สุพิชา สอนดำริห์ มีชื่อเล่นที่พี่น้องในวงการนิตยสารเรียกว่า เอ๋ คลีโอ

เธอมีชื่อเล่นว่า เอ๋ เป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสาร CLEO ตั้งแต่อายุ 26 ปี เธอเป็นคนปั้นให้ CLEO เป็นนิตยสารผู้หญิงอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ถ้าไม่นับ CLEO ออสเตรเลียซึ่งเป็นต้นกำเนิด CLEO ไทย ถือว่ามียอดขาย ยอดโฆษณา และความดัง มากที่สุดในบรรดาเครือข่าย CLEO ทั้งโลก

นี่คือฝีมือ เอ๋ คลีโอ

ในเมืองไทย CLEO เป็นนิตยสารผู้หญิงที่มีแนวทางชัดเจนมาก จึงไม่ได้มีแค่ผู้อ่าน แต่มีแฟนคลับระดับที่เรียกได้ว่าเป็น สาวคลีโอ มากมายเกินหน้านิตยสารผู้หญิงหัวอื่น

นี่ก็ฝีมือ เอ๋ คลีโอ

ชีวิตที่อยู่เพื่อทำสื่อให้สาวไทย กับการคืนชีพ CLEO มาลุยออนไลน์ของอดีต บ.ก. CLEO ที่เป็นนานถึง 18 ปี

เธอเรียนจบมาทางด้านรัฐศาสตร์ เริ่มต้นทำงานเอเจนซี่โฆษณาในตำแหน่งเออีกับโอกิลวี่ แล้วย้ายมาเป็น Buyer ให้ AsiaBooks ด้วยความรักหนังสือ ชอบเล่าเรื่อง เธอจึงถูกทาบทามให้นั่งเก้าอี้บรรณาธิการบริหาร CLEO

ก่อนสัมภาษณ์งาน เธอได้รับโจทย์ให้คิดเนื้อหา CLEO 3 ฉบับ เธอใช้เวลาไม่ถึงวัน ขีดตารางวางเนื้อหาในคอลัมน์ทั้งหมดที่อยากเห็น จนค้นพบว่าการได้เล่าเรื่องแบบนี้แหละ คืองานที่เธอตามหา จนกลายมาเป็นประโยคที่เธอพูดกับบรรณาธิการระดับภูมิภาคผู้สัมภาษณ์เธอว่า

“เชื่อสิ ในโลกนี้ไม่มีใครอยากได้งานนี้เท่าฉันจริงๆ”

CLEO คือชีวิตของเธอ จนผมไม่คิดว่า จะมีวันที่เธอไม่มีนามสกุลคลีโอต่อท้าย

หลังจากอยู่กับ CLEO นานถึง 18 ปี เธอใช้เวลา 1 นาที ตัดสินใจลาออก

ปัจจุบันเธอยังคงทำสื่อ แต่เป็นการทำเนื้อหาให้เครือสยามพิวรรธน์

ไม่นานมานี้เราได้คุยกันทางโทรศัพท์ เธอบอกว่า เธอกลับมาทำ CLEO อีกครั้ง

นั่นไม่ใช่เรื่องเกินคาดเดา แต่คำว่า กลับมาทำ ไม่ได้หมายถึงมีคนจ้างเธอไปเป็นบรรณาธิการ หรือเธอไปซื้อลิขสิทธิ์ชื่อ CLEO มาทำด้วยตัวเอง

แต่เธอติดต่อซื้อ CLEO จากออสเตรเลีย มาเป็นของตัวเอง

ปลายเดือนกรกฎาคมนี้ เธอจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ในระหว่างนี้ เธอแบ่งเวลาจากงานประจำมาเขียนเนื้อหาลงเพจ CLEO จะเรียกว่าซ้อมเปิดตัวแบบเบาๆ ก็ได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เป็นการทำงานที่ทั้งทีมมีเธอคนเดียว ทำเองทุกอย่างตั้งแต่เขียนยันทำกราฟิก

“เชื่อสิ ในโลกนี้ไม่มีใครอยากได้งานนี้เท่าฉันจริงๆ”

แม้ไม่ได้บอก, แต่วันนี้ดูเหมือน เอ๋ คลีโอ ก็ยังเชื่อแบบนั้น

เอ๋ สุพิชา จาก บ.ก. สู่การซื้อนิตยสาร CLEO จากออสเตรเลียมาเป็นของตัวเอง

การเป็นแม่น่าจะใช้พลังชีวิตเยอะมาก คุณยังเหลือพลังไปเริ่มต้นงานใหม่ๆ ในวัยสี่สิบเจ็ดอีกหรือ

