เป็นเอก รัตนเรือง บอกว่า สิ่งหนึ่งที่มีผลต่อหนังของเขาอย่างมาก และเป็นเรื่องที่นักวิจารณ์และคนดูทั่วไปอาจไม่เคยรู้มาก่อนคือ งานสถาปัตยกรรมในหนังของเขา

เป็นเอกบอกว่า คริสโตเฟอร์ ดอยล์ ผู้กำกับภาพชื่อดังระดับโลก ซึ่งเคยร่วมงานกับเป็นเอก บอกว่า เขาสนใจโลเคชันเป็นหลัก ไม่มีประโยชน์ที่จะออกแบบอะไรล่วงหน้า ถ้ายังไม่รูู้ว่าโลเคชันที่จะถ่ายเป็นยังไง

สิ่งที่ส่งผลกับวิธีทำงานของเป็นเอกก็คือ บทหนังและเรื่องราวของตัวละครจะเปลี่ยนไปตามโลเคชันเสมอ

เรื่องราวที่เป็นเอกกำลังจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ เขาออกตัวว่ามันไม่มีผลกับความสนุกหรือไม่สนุกของหนัง และไม่อยากให้คนคิดว่าหนังของเขาเต็มไปด้วยรายละเอียด ดูแล้วต้องตีความ ดูเอาเป็นบันเทิงเฉยๆ ไม่ได้

เขาแค่อยากเล่าวิธีคิดในการทำหนัง (ซึ่งคนไม่ค่อยรู้) ให้ฟังเท่านั้นเอง

 

Last Life in the Universe

Last Life in the Universe Last Life in the Universe Last Life in the Universe Last Life in the Universe Last Life in the Universe Last Life in the Universe Last Life in the Universe Last Life in the Universe Last Life in the Universe Last Life in the Universe Last Life in the Universe Last Life in the Universe

เรานึกภาพในหัวว่าเรื่องนี้นุ่น (สินิทรา บุญยศักดิ์) กับ พลอย (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) เป็นพี่น้องกัน คงเช่าบ้านอยู่กันเองสองคนพี่น้อง บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าที่บทเขียนไว้เยอะ เราไม่ได้นึกภาพนี้เลย ถ้าไม่มีคริส (คริสโตเฟอร์ ดอยล์-ผู้กำกับภาพ) เราคงไม่เอาแน่ๆ คริสเห็นรูปแล้วบอกว่าน่าสนใจ อยากดู อยู่ที่อ่างศิลา มันเป็นทางผ่านอยู่แล้ว ก็แวะไปดูกัน พอไปถึง หลังบ้านที่ไม่เห็นในรูป มีสระว่ายน้ำร้าง มีน้ำเน่าๆ มีฟูกเก่าๆ โยนทิ้งอยู่ในนั้น ที่เห็นในหนังคือไม่ได้เซ็ตเลยนะ สระใหญ่มาก ตรงกลางสระมีบาร์เหล้า รู้เลยว่าต้องเป็นบ้านคนรวยมาก เป็นบ้านยุค 60 70 ที่มันพูดกับเรา มันไม่ตรงกับบทเรา ซึ่งเราไม่ค่อยชอบ แต่มันก็ไม่ไปจากเรา

วิธีการดูโลเคชันของคริสคือ นั่งอยู่ที่นั่นทั้งวัน ดูแสงตั้งแต่เช้า ให้คนลองเดินดูแล้วถ่ายภาพนิ่งเป็นสไลด์เก็บไว้ ตอนฉายให้ทีมงานดู มันเริ่มเล่าเรื่องให้เรามากขึ้น เป็นเรื่องท่ีเราไม่มีวันคิดได้ตอนเขียนบท เช่น ทีแรกคิดว่าพี่น้องคู่นี้คงเช่าบ้านอยู่แถวลาดพร้าวค่าเช่าสักเดือนละหมื่นบาท แต่พอเป็นหลังนี้ มันต้องมีพ่อแม่ ซึ่งในบทเราไม่ได้เขียนถึง แล้วพ่อแม่ไปไหน ตายไปแล้วแน่ๆ บ้านหลังนี้เจ้าของอยู่กรุงเทพฯ ฝุ่นเต็มบ้านเลย ไม่มีใครทำความสะอาด ในหนังเราเลยให้ตัวละครใช้ชีวิตอยู่แค่ส่วนเดียวในบ้าน ที่เหลือทิ้งไว้เป็นฝุ่นหมดเลย

