ถ้าหากพูดถึงการเริ่มต้นธุรกิจในยุคนี้ หลายคนอาจบอกว่าต้องเริ่มจากการตั้งใจค้นหา Passion หรือความฝัน 

แต่บางครั้ง บางธุรกิจอาจเริ่มต้นด้วยความบังเอิญที่ไม่คาดคิด

หรือแม้กระทั่งเริ่มต้นจากความรักของคนสองคน

‘rati’ คือแบรนด์ Personal Care ที่เริ่มต้นแบบนั้น

ฝน-รติรส จุลชาต และ ป๊อง-รุจจิ์ จุลชาต สองสามีภรรยาที่รู้จักกันมาตั้งแต่วัยเรียน ในวันแต่งงาน พวกเขาคิดว่าจะทำของชำร่วยเป็นอะไรดี มันควรมีความหมายเหมือนการส่งต่อความรักของทั้งคู่ สู่แขกผู้มาร่วมงานทุก ๆ ท่านได้

ไอเดียของ rati เกิดขึ้นวันนั้น เป็นของชำร่วยเพื่อส่งต่อความรัก และได้เติบโตขึ้นมาจนกลายเป็นธุรกิจจริง ๆ 

ต่อจากนี้คือเรื่องราวแห่งความรัก ที่เปลี่ยนก้อนแร่ธาตุธรรมดา ๆ ก้อนหนึ่งให้กลายเป็นธุรกิจที่สู้กับแบรนด์ใหญ่ในตลาดได้อย่างไม่เกรงกลัว

ขอเชิญทุกท่านชมเรื่องราวไปพร้อมกัน ณ บัดนี้

rati ธุรกิจ Personal Care ที่เริ่มจากของชำร่วยงานแต่ง และความตั้งใจส่งต่อความรักนั้นให้ทุกคน

แรกเริ่มจากความรัก

ย้อนกลับไปในวัยเยาว์ โรงเรียนจิตรลดาคือสถานที่ที่ฝนและป๊องได้พบกันเป็นครั้งแรก เมื่อเรียนจบ ป๊องเรียนต่อด้านภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ก่อนไปเรียนต่อใน Film School ที่สหรัฐอเมริกา

rati ธุรกิจ Personal Care ที่เริ่มจากของชำร่วยงานแต่ง และความตั้งใจส่งต่อความรักนั้นให้ทุกคน

ส่วนฝนเติบโตมากับครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านเคมีอุตสาหกรรม นำเข้า-ส่งออกสารเคมีและแร่ธาตุ เธอจึงตัดสินใจเรียนต่อในด้านวิศวกรรมเคมีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเรียนต่อในด้าน International Business ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ด้วยธุรกิจครอบครัวของเธอนี่เอง ทำให้เธอรู้จักกับ ‘สารส้ม’ สารประกอบที่อยู่คู่คนไทยมานาน มีประโยชน์หลากหลาย คุณภาพแบ่งออกได้หลายเกรด ตั้งแต่เกรดสำหรับบำบัดน้ำเสีย ไปจนถึงเกรดที่ใช้สำหรับทำอาหารหรือใช้ในวงการแพทย์ ซึ่งหนึ่งในสรรพคุณสำคัญของสารส้ม คือการดับกลิ่น

“ด้วยความที่เราเป็นคนชอบแต่งตัว สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ใส่เสื้อนักศึกษาสีขาว ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายปกติ ก็จะทำให้เกิดรอยคราบบนเสื้อ” ฝนเล่า

แต่สารส้มแตกต่างจากผลิตภัณฑ์เหล่านั้น มันไม่มีสีและกลิ่น จึงไม่ทิ้งคราบไว้บนเสื้อผ้าที่ใส่ เป็นเหตุให้คุณฝนคุ้นเคยกับการใช้สารส้มมาตั้งแต่สมัยเรียน

“แต่ตอนนั้นมันเป็น Pain Point มากที่ต้องหยิบอะไรที่เป็นก้อนแบบนี้ไปด้วยตลอด เวลาไปเที่ยวก็ต้องเอาก้อนสารส้มใส่ถุงพลาสติกไป ซึ่งไม่สวยเลย และถ้าทำหล่น ก้อนสารส้มก็จะแตกและบาดอีก” คุณฝนเล่าถึงความลำบากในการใช้สารส้มแบบดั้งเดิม

rati ธุรกิจ Personal Care ที่เริ่มจากของชำร่วยงานแต่ง และความตั้งใจส่งต่อความรักนั้นให้ทุกคน

