The Cloud x OKMD
Rhythm and Books
ชื่อร้านบอกโดยตัวของมันเอง ว่าแม้ไม่ใช่ร้านหนังสือ แต่หนังสือเป็นส่วนสำคัญ ไม่ใช่แค่เป็นส่วนประกอบ
ความจริงไม่มีเจตนาเป็นเจ้าของร้านหนังสือ ว่าไปแล้วไม่เคยคิด ว่าตัวเองจะเป็นพ่อค้าประเภทซื้อมาขายไป เพราะประกอบอาชีพเขียนหนังสือขายและถ่ายภาพมาแต่แรก แม้ไม่ใช่งานแรกที่ทำเป็นอาชีพ แต่งานเขียนเป็นงานที่รักและรู้สึกว่าทำได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นจึงสนุกและมีความสุข
การได้ทำงานที่ตัวเองรัก จึงไม่มีเหตุอันใดให้มองหางานที่สองหรืองานอื่น และเมื่อมีอาชีพเขียนหนังสือ ความจำเป็นในการค้นหาข้อมูลเป็นความจำเป็นอันดับต้น ๆ ข้อมูลที่ว่านี้ นอกเหนือจากค้นหาและออกไปพบปะพูดคุยกับผู้คนด้วยตัวเองแล้ว หนังสือ คือแหล่งข้อมูลชั้นสำคัญ
และมิใช่เป็นข้อมูลหรือวัตถุดิบในการทำงานเท่านั้น เพราะหนังสือเปรียบเสมือนสะพานทอดตัว พาเราจากความไม่รู้สู่ความรู้ เปรียบเสมือนไฟที่ไม่เพียงให้แสงสว่าง หนังสือเหมือนไฟที่เอาไปปรุงอาหารฆ่าความหิวได้ หนังสือเหมือนแสงสว่างที่ไล่ความมืด และควันที่เกิดจากไฟยังช่วยขับไล่แมลงและสัตว์ร้ายที่มาในคืนมืดมิด หนังสือคือกองไฟที่มอบความอบอุ่นในคืนหนาว และบางทีหลายหนในชีวิต หนังสือเป็นเชื้อเพลิงในวันที่หาไฟปรารถนาในตัวเองไม่พบ
ผมไม่ใช่คนเดินเข้าห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือ ชอบไปร้านขายหนังสือมากกว่า ซื้อมาเป็นสมบัติ เป็นสัมภาระส่วนตัว ต้องการค้นข้อมูลหรืออยากอ่านเมื่อไหร่ก็หยิบหาอ่านได้ทันที ไปซื้อหนังสือตามร้าน ได้คุยกับเจ้าของร้านหรือคนขายหนังสือ หลายครั้งได้หนังสือที่ตัวเองได้รับคำแนะนำมาอ่าน จนกลายเป็นหนังสือถูกใจนับจำนวนไม่ถ้วน ได้พบกับคอหนังสือที่อ่านหนังสือต่างจากตัวเอง แต่ละคนมีความเชื่อความศรัทธาต่างกัน บางคนเป็นนักดนตรีสะสมหนังสือวิธีทำอาหาร หลายคนที่เจอเป็นศิลปินแต่ชอบอ่านหนังสือการ์ตูน หนังสือเด็ก และมีเพื่อนเป็นนักธุรกิจ ผู้อ่านหนังสือนิยายวรรณกรรมอย่างบ้าคลั่ง
คราวหนึ่งเมื่อต้องเดินผ่านศุลกากรสนามบินดอนเมือง เจ้าหน้าที่เรียกผมให้หยุดและตรวจค้น เพราะมีกระเป๋าเดินทางและสัมภาระพะรุงพะรัง ครั้นเมื่อเห็นว่าทั้งหมดเป็นหนังสือ จึงผายมือให้เดินผ่าน แล้วพูดขึ้นว่า จะเปิดร้านหนังสือหรือทำร้านหนังสือหรือ ผมยังจำหน้าตาและน้ำเสียงของผู้ชายชุดขาวคนนั้นได้ดี
รอบตัวผมเต็มไปด้วยหนังสือมากมาย มากกว่าสัมภาระอื่นที่ผมมีหรือเก็บสะสม หนังสือมีคุณสมบัติเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน นั่นคือเป็นแหล่งข้อมูลชั้นเยี่ยมของยุคสมัย