แล้วก็มีผลกับรถที่ใช้ ตอนแรกขับรถอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้ต้องโฟล์กเปิดประทุน พอเอารถมาก็สวยเลย คริสบอกว่า สวยไป เลยทำให้ด้านหนึ่งเป็นเหมือนโป๊วสี แล้วยังไม่ได้ทำสี เหมือนสภาพบ้าน

ชุดที่นุ่นใส่ก็ต้องเลือกชุดที่มีความโบราณๆ บางทีอาจจะเป็นชุดแม่ด้วยซ้ำ บ้านหลังนั้นมีผลกับอีกหลายอย่างมาก มีผลกับเรื่องที่หนังอาจจะไม่ได้เล่า แต่ดูไปแล้วพอจะรู้สึกว่าตัวละครนี้มีที่มายังไง โดยไม่ได้พูดในบทว่ากำพร้าพ่อหรือเปล่า หนังเร่ิมสร้างตัวมันเองขึ้นมา เราเป็นแค่ผู้โดยสารของหนัง เกาะไปกับมัน

เราเชื่อสิ่งนี้ตั้งแต่ก่อนทำงานกับคริสแล้ว เชื่อมาตลอด แต่คริสมาคอนเฟิร์มความเชื่อนี้

 

ฝัน บ้า คาราโอเกะ

ฝัน บ้า คาราโอเกะ ฝัน บ้า คาราโอเกะ ฝัน บ้า คาราโอเกะ ฝัน บ้า คาราโอเกะ

ตัวละครในเรื่องนี้ฝันถึงแม่ที่ตายไปแล้วว่าสร้างบ้าน ซึ่งเป็นความฝันจริงๆ ของรุ่นพี่เราคนหนึ่ง แสดงว่าครอบครัวนี้คงค่อนข้างมีอันจะกิน พ่อก็ไม่ทำงานทำการ ร้องคาราโอเกะอย่างเดียว เราเร่ิมหาบ้านที่หน้าตาออกไปทางบ้านที่หัวหินซึ่งมีกำแพงเป็นก้อนหินใหญ่ๆ ก็ได้บ้านของเพื่อนเราชื่อ เก้ง พงษ์นคร ซึ่งเป็นผู้กำกับโฆษณาที่ หับ โห้ หิ้น บ้านหลังนี้เลยค่อยๆ สร้างตัวละครของเฟย์ (เฟย์ อัศเวศน์) ขึ้นมา

20 ปีที่แล้ว เซเว่น อีเลฟเว่น เพิ่งเข้ามา เราเขียนเซเว่นฯ เข้าไปในบทด้วย ตอนนั้นมีความเป็นร้านค้าฝรั่ง ยังไม่ได้มีเกลื่อนแบบทุกวันนี้ เซเว่นฯ เป็นสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ เราให้เพื่อนนางเอกเป็นพนักงานเซเว่นฯ เราเลือกเซเว่นฯ สาขาที่อยู่ในเมืองเก่า ตอนกลางวันมันก็ธรรมดา แต่พอ 2 ทุ่มรอบข้างจะมืดหมดเลย เซเว่นฯ มันจะสว่างขึ้นมา มีเส้นแดงๆ ส้มๆ เขียวๆ เหมือนยานอวกาศ ตัวละครจะมารวมตัวกันที่เซเว่นฯ ตอนกลางคืน นั่งคุยสัพเพเหระ

 

เรื่องตลก 69

เรื่องตลก 69 เรื่องตลก 69 เรื่องตลก 69 เรื่องตลก 69 เรื่องตลก 69 เรื่องตลก 69 เรื่องตลก 69 เรื่องตลก 69

