การถมคูคลองเพื่อสร้างอาคาร ตัดถนน และขยายตัวเมือง ทำให้ฉายาเวนิสตะวันออกของกรุงเทพฯ ค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา เราลืมวันเวลาที่เคยผูกพันกับสายน้ำอย่างแน่นแฟ้น รู้ตัวอีกที วิถีชีวิตเร่งรีบของคนเมืองอาจทำให้เราคิดถึงสายน้ำเมื่อขึ้นเรือข้ามฟากหรือเรือด่วนเจ้าพระยาเท่านั้น เมื่อเราทดลองลัดเลาะหาสถานที่และกิจกรรมตามเส้นทางน้ำแทนถนน ก็พบว่าเสน่ห์ริมน้ำของเมืองหลวงที่เราคุ้นเคยแห่งนี้ไม่ได้จางหายไปเลย
ดูหุ่นละครเล็กและทำงานศิลปะของตัวเองที่บ้านศิลปิน คลองบางหลวง


อาคารไม้โบราณริมคลองบางหลวงเคยเป็นของตระกูลช่างทองเก่าแก่ ‘รักสำรวจ’ ทายาทรุ่นสุดท้ายตัดสินใจขายบ้านหลังนี้ให้กับชุมพล อักพันธานนท์ เพื่อปรับปรุงเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างศิลปินและผู้รักงานศิลปะ พื้นที่ชั้นบนเป็นแกลเลอรี่ที่ใช้จัดแสดงภาพเขียนและภาพถ่าย ชั้นล่างแบ่งเป็นมุมร้านกาแฟริมน้ำ มุมขายของที่ระลึกให้เลือกสร้างงานศิลป์ด้วยตนเอง อย่างการระบายสีหน้ากาก และไฮไลต์เด็ดคือการแสดงหุ่นละครเล็กคลองบางหลวงที่ลานกลางบ้านในเวลาบ่าย 2 ทุกวัน ยกเว้นวันพุธ นั่งอ้อยอิ่งรับลมริมคลองบางหลวงพลาง ดูละครสนุกๆ พลาง ชีวิตรื่นรมย์สงบเย็นก็ทำให้เราอยากมีบ้านไม้ริมน้ำขึ้นมาทันที
ที่อยู่: 315 วัดทองศาลางาม ซอยเพชรเกษม 28 ถนนเพชรเกษม แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
เวลาทำการ: 09.00 – 18.00 น.
ติดต่อ: 02-868-5279
ลิ้มรสก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรเก่าแก่ ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือหยุดบ่อย


ดูศิลปะเสร็จก็เดินเลาะตามทางเดินเล็กๆ ริมคลองบางหลวง เพียงไม่นานก็จะพบบ้านไม้เก่าที่มีควันขาวโขมงพร้อมกลิ่นหอมฟุ้งจากน้ำซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวบนเตาถ่านอั้งโล่ บ้านหลังนี้คือร้านก๋วยเตี๋ยวเรือของกมล
ผู้สืบทอดสูตรก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาฉบับดั้งเดิมที่มีอายุกว่า 34 ปีจากพ่อ ด้วยรสชาติเข้มข้นของน้ำซุป กระเทียมเจียวกรุบกรอบขลุกขลิกกำลังดีกับน้ำมันหมู และความหอมมันของถั่วที่คั่วสดใหม่ทุกเช้า ทำให้ร้านนี้เป็นขวัญใจของคนในชุมชนวัดคูหาสวรรค์มานมนาน และตั้งฉายา ‘หยุดบ่อย’ ให้กับการปิดร้านแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจนแฟนคลับอดกินอยู่เป็นประจำ สาเหตุเกิดจากกมลชอบแบ่งเวลาไปทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ไทยโบราณมาเป็นของใช้และของตกแต่งร้าน โชคดีที่ตอนนี้ร้านหยุดแค่ทุกวันพุธ จึงควรหาโอกาสมาลิ้มรสก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ (แนะนำเมนูบะหมี่ต้มยำและไม่ต้องปรุงเพิ่ม) พร้อมสัมผัสบรรยากาศชุมชนเก่าแก่ขนานแท้และดั้งเดิมที่นี่
ชื่นใจด้วยหวานเย็นสไตล์ไหหลำเจ้าเก่า โบ๊กเกี๊ยกันทิมา