แล้ววันหนึ่งเมื่อสิบปีที่แล้ว ชีวิตก็หักเหให้จำเป็นต้องหาอะไรทำ และต้องย้ายถิ่นที่อยู่จากเหนือลงใต้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของ Rhythm and Books แห่งแรก ที่อำเภอหัวหิน
Rhythm and Books หากจัดจำพวกให้ถูก ต้องจัดเป็นร้านขายของมือสอง ของมือสองที่ว่า คือสิ่งของที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสัมภาระ ครั้นเมื่อถึงจุดที่สัมภาระกลายเป็นภาระ ที่ทำได้คือ ต้องปล่อยสัมภาระเหล่านี้ออกไป
ในบรรดาสัมภาระทั้งหมดที่กลายมาเป็นภาระ หนังสือมีจำนวนมากที่สุด ครั้นมานั่งคิดว่า หากต้องเปิดร้านขายหนังสืออย่างเดียว มันจะอยู่ได้นานแค่ไหนหรือ (เพราะเพื่อนและคนรู้จักเป็นเจ้าของร้านหนังสือหลายคน จึงรับรู้ปัญหา) อย่ากระนั้นเลย บอกตัวเองว่า งั้นมาเปิดร้าน ‘ขายของรักไม่หวง’ ดีกว่า
ของรักที่ว่าคือสัมภาระที่เก็บไว้ยาวนาน 50 ปี อาทิ แผ่นเสียง เทป ซีดี อุปกรณ์เครื่องเสียง ลูกปัด ผ้า รูป งานศิลปะ เครื่องประดับ จนถึงเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้นว่า โต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องครัว
แต่ที่พูดมาทั้งหมด ย้ำอีกทีว่าที่มีมากสุดคือ หนังสือ
ก็อย่างที่บอกตอนแรก ว่าทำร้านหนังสือไม่ใช่ความตั้งใจ แต่เป็นผลที่เกิดจากการต้องหาอะไรทำ หลังจากชีวิตเกิดการหักเห และเลี้ยงชีวิตได้ไม่เพียงพอด้วยการทำงานที่ตัวเองรักคือเขียนหนังสือ
เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในการทำร้านหนังสือ หรือเป็นเจ้าของกิจการใด ๆ มาก่อน การเรียนรู้จึงอาศัยพูดคุยสอบถามหาข้อมูลจากคนมีประสบการณ์ และจากประสบการณ์ตัวเองที่พบปะเจอะเจอผู้คนในสถานที่ต่าง ๆ ที่เคยไปเยี่ยมไปเยือนมา
สิ่งที่ต้องคิดถึงอย่างแรกคือสถานที่ โจทย์ที่ตั้งไว้คือโลกเปลี่ยนไป ก็ต้องทำความเข้าใจโลก ร้านที่อยากทำไม่ได้แข่งกับใครที่ไหน แต่ทำเลไม่ควรเงียบวังเวง ไม่เข้าถึงยาก ไม่ต้องติดถนนใหญ่ ให้อยู่ในชุมชนที่กำลังเติบโตได้ก็ดี และดีกว่าคือเป็นร้านที่เป็นที่พักได้ด้วย
หนังสือที่ขายในร้านระยะแรกมีหลากหลายประเภท ล้วนอยู่บนพื้นฐานความชอบความสนใจส่วนตัวและที่เกี่ยวกับงาน (เขียน) อาจด้วยเพราะเป็นคนเขียนหนังสือ จึงมองเห็นว่า เรื่องราวต่าง ๆ เชื่อมโยงกัน ขอยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่ง เช่น ผมสนใจเรื่องอาหาร มีโอกาสเรียนทำอาหาร และทำงานด้านอาหารการครัวมาบ้าง สูตรอาหารหลายรายการที่ลองทำ ได้มาจากเรื่องราวในนวนิยายหรือวรรณกรรม