หมิว (ลลิตา ปัญโญภาส) เล่นเป็นพนักงานบริษัทไฟแนนซ์ที่โดนจับสลากเลย์ออฟ เป็นคนที่ไม่ได้สำคัญอะไร ที่ที่เขาอยู่ก็เป็นอพาร์ตเมนต์ที่ไม่ได้แพงมาก ความท้าทายของหนังเรื่องนี้คือเรื่องราว 80 เปอร์เซ็นต์ของหนังเกิดในอพาร์ตเมนต์ แล้วศพในห้องหมิวก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บทเขียนให้นั่งอยู่ที่เตียงแล้วมองไปต้องเห็นส้วม ต้องมีตู้ให้เอาศพไปซ่อน ถ้าหันหน้าเข้าหาตู้ต้องมีโจรคนหนึ่งวิ่งจากห้องน้ำไปหลบในตู้อีกใบได้ ภูมิศาสตร์ของห้องแบบนี้หาไม่ได้หรอก ก็เลยต้องสร้างเซ็ตขึ้นมา

พี่ตั้ม พวัฒน์ เป็นมือทำอาร์ตประดับท็อปของประเทศ เขาคิดต่อว่าตัวละครตัวนี้เป็นคนใต้หรือเปล่า เพราะซีนสุดท้ายมันทิ้งทุกอย่างแล้วขับรถกลับบ้าน มันเห็นต้นมะพร้าวระหว่างทาง ห้องก็เลยทาสีน้ำเงิน ในเรื่องหมิวต้องล็อกกุญแจ ต้องไขอยู่เรื่อย มีถ่ายโคลสอัพพวงกุญแจเยอะ ก็เลยให้หมิวใช้พวงกุญแจที่เป็นเปลือกหอย เป็นปลาดาว

งานสถาปัตย์ที่น่าสนใจในเรื่องนั้นคือ พวกค่ายมวยไทยที่เป็นแก๊งที่มาตามทวงเงิน ค่ายมวยส่วนใหญ่มักจะเลอะเทอะ ช่วงนั้นเราทำงานโฆษณามีคนตัดต่อเป็นชาวออสเตรเลีย เขามีบ้านไทยอายุสองสามร้อยปี ทั้งหลังไม่มีตะปูเลย มีบึงด้วย เราเลยขอเอามาเซ็ตเป็นค่ายมวย ให้ซ้อมกันตามใต้ถุน ผลของการเลือกโลเคชันแบบนี้น่าสนใจมาก ไม่มีนักวิจารณ์มองเห็นเลย คือคนในแฟลตซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมยุคใหม่ สร้างด้วยปูน อยู่กันเป็นห้องๆ ดูเป็นคนดีกันหมดเลย สวัสดีกัน แต่ไม่ได้ผูกพันกัน จะผูกพันก็ต่อเมื่อมายืมน้ำปลา ตำรวจที่มาทำดีกับหมิวก็เพราะอยากขอปีนห้องไปจับพวกเล่นยาข้างๆ แต่พวกมิจฉาชีพที่อยู่ในบ้านไทย พวกนี้รักกันชิบหาย เป็นเดือดเป็นร้อนแทนกัน หัวหน้าก็ดูแลลูกน้องดีมาก แบ่งซูกัสให้กิน

วิธีคิดแบบนี้อาจจะไม่มีผลกับความสนุกของเรื่อง แต่ส่งผลกับทีมงาน พอเขาได้ฟังก็จะเข้าใจแล้วคิดต่อว่าจะทำงานต่อยังไง อย่างพี่แดง (ชาญกิจ ชำนิวิกัยพงศ์-ผู้กำกับภาพ) ตีความว่าถ้าคนในแฟลตไม่ค่อยจริงใจกัน ตอนถ่ายในแฟลตก็จะใช้แสงนีออนให้มากที่สุด เพื่อให้ทุกคนดูป่วยๆ ซีดๆ จะได้ดูปลอมๆ เราคิดว่าวิธีแบบนี้จะทำให้หนังไปได้ไกลกว่า ถ้าเรากำกับแบบสั่งทุกอย่างหมด หนังก็จะอยู่แค่นี้

