พัทลุงครั้งแรก

เช้าที่สดใสวันหนึ่ง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ฉันถือกระเป๋ามานั่งรอตรงประตูทางออกล่วงหน้าหลายชั่วโมงเพื่อสะสางงานที่คั่งค้างและหาข้อมูลเกี่ยวกับจุดหมายปลายทาง ซึ่งชุดข้อมูลเดียวที่ฉันมีและจดจำได้ คือคำขวัญประจำจังหวัด

เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน

นี่คือทริปกลับบ้านที่พัทลุง โดยคนที่ไปพัทลุงครั้งแรก

เหตุผลที่บอกว่าเป็น ‘ทริปกลับบ้าน’ เพราะกิจกรรมตามรอยคนพื้นถิ่นและผู้นำทางตลอดทริปของเราล้วน ‘กลับบ้าน’ และมารวมตัวกันโดยนัดหมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารลับกลางเขา กิจการแบรนด์เสื้อผ้าทำมือ และโรงแรมแห่งใหม่

ทริปสั้นขนาด 3 วัน 2 คืนของฉันไม่อาจครอบคลุมความเป็นพัทลุงได้ทั้งหมดเหมือนอย่างใครเขา แต่ก็มากพอจะจดชื่อจังหวัดนี้ไว้เป็นหมุดหมายครั้งต่อไป เมื่อต้องการทริปพักผ่อนกายและใจที่แท้จริง เพราะอุดมพร้อมด้วยธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ มีที่หลับนอนแสนสบายอุ่นใจ มีอาหารที่ดีให้กินครบทั้ง 3 มื้อแบบอุ่นท้อง

ซึ่งใคร ๆ ก็บอกว่าอาหารที่นี่อร่อยมาก แถมเชฟร้านมิชลินอาหารใต้ส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่ ดังนั้นอาหารใต้โดยคนพัทลุงแท้ ๆ รสชาติย่อมถึงใจไม่ประนีประนอม ขนาดว่าเป็นคนเมืองที่ไม่ชอบกินเผ็ด ยังขอเติมข้าวสังข์หยดหลายทัพพีต่อมื้อ

โปรดวางสัมภาระและรัดเข็มขัด เรากำลังพาคุณมุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ จากนั้นใช้เวลาเดินทางต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เราก็จะถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ

หมายเหตุ : ทริปนี้เกิดขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ เราจึงไม่มีโอกาสแวะเที่ยวหลาดใต้โหนด ตลาดรักษ์โลกชื่อดังในวันสุดสัปดาห์ ซึ่งใครก็ตามที่เคยมาพัทลุงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าทุกตลาดของที่นี่สนุกและเป็นอีกกิจกรรมที่ห้ามพลาด

ใครไม่สน เขาชัยสน

สายวันฝนพร่ำ ณ พัทลุง

นอกจากหนังตะลุงและรำมโนราห์ ฉันไม่มีความรู้พื้นฐานใด ๆ เกี่ยวกับพัทลุงเลย หากจะบอกว่าเป็นคนเดียวใน The Cloud ที่ไม่เคยมาก็คงไม่ผิดหนัก จึงได้รับมอบหมายให้เดินทางร่วมกับทีมโรงแรม Dusit Princess Phatthalung ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน เพื่อทำความรู้จักจังหวัดนี้โดยสังเขป

เมื่อรู้ว่าใครต่อใครใช้พัทลุงเป็นเมืองผ่าน แวะมาเที่ยววันเดียวแล้วกลับ เราก็ยิ่งสนใจว่าอะไรทำให้คนต่างพื้นที่ที่อาศัยอยู่ในละแวกยอมขับรถข้ามจังหวัดมาท่องเที่ยวที่นี่ในช่วงสุดสัปดาห์กัน

งั้นเรามาเริ่มกันที่เที่ยวรอบเขาชัยสน

เขาจากมุมหลังร้าน

เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ชาวคณะจึงพาเราปักหมุดและเติมแรงกันที่ ‘ร้อยพฤกษา’ ร้านอาหารสไตล์ Home Cooking รสมือแม่ ใช้วัตถุดิบจากสวนหลังบ้าน ซึ่งพัทลุงเป็นดินแดนที่ฝน 8 แดด 4 ปลูกอะไรก็อร่อย และทันที่แกงส้มสละอินโด ปลาแดดเดียวที่หาทานได้เฉพาะที่นี่ น้ำพริกที่เสิร์ฟพร้อมผักสดจานโต และสารพัดเมนูวางเต็มโต๊ะ เราทั้งหมดก็ผลัดกันเติมข้าวสังข์หยดทัพพีแล้วทัพพีเล่า เพื่อต่อกรกับอาหารรสชาติเผ็ดเข้มข้นแบบต้นตำรับ 