ยิ่งต้องทำเลย ถ้าเราไม่ทำ เราจะตั้งความหวังหรือเหวี่ยงสิ่งที่เราต้องการไปที่ลูก พอเราจัดการความต้องการของตัวเองได้ จะไม่ไปโดนเขาเลย ลูกจะเรียนอะไร จะเป็นอะไร ยังไงก็ได้ ความฝันของแม่ แม่ก็จัดการของแม่ ไม่ใช่เอาไปลงที่ลูก มันสำคัญมากเลยที่แม่ต้องมีฝันของตัวเอง ต้องตั้งใจและอดทนที่จะทำมัน

ความฝันที่ยังค้างคาของคุณคือการทำสื่อ

ใช่ เราถามตัวเองว่า วันนี้จะอยู่ได้ไหมถ้าไม่ทำสื่อ อยู่ไม่ได้ อีกสิบปีล่ะ ก็คงอยู่ไม่ได้ คนเรานอกจากปัจจัยสี่แล้ว ยังมีความฝันซ่อนอยู่ แค่ยอมรับแล้วทำมัน เราก็ เอาเว้ย ทำเลยละกัน

คุณหลงรักการทำสื่ออะไรขนาดนั้น

มันอยู่ในใจตลอดเวลา ไม่เคยเปลี่ยน เราอยากทำสื่อ เราพูดกับทุกคนตลอดเวลา เวลาที่คุยเรื่อง CLEO หน้าเราจะเปลี่ยน มันมีความสุข เราทำเพจของตัวเองเขียนบอกอะไรคนไปเรื่อย อยากเป็นสะพานเชื่อมให้ผู้หญิง มันเป็นงานที่อิสระ ไม่ต้องถามใครว่าดีไหม ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าทำอะไรบ้าง เรามีโอกาสได้เจอคนที่น่าสนใจ ได้ล้วงเรื่องของคน เรามีทักษะตรงนี้ เรานึกภาพตัวเองตอนแก่ๆ ว่า อยากรวมหนังสือสักเล่มเป็นคัมภีร์ให้ผู้หญิง น้องอ่านเล่มนี้เหอะ ไม่ต้องไปงมอะไร พี่สรุปมาให้หมดแล้ว ความรักเป็นแบบนี้ วิธีเลือกคู่เป็นแบบนี้ น้องไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องกังวล มันเป็นอย่างนี้แหละ เชื่อพี่เถอะ

ถ้าเปิดหน้าแรกมา วันนี้คุณจะสอนน้องผู้หญิงว่า

อดเปรี้ยวไว้กินหวาน อย่ารีบ ซึ่งไม่เหมือนที่เราบอกใน CLEO ตอนที่เราเด็กกว่านี้ พอใช้ชีวิตมาประมาณหนึ่งก็พบว่า ไม่ต้องรีบหรอก บางอันก็รอได้จริงๆ ถ้าเราตั้งใจและพยายามทำ มันถึงจุดหมายได้จริงๆ เราเชื่อเรื่องการกำหนดทิศทางลึกๆ ในใจ ให้มีแกนของตัวเอง คิดถึงมันบ่อยๆ อย่าให้เฉ อะไรที่ไม่ใช่แก่นก็อย่ารีบ อย่าคิดมาก ค่อยๆ ลงมือทำไป

เอ๋ สุพิชา จาก บ.ก. สู่การซื้อนิตยสาร CLEO จากออสเตรเลียมาเป็นของตัวเอง

ระดับคุณ สร้างสื่อหัวใหม่ได้สบาย ทำไมต้องซื้อ CLEO กลับมาทำอีกรอบ

ตั้งใหม่อาจจะดูสดก็จริง แต่ในความเป็นจริงก็ยาก เราดูเพจอยู่สามสี่เพจ เรารู้ว่าการจะเพิ่มยอดโซเชียลมีเดียตอนนี้มันยาก แล้วเราก็ไม่ได้รวยขนาดทำสื่อเล่นๆ โดยไม่สนใจเงิน เราสร้างแบรนด์มาแข็งแรงขนาดนี้แล้ว เอามาต่อยอดจะดีกว่าไหม ไม่ต้องมานั่งอธิบายว่าสื่อเราเป็นแบบนี้ๆ นะ พอพูดชื่อ CLEO ก็ร้องอ๋อเลย อย่างน้อยก็ตัดปัญหาไปได้เรื่องนึง