 

มนต์รักทรานซิสเตอร์

มนต์รักทรานซิสเตอร์ มนต์รักทรานซิสเตอร์ มนต์รักทรานซิสเตอร์ มนต์รักทรานซิสเตอร์ มนต์รักทรานซิสเตอร์ มนต์รักทรานซิสเตอร์ มนต์รักทรานซิสเตอร์

บ้านของสะเดาซึ่งเป็นบ้านริมน้ำหลังสีฟ้าน่าสนใจมาก วันหนึ่งเราต้องไปดูบ้านกัน เลือกไว้ 3 ที่ ซึ่งไม่ใช่ที่นี่ นั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปถึงอยุธยาก็ปวดฉี่เลยแวะไปฉี่ในวัด ระหว่างยืนรอกันเราเดินไปที่แม่น้ำแล้วเห็นบ้านหลังหนึ่งอยู่ตรงข้าม มันใช่เลย มันกวักมือเรียกเรา มันพูดกับเรา เราเห็นเป็นซีนเลย โผล่มาตรงนี้ นั่งเล่นตรงนี้ แต่ไม่กล้าพูด เราเพิ่งออกจากออฟฟิศมาแป๊บเดียวเอง ตอนนั้นเรายังเด็ก ชั่วโมงบินยังน้อย ถ้าเลือกบ้านหลังนี้แล้วกลับบ้านเลย ทีมงานจะคิดยังไงกับกูวะ พี่เขาขี้เกียจหรือเปล่าวะ (หัวเราะ) ก็ไปดูที่ที่เขาให้ดูก่อน ตลอดทางเราไม่เป็นอันคิดถึงอะไรเลย คิดถึงบ้านหลังนั้นอย่างเดียว พอดูจบก่อนกลับเราขอแวะดูบ้านหลังนี้ ไม่มีใครเห็นด้วยกับเราเลยนะ ทุกคนบอกว่ามันธรรมดามาก แต่เรายืนปลื้มเปลที่ห้อย ซุ้มไก่ เราเห็นเป็นซีน ได้ยินเพลง เราบอกทุกคนว่ามันใช่ คนอื่นถามว่ามันใช่ยังไงวะ ในที่สุดทุกคนก็ยอมเรา เขาก็ต้องไปผ่าห้องนอนไปต่อกับอีกห้องหนึ่งเพื่อให้ทำงานได้ง่ายขึ้น

เจ้าของบ้านเป็นลุงกับป้าที่แก่แล้ว เขาตกใจมากว่าจะมาถ่ายหนังที่บ้านเนี่ยนะ ช่วง 3 อาทิตย์ที่เราถ่ายหนังเราเปิดโรงแรมอย่างดีให้ลุงกับป้าอยู่ แต่เขาก็คิดถึงบ้านเขาทุกวัน พอถ่ายเสร็จเขาก็บอกว่า ไม่เอาอีกแล้ว อยู่โรงแรมไม่มีความสุขเลย

ถ่ายในบ้านนั้นผ่านไป 4 วัน ทุกคนหลงรักบ้านหลังนั้นกันหมดเลย แม่งใช่เลย เราได้เครดิตจากทีมงานไปเยอะมาก ความศรัทธาแม่งมา (หัวเราะ) ทีแรกทีมงานคิดแบบเรียลิสติกกันหมด พวกเขามาจากต่างจังหวัดกันหมด เขารู้ว่าชีวิตต่างจังหวัดเป็นยังไง เลยเห็นภาพที่เรียลิสติกมาก แต่เราเห็นเป็นหนังแบบเกือบๆ จะการ์ตูนด้วยซ้ำ ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คือหนังเวส แอนเดอร์สัน หนังไม่ต้องเรียลิสติกก็ได้ หนังทุกเรื่องมีโลกของมันเอง โลกในหนังของเควนติน ก็เป็นโลกหนึ่ง พูดจากันไม่เห็นจะเรียลิสติกเลย ทีมงานเข้าใจแล้วว่าเราไม่ได้จะทำหนังแบบ ครูบ้านนอก เราไม่ใช่คนต่างจังหวัด เราไม่มีทางทำหนังต่างจังหวัดให้เรียลิสติกได้ ถ้าเดินไปในเส้นทางนั้น หายนะแน่ๆ

