‘เที่ยวดะ มีความหมายตามพจนานุกรมว่า เที่ยวไม่เลือก’

เพจพาลูกเที่ยวดะ ก็เลยพาลูก ๆ ไปมาหมดทุกที่ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปจับปู ดูเหยี่ยว เที่ยวนาเกลือ ลุยน้ำร่อนพลอย เก็บสาหร่าย ผสมผสานจนเกิดรูปแบบใหม่ของการท่องเที่ยวครอบครัวและท่องเที่ยวชุมชน

ย้อนไป 10 ปีที่แล้ว จากกลุ่มพ่อแม่ชั้นอนุบาล 1 ที่รวมตัวกันยกห้องพาลูกท่องโลกกว้าง ลุยไปทุกที่ จนกลายเป็นแก๊งพ่อแม่ฟันน้ำนมที่บุกเบิกการท่องเที่ยวแบบครอบครัวยุคใหม่ และคอยเป็นกองเชียร์ให้พ่อแม่บ้านอื่น ๆ พาลูกเที่ยวท่องโลกกว้าง เรียนรู้และสนุกไปด้วยกัน แถมยังได้สานสัมพันธ์ในครอบครัว ผ่านเพจ ‘พาลูกเที่ยวดะ’ ที่มีผู้ติดตามเกือบ 290,000 คน

ในสมัยที่ยังไม่มีคำว่า ‘ที่เที่ยวสำหรับเด็ก’ หรือ ‘การท่องเที่ยววิถีชุมชน’ เหมือนยุคปัจจุบัน แก๊งพ่อแม่แห่งเพจ พาลูกเที่ยวดะ กลายเป็นผู้พลิกโฉมหน้าวิถีการท่องเที่ยวแบบครอบครัวและชุมชนไปตลอดกาลด้วยการจัด ‘มหกรรมพาลูกเที่ยวดะ’ ใน พ.ศ. 2560 และ 2561 ปลุกกระแสให้ครอบครัวคนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการใช้เวลากับลูก ๆ เสริมสร้างการเรียนรู้ผ่านการท่องเที่ยว ท่องโลกกว้าง และเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการชุมชนปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงาน ให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเด็กและครอบครัวมากขึ้นภายในระยะเวลาไม่กี่ปี

เท่านั้นยังไม่พอ ระหว่างช่วงรอยต่อโควิด-19 คุณแม่ทั้งสามยังเป็นผู้บุกเบิกการจัดงาน ‘พาลูกวิ่งดะ Obstacle Challenge’ ใน พ.ศ. 2562 – 2563 และ 2565 งานวิ่งฝ่าด่านอุปสรรคสำหรับเด็กที่จัดโดยพ่อแม่คนไทย จัดเพื่อครอบครัวคนไทยโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นงานที่ปังขนาดว่า พ่อแม่แต่ละบ้านต้องแข่งขันเพื่อสมัครพาลูกมาเข้าร่วมกิจกรรม เพราะเปิดรับสมัครปุ๊บ เต็มปั๊บ 

ที่สำคัญ ในปีนี้ แม่จุ๊บ-รุ่งกานต์ วงศ์ธนาสุนทร, แม่ยุ้ย-ศิริลักษณ์ ศิริบุญยชัย และ แม่ปุ้ม-อรอนงค์ เจริญลาภนำชัย เจ้าของเพจ ‘พาลูกเที่ยวดะ’ กำลังจะจัดงานวิ่งและฝ่าด่านอุปสรรคบนชายหาดสำหรับเด็กและครอบครัวครั้งแรกของประเทศไทย ในงาน ‘พาลูกวิ่งดะ Obstacle on the Beach 2023’ ซึ่งเป็นการยกระดับความสดใหม่ของกิจกรรมความสนุกสไตล์ท่องเที่ยวแบบพ่อแม่ลูกไปอีกขั้น

อนุบาล 1

“มันเริ่มจากลูกคนโตอยู่ชั้นเดียวกันตั้งแต่อนุบาล 1 เรามีจัดทริปไปเที่ยวด้วยกันยกรถบัสเกือบ 20 ครอบครัว เที่ยวกันเกือบทุกอาทิตย์”

