโจนเข้าสู่ตลาด โดยดำเนินกิจการบนตึกแถวย่านเอกมัย และสมัยนั้น ‘วิจิตรการม่าน’ ถือเป็นเทรนเซตเตอร์เรื่องการตกแต่งบ้านให้สวยงาม
วิจิตรการม่านส่งต่อสินค้าและบริการคุณภาพดี พร้อมทางเลือกที่หลากหลาย มีคุณพ่อยงยุทธ์ทำหน้าที่เป็นผู้คิดค้นผ้าพิมพ์ลายหลากหลายรูปแบบออกสู่ตลาด รูปแบบการทำธุรกิจคือการสต็อกสินค้าและส่งต่อ ‘ผ้า’ ให้กับดีลเลอร์ผ้าม่านทั่วฟ้าเมืองไทยไปตัดเย็บและติดตั้งให้กับลูกค้าแต่ละบ้าน
13 ปีจากการเป็นผู้นำผ้าม่าน ก็ขยับขยายมาทำผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ พร้อมทั้งผลิตแค็ตตาล็อกสินค้าเป็นของตัวเอง เพียงไม่กี่ปี กิจการก็ขยับขยายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ พนักงานเพิ่มเท่าทวีคูณ และนั่นนำไปสู่การเปลี่ยนชื่อจาก วิจิตรการม่าน สู่ ‘VC Fabric’ พร้อมส่งต่อกิจการสู่รุ่นลูกที่ดูแลโดยพี่น้อง 3 คน
เป็นเวลากว่า 20 ปีที่ ปราณี นาคะสิริ, สุนีย์ วรดิษฐกิตติกุล และ วิบูลย์ วรดิษฐกิตติกุล พี่น้องลำดับที่ 2, 3 และ 4 มาบริหารดูแลธุรกิจครอบครัวในด้านที่พวกเขาถนัดอย่างเต็มความสามารถ
“ผมจำได้ว่าตอนอายุ 4 – 5 ขวบก็ปีนเล่นบนกองผ้า เอาแกนกระดาษของม้วนผ้ามาเล่นเป็นกระบี่กระบอง ผมเห็นธุรกิจนี้ของครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก” น้องชายคนสุดท้องของบ้านวรดิษฐกิตติกุล เปรยถึงธุรกิจครอบครัวที่ดำเนินกิจการมา 42 ปีด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนเล่าต่ออย่างออกรสว่า
“ข้อดีของพวกเราทั้ง 3 คน คือเราถนัดคนละแบบ 3 คน 3 บทบาท ช่วงขยายธุรกิจผมมีบทบาทในการวางระบบ โครงสร้าง และเลือกคนให้เหมาะกับองค์กร ส่วนคุณสุนีย์ เขาเป็น Auditor ที่เยี่ยมมากครับ ตรวจสอบบัญชีและดูการเงิน คุณปราณีเขาได้พ่อมา มองเห็นของสวยงามเก่ง และคิดว่าสิ่งนั้นน่าจะเวิร์กกับตลาดเมืองไทย” วิบูลย์เล่าถึงพี่สาว ประหนึ่งนี่คือผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงของครอบครัว
วิจิตร-ศิลป์
จุดเด่นของ VICHITR คืออะไร ถึงทำให้โดดเด่นและโลดแล่นในธุรกิจอินทีเรียเท็กซ์ไทล์
“คือ พี่อ๋า (ปราณี)” น้องชายยิ้ม “มันคือเรื่องดีไซน์ เพราะนี่คือตัวตนและดีเอ็นเอของวิจิตร ถัดมาคือเรื่องฟังก์ชัน และการมีสินค้าในสต็อกเพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้า”
ปราณีเล่าว่า สมัยก่อนลายผ้ายุคแรกของวิจิตรการม่าน คุณพ่อได้รับแรงบันดาลใจจากข้าวของรอบตัว เช่น ลายบนถ้วยโนริตาเกะ จากนั้นนำมาพัฒนาลายโดยช่างวาดชาวไทย ซึ่งยุคนั้นผ้าพิมพ์ลายจากอังกฤษได้รับความนิยมมาก แต่ราคาสูง เลยเป็นไอเดียให้คุณพ่อผลิตผ้าซาตินพิมพ์ลายขึ้นมา นั่นคือโอกาสทางธุรกิจที่ท่านมองเห็น ผลลัพธ์คือขายดีมาก ยอดขายพุ่ง แถมอัปเดตลายใหม่ทุกเดือน
เราชวนพี่สาวลำดับที่ 2 ของบ้านที่ได้ดีเอ็นเอจากพ่อมาเต็มเปาเล่าว่าเธอทำงานอย่างไร