นิตยสาร CLEO ตั้งใจพูดเรื่องอะไร

อย่างแรก พูดถึงสิ่งที่ผู้หญิงอยากรู้ อย่างที่สอง พูดเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิง เขาอาจจะคิดไม่ถึงว่าอยากรู้เรื่องนี้ แต่เราคิดว่าเขาควรต้องรู้ สุดท้ายคือการฟันธง ยุคนั้น CLEO ฟันธงเยอะมาก เช่น สาวโสดอย่าไปกังวลว่าตัวเองโสด เพราะมันคือความสุข ทุกอย่างที่เราฟันธงเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกบวก ให้เขาอยากก้าวไปข้างหน้า เหมือนถามเพื่อนว่า คบคนนี้ดีไหม ช่วยคิดหน่อย เราก็ฟันธง คบไปเลย เดี๋ยวก็รู้ รู้แล้วค่อยว่ากัน จะเป็นลักษณะนั้น

แค่ซื้อลิขสิทธิ์มาทำต่อก็น่าจะพอ ทำไมถึงกับต้องลงทุนซื้อมาเป็นของคุณเลย

อาจจะเรียกว่าโชค เขาเสนอมาเอง ทีแรกมีคนให้เราช่วยประสานเรื่องซื้อลิขสิทธิ์หัวนิตยสารทั้งหลายในเครือเขามาทำในไทย สุดท้ายดีลนั้นล้มไป เขาก็ถามเราว่า ยูสนใจจะซื้อไหม ฟังราคาแล้วก็พอสู้ไหว

ตัดสินใจนานไหม

เราไม่เคยทำธุรกิจ ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งเรื่องตัวเลขเลย ก็เลยปรึกษาคนโน้นคนนี้ เพื่อนที่เราค่อนข้างเชื่อคนหนึ่งบอกว่า ถ้าต้องขายรถ ก็ขายแล้วไปซื้อเดี๋ยวนี้เลย (หัวเราะ) เราก็ยังไม่เชื่อนะ เลยไปถามพระอาจารย์สามรูป ก็พูดตรงกันหมดว่า ให้ซื้อ เราไม่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยเลยมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง ก็เอาก้อนนี้ไปซื้อ

ชีวิตที่อยู่เพื่อทำสื่อให้สาวไทย กับการคืนชีพ CLEO มาลุยออนไลน์ของอดีต บ.ก. CLEO ที่เป็นนานถึง 18 ปี
ชีวิตที่อยู่เพื่อทำสื่อให้สาวไทย กับการคืนชีพ CLEO มาลุยออนไลน์ของอดีต บ.ก. CLEO ที่เป็นนานถึง 18 ปี

ตอนเป็น บ.ก. กับเป็นเจ้าของ ความรู้สึกต่างกันไหม

ตอนนี้เริ่มตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ

การกลับมารับตำแหน่ง บ.ก. CLEO รอบนี้ ต่างจากเดิมเยอะไหม

ต่างสิ เพราะไม่มีพนักงานเลย ทำคอนเทนต์คนเดียว ทำอาร์ตเวิร์กเองด้วย ไปหาแอปฯ ช่วยไดคัทรูป วางฟอนต์ เราอยากทำทุกอย่างด้วยตัวเองให้นิ่งก่อน แล้วค่อยขยับขยายไปทีละก้าว พอเปิดตัวก็จะจ้างนักเขียนเพิ่ม

คุณน่าคิดถึง CLEO มากนะ ได้มาก็ลุยทันที ไม่รอวางแผน ไม่รอทีมเลย

ใช่ พอได้เพจเฟซบุ๊กมาแบบเป็นทางการวันแรกก็เปิดโรงเล่าเลย เป็นเรื่องร้านครัวซองต์ในสยามเซ็นเตอร์ ทำง่ายหน่อย แล้วก็เขียนบทความเรื่องผู้หญิงที่แต่งงานกับตัวเองเป็นบทความแรกมั้ง

เขียนบทบรรณาธิการแถลงเรื่องการกลับมาหรือยัง

ยัง เราไม่ชอบอวยตัวเอง ไม่ชอบบอกว่าตัวเองทำอะไร ยังคิดอยู่เลยว่าจะเขียนดีไหม ถ้า The Cloud เขียนแล้วก็จะขอแชร์เลยก็แล้วกัน (หัวเราะ)

ทุกวันนี้คุณทำงานประจำ เลี้ยงลูก แล้วก็เขียนเรื่องลงเพจ CLEO ทุกวัน

เขียนทุกวัน อย่างน้อยๆ วันละสองเรื่อง

ชีวิตที่อยู่เพื่อทำสื่อให้สาวไทย กับการคืนชีพ CLEO มาลุยออนไลน์ของอดีต บ.ก. CLEO ที่เป็นนานถึง 18 ปี