วิธีคิดนี้ส่งผลกับคอสตูม พ่อของสะเดาเป็นตาแก่บ้านนา แต่นุ่งกางเกง adidas สีแดง ห้อยพระ ไม่ใส่เสื้อ ใส่ถุงเท้าดำ รองเท้าหนัง ไอ้แผนแทนที่จะแต่งตัวเหมือนหนุ่มบ้านนา ก็ใส่เสื้อผ้ามือสองจากโรงเกลือ

จากนั้นก็มีคนเสนอว่า น่าจะเอาสัตว์เข้ามาเยอะๆ มีหมู มีวัว มีแพะ ซีนงานวัดคนกับสัตว์อยู่ด้วยกันหมด นั่งกินข้าวใต้ต้นไม้ก็มีหมูนอนอยู่ เราว่าหนังทุกเรื่องสร้างโลกของมันเอง เราเป็นแค่คนเปิดเรดาร์รับมัน ถ้ารับไม่ได้ก็ชวดโอกาส

 

Invisible Waves

Invisible Waves Invisible Waves Invisible Waves Invisible Waves

เรื่องนี้คุ่น (ปราบดา หยุ่น) เขียนบทให้เรา มีคริสมาถ่ายให้ เรื่องนี้เราถ่ายทั้งในมาเก๊า ภูเก็ต ฮ่องกง พระเอกทำงานที่ร้านอาหาร ต้องนั่งเรือจากมาเก๊าไปฮ่องกง แล้วนั่งรถรางขึ้นไปร้านอาหารบนเขา คริสเป็นคนเดียวที่รู้จักฮ่องกงแบบทะลุปรุโปร่ง เพราะเขาอยู่ฮ่องกงมา 30 ปี แล้วก็พอจะรู้จักมาเก๊าอยู่บ้าง งานนี้คริสเลือกโลเคชันเองทั้งหมด ไม่จ้างใครเลย เขาชอบโลเคชันมาก เขาจะไม่มีไอเดียทำอะไรได้เลยถ้าไม่เห็นโลเคชัน หนังหว่อง กาไว ทุกเรื่อง เกิดจากโลเคชันหมดเลย

คริสไปหาโลเคชันบ้านพระเอกที่มาเก๊า มองจากข้างนอกเป็นสังกะสีสีน้ำตาลหมดเลย สวยมาก แต่ข้างในเป็นโรงเก็บถ่าน เราชอบโลเคชันนี้เพราะเป็นเนิน เห็นถนนลาดลงไป ถ้าให้พระเอกเดินตามทางนี้ แล้วใช้เครนถ่ายจะพอดีเลย แต่ลุงเจ้าของไม่ให้ใช้ เพราะไม่รู้จะเอาถ่านไปไว้ที่ไหน แล้วไม่มีที่ไหนที่เราชอบเท่าที่นี่ เราต้องแบ่งถ่าย ทุกครั้งที่พระเอกเดินออกจากบ้านหรือเข้าบ้าน เราถ่ายที่มาเก๊า พอเดินเข้าบ้าน เราก็มาถ่ายบ้านที่ท่าดินแดง เป็นชุมชนชาวจีน

ตอนพระเอกไปทำงานที่ร้านอาหารที่ฮ่องกง ต้องเดินลงจากเนิน พอถึงฮ่องกงก็ต้องขึ้นรถรางขึ้นไป จะกลับบ้านก็นั่งรถรางลงมา มันเลยเกิดการเคลื่อนที่ของหนังแบบขึ้นลง เป็น motif ของหนังเกือบทั้งเรื่อง เราเอาสิ่งนี้ไปออกแบบทุกอย่าง ในบ้านพระเอกมีรอกที่เอาไว้เก็บอุปกรณ์ก็ชักขึ้นลง ถ้าเป็นสมัยนี้คงถ่ายเฟรมตั้งไปแล้ว (หัวเราะ)

