The Cloud X สารคดีสัญชาติไทย
เรือของเราเป็นเรือสำหรับนักดำน้ำลำเดียวในพื้นที่นี้ ความมืดสนิทปกคลุมรอบข้าง สุดสายตาที่มองเห็นมีแค่แสงจากเรือประมงเรืองเป็นสีเขียวห่างออกไปไกลเกือบถึงเส้นขอบฟ้า จอโซนาร์และแผนที่ GPS ในห้องกัปตันเรือบ่งบอกว่าพื้นทะเลใต้ท้องเรืออยู่ลึกลงไปประมาณ 80 เมตร
ในโลกธรรมชาติ การอพยพครั้งใหญ่หรือที่เรียกกันว่า The Great Migration มักพูดถึงเหล่าสัตว์ป่านับพันชีวิตเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันตามวงรอบที่โดนกระตุ้นจากสัญชาตญาณ โลกใต้ทะเลก็มีสิ่งที่เรียกว่าการอพยพครั้งใหญ่เช่นเดียวกัน จำนวนรวมของชีวิตที่เคลื่อนที่ไปด้วยกันนั้นมากมายมหาศาลยิ่งกว่าสัตว์บก แถมยังเป็นการอพยพที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกค่ำคืน
ในช่วงกลางคืนของทุกวัน เหล่าแพลงก์ตอนจำนวนมหาศาลจะเคลื่อนตัวจากใต้ทะเลลึกขึ้นสู่ที่ตื้น ตามการนำทางของแสงจากพระจันทร์ บางส่วนว่ายขึ้นมาเพื่อจับคู่ สืบพันธุ์ บางส่วนก็ว่ายขึ้นมาเพื่อหาอาหาร
แพลงก์ตอนคือการเรียกรวมของสิ่งมีชีวิตที่ไหลไปกับกระแสน้ำ บางตัวเป็นตัวอ่อนของสัตว์ที่เราคุ้นเคย แต่บางตัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าใกล้พื้นที่แนวปะการังเลย ทำให้การดำน้ำแบบปกติทั่วไปจะไม่มีทางได้พบเห็น การจะพบเจอตัวพวกมันทำได้แต่ลงดำน้ำกลางร่องน้ำลึกตอนกลางคืน แล้วดักรอพวกมันผ่านทางมากับกระแสน้ำโดยบังเอิญ
ทุ่นลอยถูกปล่อยลงน้ำ ค่อยๆ ไหลตามกระแสน้ำห่างออกไปจากเรือ เชือกทุ่นถูกถ่วงให้ตึงด้วยตะกั่วหนักที่ร้อยไว้ส่วนปลาย ความยาวเชือกทุ่นสุดสายลึกลงไป 30 เมตร ด้านล่างเป็นความมืดเวิ้งว้างที่ลึกลงไปจนมองไม่เห็นพื้น ทุกความยาว 10 เมตรของเชือกติดไฟฉายกันน้ำดวงใหญ่ทิ้งไว้ เพื่อคอยช่วยบอกระยะและเป็นเป้าสังเกตให้กับเราท่ามกลางความมืดสนิทใต้ทะเล
ด้านบนทุ่นลอยก็มีไฟติดไว้เพื่อเป็นหมายให้กับเรือ จะได้แล่นตามพวกเราที่ไหลไปกระแสน้ำได้ถูกทาง และตามเก็บนักดำน้ำที่ขึ้นก่อนได้อย่างปลอดภัย
พวกเราโดดลงน้ำแล้วดำดิ่งสู่ระดับความลึกที่แต่ละคนถนัด ปรับการลอยตัวให้เป็นกลาง ลอยนิ่งโดยไม่ต้องขยับตัวเตะขาพยุง เพราะการขยับตัวเพียงนิดเดียวอาจทำให้เกิดการไหลของน้ำและพัดแพลงก์ตอนที่เราต้องการหายไปได้
ไฟฉายที่ติดอยู่กลับกล้องถ่ายรูปในมือฉายออกไปกลางมวลน้ำมืดมิด ต่างคนต่างฉายไฟไปในทิศทางที่ไม่ตัดกัน เฝ้ามองจุดตะกอนที่ลอยผ่านมา หวังว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งกระแสน้ำที่เราอยากพบเจอ
ท่ามกลางความมืดใต้น้ำทำให้เราย้อนคิดไปถึงข้อความที่อ่านเจอในการอวยพรที่วางขายในร้านเครื่องเขียนสมัยเด็กๆ “ฉันดีใจที่เส้นทางชีวิตของเราได้ตัดผ่านกัน” เส้นทางชีวิตของคนเราถ้าเอามาลากเส้น การพบเจอกันของแต่ละคนสร้างเป็นจุดตัดของเส้นที่พุ่งไป บางคนก็เป็นแค่จุดตัด แต่บางคนก็ผ่านเข้ามาก็ตีเส้นวิ่งขนานไปด้วยกัน ช่วยกันค้ำยันให้เส้นของกันและกันมั่นคงขึ้น
