10 เมษายน 2025
3 K

เวลาพูดถึง ‘เรือสำราญ’ จะนึกถึงอะไรกัน

อย่างตัวผมที่ไม่เคยขึ้นเรือสำราญมาก่อน ก็จะนึกถึงสถานที่ซึ่งเป็นฉากหลังของหนังหลาย ๆ เรื่อง ซีรีส์หลาย ๆ ตอน ไปจนถึงการ์ตูนหลาย ๆ แนว หรือหลายคนอาจจะเคยเห็นคลิปลูกเรือรีวิวชีวิตการทำงานท่ามกลางมหาสมุทร แต่ถ้าพูดถึงในมุมนักท่องเที่ยว มันก็ไกลตัวเกินไปสักหน่อย… จนกระทั่งวันนี้

ผมยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นเรือเหมือนเดิม กลับกันผมได้มีโอกาสคุยกับ ไมเคิล โกห์ (Michael Goh) ประธานบริษัท StarCruises and Dream Cruises เกี่ยวกับเรือสำราญลำล่าสุดที่เพิ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ StarCruises เรือลำนี้มีชื่อว่า ‘Star Voyager’

ความพิเศษอยู่ตรงนี้ ปกติแล้ว Star Voyager เริ่มต้นเดินทางด้วยการออกจากท่าที่ประเทศสิงคโปร์ ทว่าในเดือนเมษายน เรือสำราญเดินสมุทรลำนี้จะเข้ามาประจำและล่องออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทยเป็นครั้งแรก พร้อมกับวลีที่ว่า ‘เส้นทางเรือที่เหมาะกับคนไทย’ (A cruise route perfect for Thai travelers) จากแหลมฉบัง สู่เกาะสมุย เทียบท่าที่สิงคโปร์ และกลับมาที่แหลมฉบัง

บทสนทนาครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยคำถามมากมายจากคนที่ไม่เคยขึ้นเรือสำราญมาก่อน ตั้งแต่ Star Voyager นั้นแตกต่างจากเรือลำอื่นอย่างไร ความพิเศษของการเทียบท่าที่ไทยครั้งนี้ การล่องเรือสำราญถูกมองเป็นทางเลือกที่ผู้สูงอายุนิยมเที่ยวจริงรึเปล่า โชคดีที่ไมเคิลช่วยคลายข้อสงสัยผมได้แทบทุกประเด็น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่ได้ตอบด้วยแง่มุมของประธานบริษัทหรือคนทำงานเรือสำราญเพียงอย่างเดียว แต่ยังเล่าจากมุมมองของคนที่รักในประสบการณ์ที่เรือสำราญมอบให้ และคุณพ่อที่รู้สึกถึงเสน่ห์ของเรือสำราญจากการเดินทางร่วมกับลูก ๆ ทั้ง 2 คน

STAR VOYAGER

“เรือ Star Voyager มีราคาที่จับต้องได้เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ โดยแขกผู้เข้าพักยังคงได้รับประสบการณ์แบบพรีเมียมเช่นกัน เพราะว่าคติของพวกเรา คือการมอบประสบการณ์ให้แขกอย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะช่วงเวลาที่อยู่บนเรือ” ไมเคิลเกริ่นถึงประสบการณ์บนเรือลำนี้

ในแง่คอนเซปต์ ไมเคิลอธิบายว่าด้วยความเป็นแบรนด์ เรือ Star Voyager กับ Star Navigator จึงมีความใกล้เคียงกันค่อนข้างมาก อย่างการตกแต่งที่เน้นความคลาสสิกแบบร่วมสมัย แต่สิ่งที่ทำให้เรือแต่ละลำแตกต่างกัน คืออีเวนต์ที่จัดขึ้นตามสถานที่ตั้ง ช่วงเวลา และฤดูกาล ยกตัวอย่างไม่ไกลนับจากวันนี้ การที่เรือเทียบท่าอยู่ที่ประเทศไทยส่งผลให้พวกเขาจัดเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่สระว่ายน้ำให้แขกเล่นกันอย่างสุดเหวี่ยงได้ แน่นอนว่าอีเวนต์นี้ไม่มีจัดขึ้นบนเรือลำอื่น รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ล่องเรือสำราญสุดพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้