สารส้มสื่อรัก

9 ปีผ่านไป ฝนและป๊องตัดสินใจแต่งงาน สิ่งที่ตามมาหนีไม่พ้นการเฟ้นหา ‘ของชำร่วย’

“เราอยากให้ของที่เป็นตัวแทนเราสองคนได้ เป็นของที่เราคิดและสร้างขึ้นมาด้วยกัน ให้ฝนดูด้านส่วนผสม แล้วเราก็ดูด้านการออกแบบ” ป๊องเล่าย้อนกลับไป

คุณฝนตัดสินใจนำสารส้มที่เธอรู้จักมาแสนนานมาปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นสเปรย์ระงับกลิ่นกาย ปรับดีไซน์ที่แลดูโบราณและใช้ยากให้กลายเป็นไอเทมที่ตั้งไว้ในห้องน้ำได้ รวมถึงพกพาได้สะดวกโดยไม่ต้องอายใคร

แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อหลังงานแต่งงานมีสายโทรเข้ามา

“มีอีกไหม” ปลายสายเอ่ยถามคุณฝนถึงของชำร่วยงานแต่งที่ใช้ดีจนคนอยากได้เพิ่ม

นับวันผ่านไป มีคนทักพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นชวนไปออกงาน Trade Show ทั้งคู่จึงตัดสินใจลงมือพัฒนา rati ต่อ เพื่อทำออกมาเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง

rati ธุรกิจ Personal Care ที่เริ่มจากของชำร่วยงานแต่ง และความตั้งใจส่งต่อความรักนั้นให้ทุกคน

ผู้อ่านอาจเดาได้ว่า ชื่อแบรนด์มาจากชื่อ ‘รติรส’ ของคุณฝน แต่ว่าไม่ใช่เพียงชื่อเท่านั้น

“คำว่า ‘รติ’ มีความหมายว่า ความรัก เราเลยเลือกชื่อนี้เพราะอยากทำของที่เกิดจากความรักของเรา เพื่อส่งต่อความรักนี้ให้กับทุก ๆ คน” ฝนและป๊องเล่า

rati ธุรกิจ Personal Care ที่เริ่มจากของชำร่วยงานแต่ง และความตั้งใจส่งต่อความรักนั้นให้ทุกคน

เติมรักให้สารส้ม

หลังวันแต่งงาน ฝนและป๊องใช้เวลาเกือบ 3 ปี เก็บรวบรวมฟีดแบ็กจากคนที่ได้ลองใช้ และพัฒนาสเปรย์ระงับกลิ่นกายชิ้นนี้ให้ดียิ่งขึ้น ก่อนนำออกมาวางขายอย่างเป็นทางการ

เมื่อเข้าสู่ตลาด นอกจากการชูส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นจุดเด่นแล้ว ผลิตภัณฑ์ก็ต้องล้ำไปอีกขั้นด้วยเช่นกัน

“เราพยายามทำให้ต่างจากคนอื่นมากขึ้น เช่น น้ำที่ใช้ ต้องเป็นน้ำแร่ธรรมชาติจากแหล่งในประเทศไทย เพิ่มส่วนผสมเปปเปอร์มินต์และว่านหางจระเข้เข้าไป เพื่อช่วยบำรุงผิวอย่างเป็นธรรมชาติด้วย”

นอกจากการใช้สารส้มซึ่งเป็นภูมิปัญญาไทยโบราณแล้ว ทั้งคู่ก็ยังตั้งใจที่จะนำองค์ความรู้จากภูมิปัญญาไทยอื่น ๆ มาผสานกับงานวิจัยในยุคปัจจุบัน เพื่อให้ภูมิปัญญาไทยเหล่านี้เข้าถึงคนยุคใหม่ได้ง่ายและมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น

นี่จึงทำให้ rati ไม่ใช่สเปรย์ที่มีเพียงแต่สารส้มธรรมดา ๆ แต่ยังมีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติอื่น ๆ มากมาย เช่น สารสกัดลูกยอซึ่งช่วยลดการเกิดกลิ่น สารสกัดใบฝรั่งและมังคุดซึ่งช่วยยับยั้งแบคทีเรีย และสารสกัดเก๊กฮวยที่ช่วยปลอบประโลมผิว

rati ธุรกิจ Personal Care ที่เริ่มจากของชำร่วยงานแต่ง และความตั้งใจส่งต่อความรักนั้นให้ทุกคน