ฉันขอยกให้ ‘ข้าวสังข์หยด’ หรือพันธุ์ข้าวพื้นเมืองพัทลุง เป็น MVP (Most Valuable Player) ของทริปนี้เลย ข้าวกล้องสีแดงอมน้ำตาล รสสัมผัสหวานนุ่มเป็นเอกลักษณ์ อร่อยสมคำร่ำลือจริง ๆ ชอบมากจนต้องเปลี่ยนข้าวสารที่บ้านมาเป็นข้าวสังข์หยดทั้งหมด

นอกจากรสมือที่หาตัวจับได้ยากแล้ว ความพิเศษของร้อยพฤกษาคือพื้นที่สวนครัวหลังบ้านของ สุพจน์ มีแสง อีกคนที่กลับบ้านเกิดในช่วงโควิด เขาเริ่มจากลุกมาทำเกษตรอินทรีย์ ปลูกทุกอย่างแม้กระทั้งต้นกาแฟพร้อม ๆ กับทำร้านอาหารที่เสิร์ฟผักผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งอร่อยมาก จนอยากให้คณะกรรมการมิชลินได้รู้จักร้านนี้จริง ๆ (ที่บอกว่าไปปักหมุด เพราะวันที่เราไปนั้น ร้านลับมาก ไม่มีแม้แต่หมุดบอกตำแหน่งบน Google Maps)

มาเขาชัยสนทั้งที อย่าลืมแวะ ‘บ้านหนังตา-ลุง’ อุดหนุนของที่ระลึก หรือถ้าพอมีเวลา อยากแนะนำให้ลองแสดงฝีมือทำเข็มกลัดหรือต่างหู ซึ่งเป็นวิธีทำหนังตะลุงแบบดั้งเดิม แล้วแวะแช่เท้าที่ ‘บ่อน้ำร้อนเขาชัยสน’ บ่อน้ำร้อนเก่าแก่ประจำเมือง การันตีสรรพคุณนอนแช่แก้โรคโดยคนท้องถิ่น 

แล้วขอเชิญอุดหนุนร้านค้าชุมชนที่ ‘ร้านสีพูบาติก’ กิจการผ้าย้อมสีธรรมชาติที่ใช้น้ำจากบ่อน้ำพุร้อนเขาชัยสนผสมขี้เลื่อยจากไม้หลุมพอ ไม้ประจำถิ่นที่มีความแข็งแรงมาก นอกจากใช้สร้างบ้านแล้ว สมัยก่อนยังใช้ไม้หลุมพอนี้ทำหมอนรองรถไฟด้วย โดยแบบเสื้อสวย ๆ นี้เป็นฝีมือการตัดเย็บโดยแม่บ้านในชุมชน

เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย

ราตรีสวัสดิ์นะ พัทลุง

หนึ่งในไฮไลต์ของทริปนี้ คือการอยู่พักสบายเหมือนบ้านที่โรงแรมแห่งใหม่ใจกลางเมืองอย่าง ‘โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส พัทลุง’ ซึ่งเป็นโรงแรมแรกในเครือดุสิตธานี ภายใต้แบรนด์ดุสิตปริ๊นเซสที่เปิดบริการในภาคใต้ และด้วยมาตรฐานการบริการ ความสวยงามของการออกแบบพื้นที่และการตกแต่ง บวกกับจุดเด่นที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น ทำให้ที่นี่กลายเป็นรีสอร์ตใจกลางเมืองพัทลุง พร้อมรับนักเดินทางที่ตั้งใจมาพักผ่อนอย่างแท้จริง

ความพิเศษอย่างหนึ่งที่เราได้สัมผัสจากที่นี่คือความรู้สึกถึงการกลับบ้าน ซึ่งเป็นจุดร่วมที่มาจากทั้งเจ้าของโรงแรมอย่าง ไชยยันต์ ไตรสุวรรณ ซึ่งเป็นคนพัทลุงแท้ ๆ ที่คร่ำหวอดทำธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ต่าง ๆ มามากมายหลายสิบปี ในวันหนึ่งที่ลูก ๆ เอ่ยปากขอกลับบ้านเกิดมาเปิดโรงแรม ทั้งครอบครัวจึงตัดสินใจเลือกทำโรงแรมดุสิตปริ๊นเซส พัทลุง หรือแม้แต่ผู้จัดการโรงแรม ซึ่งเป็นคนพื้นที่ที่ได้กลับบ้านมาทำงานที่บ้านเกิดครั้งแรก พร้อม ๆ กับจุดประกายให้คนอื่น ๆ ได้กลับบ้าน ไม่ว่าจะในฐานะคนทำงานหรือคนที่แวะมาพักผ่อนท่องเที่ยว

พัทลุงครั้งเดียวไม่พอ

แล้วพบกันใหม่นะ พัทลุง

ถ้านี่คือบันทึกการเดินทางของนักเดินทางผู้คร่ำหวอด เขาคงจะบอกคุณผู้อ่านว่า ยังมีกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากในพัทลุงที่รอให้คุณไปสัมผัส แต่เพราะยังเป็นนักเดินทางมือสมัครเล่น ฉันไม่ยอมกลับง่าย ๆ จนกว่าจะได้พิสูจน์