15 Decks, 972 Rooms

ตามชื่อหัวข้อ Star Voyagers มีทั้งหมด 15 ชั้น กับอีก 972 ห้อง ให้ไล่ไปทีละชั้น ทีละห้อง บทความนี้คงต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นคู่มือท่องเที่ยวฉบับพกพา ฉะนั้นแล้ว ก่อนจะไปถึงห้องพัก เรามาดูสิ่งอำนวยความสะดวก กับสิ่งอำนวยความสนุกบนเรือลำนี้กันก่อนดีกว่า

เริ่มต้นกันที่กิจกรรมกลางแจ้งอย่างสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นทั้งสถานที่จัดอีเวนต์และปาร์ตี้อีกมากมาย ถ้าอยากสนุกเพิ่มขึ้นไปอีก บนเรือก็มีสไลเดอร์น้ำ (Waterslide) ให้เด็ก ๆ ได้ปล่อยพลัง แต่ดูแล้วคนที่หมายตาไว้น่าจะเป็นผู้ใหญ่เสียมากกว่า ส่วนสิ่งที่ไมเคิลทำให้ผมตกใจที่สุด คือตอนที่เขาบอกว่าบนเรือยังมีซิปไลน์ให้เล่นและผาจำลองให้ปีนอีกต่างหาก!

ด้านในตัวเรือประกอบด้วยโรงละครที่จุผู้ชมได้กว่า 500 คน พร้อมกับโชว์การแสดงมาตรฐานระดับสากลที่สนุกและอลังการมาก แต่ละวันทีมงานมืออาชีพจะจัดแสดงโชว์ที่ไม่ซ้ำกัน มีทั้งโชว์เต้น โชว์การแสดง ไปจนถึงโชว์ตลกที่จะสร้างความประทับใจให้กับแขกได้อย่างแน่นอน 

นอกจากนั้นยังมีโซนช้อปปิ้งให้ผู้โดยสารได้จับจ่ายใช้สอย สปาสำหรับพักผ่อน 

ซาลอนทำผม ร้านทำเล็บ และบาร์สำหรับดื่มด่ำค่ำคืนกลางมหาสมุทร แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ไมเคิลเน้นย้ำอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เขาร่วมกับทีมงานภูมิใจนำเสนอ นั่นคือประสบการณ์ที่แขกจะได้รับจากมื้ออาหารบนเรือลำนี้ โดยห้องอาหารหลักของเรือมีตัวเลือกหลากหลายและเมนูที่ไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละวัน ตั้งแต่อาหารสิงคโปร์ อาหารมาเลเซีย อาหารจีน อาหารไทย หรือถ้าใครต้องการอาหารสไตล์ตะวันตกและอาหารอิตาเลียน บนเรือก็มีให้ ซึ่งพร้อมเสิร์ฟอาหารแต่ละจานด้วยแบบสไตล์ดั้งเดิม โดยเฉพาะอาหารจานเอเชีย 

“แถมเรายังมี Kids Club สำหรับครอบครัวที่มีเด็กมาด้วย” ไมเคิลเอ่ยถึงอีกหนึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือ “พ่อแม่บางท่านอาจจะยุ่งกับการดูแลลูก ๆ จนไม่มีเวลาส่วนตัวที่จะได้นั่งดินเนอร์แบบโรแมนติก เพราะฉะนั้นพอขึ้นเรือมาแล้ว พวกเขาใช้บริการ Kids Club ให้เราดูแลเด็ก ๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไปเอนจอยกับมื้ออาหารกันสองต่อสองได้”

ในส่วนของห้องพักนั้น ห้อง Suite จะเรียกว่า The Palace ภายใต้คอนเซปต์ ‘Ship-within-a ship’ แปลเป็นไทยง่าย ๆ แต่ยาว ๆ ได้ว่า นี่คือรูมไทป์ที่อัดแน่นไปด้วยประสบการณ์ที่ไม่ใช่แค่ความหรูหราหรือใหญ่โตของสถานที่ราวพระราชวัง แต่ยังรวมถึงสิทธิพิเศษที่มีให้ตั้งแต่ก้าวเท้าขึ้นมาบนเรือ เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ตัวเลือกที่มากขึ้นในห้องอาหาร ไปจนถึงการขยายเวลาเช็กเอาต์ เพื่อให้แขกเก็บความประทับใจไว้ได้จนวินาทีสุดท้าย