รักที่แตกต่าง

เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ Personal Care อย่างสเปรย์ระงับกลิ่นแล้ว เรื่องหนึ่งที่เราอดสงสัยไม่ได้ คือตลาดผลิตภัณฑ์ Personal Care เต็มไปด้วยแบรนด์ใหญ่ที่อยู่มานานมากมาย 

แล้วอะไรทำให้แบรนด์ที่เพิ่งเกิดใหม่อย่าง rati ต่อสู้กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่เหล่านั้นได้

“การทำให้แบรนด์เราต่างจากคนอื่นยากมาก จนกระทั่งเราไปเจอกลุ่มลูกค้ากลุ่มหนึ่ง นั่นก็คือกลุ่มขี้แพ้ หรือกลุ่มผู้บริโภคที่ผิวหนังแพ้ง่าย ซึ่งฝนเองก็เป็นเหมือนกับพวกเขา คือเป็นคนขี้แพ้มาก เราเลยเข้าใจกัน และพยายามหาของที่ใช้แล้วไม่แพ้” 

ฟีดแบ็กที่ทั้งคู่ได้รับจากลูกค้ากลุ่มนี้ คือการใช้สินค้าดับกลิ่นยี่ห้ออื่นแล้วเกิดการแพ้ แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้ rati พวกเขากลับไม่เกิดการแพ้

นี่จึงกลายเป็นจุดขายที่ทำให้สเปรย์ระงับกลิ่นกายของ rati ต่างจากสเปรย์ระงับกลิ่นอื่น ๆ

rati ธุรกิจ Personal Care ที่เริ่มจากของชำร่วยงานแต่ง และความตั้งใจส่งต่อความรักนั้นให้ทุกคน

ในขณะที่หลายแบรนด์เลือกพูดถึงเรื่องคุณประโยชน์ต่าง ๆ ที่แลกมาด้วยความเสี่ยงในการทำให้ผิวระคายเคือง อย่างการทำให้ผิวขาวหรือคงทนนานเป็นวัน ๆ rati กลับเลือกคงคอนเซปต์ให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นสเปรย์ที่นอกจากจะไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่กลบกลิ่นน้ำหอม ไม่ทิ้งคราบแล้ว ส่วนผสมทุกอย่างยังมาจากธรรมชาติ เกรดของสารส้มก็ต้องเป็นเกรดที่ดีที่สุด และเป็นเกรดเดียวกับที่ใช้ในการแพทย์ เพื่อให้ไม่เกิดการระคายเคืองและดีต่อคนที่เรารักมากที่สุด

“เราเน้นสื่อสารในเรื่องของความเป็นธรรมชาติ สารประกอบต่าง ๆ ต้องได้รับการรับรอง ส่วนผสมที่เราเลือกใช้ก็เลือกใช้สารที่มาจากธรรมชาติเท่านั้น เพื่อให้ดีต่อผู้ใช้ที่สุด” นอกจากนี้ ทั้งคู่ตัดสินใจเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการออกแบบมาอย่างประณีต นอกจากที่จะได้สเปรย์ที่พ่นละอองได้ละเอียดแล้ว ปริมาตรของผลิตภัณฑ์ก็เลือกมาให้นำขึ้นเครื่องบินได้ และวัสดุที่ใช้ทำขวดสเปรย์ก็เป็นวัสดุที่รีไซเคิลได้ เพื่อช่วยลดการสร้างขยะให้มากที่สุด

โดยปกติผลิตภัณฑ์สเปรย์โดยทั่วไปมักมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งแม้จะทำให้สเปรย์นั้นแห้งเร็ว แต่ก็อาจทำให้เกิดการแพ้และระคายเคือง rati จึงออกแบบขวดสเปรย์และหัวฉีดมาอย่างประณีตเพื่อแก้ปัญหานี้ ซึ่งประโยชน์หลักที่ได้ก็คือ ช่วยให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการแพ้และระคายเคือง

ต่อเติมความรัก

“rati คือผลิตภัณฑ์ Personal Care ที่ทำให้คุณมั่นใจได้ ทั้งมั่นใจในส่วนผสมของไทยที่เป็นธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ และให้คุณออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจในตัวเอง” นี่คือนิยามที่ทั้งคู่ให้เรา