มีพลังเหลือขนาดนั้น

นี่เยอะเหรอ เรายังไปเขียนเพจ Momscream แล้วก็เพจตัวเองอีกนะ บางวันก็เขียนห้าหกเรื่อง เรื่องไหนที่เรารู้สึก ก็เอามันไปอยู่ข้างใน เปิดคอมยี่สิบนาทีเสร็จ ตั้งแต่วันที่เรารู้สึกว่าตัวเองชอบงานสายนี้ เรารู้สึกว่ามันใช่จริงๆ เป็น Flow โดยธรรมชาติ มันคันมาก ถ้าไม่เขียนตอนนี้เนี่ยไม่ได้ บางทีต้องจอดรถเขียนเลย ตอนนั่งเครื่องบินนี่ออกมาเป็นกุรุสๆ เลย ยิ่งหัวโล่งๆ นี่ออกมาเองแบบสุดๆ เลย

สาวคลีโอวันนี้ควรสนใจอะไร

เราคิด Tagline ว่า Go, Grab the World. Be Sexy, Be Positive, Be Real. มันคือสิ่งที่เราคิดมาตลอด เราอยากให้ผู้หญิงไทยไปสนุกกับโลกเยอะๆ เจออะไรก็ปะทะเผชิญหน้ากับมัน อยากให้เซ็กซี่ ไม่ได้อยู่ที่การแต่งตัวนะ แต่เป็นทัศนคติ กล้าแสดงความเห็นในที่ประชุม กล้าทำอะไรนอกกรอบ Positive ไม่ใช่มองโลกบวกนะ แต่อะไรที่พูดไปแล้วทำไปแล้วไม่เกิดประโยชน์กับตัวเองและคนอื่นก็ไม่ต้องทำหรอก สุดท้าย อย่าเพ้อฝันอย่างเดียว อยู่บนความเป็นจริงด้วย 

เพราะฉะนั้น CLEO จะมีครบทุกเรื่องเลย เราเขียนได้ทุกเรื่อง ตอนมีข่าว ปรินซ์ฟิลิปส์ (Prince Philip) เราก็เขียนเรื่องรักแท้มีจริง เพราะเห็นเขาอยู่คู่กับควีนมาตลอด ตอน บิล เกตส์ (Bill Gates) เลิกกับเมีย ก็ตีความออกมาว่า ใจคนยากแท้หยั่งถึง อยู่กันมาขนาดนั้นเขายังเลิกกันได้ เราอย่าไปคาดหวังอะไรมากเลย เป็นการเขียนทุกเรื่องให้เชื่อมโยงไปหาความสนใจของผู้หญิง

ตอนนี้ผู้หญิงเขาสนใจอะไร

ตรงนี้ยากเลย เมื่อก่อนความสนใจของผู้หญิงไม่ได้ซับซ้อนขนาดนี้ เมื่อก่อนเราอาจจะทำหัวข้อธรรมดาๆ เช่น อยากรู้ว่าเขาเป็นรักแท้ของคุณไหม ลองทำควิซอันนี้ดูสิ แต่ตอนนี้ในความรู้สึกผู้หญิงมีหลายมิติขึ้น เรื่องความสัมพันธ์บางมุมก็อาจจะไม่เป็นที่สนใจเหมือนเมื่อก่อน เราต้องลองถูกลองผิดอีกเยอะเลย

CLEO จะเอาอะไรไปสู้สื่อออนไลน์และบิวตี้บล็อกเกอร์ทั้งหลาย

จุดแข็งที่สุดของเราคือเป็นเพื่อนของผู้หญิง เป็นเพื่อนเม้ามอย อยากรู้อะไร เศร้าอะไร งงอะไร แล้วก็ไม่ตัดสิน เคารพทุกคน เราทำเรื่องของผู้หญิงธรรมดาๆ เยอะมาก ถ้าอ่าน CLEO แล้วจะรู้สึกว่า เราก็เป็นอย่างนั้น ผู้หญิงจะรู้สึกมีส่วนร่วมกับเรื่องเยอะขึ้น เราไม่ได้มองว่า CLEO เป็นสื่อ คืออยากเป็นเพื่อน เพื่อนที่เป็นศูนย์กลางในการต่อจุดให้ผู้หญิง พาไปเจอสิ่งต่างๆ ทำเวิร์กช็อปกับ The Cloud ก็ต่อจุดด้านที่ The Cloud ถนัดให้สาวคลีโอ ไปต่อจุดกับคนทำเนื้อหาด้านดาราศาสตร์ สาวคลีโอก็รู้เรื่องอวกาศได้ เป็นการขยายสาวคลีโอออกไปให้กว้างไกลที่สุดแบบไม่มีขีดจำกัด