“เราเดินทางไปงานแฟร์ทุกปีในหลากหลายประเทศ เช่น เยอรมนี อังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศส ฯลฯ เพื่อไปดูว่าตลาดเขาเป็นยังไง บ้านเราขาดอะไร อินทีเรียดีไซเนอร์ต้องการอะไร เราพยายามหาสิ่งนั้นมาเติมในพอร์ตสินค้า ประกอบกับปัจจุบันเรามีดีไซเนอร์รุ่นใหม่มาช่วยออกแบบลายและแพ็กเกจจิงด้วย
“การไปงานแสดงสินค้าทำให้เราเห็นเทรนด์ใหม่ ๆ ก่อนใคร และคาดว่าอีกหน่อยเทรนด์นั้นจะมาถึงเมืองไทย เราดูทั้งแนวทางสี เท็กซ์เจอร์ผ้า เพื่อเอามาพัฒนาเป็นลวดลายของแบรนด์ ซึ่งเทรนด์ของตกแต่งบ้านก็สัมพันธ์กับเทรนด์แฟชั่นและการแต่งตัวนะ ช้ากว่าแฟชั่นราว 2 – 3 ปี อย่างปัจจุบัน การตกแต่งแบบมินิมอลก็ยังอยู่ คนให้ความสำคัญกับการอยู่บ้านและให้ความสำคัญกับผ้าในบ้านมากขึ้น เฟอร์นิเจอร์เน้นความโค้งมน ผ้าบุเน้นความนุ่มฟู เพราะคนอยากทำพื้นที่ให้อยู่สบาย รู้สึกปลอดภัย” เธอเล่า
ไม่เพียงคัดสรรดีไซน์สวยงาม แต่ VICHITR ตรวจสอบถึงมาตรฐานโรงงานผลิต ต้องได้รับ OEKO-TEX STANDARD 100 การรองรับมาตรฐานสากลว่าการผลิตสิ่งทอปราศจากสารพิษที่เป็นอันตราย เพราะพวกเขาคำนึงถึงสุขภาพของผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ จึงต้องมั่นใจว่าสินค้าปลอดภัยกับทุกคน
นอกจากการนำเข้าผ้าคุณภาพดีจากทั่วทุกมุมโลก VICHITR ยังผลิตลาย Signature Design ด้วย
“นี่เป็นโปรเจกต์ที่ไม่ค่อยทำเงินเท่าไหร่” วิบูลย์ออกตัวด้วยรอยยิ้ม “แต่เป็นสิ่งที่ทำแล้วสนุก ลูกน้องสนุก นักวาดสนุก ผู้บริหารสนุก ทำแล้วมีชีวิตชีวาขึ้น เป็นโปรเจกต์ที่ให้เด็กรุ่นใหม่ได้สร้างและปล่อยของ ซึ่งคอนเซปต์ใหญ่ของการออกแบบคือการบรรจบกันระหว่างตะวันออกกับตะวันตก”
“เพราะเราชอบผ้าพิมพ์ ลวดลายมันสื่อสารออกมาได้หลายอย่าง ด้วยบริบทเราเป็นเอเชีย บวกกับประสบการณ์การทำงานที่รู้ใจลูกค้าว่าเขาชอบโทนสีแบบยุโรป เช่น โทนฟ้า-ขาวอย่างประเทศฝรั่งเศส เลยออกแบบลวดลายแบบไทยผสานกับโทนสีคลาสสิก ให้สินค้าเราไทม์เลสและร่วมสมัย” ปราณีเสริม
เราขอยกตัวอย่างบางลวดลายที่เห็นแล้วก็ขอกรี๊ดในใจ ทำไมช่างวิจิตรตระการตาเช่นนี้
หนึ่ง ลาย THE SIAMESE LEGEND ประณีตด้วยลายเส้นสีน้ำเงินบนเนื้อผ้าสีเหลืองทอง เล่าเรื่องราววิถีชีวิตริมน้ำของชาวสยามสมัยรัชกาลที่ 5 พร้อมด้วยการสัญจรทางเรือ สถาปัตยกรรมบ้านเรือนแบบโคโลเนียล นี่เป็นการยกระดับผ้าม่านที่สื่อสารเรื่องราวความเป็นไทยได้อย่างลงตัวและไม่ขัดเขิน
สอง ลาย KAMALA 1 จากบรรยากาศป่าฝนเขตร้อนริมทะเลของจังหวัดภูเก็ต เติมเต็มกลิ่นอายทรอปิคัลด้วยการเพนต์มือ ทั้งมะพร้าว ปาล์ม กล้วย ต้นสน ฯลฯ ต่อด้วยลาย KAMALA 2 ภาพสะท้อนของท้องฟ้าที่ทอแสงลงบนผืนน้ำสีฟ้าของทะเลไทย ให้เราดื่มด่ำกับธรรมชาติได้ในทุกวัน