 

พลอย

พลอย พลอย พลอย พลอย พลอย พลอย พลอย พลอย

เราอยากกลับมาถ่ายหนังสเกลเล็กๆ ที่เรื่องเกิดในห้องห้องเดียวอีกครั้ง ก็เลยเขียนเรื่อง พลอย เรื่องเกิดในโรงแรม มีหมิวกับสามี และไอ้เด็กหัวหยิก (สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข) ตั้งแต่มีไอ้เด็กหัวหยิกเข้ามาในห้อง ห้องนี้ก็ไม่มีความสงบอีกเลย ห้องใกล้เคียงกันแม่บ้าน (พรทิพย์ ปาปะนัย) กับ บาร์เทนเดอร์ (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) ก็เอากัน เป็นหนังที่ถ่ายง่ายมาก ใช้งบน้อยด้วย

บทเรียนที่ได้จากการเซ็ตฉากใน เรื่องตลก 69 คือ ภาพออกมาแข็ง แต่ทีมงานชอบมาก เพราะคุมทุกอย่างได้หมด อยากให้แสงลงตรงไหนก็ได้ ถอยกล้องติดกำแพงก็เอากำแพงออก นั่นอาจจะเป็นที่มาของภาพที่เราไม่ชอบ มันไม่ได้รับอุบัติเหตุจากภายนอกเลย เราอยากได้โรงแรมจริง แต่พออ่านบทแล้วไม่มีโรงแรมไหนให้เลย เขาบอกว่าคู่อนันดามันมาเอากัน แล้วก็เอากันแบบทะลึ่งด้วย แต่ห้องโรงแรมมันไม่ได้มีไว้ทำแบบนั้นเหรอ มึงคิดว่าห้องโรงแรมมีไว้นั่งสมาธิกันเหรอ พอไม่มีใครให้ก็ต้องมาเซ็ต

ตอนนั้นเรามีบารมีมากแล้ว ทีมงานศรัทธาเราแล้ว เราขอสร้างเซ็ตบนดาดฟ้าโรงแรมที่เขาไม่ให้นั่นแหละ เพราะเราต้องการวิวจริง แดดเคลื่อนจริง แล้วทุกอย่างในห้องต้องทำงานได้เหมือนโรงแรมนะ ส้วมต้องต่อน้ำใช้ได้จริง แอร์ใช้ได้จริง กำแพงทุกกำแพงห้ามถอดได้ ทุกคนจะได้รู้สึกว่าถ่ายในห้องจริง

มันมีห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ห้องนั่งเล่นที่สายป่านมานอน เป็นตัวแทนของความบวกของชีวิต ห้องนี้จะสว่าง ห้องที่หมิวอยู่ เขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกา ยังเจ็ตแล็ก จะปิดม่านมืดหมดเลย นอกจากหมิวแล้ว คนอื่นเป็นนักแสดงใหม่หมดเลย ถ้าเราขับรถไปสตูดิโอเพื่อถ่ายหนังจะรู้สึกว่ามาถ่ายหนัง แต่ถ้าขับรถไปโรงแรม เราคิดว่ามันจะมีผล มันอาจจะไม่จริงก็ได้นะ

ท้ายเรื่อง ตอนที่หมิวลงมากินกาแฟข้างล่าง แล้วมีผู้ชายชวนไปบ้าน ในบทเขียนว่าเป็นคอนโด แต่วันหนึ่งที่เราไปเช่าพร็อพกันที่โรงเก็บพร็อพของพี่เปี๊ยก Papaya เราไม่เคยเห็นโรงเก็บพร็อพมาก่อน มันมีแต่ความประหลาด มีสากกะเบือยันเรือรบ เลยเปลี่ยนบทให้เรื่องมาเกิดที่บ้านไอ้นี่ เพราะมันเป็นคนให้เช่าพร็อพ

 

นางไม้

ไม่มีอะไร ส่วนมากเกิดในป่า

 