คุณมองแผนธุรกิจไว้ยังไง

ตอนนี้ทำแพ็กสปอนเซอร์เสร็จแล้ว พอเปิดตัวก็จะไปเดินสายพบเอเจนซี่ เอาโปรเจกต์ไปเสนอ มะรืนก็นัดคุยกับลูกค้ารายหนึ่ง เราลงปฏิทินกิจกรรมแล้วว่า แต่ละเดือนจะทำอะไรบ้าง เตรียมขายอีเวนต์ ที่คิดไว้ก็มีฟอรัม ทริป ออนไลน์โค้ชชิ่ง ในอนาคตอาจจะมีอีคอมเมิร์ช จะทำคาเฟ่ก็ได้ อ้อ โปรเจกต์หนุ่มโสดในฝันก็มีนะ ตอนนี้เริ่มมองหาผู้ชายแล้ว (หัวเราะ)

ชีวิตที่อยู่เพื่อทำสื่อให้สาวไทย กับการคืนชีพ CLEO มาลุยออนไลน์ของอดีต บ.ก. CLEO ที่เป็นนานถึง 18 ปี

ถ้าพูดถึง CLEO สิ่งแรกๆ ที่คนมักจะคิดถึงคือฉบับ 50 หนุ่มโสดในฝัน ตอนเดือนกันยายน ฉบับนี้ถือว่าดังถล่มทลายแค่ไหน

นี่ไม่ใช่เล่มที่ขายดีสุดนะ เราได้เรียนรู้ว่าเล่มที่ผู้ชายขึ้นปกขายไม่ดีเลย เจ้านายฝรั่งเคยสอนเราว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามนะสุพิชา อย่าเอาผู้ชายขึ้นปก พูดเหมือน บ.ก. Glamour UK เลย Marie Claire เคยเอาผู้ชายขึ้นปกแค่เล่มเดียว ยอดขายก็แย่ที่สุด ขนาด เดวิด เบ็คแฮม (David Beackham) นะ มันเป็นโลกของผู้หญิง

ผู้หญิงไม่ได้อยากดูรูปอ่านเรื่องของผู้ชายเหรอ

ตอนนี้อาจจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ตอนนั้นผู้หญิงรักตัวเอง อยากรู้เรื่องตัวเอง อยากเห็น พอลล่า เทเลอร์ อยากรู้ว่าเขาใช้ลิปสติกอะไร พอลงเรื่องผู้ชายมันไกลตัวผู้หญิงไป เล่มหนุ่มโสดในฝันไม่ได้ดังในหมู่ผู้หญิงเท่าในหมู่กะเทยหรือเกย์นะ แต่เป็นโปรเจกต์ที่ดึงลูกค้าได้เยอะ จุดมุ่งหมายคืออยากบอกผู้หญิงว่า Guys Next Door มีจริง หนุ่มคลีโอก็จะดูเป็นคนธรรมดา เมื่อก่อนหนุ่มส่งพิซซ่าก็มี

เป็นเวทีที่แจ้งเกิดให้คนดังเยอะมาก

ใช่ๆ อย่าง ปอ ทฤษฎี, บอย ปกรณ์, เชฟอิ๊ก เป็นการหาแบบพลิกแผ่นดินเลย เราเคยไปนั่งเฝ้าหน้าผับสองสลึงตอนตีสอง ไปตามโรงเรียนอินเตอร์ ไปต่างจังหวัดก็ต้องหา เคยเจอในปั๊มน้ำมันด้วยนะ เป็นงานที่คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า เพราะมันเหนื่อยมาก พอถึงซีซั่นที่ต้องทำทุกคนจะถอนหายใจ มาอีกคนหนึ่งแล้ว ไปสัมภาษณ์หน่อยสิ ตอนเลือกรูปจัดเลย์เอาต์ก็ต้องใช้เซนส์เยอะมาก แต่ก็มันดี