รูมไทป์รองลงมาจะเป็น Balcony Cabin ห้องพักพร้อมระเบียง

Window Cabin ห้องพักวิวหน้าต่าง

และ Inside Cabin ห้องพักที่ไมเคิลมองว่าเหมาะมากกับกลุ่มวัยรุ่นที่มาด้วยกัน

“จริง ๆ ผมเคยพักในห้องหมวด Inside Cabin มาก่อนนะ มันสะดวกสบายมากจริง ๆ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแขก บางคนอาจจะอยากพัก The Palace บางคนอาจจะแค่อยากมานอนพักผ่อน เดินทาง และใช้เวลาบนเรือสำราญเงียบ ๆ ใน Inside Cabin ก็ถือว่าเพียงพอ”

Perfect Route & Perfect Plan & Perfect Experience

“นี่เป็นครั้งแรกที่ Stay Voyager จะเทียบท่าที่ประเทศไทย ผมมั่นใจมากว่าทุก ๆ คนจะต้องหลงรักมัน” ไมเคิลเปรยถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทาง

ไมเคิลอยากให้เราลองนึกภาพดูว่า ถ้าเราต้องเดินทางไปอย่างน้อย 2 – 3 ประเทศ เราจะต้องเปิด-ปิดกระเป๋าเพื่อแพ็กของเข้าเอาของออกกี่ครั้ง นั่งนับนิ้วยังไม่ทันเสร็จดี เขาก็เข้าเรื่องถึงความพิเศษของการเทียบท่าที่แหลมฉบังในครั้งนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่เพื่อการขายภาพลักษณ์ ทิวทัศน์ หรือเพิ่มความสะดวกสบายเพียงอย่างเดียว แต่ไมเคิลตั้งใจที่จะให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นหนึ่งในท่าเรือต้นทาง (Homeport) ที่จะเข้ามามีส่วนช่วยขยับขยายเศรษฐกิจของประเทศไทย

“เรือสำราญมีส่วนช่วยอย่างมากในการผลักดันเศรษฐกิจ เพราะเรายังสนับสนุนคนท้องถิ่นด้วย เราซื้อวัตถุดิบจากคนท้องถิ่นมาเสิร์ฟให้คนบนเรือ ไม่ว่าจะวัตถุดิบทางทะเล ผัก หรือข้าว แถมเรือสำราญนั้นมีคนโดยสารนับ 2,000 คน ลองจินตนาการดูว่าคน 2,000 คนลงไปที่แหลมฉบัง แถมเรายังมีลูกเรือกว่า 900 คนที่บางคนก็ลงไปด้วย สิ่งเหล่านี้จะช่วยเศรษฐกิจของท้องถิ่นได้เป็นอย่างดีเลย” ไมเคิลเล่าถึงหนึ่งในความตั้งใจของเขา

ไมเคิลมองว่าการมีท่าเรือต้นทางอยู่ในประเทศ แขกจะขึ้นเรือได้สะดวกขึ้น เดินทางใกล้ขึ้นจากเดิมที่ต้องไปถึงสิงคโปร์ คราวนี้เปลี่ยนมาขึ้นที่แหลมฉบัง แล้วยังได้ไปโผล่สิงคโปร์เหมือนเดิม เที่ยวเล่นให้หนำใจ ก่อนจะกลับมาแหลมฉบังแบบไม่ต้องเดินทางหลายต่อให้เมื่อยตัวปวดใจหรือหิ้วของกระเป๋าหนัก ๆ

“เมื่อเรามีท่าเรือต้นทางที่แหลมฉบัง ก็เหมือนกับว่าลูกเรือของเรารอคุณอยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้ว แล้วเราก็พาคุณไปที่เกาะสมุย ไปสิงคโปร์ แล้วกลับมาที่แหลมฉบัง คุณแทบจะไม่ต้องแพ็กกระเป๋าใหม่ด้วยซ้ำ แถมในทุกค่าใช้จ่ายบนเรือยังรวมทั้งมื้ออาหาร โชว์ต่าง ๆ และกิจกรรมมากมายที่รอให้คุณได้ทำ” ไมเคิลย้ำถึงความสบายของการมีท่าเรือต้นทางในประเทศ