เพราะฉะนั้น หนังสือส่วนอาหารการครัวที่ร้าน จึงมีวรรณกรรม นิยาย และภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับอาหาร รวมอยู่กับหนังสือสารคดีทั้งประวัติศาสตร์ ทฤษฎีว่าด้วยกลิ่นและรสสัมผัส และงานสารคดีที่ต้องอาศัยการค้นคว้าที่คนเขียน เขียนได้สนานสนุกกว่าตำราอาหาร เช่น เรื่องของเกลือ เครื่องเทศ ปลา เครื่องดื่ม เช่น ไวน์ เบียร์ ชา และกาแฟ
การทำร้านหนังสือที่ไม่ได้ขายหนังสือเพียงอย่างเดียว กลับนำพาให้คนที่มาเลือกซื้อแผ่นเสียงได้หนังสือเกี่ยวกับนักดนตรีหรือวงดนตรีที่พวกเขาชอบ กลับไปอ่านประกอบเสียงเพลง และหญิงสาวผู้หลงใหลผ้ามัดหมี่ (Ikat) ดีใจเมื่อได้ครอบครองหนังสือว่าด้วยลายผ้าและการทอผ้ามัดหมี่จากเกาะ Lombok อินโดนีเซีย
แม้สถานที่ตั้งร้าน Rhythm and Books อยู่ในเขตย่านนักท่องเที่ยว ทั้งร้านเดิม (หัวหินทั้งสองหน) และปัจจุบันที่ปราณบุรี (เพิ่งเปิดประตูเมื่อหนึ่งพฤษภาคมที่ผ่านไป) แต่จากประสบการณ์ ผู้ที่เข้ามาซื้อหนังสือมาจากพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงและคนต่างจังหวัดที่ทำงานในพื้นที่ ลูกค้าซื้อหนังสือมีตั้งแต่แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลหัวหิน เจ้าของกิจการโรงแรม ครู นักเรียน แม่ค้าขายลูกชิ้นในตลาดโต้รุ่ง และเจ้าของร้านนวดแผนไทย ผู้เดินเข้ามาในร้านด้วยอาการสงบเสงี่ยมและเงียบเชียบ ทว่าเมื่อเธอเดินออกจากร้าน เสียงหัวใจของเจ้าของร้านเต้นดังอึกทึกคึกโครม
“ไม่ชอบอย่างเดียวตรงชื่อตัวละครจำยาก แต่ชอบที่อ่านแล้ว เหมือนเขาเอาชีวิตเราหรือคนที่เรารู้จักมาเขียนถึงนะพี่” เธอหมายถึงนวนิยายรัสเซียเล่มหนาเตอะที่ซื้อกลับไป 3 ปกในคราวนั้น จำขึ้นใจประโยคที่เราแลกเปลี่ยนกันครั้งสุดท้ายก่อนร้านปิดตัวไม่กี่สัปดาห์
สำหรับ Rhythm and Books Chapter lll คงไม่ต้องบอกกระมังว่า เจ้าของหนังสือเกิดความรักในสิ่งที่ตัวเองทำแล้ว และกำลังมีความสุขอีกครั้ง ความสุขที่ว่านี้คืออะไร หรือเป็นเช่นไร หรือมีหน้าตาอย่างไรกระนั้นหรือ
เอาเป็นว่าขอเล่าเรื่อง ลูกค้า 2 รายนี้ให้ฟังดีกว่า
สองหนุ่มมัธยมปลายโรงเรียนรักษ์วิทยา ปราณบุรี ขี่มอเตอร์ไซค์จากสี่แยกปราณบุรี (12 กิโลเมตร) ฝ่าฝนพรำมาถึงก่อนร้านปิดไม่กี่นาที