คุณยังจำคำสอนอะไรของ บ.ก. CLEO ออสเตรเลียได้บ้าง

เขาสอนเราให้ทำเพื่อคนอ่านอย่างเดียว เขาบอกว่าเราไม่ต้องสนใจโฆษณา เนื้อหาต้องมาก่อนลูกค้า เขาให้แบ่งสัดส่วนหนังสือ เนื้อหาหกสิบ โฆษณาสี่สิบ เท่าที่เทียบกับนิตยสารผู้หญิงเล่มอื่นตอนนั้น  เราน่าจะเป็นเล่มเดียวที่แบ่งเปอร์เซ็นต์โหดขนาดนั้น แปลว่า ถ้าช่วงปิดเล่มมีโฆษณาเพิ่มสิบหน้า เราจะทำเนื้อหาเพิ่มสามสิบหน้า มันเป็นงานที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงปิดเล่มที่เหนื่อยปางตาย แต่เราโหดขั้นนั้นเพราะซื่อตรงกับคนอ่าน CLEO เลยเป็นนิตยสารที่หนามาก ถ้ามีงานโฆษณาจากลูกค้ามาลงแล้วเอาไม่อยู่ เราจะต้องงอกเนื้อหาที่คนอ่านรู้สึกว่าเอาอยู่มาเพิ่มทันที

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าโฆษณาจะเยอะแค่ไหน คนอ่านก็จะไม่รู้สึกว่ามีแต่โฆษณา

ใช่

เอ๋ สุพิชา จาก บ.ก. สู่การซื้อนิตยสาร CLEO จากออสเตรเลียมาเป็นของตัวเอง

มีคนอ่านมานั่งนับหน้าโฆษณาเทียบกับเนื้อหาจริงๆ เหรอ

คนอ่านไม่ได้นับ แต่ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ซื้อ CLEO แล้วคุ้ม โคตรหนา เนื้อหาโคตรเยอะ ซื้อเล่มเดียวอ่านไปได้เรื่อยๆ รู้สึกคุ้มแล้ว แล้วเราก็มีกฎว่า หนึ่งหน้าของคอลัมน์ประจำ ต้องมีเรื่องเล็กๆ อย่างน้อยห้าเรื่อง หรือหน้าที่เป็นเซกชันบิวตี้ ถ้าทำเรื่องลิปสติก เราจะบอกน้องๆ ว่าต้องมีอย่างน้อยเจ็ดยี่ห้อในหนึ่งหน้า

ทำไม

มันคือความหลากหลาย โลกนี้มีของเยอะ เราต้องใส่ไปเยอะๆ ให้เป็นทางเลือก สมมติมี Clé de Peau แท่งละสองพัน เราจะมี L’Oréal แท่งละสามร้อยด้วย แล้วก็มาจากความหยิ่งของเราด้วย เวลาลูกค้าส่งอะไรมา เราจะไม่มีทางลงหนึ่งหน้าหนึ่งชิ้น กระปุกละสองหมื่นก็ไม่ลง จะรอรวมกับกระปุกละห้าร้อย พันนึง แล้วค่อยลง

คนอาจจะคิดว่า CLEO ใช้บิวตี้นำ แต่ไม่ใช่ๆ แรกๆ แฟชั่นของเรามาอันดับหนึ่งในทุกการสำรวจ ทั้งที่แฟชั่นเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะทำให้คนสนใจ ตอนนั้นทิศทางแฟชั่นของเราคือ เลือกใช้ทุกอย่างที่ซื้อได้ แฟชั่นเราจะไม่มีแบรนด์เนมเลย มีแพลตินัมเยอะมาก ร้านในสยามก็เยอะ CLEO ก็เลยเป็นมิตรกับผู้หญิงมาก เพราะเขาจับต้องได้จริง พอจับต้องได้ เขาก็เชื่อมากขึ้น เลยเป็นสาวกอันเหนียวแน่น

คุณเป็น บ.ก. อยู่สิบแปดปี ไม่เบื่อบ้างหรือ

เราไม่เคยเบื่อการทำเนื้อหาเลยสักวัน ไม่เคยรู้สึกว่าทำเรื่องซ้ำเดิม ทั้งๆ ที่มีคอลัมน์ประจำประมาณเจ็ดสิบห้าคอลัมน์ ทุกเล่มต้องเปลี่ยนตลอด ถ้าต้องทำแต่เรื่องดาราดัง เราคงท้อ แต่ผู้หญิงธรรมดาๆ ก็อยู่ใน CLEO ได้ เปิดกว้างมาก ก็เลยไม่เบื่อ

ชีวิตที่อยู่เพื่อทำสื่อให้สาวไทย กับการคืนชีพ CLEO มาลุยออนไลน์ของอดีต บ.ก. CLEO ที่เป็นนานถึง 18 ปี