พูดถึงกิจกรรมแล้ว Star Voyager จะเริ่มให้บริการในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งตรงกับช่วงปิดเทอมของเด็กนักเรียน ซึ่งแน่นอนว่าบางครอบครัวย่อมพาลูกมาท่องเที่ยวด้วย ไมเคิลเองก็เล็งเห็นถึงจุดนี้ ส่งผลให้เขาและทีมลูกเรือพยายามคิดสร้างกิจกรรมที่เด็กสนุกไปกับผู้ใหญ่ได้ แต่ก็ต้องไม่ยึดติด จนเผลอเน้นไปที่เด็กเป็นส่วนใหญ่ เกินไป 

“คนไทยเป็นคนรักกิจกรรมที่มีความสนุกสนาน เราเลยพยายามเพิ่มความหลากหลายเข้าไปในทุก ๆ อีเวนต์ เพราะการบอกว่าประสบการณ์ที่เราจะมอบให้นั้นดีขนาดไหน มันไม่ใช่แค่การป่าวประกาศ แต่สิ่งสำคัญคือการที่แขกเชื่อว่าพวกเขาจะได้รับประสบการณ์ตามที่พวกเราบอกไปจริง ๆ 

“สำหรับผม ทุกการเดินทางหรือตั้งแต่ก้าวแรกที่ขึ้นมาบนเรือจะต้องเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับ แขก นั่นหมายถึงเราต้องมีการดำเนินการที่ไหลลื่นตั้งแต่ท่าเรือ ทีนี้ในส่วนบนเรือ เวลาที่คุณไปเที่ยว ไปพักผ่อน คุณย่อมอยากมีลูกเรือที่ดีคอยดูแล ลูกเรือของเรามาจาก 40 – 50 กว่าประเทศ แน่นอนว่าเรามีลูกเรือที่พูดภาษาไทยได้เพื่อให้แขกไม่ต้องกังวลเรื่องการสื่อสาร ซึ่งผมเองก็ภูมิใจในความพยายามและความตั้งใจของทีมที่จะบริการแขกบนเรือของเรามาก ๆ เลย” ไมเคิลเล่าด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

The Ocean is Getting Wider

บทสนทนาระหว่างผมกับไมเคิลดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย เขาเริ่มเล่าในมุมของคนทำธุรกิจ และยังคงพูดถึงการมอบประสบการณ์ให้กับแขกบนเรือสำราญ เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้เขาต้องคอยทำความเข้าใจโลกอยู่เสมอ ความต้องการของคนเราที่เปลี่ยนไปในทุก ๆ วัน สิ่งที่ทำแล้วออกมาเวิร์กเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะเวิร์กในอีก 5 ปีข้างหน้า เหมือนกับมุมมองที่คนมีต่อการล่องเรือสำราญ ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่าเป็นการท่องเที่ยวของผู้สูงอายุ แต่ในตอนนี้ มันกลายเป็นเป็นหนึ่งในการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและน่าตื่นเต้นของวัยเยาว์ มีเรือสำราญรองรับความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งเรือที่เน้นนวัตกรรม เรือที่เน้นบรรยากาศ หรือเรือที่เน้นการผจญภัย

“ทุกวันนี้เรือสำราญเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายไหนบ้าง แน่นอนว่าซีเนียร์หรือคนที่ทำงานมาหลายปีจนมีเงินเก็บมากพอให้ท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ แต่ก็พ่วงมาด้วยครอบครัวที่เรามีกิจกรรมมากมายรองรับ หรือคู่รักที่อยากมีช่วงเวลาโรแมนติกร่วมกัน คนหนุ่มสาวเองก็ด้วย พวกเขาใช้เวลากับเพื่อน ๆ ใน Inside Cabin ได้ตลอดทั้งคืน จะเห็นได้ว่าเรือสำราญนั้นมีกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขวางมากขึ้นจากแต่ก่อน