ทั้งสองเอ่ยปากขอโทษขอโพยที่มาใกล้ร้านปิด “ผมตื่นกันสาย (เขามาวันอาทิตย์) ครูที่โรงเรียนแนะนำมาครับ ว่ามีร้านหนังสือเปิดแถวเขากะโหลก ครูเปิดเน็ตให้ดู ผมดีใจมากครับ เพราะแถวนี้ไม่มีร้านหนังสือเลย” หยุดพูด แล้วส่งสายตามองไปรอบ ๆ ร้านแล้วเอ่ย “แถวนี้ไม่มีร้านอะไรแบบนี้อะครับ ดีใจมาก ๆ” เพื่อนชายที่มาด้วยพยักหน้ายืนยัน
จากนั้นเราคุยกันเรื่องหนังสือ เขาและเพื่อนพูดถึงหนังสือเล่มที่ตัวเองชอบ ที่เคยอ่าน ที่เขาประทับใจ เมื่อถามว่าเรื่องในหนังสือที่พวกเขาอ่านเป็นอย่างไร เขาและเพื่อน แปลกใจที่เจ้าของร้านหนังสือไม่เคยอ่าน ทั้งสองจึงเล่าเนื้อหาในหนังสือ ด้วยน้ำเสียงและท่าทีกระตือรือร้น และพูดถึงเล่มต่อมาและต่อมา… บางเล่มผมรู้จัก เคยได้ยินชื่อ และบางเล่มไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินชื่อ
เวลาถูกขโมยโดยบทสนทนาของเรา 3 คน เขาและเพื่อนไม่ได้ซื้อหนังสือกลับไปสักเล่ม แต่ยืนยันว่า จะกลับมาอีกแน่นอน
วันนั้น ฝนตกมา 2 วันแล้ว ยังไม่มีท่าจะหยุด เมฆเทาหนาหนักอึ้ง อากาศชื้น พรุ่งนี้ได้เวลาแยกต้นไม้ลงกระถางใหม่สักที
หนังสือแนะนำ
เมื่อพูดถึงหนังสือที่ดีหรือน่าสนใจ ผมไม่คิดถึงคนเขียนหรือหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะการอ่านหนังสือของผมเปลี่ยนไป ตามอายุ ตามสถานการณ์ และความสนใจในแต่ละช่วง
1 หน้าไม่สวมหน้ากากของศรีลังกา
นักเขียน : ภาณุ มณีวัฒนกุล
สำนักพิมพ์ : เนชั่นบุ๊คส์
ราคา : 175 บาท
หนังสือภาษาไทยที่เขียนถึงศรีลังกามีน้อยมาก ทั้งที่ความจริง ไทยและศรีลังกามีความคล้ายคลึงอยู่ไม่น้อยในหลาย ๆ ด้าน เช่น ศาสนา สภาพภูมิอากาศภูมิประเทศ และภาษา
หนังสือเล่มนี้เขียนจากมีโอกาสไปศรีลังกา 2 หน หนแรก 4 สัปดาห์ และหนที่สองเกือบ 2 สัปดาห์ หนแรกไปเองและหนที่สองไปในฐานะแขกได้รับเชิญ จึงมองเห็นศรีลังจาก 2 มุม หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่คู่มือเที่ยว เป็นการเล่าเรื่องชีวิต อาหารการกิน ผลหมากรากไม้ และผู้คน มีรูปประกอบขาวดำประปราย
2 ความปรุโปร่ง (Transparency)
นักเขียน : โคลิน โรว์ และ โรเบิร์ต สลัทสกี้
นักแปล : อาชัญญ์ บุญญานันต์
สำนักพิมพ์ : ลายเส้น พับบลิชชิ่ง
ราคา : 270 บาท
อ่านยาก เข้าใจไม่ง่าย แม้จะบอกเกริ่นว่าเป็นหนังสือที่เขียนสำหรับนักศึกษาด้านสถาปัตยกรรมอ่าน แต่ด้วยที่มีความเชื่อมโยงของการมองด้วยสายตาสถาปนิกต่อภาพ หรืองานศิลปะของบรรดาศิลปินตะวันตกหลากหลายสำนัก ไม่ว่าจะเป็นลายเส้น รูปทรง เพื่อใช้อธิบายถึงความปรุโปร่ง (ที่ไม่ใช่ความว่างเปล่า) ในงานออกแบบอาคารและที่อยู่อาศัย นี่คือจุดที่ทำให้ผมในฐานะคนที่ชอบถ่ายภาพปะติดปะต่อหรือเชื่อมโยงมาถึงภาพที่ตัวเองมองและวิธีการมองภาพด้วย เหมาะสำหรับคนชอบงานศิลปะ ในฐานะคนทำงานด้านศิลปะและคนเสพศิลปะ