นอกจากลายที่ยกมาเล่า ยังมีลวดลายที่ดีไซเนอร์ตั้งใจรังสรรค์ออกมาอีกเพียบ เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ตัวตน และความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย รับรองว่ามีสไตล์และไม่ซ้ำใครแน่นอน
วิจิตร-บรรจง
ไม่เพียงดีไซน์ที่สร้างความอบอุ่น รื่นรมย์ สบายตา สบายใจ แต่ฟังก์ชันม่านของวิจิตรยังนำหน้าล้ำสมัยด้วยนวัตกรรมม่านเพื่อสุขภาพ สร้างความอุ่นใจ แถมปลอดภัยกับผู้ใช้งาน เช่น Anti-dust ผ้าม่านลดการสะสมของฝุ่น, Pure Air ผ้าม่านฟอกอากาศ, Antiviral & Antibacterial ผ้าม่านต้านไวรัสและแบคทีเรีย, ผ้าม่านหน้ากว้าง ไร้รอยต่อ, ผ้าม่าน Blackout กันแสง 100%, ผ้าม่าน Dimout กันแสงสูงสุด 95% ลดร้อน สะท้อนยูวี, ผ้าม่านโปร่ง กรองแสงให้นุ่มนวล ละมุนตา พร้อมสรรพด้วยอุปกรณ์ม่านทั้งมวล
“สินค้ามีฟังก์ชันหลากหลายเป็นเพราะแรงขับเคลื่อน 2 ข้อครับ หนึ่ง จากความต้องการของตลาด ธุรกิจเราพยายามเสิร์ฟความต้องการนั้น เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ สอง จากต่างประเทศ เป็นการนำไอเดียที่คุณปราณีเห็นจากการเดินทางมาปรับและพัฒนาให้เกิดสินค้าใหม่ ๆ” วิบูลย์เฉลยที่มา
ปัจจุบันกิจการขยับขยายขึ้น ทั้งทำผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ม่าน รางม่าน ฯลฯ สินค้าไลฟ์สไตล์ภายใต้แบรนด์ ‘Alive by VICHITR’ เช่น ผ้ากันเปื้อน กระเป๋าผ้า แผ่นรองจาน ปลอกหมอนอิง ฯลฯ โดยใช้ผ้านำเข้าที่เหลือจากการตัดเย็บม่านมา Upcycling เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ที่สำคัญ คุณภาพดี ราคาจับต้องได้ และอีกหนึ่งบริการของวิจิตรที่แนวคิดน่าสนใจ คือบริการติดตั้งผ้าม่าน
“เหตุผลที่เราทำบริการนี้ เพราะเราอยากรู้ว่าลูกค้าของ VICHITR เขาคิดอย่างไรกับสินค้า เขามีประสบการณ์ต่อสินค้าอย่างไร หรือสินค้ามีปัญหาต้องปรับแก้ตรงไหนไหม ทั้งการติดต่อซื้อ-ขาย ตัดเย็บ ติดตั้ง และการใช้งาน แน่นอนว่า ถ้าเราขายผ้าอย่างเดียว เราไม่มีทางรู้สิ่งนั้นเลย ซึ่งท้ายที่สุด Know-how เหล่านั้นก็จะกลับมาหา VICHITR เพื่อให้เราคิดผลิตสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ เสิร์ฟความต้องการของลูกค้าและดีลเลอร์ทั่วประเทศ” วิบูลย์เล่า
นี่คือการหาอินไซต์ที่เข้าใจลูกค้า เพื่อกลับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์และดีที่สุด
หลังจากคุณพ่อยงยุทธ์สร้างเวทีวิจิตรการม่านสำเร็จ ก็ไม่เลือกเป็นผู้กำกับ แต่เป็นผู้ชมด้านล่างให้ลูกทั้ง 3 คนโลดแล่นอยู่หลังม่าน เปรียบดังการให้อิสระในการทำงาน ไม่ก้าวก่าย แต่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ
“เราเห็นคุณพ่อทำงานหนักมาตลอด เรียบจบก็อยากมาช่วย จากตอนแรกมีพนักงานแค่ 10 คน ปัจจุบันประมาณ 300 คน ธุรกิจค่อย ๆ เติบโตขึ้น” ปราณีเล่า ก่อนวิบูลย์เสริมต่อ “มันเป็นเพนพอยต์เหมือนกันนะครับ เรา 3 คนเรียนจบก็ต้องมาทำงานเลย ประสบการณ์ในการทำงานข้างนอกไม่ค่อยมี ช่วงแรกของการรับช่วงต่อ ผมต้องซื้อหนังสือมาอ่าน เพราะเรียนจบด้านคอมพิวเตอร์ ธุรกิจหรือการตลาดก็ไม่ใช่ของถนัด อ่านยับเลย ตะบี้ตะบันอ่าน คุยกับคน ลงคอร์สเรียน หาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มาเป็นโค้ชเพื่อปรึกษาในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ ๆ อย่างเช่น ด้านเกี่ยวกับคน”
“เราลงเรียนปริญญาโท เลยมีคอนเนกชัน ได้เรียนรู้ว่าธุรกิจอื่นเขาทำกันยังไง” ปราณีเสริม
แล้วคุณพ่อฝากวิชาดำเนินธุรกิจฉบับคุณยงยุทธ์ให้ลูกทั้ง 3 คนอย่างไรบ้าง – เราถาม
“ผมกลั่นกรองและตกผลึกจากเรื่องราวหรือโมเมนต์ที่คุณพ่อเล่าให้ฟังมากกว่า เช่น เหตุการณ์ที่ตัดสินใจทำผ้าพิมพ์ลายออกมาขาย ทำให้ผมคิดได้ว่า โอกาสมันมาแล้ว ถ้าไม่คว้าไว้คงพลาด ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าโอกาสจะมาเมื่อไหร่ แต่ผมต้องมั่นใจว่า ‘VICHITR’ พร้อมเสมอ เมื่อโอกาสมา เราจะได้มีกำลังและความสามารถในการคว้ามันไว้ได้” น้องชายคนสุดท้องตอบคำถาม ก่อนส่งไม้ต่อให้พี่คนที่ 3
“คุณพ่อบอกเสมอว่าขายของต้องมีความรับผิดชอบต่อทุกคนโดยรอบ เราว่านี่เป็นหนึ่งเหตุผลที่ลูกค้าอยู่กับเรามายาวนานถึง 42 ปี เพราะเรารับผิดชอบและดูแลเขาในทุกอย่างที่เราทำได้จริง ๆ”
“เรื่องคุณธรรมด้วยค่ะ เราไม่ได้แสวงหากำไรอย่างเดียว แต่เรามองลูกค้าเป็นผู้อุปการคุณของเรา ส่วนพี่น้องพนักงาน คุณพ่อมองว่าเขาเป็นทรัพยากรที่สำคัญของบริษัท เราต้องตอบแทนและให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ ซึ่งคำสอนเหล่านี้คุณพ่อไม่ได้บอกตรง ๆ แต่เราเห็นจากการกระทำ” ปราณีเสริม
“สำหรับผม การดูแลลูกน้องที่ดีที่สุด คือการสร้างความก้าวหน้าในอาชีพ (Career Path) ให้เขา ซึ่งมันไปพร้อมกันกับการเติบโตของธุรกิจ” วิบูลย์สมทบถึงการให้ความสำคัญกับพี่น้องพนักงาน
“หลังจากไปดูหน้างาน เรากลับมาชื่นชมทีมหลังบ้านเสมอ ทั้งช่างตัดเย็บและช่างติดตั้ง งานของเขาสวยจริง ๆ สวยจนเราต้องถ่ายภาพและมาบอกเขาด้วยตัวเอง เรามักบอกเขาว่า การทำงานของเขาไม่ได้ทำเพื่อวันวันเดียว แต่เขาทำเพื่อทุกวันในชีวิตของลูกค้า เพราะฉะนั้นงานของเขามีคุณค่านะ
“ที่ VICHITR เราให้เกียรติบุคคลทุกคนในทุกภาคส่วนของการทำงาน งานผ้าม่านรายละเอียดเยอะ ตั้งแต่วัดพื้นที่ เลือกรูปแบบและเนื้อผ้า ตัดเย็บ ฯลฯ มันเหมือนงานศิลปะที่ต้องอาศัยศิลปินจำนวนมากในการรังสรรค์ขึ้นมา ไม่ต่างอะไรกับชุดแต่งงาน ซึ่งมันคุ้มค่ามาก (ลากเสียง)” สุนีย์ปิดท้าย
วิจิตร-ตระการตา