ฝนตกขึ้นฟ้า

ฝนตกขึ้นฟ้า ฝนตกขึ้นฟ้า ฝนตกขึ้นฟ้า ฝนตกขึ้นฟ้า ฝนตกขึ้นฟ้า ฝนตกขึ้นฟ้า

บ้านพระเอกอยู่ในตึกเก่าแถวสามเสน อยู่ชั้นสี่ แต่ทั้งชั้นเล็กนิดเดียว ต้องใช้วิธีให้ปีเตอร์ (นพชัย ชัยนาม) ซ้อมเดิน เซ็ตช็อตก่อน แล้วก็ให้ทุกคนลงไปให้หมด ให้แผนกอาร์ตขึ้นมาจัด เสร็จแล้วก็ให้แผนกแสงขึ้นมา ต้องทำงานทีละแผนก

 

Samui Song

บ้านนางเอกมหัศจรรย์มาก เป็นบ้านไม้ที่กาญจนบุรี ออกแนวสแกนดิเนเวีย มีสนามตรงกลาง แต่ทีมงานบาดเจ็บกันชิบหายเลย เพราะมันผุมาก เขาไม่ค่อยได้อยู่ เราเลือกหลังนี้เพราะว่าสามีพลอยในเรื่องเป็นคนยุโรป แล้วเราก็เบื่อ ไม่อยากได้บ้านไทยแล้ว

บ้านของเดวิด (อัศวนนท์) ถ่ายแถวท่าดินแดง เราใช้วิธีเดิมคือ ให้เจ้าของบ้านไปอยู่โรงแรม เป็นบ้านที่แทบไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ยืนพิงกำแพงไม่ได้นะ อิฐมันกรอบไปหมดแล้ว แทบจะทุกหลังแถวนั้นหมดสภาพแล้ว

บ้านที่สมุย เราถ่ายที่บางเบิด เจ้าของเป็นแฟนหนังเราโดยบังเอิญ หลังนี้ดีมาก ทั้งโลเคชันที่มันตั้งอยู่ ระยะห่างจากหาด ห่างจากบ้านหลังอื่นๆ เวลาฆ่ากันจะไม่มีใครได้ยิน

 

สิ่งพวกนี้คนดูไม่ต้องรับรู้ แต่ทำให้ทีมงานทั้งหมดเห็นหนัง สิ่งที่เราพูดมาทั้งหมดมันฟังดูกระแดะหรือฉลาดเกิน แต่เราไม่ได้มองมันในแง่นั้น มันคืออุปกรณ์ในการทำงานของเรา คนดูที่มาอ่านบทสัมภาษณ์นี้เขาดูหนังไปแล้ว แต่ตอนนั้นทีมงานไม่ได้เห็นหนัง การเห็นร่วมกันหรือการต่อยอดขึ้นไปอีกต้องคิดแบบนี้ สิ่งที่เราเล่ามันไม่ได้ฉลาดหรอก มันเป็นวิธีทำงานของคนที่ยังไม่เห็นหนังตอนเสร็จ ทุกคนต้องเห็นหนังเรื่องเดียวกัน

เราต้องตัดสินใจด้วยกันในทุกเรื่อง ไม่ใช่กูจะเอา การเปลี่ยนประตูบานหนึ่งมันเสียเงิน พอคิดด้วยวิธีแบบนี้ทุกคนจะเห็นได้ว่าประตูไม่เวิร์ก มันเห็นร่วมกันเลย ไม่ต้องให้เราบอก บางครั้งเราว่าเวิร์กตากล้องยังบอกไม่เวิร์กเลย ถ้าไม่มีเงินเปลี่ยนประตู แผนกอาร์ตบอก เดี๋ยวกูทำให้เก่าแทน

Writer

ทรงกลด บางยี่ขัน

ทรงกลด บางยี่ขัน

ตำแหน่งบรรณาธิการโดยอาชีพ เป็นนักเดินทางมือสมัครเล่น แบ่งเวลาไปสอนหนังสือโดยสมัครใจ และชอบจัดทริปให้คนสมัครไป