3 นัยนามแห่งอิสลาม (พิมพ์ซ้ำและปรับปรุงใหม่จาก จินตนาการอิสลามเชิงสังคมวิทยา)
นักเขียน : สุชาติ เศรษฐมาลินี
สำนักพิมพ์ : ปาตานีฟอรั่ม
ราคา : 200 บาท
จงอ่าน เป็นคำเริ่มต้นของคัมภีร์อัลกุรอาน
อิสลามเป็นศาสนาที่คนพูดถึงมากที่สุด แต่เป็นไปได้ว่ามีคนรู้จักศาสนานี้น้อยที่สุด ความเชื่อที่มีอยู่แค่มุสลิมไม่กินหมู มีเมียได้ 4 คน ผู้ชายต้องขลิบปลายอวัยวะเพศ ผู้หญิงต้องแต่งตัวมิดชิดเสมือนหนึ่งเป็นแค่สิ่งของ มุสลิมเป็นพวกหัวรุนแรง ความจริงมีมิติอื่นที่น่าสนใจและควรใคร่ครวญถึงศาสนาที่เปรียบไปก็คล้ายคนแปลกหน้านี้
บทสำรวจคำสอนอิสลามว่าด้วย สันติภาพ ความรุนแรง ครอบครัว และสตรี เล่มนี้ เป็นผลงานวิจัยของนักมานุษยวิทยาที่เขียนออกมาแบบมีกลิ่นอายงานวิชาการน้อยที่สุดชิ้นหนึ่ง เป็นการรวบรวมบทความ และงานภาคสนาม ซึ่งเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนเอง จึงเหมาะสมในการอ่านเพื่อทำความเข้าใจอิสลามในหลายมิติ
4 ไก่ใส่พลัม (Poulet Aux Prunes)
นักเขียน : Marjane Satrapi
นักแปล : ณัฐพัดชา
สำนักพิมพ์ : กำมะหยี่
ราคา : 120 บาท
ผลงาน มาร์จอเน่ ซาทราฟิ นักวาดการ์ตูนสตรีชาวอิหร่าน เรื่องของบุรุษนักดนตรีผู้มีชื่อเสียงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วง 7 วันสุดท้ายของชีวิตของนัสเซอร์ อาลี ข่าน นักดนตรีผู้เยียวยาความเศร้าจากบาดแผลในจิตใจไม่ได้ เมื่อทาร์ เครื่องดนตรีอันเป็นที่รักพังเสียหาย และหาเครื่องดนตรีใดมาทดแทนไม่ได้ ที่สุดเขาเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง
ไก่ใส่พลัม มีทั้งอารมณ์ขัน ประปรายไปด้วยความคลุมเครือและแฟนตาซี เป็นผลงานน่าทึ่งของนักวาดการ์ตูนสตรีชาวอิหร่าน ผู้มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
นี่คือหนังสือขายดีเล่มหนึ่งในร้าน Rhythm and Books ร้านแรกเมื่อสิบปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ยังมีคนถามถึง
ร้าน Rhythm and Books Chapter lll
ที่ตั้ง : 433 หมู่ 4 ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ (แผนที่)
โทรศัพท์ : 09 23492062
วัน-เวลาทำการ : เปิดวันพฤหัสบดี-จันทร์ เวลา 08.00 – 17.30 น.
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาร้านหนังสือเป็นแหล่งควมรู้สร้างสรรค์ โดยความร่วมมือของ The Cloud และ OKMD