วันต่อมา พวกเราทั้งคณะเดินทางไปที่อำเภอกงหรา อยู่ห่างจากตัวเมืองราว 30 นาที ที่นี่คือ ‘ไร่ชา 1000 ไมล์’ ไร่ชาแห่งแรกของภาคใต้ เจ้าของไร่นำพันธุ์ชาจากเชียงรายมาทดลองปลูกและพัฒนานับปี ก่อนสร้างร้านชาและคาเฟ่แห่งนี้ให้กลายเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวของคนท้องถิ่นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว นอกจากวิวทิวทัศน์สวนยางตัดสลับภูเขาสุดลูกหูลูกตาแล้ว เราประทับใจที่มาของชื่อร้านสุด ๆ เพราะไม่เพียงแทนระยะทางการเดินทางของพันธุ์ชา แต่ยังมาจากการผสมชื่อ คุณพ่อสัมพันธ์ และชื่อ คุณแม่ละมัย เกิดเป็น ‘พันมัย’ แสนจะลงตัว 

หากพอมีเวลา อย่าลืมแวะอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมกระจูดวรรณี ซึ่งล้วนดีไซน์เก๋ไก๋ หยิบมาใช้เมื่อไหร่ก็มีแต่คนร้องชมร้องถาม หรือหากคันไม้คันมืออยากลองทำดูบ้าง เขาก็มีเวิร์กช็อปให้ลองทำสั้น ๆ เมื่อทำแล้วคุณอาจอยากควักเงินจ่ายค่าตัวกระเป๋ากระจูดเพิ่มจากที่ร้านตั้งไว้

ว่ากันว่าวันและเวลาในต่างจังหวัดเดินทางเร็วกว่าวันเวลาในเมืองเสมอ พวกเรากลับมาพักชิลล์เล่นที่โรงแรมไม่ทันไร พระอาทิตย์ก็คล้อยต่ำเป็นสัญญาณของมื้อค่ำที่เรารอคอย 

ใครมาพัทลุงห้ามพลาดที่นี่ ‘ห้องอาหารคู่หู’ ร้านคู่บ้านคู่เมือง กินแล้วร้องอู้หูอู้หา โดยเฉพาะเมนูปลากระบอกอับเกลือ ซึ่ง ‘อับเกลือ’ เป็นวิธีถนอมอาหารแบบคนทะเล ใส่ปลา ใส่เกลือ ใส่ไห ฝังในทราย เป็นเมนูที่มีที่นี่ที่เดียว ตามด้วยเมนูกุ้งสามน้ำอบเกลือ แกงส้มปลากะพงยอดมะพร้าว ผักบุ้งไต่ราว และขอสุดยอดจานโปรดของฉัน ทะเลหลวง หรือทะเล (ปลา หมึก กุ้ง) ลวก ราดด้วยน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้สูตรพิเศษ 

ทานคาวแล้วต้องต่อของหวาน ห่างไปเพียง 200 เมตรคุณจะเจอ ‘ร้านน้ำชาโรตีบังแอนด์โก’ โรตีคาวหวานร้านท้องถิ่น พร้อมทั้งชานมทั้งร้อนและเย็น ปิดท้ายค่ำคืนแสนหวาน ก่อนตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลน้อยก่อนกลับกรุงเทพฯ

ขอนั่งยัน นอนยัน และยืนยันเลยว่าทริป 3 วัน 2 คืนอาจยังไม่เพียงพอ เพราะพัทลุงนั้นรุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมและยังมีของดีประจำจังหวัดอีกเยอะมาก จนอยากเขียนคำขวัญให้ใหม่ จากเดิมที่มี เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน 

เราขอเสนอ…

เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน นอนดุสิต (ปริ๊นเซสฯ) เสาร์-อาทิตย์เดินตลาด อย่าพลาดงานกระจูด Root งานศิลปะ คารวะศาลหลักเมือง ลือเลื่องอาหารใต้ 

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ฉันจะได้กลับมาที่พัทลุงอีก

Write on The Cloud

Travelogue

ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

Writer & Photographer

นภษร ศรีวิลาศ

นภษร ศรีวิลาศ

บรรณาธิการธุรกิจ The Cloud 4.0 แม่บ้านและฝ่ายจัดซื้อจัดหานิตยสารประจำร้านก้อนหินกระดาษกรรไกร ผู้ใช้เวลาก่อนร้านเปิดไปลงเรียนตัดเสื้อ สานฝันแฟชั่นดีไซเนอร์ในวัย 33 ปัจจุบันเป็นแม่ค้าที่ทำเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อบังหน้า ซึ่งอนาคตอยากเป็นแม่ค่ะ