โปรเจกต์ใหม่ล่าสุดในนาม ‘VICHITR’ คือการทำงานร่วมกับ theCOMMONS คอมมูนิตี้สเปซใจกลางทองหล่อ ด้วยการนำสินค้าจริงมาให้ผู้ใช้งานพื้นที่ได้สัมผัสและมีประสบการณ์ร่วม ถือเป็นการแนะนำตัว-ทำความรู้จักกับกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ และประกาศตัวว่า VICHITR เป็นแบรนด์ไทยที่มีประสบการณ์และชำนาญด้านอินทีเรียเท็กซ์ไทล์มา 42 ปี มอบทั้งคุณภาพและดีไซน์ที่สวยงาม สมชื่อ ‘VICHITR’
“เราได้รู้จักกับเดอะคอมมอนส์ เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ เขามีสเปซ เรามีของ เราก็เอาของของเรามาให้คนนั่งใช้งาน ทำให้สถานที่ดูพิเศษขึ้น ขณะเดียวกันคนใช้พื้นที่ก็ได้เห็นและรู้จักแบรนด์เรามากขึ้น เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ทำไมจะไม่ทำล่ะ และทุกครั้งที่เราจะร่วมงานกับใคร เราคิดเสมอว่าเราจะสร้างสรรค์สิ่งที่มีประโยชน์อะไรร่วมกันได้บ้าง” วิบูลย์อธิบาย
VICHITR เลือกตกแต่งพื้นที่ด้วยธีมซัมเมอร์ เติมเต็มความสดใสและชีวิตชีวาให้กับเดอะคอมมอนส์ สินค้าที่เลือกมาวางมีทั้งธงประดับจากผ้าชิ้นเล็ก เบาะรองนั่ง (Seat Pad) และบีนแบ็กลูกโตทรงกลมและทรงเหลี่ยม ด้านในบรรจุเม็ดโฟม รองรับทุกสรีระ ส่วนผ้าที่ใช้ทำบีนแบ็กและเบาะรองนั่งเป็นผ้าที่คัดคุณสมบัติพิเศษมาให้เหมาะกับพื้นที่และการใช้งานกลางแจ้ง ประกอบด้วยผ้า 4 ประเภท
หนึ่ง ผ้า Outdoor สีแจ่ม ไม่ซีดจาง กันน้ำซึมลงเนื้อผ้า เหมาะกับพื้นที่กลางแจ้ง
สอง ผ้า Semi-outdoor ทนความร้อนและแสงแดด เหมาะกับพื้นที่ในร่มและพื้นที่กึ่งกลางแจ้ง
สาม ผ้า Easy Clean ทำความสะอาดง่าย ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดเพื่อขจัดคราบ
สี่ ผ้า Wellness ป้องกันไรฝุ่นและยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย เคลือบนวัตกรรม Sanitized® จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เหมาะกับยุคสมัยปัจจุบันที่คนให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็นลำดับต้น
รับรองว่าการทดลองนั่ง-นอน-กลิ้งไปมาบนบีนแบ็กและเบาะผ้า จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์จริงจากการใช้งาน จนอยากเดินเข้าโชว์รูม VICHITR เพื่อกลับไปปรับลุคให้พื้นที่ต่าง ๆ ในบ้านให้มีชีวิต
วิจิตร
ตอนต้นเราตั้งคำถามว่า ผ้าม่าน – เป็นสิ่งสุดท้ายที่คนนึกถึงใช่หรือไม่
ซึ่งทั้ง 3 คนเบื้องหน้าบอกเราว่า สิ่งสุดท้ายที่คนนึกถึงคือสิ่งที่เติมเต็มบ้านให้สมบูรณ์ที่สุด
“ผ้าม่านเป็นสิ่งที่คนมองข้าม กว่าจะมองเห็นก็ตอนย้ายเข้าบ้านนั่นแหละ สำหรับเรา ผ้าม่านทำให้ความรู้สึกภายในบ้านนุ่มนวล พลิ้วไหว เพิ่มความเป็นส่วนตัว และเป็นสิ่งที่เราต้องทำเป็นอย่างสุดท้าย และลูกค้าต้องรีบตลอด เพราะจะย้ายเข้าบ้านแล้ว เราต้องติดตั้งให้ทันค่ะ” สุนีย์หัวเราะ “ผ้าม่านเป็นส่วนหนึ่งของงานอินทีเรีย ทำให้ภาพรวมของบ้านครบ จบ VICHITR ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่ขาดไม่ได้จริง ๆ”