บรรณาธิการนิตยสารที่ประสบความสำเร็จ มักจะต้องแลกด้วยอะไรบางอย่างในชีวิต คุณสูญเสียอะไรไปบ้าง

ชีวิตพังทลายยับเลย อันแรกคือความรักพัง เราไม่ได้โฟกัสเรื่องความรักอย่างมีสติ ไม่ดูแลเลย ไม่สนจิตใจเขา เราเขียนเรื่องความรักนะ แต่อยากบอกคนอ่านว่าเราก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน เรื่องเพื่อนก็พัง เราเคยบอกเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตว่าไม่ว่าง จนกระทั่งเขาขอร้องเราเพราะเขามีปัญหาจริงๆ เราก็ไม่ว่าง สุดท้ายก็ช่วยเขาไม่ทันแล้ว 

เราดูแลครอบครัวตัวเองได้ไม่ดีเลย เราทำงานหนักจนต้องไปหาจิตแพทย์ ซึ่งก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เราเคยไปเที่ยวออสเตรเลียกับน้องสาวประมาณเจ็ดวัน เรานอนตั้งแต่ในสนามบิน นอนในโรงแรมอย่างเดียวทั้งวัน ทุกวัน เราทำงานตลอดเวลา ไม่เคยมีเวลาให้ตัวเอง ไปทริปได้นั่งมองทะเลบ้าง พอคิดอะไรออกก็เขียนทันที เราเคยมีแฟนเป็นคนต่างชาติ เคยบินไปหาเขา เจอกันก็เดี๋ยวๆๆ ขอตรวจปก ขอตรวจงานแป๊บหนึ่ง จนเขาคว่ำมือถือเดินหายไปเลย เราเสียดายคนดีๆ ที่ผ่านเข้ามามากเลย

ถ้าชีวิตบอบช้ำขนาดนั้น อะไรคือสิ่งที่ยังดึงคุณไว้กับอาชีพนี้

มันเป็นงานที่เป็นตัวเรามากๆ พอเจอเรื่องดีๆ คิดอะไรออก เราอยากบอกโลก รักไหมก็ไม่รู้ ไม่ได้ถึงขั้นกรีดเลือดตัวเองเพื่อปกป้องงานนะ แล้วเราก็ไม่ได้อยากเอาตัวเองออกสื่อด้วย เราสนใจแค่ปิดเล่ม เรื่องพอไหม มีเรื่องดีๆ พอหรือยัง คนอ่านจะชอบไหม ลูกค้าเราก็ไม่ได้สนใจ ของแบรนด์เนมก็มีนับชิ้นได้ เราไม่ได้สนใจในความเป็นแฟชั่นด้วย

ตอนลาออกตัดสินใจนานไหม

นาทีเดียวมั้ง ไปลาออก เก็บของ ขอใช้วันพักร้อน แล้วไม่เคยเข้าไปอีกเลย จบ ไม่มีเลี้ยงส่ง

ทำไมลาจากกันง่ายขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น

เราทำมานานจนอยากทำอย่างอื่นบ้าง ไปคุยกับผู้บริหารแต่ว่าเขาคิดไม่เหมือนเรา พอเราไม่ได้ทำ แล้วให้คนอื่นมาทำแทน ก็เสียความรู้สึก มันคงไม่ใช่แล้วหละ ตอนนั้นสยามพิวรรธน์ติดต่อมาให้ไปทำคอนเทนต์ให้ เรารู้สึกว่าหมดเวลากับ CLEO แล้ว แต่เรายังอยากทำสื่ออยู่ ไม่ต้องเป็น CLEO เป็นอะไรก็ได้ เลยตัดสินใจออกไปทำอะไรใหม่ๆ

หลังจากลาออก ยังได้อ่าน CLEO เล่มใหม่ๆ ไหม

ไม่อ่านเลย ตอนอยู่ก็ไม่ได้เปิดอ่านอยู่แล้ว เพราะคนทำนิตยสารมาเยอะๆ ทั้งวัน มันไม่อยากอ่านอะไรแล้ว นิสัยเราไม่ชอบอ่านนิตยสารไทยด้วยมั้ง ก็เลิกดูไปเลย

ชีวิตที่อยู่เพื่อทำสื่อให้สาวไทย กับการคืนชีพ CLEO มาลุยออนไลน์ของอดีต บ.ก. CLEO ที่เป็นนานถึง 18 ปี