ดับร้อนด้วยขนมหวานโบ๊กเกี๊ยจากร้านเก่าแก่ที่อยู่เคียงข้างคลองบางลำพูมาเนิ่นนาน ร้านโบ๊กเกี๊ยกันทิมาได้สูตรเก่าแก่จากไหหลำ และเสิร์ฟความอร่อยแบบจีนให้ชาวบ้านใกล้เคียงมานานกว่า 30 ปี ความโดดเด่นอยู่ที่เส้นแป้งโบ๊กเกี๊ยขาวเหนียวนุ่มทำเองสดใหม่ทุกวัน ใส่เครื่องสารพันอย่างเม็ดบัวต้ม ถั่วแดง มันเชื่อม วุ้นมะพร้าว เม็ดบัวแปะก๊วย ถั่วแดงเม็ดเล็ก เฉาก๊วย ข้าวเหนียว และลอดช่องเย็นสีเหลืองที่เรียกว่า เลี่ยงฮุ้น ราดน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดงสูตรโบราณ หรือราดน้ำเชื่อมลำไยตามชอบ โปะด้วยน้ำแข็งเกล็ด รวมเป็นของหวานเย็นชื่นใจคลายร้อนขณะเดินทอดน่องส่องคลองได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ชมศิลปะบนแกลเลอรี่ลอยน้ำ The Ferry Gallery


การขึ้นเรือข้ามฟาก 3.5 บาทธรรมดาอาจเป็นการเสพศิลปะไปในตัว เพราะ แพรว-กวิตา วัฒนะชยังกูร ศิลปินไทยเลือกใช้ระบบขนส่งมวลชนบนน้ำเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย ดึงเอางานศิลปะเก๋ๆ ในแกลเลอรี่ เช่น วิดีโออาร์ต มาติดตั้งในเรือข้ามฟาก 4 ลำที่หมุนเวียนรับส่งคนระหว่างท่าเตียน-ท่าวัดอรุณฯ เพื่อให้คนทั่วไปได้มีปฏิสัมพันธ์กับศิลปะระหว่างล่องแม่น้ำ พร้อมชมวิวงดงามของเมืองเก่าไปพร้อมกัน ขอแนะนำให้ลองตีตั๋วขึ้นเรือข้ามฟากในสุดสัปดาห์ที่จะถึง เพราะกำลังจะมีนิทรรศการใหม่ล่าสุดของศิลปินสาวจากเมลเบิร์น Xanthe Dobbie กับผลงานดิจิทัลคอลลาจภายใต้คอนเซปต์ ‘DESKTOP HOLIDAY’ มาให้เราดูอย่างเต็มอิ่ม ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม ถึง 31 กันยายนนี้
เต็มอิ่มกับอาหารหลักร้อยและวิวหลักล้านที่ River Vibe Restaurant & Bar


ถนนแคบๆ ที่แสนจะลึกลับ รายล้อมไปด้วยร้านขายอะไหล่รถยนต์เก่าและผู้อาศัยชาวจีนมากมาย
ในย่านตลาดน้อย ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา นำเรามาสู่ River Vibe Restaurant & Bar ร้านอาหารไทยฟิวชันบนชั้นดาดฟ้าของ River View Guest House โรงแรมแห่งแรกในย่านนี้ ทำเลที่ตั้งอยู่ ณ ริมโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาสร้างความรู้สึกเหมือนแม่น้ำและสายลมกำลังโอบกอดเราไว้ยังไงยังงั้น หากมองไปด้านขวาจะได้ชมวิววัดอรุณฯ คู่กับพระอาทิตย์ที่กำลังละขอบฟ้า ส่วนด้านซ้ายจะเป็นวิวเมืองกรุงเทพฯ ที่ตึกสูงต่างๆ พากันเปิดไฟสวยในช่วงค่ำคืน มองอาหารตางามๆ ระหว่างนั่งทานอาหารไทยโบราณอย่างยำส้มโอ ชุดน้ำพริกอ่อง หรือจานฟิวชันแบบพาสต้าผัดซอสกุ้งกระเทียมและซีฟู้ดชุบแป้งกรอบ มื้อเย็นนี้ก็ทำให้อิ่มอกอิ่มใจอิ่มท้อง หลงรักทั้งร้านอาหารและความงามของโบราณสถานริมน้ำของกรุงเทพฯ
พักผ่อนหัวใจกับร้านกาแฟชานอ๊อว์ด