“เราอยากให้ลูกค้ามั่นใจว่าสิ่งที่เรานำเสนอให้เขา เรารักษาสัญญาว่าทำได้จริง เพราะลูกค้าเข้ามาหาเราด้วย ‘บ้านในฝัน’ เราอยากเป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์เขาให้ได้มากที่สุด อยากเห็นลูกค้ามีความสุขกับพื้นที่ของเขา โดยเราเป็นส่วนหนึ่งที่เติมเต็มความสุขนั้น ให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาคิดไม่ผิดที่เลือก VICHITR
“รับประกันความพอใจครับ” ใบหน้าและแววตาจริงใจของวิบูลย์ทำให้เราเชื่อเช่นนั้นจริง ๆ
42 ปี ของการดำเนินธุรกิจ ณ วันนี้ ผู้สร้างเวทีกับผู้ชมคือคนคนเดียวกันนั่นคือ คุณพ่อ
เราถามลูกหญิง-ชายทั้ง 3 คนว่า คุณพ่อมีความเห็นอย่างไรตลอดการรับช่วงต่อของพวกเขา
“เขาภูมิใจนะ ยังเดินทักทายลูกน้อง สร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงาน” วิบูลย์เปรย
“VICHITR เป็นต้นกล้าเล็ก ๆ ที่คุณพ่อปลูกขึ้นจากเมล็ด พอเติบโตขึ้นพวกเราก็ช่วยกันดูแลต่อ ซึ่งไม่ใช่แค่เรา 3 คน แต่ยังมีทีมงานอีกมากมายช่วยดูแลต้นไม้ต้นนี้ให้เติบใหญ่ เพื่อให้คนรอบข้างได้ประโยชน์และร่มเงา” สุนีย์พูดถึงต้นไม้ที่เธอ พี่น้อง และพนักงานทุกคนช่วยกันรดน้ำพรวนดินมาทั้งชีวิต
“เหตุผลที่ลูกค้าไว้วางใจเรามาอย่างยาวนานตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคือสินค้า สินค้าเราคุณภาพดี ควบคู่กับการบริการที่ดี จนสร้างความเชื่อมั่นและความไว้ใจให้ลูกค้าติดใจ บอกต่อ และกลับมาซื้อซ้ำ” ลูกสาวคนที่ 2 อธิบาย ก่อนน้องชายคนเล็กเสริม “สิ่งหนึ่งคือเราปรับตัวและพัฒนาอยู่ตลอด เพราะการทำธุรกิจเกิดการเปลี่ยนแปลงเสมอ ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน VICHITR เลยต้องปรับตัวในทุกมิติ เพื่อให้เราทำงานง่ายขึ้น ประณีตขึ้น แต่ยังคงคุณภาพและมาตรฐานของเราอยู่ อีกเหตุผลคือเราอยากให้เขาได้ของดี มีคุณภาพ ในราคาที่สมเหตุสมผลมากที่สุด
“และนั่นคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับผมในตอนนี้เช่นกันครับ” วิบูลย์ยิ้ม เราเชื่อว่าเขาทำได้
“เรามองว่าความท้าทายคือการทำอย่างไรให้ VICHITR เติบโตอย่างยั่งยืน ที่สำคัญเราต้องเป็นธุรกิจที่สร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม กระทั่งสเตกโฮลเดอร์ ซัพพลายเออร์ และลูกค้า เรารู้สึกว่า ถ้าตื่นเช้ามาทำงาน แล้วคุณกำลังคิดว่าทำงานไปเพื่ออะไร การทำธุรกิจก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน” สุนีย์ปันความเห็น ก่อนปราณีรับช่วงต่อ “เราเชื่อว่า ถ้ารู้ว่าตัวเองถนัดอะไร จงมุ่งมั่นทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด”
นี่คือเรื่องราว ‘ข้างหลังม่าน’ ของ VICHITR แบรนด์ไทยที่เป็นเพื่อน (คู่) บ้านที่น่ารักมากว่า 42 ปี เราหวังว่าคุณจะได้รับรู้ถึงความรื่นรมย์และอบอุ่นใจที่ 3 พี่น้องตั้งใจมอบให้จากใจจริง