การมีลูกเปลี่ยนชีวิตคุณไปยังไงบ้าง

การใช้ชีวิตไม่ค่อยเปลี่ยนนะ เพราะเราต้องรับผิดชอบงาน แต่เปลี่ยนในแง่ความทนทาน ตัวตนบางอย่างก็สูญสิ้นไปเลย แล้วก็มีความสำคัญบางอย่างงอกออกมา ความเป็นแม่มันจะเปลี่ยนคุณมากๆ เลย อาจจะนิ่งขึ้น มีสติขึ้น แยกแยะได้มากขึ้น เพราะสภาวะการเลี้ยงลูกเนี่ยมันทนทานจริงๆ ต้องต่อสู้กับความกลัวในใจเราตั้งแต่ตอนท้องว่าลูกจะปกติไหม ลูกคนโตเรามีอัตราไม่ปกติหนึ่งในสองร้อย ซึ่งมันหน้าสิ่วหน้าขวานมาก เรากลัวจนถึงวันที่เห็นลูกออกมา ตอนเลี้ยงลูกก็กลัว ปล่อยไว้ก็กลัวจะร้องไห้ มันวิตกทุกนาที เราต้องหาทางต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ มันช่วยตบๆ ให้เรานิ่งขึ้น

สำหรับผู้หญิง การเป็นแม่ต่างจากวัยอื่นๆ ยังไง

เรียกว่าลูกคือคำตอบของทุกอย่างเลย ที่เราเคยสงสัยทั้งหมด มันคือตรงนี้เลย เช่นเรื่องอารมณ์ เรากับลูกต่อท่ออารมณ์ถึงกันแบบน่าตกใจมาก วันไหนเราเครียด ลูกก็หงุดหงิด วันไหนเราร่าเริง เขาก็เล่นกับตัวเองได้ ขนาดวาดรูปเขายังวาดสิ่งที่อยู่ในใจเราเลย เราเคยไปหาพระอาจารย์ ท่านถามว่าโยมเอ๋จะลาออกเหรอ เรางงว่ารู้ได้ไง ท่านบอกว่า นั่นไงรูปที่ลูกวาด เขาวาดรูปรถเมล์แล้วมีคนจะลง เพราะฉะนั้น เราต้องทำตัวดีๆ จะได้ไม่เด้งไปโดนเขา เราเครียดเขาก็รู้ มันเปลี่ยนให้เราต้องสงบ สว่าง สะอาด ตลอดเวลา เก็บกดไม่ได้ เขาเป็นที่สุดของตัวชี้วัดในทุกอย่าง

ชีวิตที่อยู่เพื่อทำสื่อให้สาวไทย กับการคืนชีพ CLEO มาลุยออนไลน์ของอดีต บ.ก. CLEO ที่เป็นนานถึง 18 ปี

เราจะได้เห็นนิตยสาร CLEO แบบกระดาษอีกครั้งไหม

อยากมีนะ แต่ต้องรอเรามั่นคงถึงระดับหนึ่งก่อน เราเห็นภาพว่ามี ตอนอยู่ CLEO เราทำเล่มใหญ่ เล่มเล็ก ฟรีก๊อปปี้ แล้วก็ออนไลน์ เป็นคนละเนื้อหากันหมดเลย ทำพร้อมกันสี่อันได้ เราก็น่าจะทำเล่มได้ มันเป็นเรื่องของอนาคต

รอบนี้คุณอยากพา CLEO ไปให้ถึงจุดไหน

ฝันสุดๆ ของเรามีสองระดับ แบบเอเชียใกล้ๆ ตัวคือ โคตรอยากเป็นตัวแทนสาวไทยไปสัมภาษณ์ กงยู (Gong Yoo) เพราะเขาไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ง่ายๆ กับอีกอย่างคือ อยากพาสาวคลีโอไปทัวร์อวกาศ เพื่อที่จะได้มองชีวิตจากมุมตรงนั้นดู

ถ้าวันนี้คุณได้สัมภาษณ์กงยูคำถามเดียว คุณจะถามว่า

คุณเหงาใจมั้ย

Writer

ทรงกลด บางยี่ขัน

ทรงกลด บางยี่ขัน

ตำแหน่งบรรณาธิการโดยอาชีพ เป็นนักเดินทางมือสมัครเล่น แบ่งเวลาไปสอนหนังสือโดยสมัครใจ และชอบจัดทริปให้คนสมัครไป

Photographer

มณีนุช บุญเรือง

มณีนุช บุญเรือง

ช่างภาพสาวประจำ The Cloud เป็นคนเชียงใหม่ ชอบแดดยามเช้า การเดินทาง และอเมริกาโน่ร้อนไม่น้ำตาล