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของ rati ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเคียงคู่กับสเปรย์ระงับกลิ่นกายนั่นก็คือ ‘สเปรย์ Happy Feet’ ซึ่งเป็นสเปรย์ระงับกลิ่นไม่พึงประสงค์บริเวณเท้าและรองเท้า

“ผมเป็นคนที่รักรองเท้ามาก จึงอยากถนอมรองเท้าที่ผมรักให้มีอายุการใช้งานได้นานที่สุด แต่รองเท้าสนีกเกอร์รุ่นพิเศษหลายรุ่นและรองเท้าหนังบางชนิดนั้นซักหรือฉีดสเปรย์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ไม่ได้ เพราะจะทำให้รองเท้าเสียหาย”

เมื่อทางที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้รองเท้าสกปรกและเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ป๊องจึงนำสูตรสเปรย์ระงับกลิ่นกายของ rati มาพลิกแพลงจนเกิดเป็นสเปรย์ Happy Feet ขึ้นมา

แม้ว่าสเปรย์ระงับกลิ่นต่าง ๆ จะเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรก ๆ ของ rati แต่ฝนและป๊องไม่คิดที่จะหยุดแค่นั้น ในอนาคต ทั้งคู่ตั้งใจเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Personal Care ใหม่ ๆ เช่น ผงวิตามินซี ซึ่งทันทีที่เราได้เห็น ก็ถึงกับต้องขอมาลองใช้เลยทีเดียว 

“ทุกวันนี้ในวิตามินซี 1 หลอดอาจมีส่วนผสมเป็นร้อย ๆ อย่าง เราเลยมีทางเลือกให้ เป็นผงวิตามินซี 100% ที่นำไปผสมกับน้ำหรือครีมอะไรก็ได้ในบ้านที่คุณไม่แพ้ เพื่อให้ได้คุณประโยชน์ของวิตามินซีไปเต็ม ๆ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับส่วนผสมอื่น ๆ”

rati ธุรกิจที่เริ่มต้นจากของชำร่วยงานแต่งงาน สู่ธุรกิจที่อยากให้ทุกคนมั่นใจเหมือนมีเพื่อนสนิทอยู่เคียงข้าง
rati ธุรกิจที่เริ่มต้นจากของชำร่วยงานแต่งงาน สู่ธุรกิจที่อยากให้ทุกคนมั่นใจเหมือนมีเพื่อนสนิทอยู่เคียงข้าง

แทนที่จะเน้นส่วนผสมที่เยอะแล้วเสี่ยงกับการแพ้ rati เรียกได้ว่าเป็นแนวทางใหม่ของผลิตภัณฑ์ Personal Care ที่เน้นความมินิมอล ทำให้ผู้บริโภคได้รับคุณประโยชน์ชัดเจน พร้อม ๆ กับยังคงจุดเด่นของความเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย

“เราอยากให้ rati เป็นเหมือนเพื่อนสนิทของร่างกายคุณ ซึ่งคุณไว้ใจเขาได้” ทั้งคู่ทิ้งทายด้วยประโยคสั้น ๆ แต่ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่กับคนใกล้ชิดที่รู้ใจ

rati ธุรกิจที่เริ่มต้นจากของชำร่วยงานแต่งงาน สู่ธุรกิจที่อยากให้ทุกคนมั่นใจเหมือนมีเพื่อนสนิทอยู่เคียงข้าง

Website : www.ratibkk.com

Lessons Learned

  • การทำธุรกิจ เราต้องมีจุดยืนและความจริงใจที่จะตอบโจทย์จุดยืนของเราให้ได้
  • ต้องปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว แต่จริง ๆ แล้วอาจดีกว่านั้นได้อีกหากเรายอมรับข้อบกพร่องได้
  • แบ่งเส้นให้ชัดเจนว่าอะไรที่เราต้องทำเอง อะไรที่ให้คนอื่นทำได้ เพราะเราคือคนที่รู้จักธุรกิจของเราดีที่สุด

Writer

Avatar

วุฒิเมศร์ ฉัตรอิสราวิชญ์

นักเรียนรู้ผู้ชื่นชอบการได้สนทนากับผู้คนและพบเจอสิ่งใหม่ๆ หลงใหลในการจิบชา และเชื่อว่าทุกสิ่งล้วนมีเรื่องราวให้ค้นหา

Photographer

Avatar

ปฏิพล รัชตอาภา

ช่างภาพอิสระที่สนใจอาหาร วัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัย มีความฝันว่าอยากทำงานศิลปะเล็กๆ ไปเรื่อยๆ