แสงไฟในมือเราสาดไปโดนก้อนวัตถุใสเรืองขึ้นมา ปีกบางใสขยับกระพืออย่างช้าๆ คล้ายกับผีเสื้อกลางอากาศ เราลอยตามแพลงก์ตอนใสมีปีกไปเหมือนกำลังวิ่งไล่ผีเสื้อในสวน บางครั้งก็เข้ามาใกล้ บางครั้งก็หักหลบไกลออกไป เราไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร รู้แต่ว่าเราไม่เคยเจอมันมาก่อนเลยในการดำน้ำกว่า 20 ปีที่ผ่านมา มันลอยผ่านหน้าแล้วจากเราไป เป็นการพบกันแค่เพียงไม่กี่นาทีกลางน้ำ จุดตัดของเส้นชีวิตเรากับแพลงก์ตอนมีปีกตัวนี้ช่างสั้นเหลือเกิน
เผลอมองแพลงก์ตอนจนเพลินรู้ตัวอีกทีก็ลอยห่างไกลออกมาจากไฟที่สายทุ่นด้านหลัง หันไปด้านข้างมองเห็นพี่นักดำน้ำคนหนึ่งลอยหลุดออกมาทางทิศเดียวกัน พี่จิ๋วเป็นรุ่นพี่นักดำน้ำที่รู้จักกันมาเกิน 10 ปี แต่การดำน้ำด้วยกันในทริปเดียวกันนั้นมีน้อยครั้งได้ จังหวะเวลาของเรานั้นไม่ค่อยตรงกัน
ในทริปดำน้ำนั้น เวลาที่นั่งเล่นตัวแห้งๆ กันบนเรือมีมากกว่าจังหวะที่อยู่ในน้ำซะอีก ผู้คนที่ลงเรือลำเดียวกันจึงเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในแต่ละทริป เวลาหลายปีที่ห่างกันถูกเติมเต็มช่องว่างด้วยการการพูดคุยเล่นกันบนเรือระหว่างพักไดฟ์ ยิ่งเรือลำเล็กเท่าไหร่ ช่องว่างก็ยิ่งถูกเติมเต็มได้เร็วมากขึ้น
ท่ามกลางความมืดเวิ้งว้างใต้ทะเล เพื่อนร่วมทางที่ออกว่ายสู่ทิศเดียวกันช่วยสร้างความอุ่นใจอย่างประหลาด เรากับพี่จิ๋วว่ายกลับมาด้วยกันจนถึงเชือกทุ่น แล้วก็ต่างหันหน้าออกสู่ความมืดด้านนอกตามทางของตัวเองอีกครั้ง
แพลงก์ตอนอีกตัวลอยผ่านหน้าเราไป ก้อนกลมสีขาวค่อยๆ คลายตัวยืดเส้นยาวออกมาเหมือนดอกไม้บานออก ตัวนี้ก็เช่นกัน เราไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร บางครั้งก็พอจะเดาออกว่ามันเป็นสัตว์ในระยะวัยอ่อน แต่พวกมันแทบจะไม่มีเค้าร่างตอนโตให้เห็นเลย สิ่งที่ต้องทำคือพยายามถ่ายรูปพวกมันให้ชัดเจนที่สุด เพื่อกลับไปค้นหาและทำความรู้จักพวกมันต่อได้ในทีหลัง หลายครั้งภาพถ่ายเพียงใบเดียวที่เก็บมาได้ ช่วยขยายและต่อยอดให้เราได้รู้จักกับมันได้ดียิ่งขึ้น
ทุกๆ ปี ข่าวการสูญพันธุ์ของสายพันธุ์ผ่านตาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่เราไม่เคยได้เห็นตัวจริงของมันด้วยซ้ำ เคยได้อ่านชื่อแบบผ่านๆ เคยเห็นภาพจากหน้าจอ ความห่างไกลทำให้ข่าวเหล่านั้นเป็นเรื่องไกลตัว การจากไปตลอดกาลของพวกมันแทบไม่ได้สะกิดให้เราตระหนักถึงผลที่จะเกิดขึ้นอย่างจริงจัง มักจะจบที่แค่ความเสียดายแบบผิวเผิน
อาทิตย์ที่แล้ว จู่ๆ ก็ได้ทราบข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาของพี่จิ๋ว ความทรงจำจากทริปกลางน้ำตอนกลางคืนย้อนกลับมาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่เวลาชั่วครู่ที่เราว่ายน้ำไปทางเดียวกัน แต่เป็นการใช้เวลาร่วมกันบนเรือตลอดทริปนั้นด้วย เส้นที่วิ่งขนานกันไปกับเราลดลงไปอีกเส้นหนึ่งแล้ว มันใจหายเสียยิ่งกว่าจุดตัดเล็กๆ ที่ไม่มีวันวกกลับมา
ถึงแม้ว่าการทำความรู้จักกันจะสร้างความสั่นไหวอย่างยิ่ง ถ้าหากวันหนึ่งสิ่งนั้นหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล แต่พอมามองย้อนดู การได้รู้จักกันคือความทรงจำงดงามซึ่งจะไม่เลือนหายตามไป