รักหมดใจเป็นความรู้สึกยิ่งใหญ่ที่ในบางครั้งก็มักจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ จากสิ่งเล็กๆ ‘ชานอ๊อว์ด’ มาจากภาษามอญ มีความหมายว่า รักหมดใจ เป็นชื่อคุณปู่ของสามพี่น้องที่รวมตัวกันเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ในชุมชนริมคลองมอญที่เป็นแหล่งพบปะและพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ บ้านไทยเก่านี้แฝงตัวอยู่ในต้นม่านบาหลีและพวงต้นอัญชันที่ถักทอเป็นซุ้ม ให้ความรู้สึกร่มรื่นเหมือนอยู่ในบ้านสวน ภายในร้านประดับไปด้วยของสะสมสไตล์วินเทจ ตั้งแต่ของกระจุกกระจิกชิ้นน้อยไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ เมื่อเดินเพลิดเพลินกับเสียงเพลงยุคเก่าไปจนสุดทาง จะพบกับท่าน้ำที่มีเรือไม้เก่าให้ทดลองพายตามวิถีชีวิตคนที่นี่ หรือจะนั่งห้อยขาให้อาหารฝูงปลาสวายก็เพลิดเพลินไม่แพ้กัน ที่มุมหนึ่งของร้านเป็นชั้นหนังสือที่สามพี่น้องตั้งใจแบ่งปันหนังสือของตนให้ผู้คนได้นั่งอ่านพักผ่อนหรือจะยืมกลับไปอ่านที่บ้านก็ได้ ยิ่งเมื่อได้ลองชิมเครื่องดื่มสูตรเฉพาะและขนมโฮมเมดที่เหล่าพี่น้องคิดค้นสูตรกันเองอย่างอัญชันนมสดและวาฟเฟิลราดน้ำผึ้งแล้ว ยิ่งทำให้ตกหลุมรักที่นี่ได้ไม่ยาก
ฝึกสมาธิไปกับโยคะบนผืนน้ำกับ Thailand SUP Yoga


อยากเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพที่ริมน้ำกันบ้างมั้ย ตอนนี้โยคะบนบอร์ดยืนพายที่เรียกว่า Stand Up Paddle Board (SUP) หรือ SUP Yoga ทำให้การเล่นโยคะสนุกกว่าที่เคย การยืดเหยียดบนบอร์ดกลางน้ำช่วยฝึกพื้นฐานการทรงตัว บริหารกล้ามเนื้อ ระบบประสาท สมาธิ ปรับรูปร่างให้ดีขึ้น และสร้างมิตรภาพกับเพื่อนร่วมคลาสกลางสายน้ำ โยคะแห่งเจ้าพระยานี้จัดขึ้นเดือนละ 2 ครั้ง ที่ Sup Station จะลองไปเล่นสักครั้งหรือสมัครสมาชิกระยะยาวก็เลือกได้ ถึงตกน้ำตูมตามก็มันสะใจและปลอดภัยเพราะมีสตาฟฟ์ดูแลใกล้ชิด ผิวน้ำวูบไหวท้าทายดึงให้เราใกล้ชิดและสนุกกับแม่น้ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยในอนาคตอันใกล้ Thailand SUP Yoga จะขยายการออกกำลังกายกลางน้ำไปสู่สถานที่อื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น เกาะช้าง เกาะสมุย เพื่อถ่ายทอดความสนุกจากแม่น้ำไปสู่ทะเล
เรื่อง: ฟ้าใหม่ พงศกรเสถียร, นครินทร์ ปัญญาวงค์
ภาพ: นพดล เลิศเอกสิริ, กมลชนก คัชมาตย์, ดารัณ กิติตานนท์