“แต่ผมต้องยอมรับว่ากลุ่มคนหนุ่มสาวเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ยากที่สุดเลย ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขามีแนวคิดต่อวิธีพักผ่อนในวันหยุดแตกต่างกันไป แต่ในช่วงโควิด-19 พวกเขาเริ่มมีมุมมองต่อการล่องเรือสำราญที่เปลี่ยนไป เพราะในช่วงเวลานั้นการเดินทางไม่ได้มีทางเลือกมากนัก เมื่อพวกเขาขึ้นมาบนเรือก็พบว่า ว้าว ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเรือสำราญน่าตื่นเต้นขนาดนี้ มีทั้งซิปไลน์ บางลำมีสไลเดอร์น้ำตั้ง 6 แบบ ซึ่งผมคิดว่าวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเจาะกลุ่มคนหนุ่มสาว คือการใช้โซเชียลมีเดียของพวกเขาเอง การโพสต์จะทำให้คนข้างนอกเห็นถึงเรื่องสนุก ๆ ที่เกิดขึ้นบนเรือ มันช่วยให้เราขยับขยายไปยังกลุ่มเป้าหมายนี้ได้ โซเชียลมีเดียจึงเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญมาก และเพื่อกลุ่มเป้าหมายนี้ เราจึงจัดปาร์ตี้บนเรือสำราญเยอะขึ้นมาก” ไมเคิลอธิบาย

Dear Cruise

อะไรคือเสน่ห์ของการล่องเรือสำราญ – ผมถามคำถามสุดท้ายของการสัมภาษณ์ครั้งนี้

ไมเคิลไม่แม้แต่จะนิ่งคิด เขาตอบทันทีด้วยเรื่องเล่าจากประสบการณ์ที่ได้รับร่วมกับลูก ๆ

“ลูก ๆ ของผมตอนนี้อายุ 24 กับ 22 ปีแล้ว ผมจำได้ว่าตอนที่พวกเขายังเด็ก ๆ ผมพาพวกเขาไปล่องเรือสำราญทั้งในเอเชีย อเมริกา อลาสก้า ยุโรป จนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราต้องล่องเรือเป็นเวลานานมาก ราว 14 คืน และพวกเขายังเด็กมาก ๆ สิ่งที่ผมกับภรรยาคุยกัน คือเด็ก ๆ จะไหวกับการเดินทาง 14 คืนไหมนะ ยิ่งเป็นการล่องแม่น้ำที่มีขนาดเล็กกว่าและมีพื้นที่จำกัดมากกว่า แต่ในคืนสุดท้ายเด็ก ๆ เข้ามาบอกผมว่า พ่อ เราต้องกลับบ้านจริง ๆ เหรอ เราล่องเรือต่อไปอีกได้ไหม ผมเซอร์ไพรส์มาก ทำไมพวกเขาถึงอยากล่องเรือต่อเนี่ย (หัวเราะ)

“มันทำให้ผมเห็นว่า คุณเลือกได้ว่าคุณต้องการจะใช้วันหยุดของคุณอย่างไรบนเรือสำราญ คุณทำอะไรได้หลายสิ่งหลายอย่าง คุณจะไม่ทำอะไรเลยก็ได้ และคุณไม่จำเป็นต้องคิดมากเกี่ยวกับการเตรียมตัว เพราะเราจัดการสิ่งเหล่านั้นรวมถึงวางแผนให้คุณเรียบร้อยแล้ว ผมว่ามันเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในทุกวันนี้ เวลาเราไปเที่ยว เราคงไม่อยากคิดอะไรให้เยอะแยะ ผมว่านี่แหละคือเสน่ห์ของการล่องเรือสำราญ” ไมเคิลบอกเล่าคำตอบนี้ในฐานะคนคนหนึ่งที่รักในการล่องเรือสำราญ

3 Things you should do

at Star Voyager

01

มีส่วนร่วมในอีเวนต์ที่จัดขึ้น และดูโชว์ที่จัดเตรียมไว้

02

เอนจอยกับอาหารบนเรือสำราญที่เชฟภูมิใจนำเสนอ

03

เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมกลางแจ้งบนเรือสำราญ

Star Voyager

เว็บไซต์ : rwcruises.com

Writer

Avatar

พัทธนันท์ สวนมะลิ

เด็กกรุงเทพฯ ผู้เป็น Sneakerhead และ Cinephile ที่หอบเสื่อผืนหมอนใบมาเรียนเชียงใหม่ แล้วสุดท้ายก็กลับไปตายรังที่กรุงเทพฯ