แม่ยุ้ยเริ่มเล่าจุดเริ่มต้นของเพจที่ต้องเล่าย้อนไปตั้งแต่ลูกคนโตอยู่ชั้นอนุบาล 1 (ตอนนี้ลูกเรียนอยู่ ม.2 แล้ว) เมื่อ 10 ปีก่อนที่ทุกคนยังพาลูกเที่ยวห้าง เที่ยวแบบทั่วไป การพาลูกไปเที่ยวฟาร์ม ไปนาเกลือ ลงดำนา ขุดแห้ว ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ของพ่อแม่ยุคนั้น ด้วยความที่อยากให้ลูกเที่ยวไปด้วยและได้ความรู้ไปด้วย จึงเริ่มหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวตามชุมชน พาลูก ๆ ไปเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในแต่ละท้องถิ่น พอเที่ยวด้วยกันบ่อยขึ้น ก็เกิดการสะสมข้อมูลที่ท่องเที่ยวสำหรับเด็กเล็กและครอบครัวไปในตัว และเกิดเป็นแก๊งพ่อแม่ ‘พาลูกเที่ยวดะ’ ซึ่งเป็นชื่อกลุ่มในกรุ๊ปไลน์ กลายเป็นชุมชนพ่อแม่ที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด

การพาลูกไปเที่ยว ทำให้พ่อแม่ได้เห็นมุมใหม่ที่น่าประทับใจว่า เด็กเขาเรียนรู้และทำได้ด้วยตัวเอง และบางครั้งก็ทำได้ดีกว่าผู้ใหญ่เสียอีก แม่ปุ้มเล่าว่า “ตอนพาลูกไปนาข้าว เด็ก ๆ ต้องย่ำโคลนลื่น ๆ เขาก็เปลี่ยนโคลนลื่น ๆ มาเล่นเป็นสไลเดอร์ ครีเอตมาก ๆ หรือตอนที่ไปจับปู ลูกเราจับปูได้เร็วกว่า กลัวน้อยกว่า ทำให้เรารู้เลยว่า เด็กเขามีทักษะพวกนี้เป็นไปตามธรรมชาติ เรารู้สึกเลยว่ามาถูกทางแล้ว ลูกได้เรียนรู้ เราก็สนุกตามไปด้วย”

เพราะลูกเป็นเด็กได้ครั้งเดียว

“เด็กเรียนรู้ได้จากการลงมือทำ เมื่อเด็กรู้สึกสนุก เขาจะเรียนรู้ จดจำ เข้าใจ และยินดีจะทำด้วยความเต็มใจ” แม่จุ๊บบอกเราอย่างตั้งใจ และยังเสริมต่อถึงความเชื่อที่ว่า “เพราะลูกเป็นเด็กได้ครั้งเดียว” ซึ่งเป็นคำที่พ่อแม่รุ่นพี่ส่งต่อมาถึงคุณแม่ทั้งสามครั้งยังเป็นคุณแม่มือใหม่ เพราะเป็น ‘โอกาสทอง’ ในการสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างพ่อแม่กับลูก การให้เวลากับลูก พาลูกไปเที่ยว พาไปเปิดประสบการณ์ สัมผัสของจริง และได้ลงมือทำด้วยตัวเขาเอง คือจุดเริ่มต้นในการสร้างรากฐานที่แข็งแรงในชีวิตวัยเด็กที่มีความสุข และเด็กจะรับรู้ได้เองถึงสายใยรักที่พ่อแม่ส่งให้อย่างไม่มีเงื่อนไข

โรงเรียนชีวิต

แน่นอนว่าพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกัน ก็ต้องมีทะเลาะกันเป็นธรรมดา การไปเที่ยวด้วยกัน ทำให้สถานการณ์บีบบังคับว่า ต่างคนต่างต้องเผชิญหน้าทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ได้สบายเหมือนตอนอยู่บ้าน บางทีก็มีเรื่องที่ต้องขัดใจกัน ทั้งร้อน ทั้งต้องอดทน เปรียบเสมือนเป็น ‘โรงเรียนชีวิต’ ที่ปล่อยให้ลูกได้ฝึกฝน คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็มีหน้าที่เฝ้าดู คอยสังเกต คอยแนะแนว และยังต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ลูกได้ทำกิจกรรมอย่างมีความสุข ไม่รู้สึกถูกบังคับ สุดท้ายเขาจะชอบและรู้จักตัวเองมากขึ้น พ่อแม่เองก็พัฒนาลูกต่อยอดไปได้ นอกจากลูกเข้าเรียนแล้ว พ่อแม่มือใหม่ก็ต้องเรียนการเลี้ยงลูกเหมือนกัน แม่ยุ้ยยังเล่าให้เราฟังอีกว่า “ที่โรงเรียนจะมีคอร์สสอนพ่อแม่เยอะมาก ช่วยให้เราเลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจ เราเข้าใจทั้งลูกและเข้าใจตัวเองมากขึ้น

“มีอยู่ครั้งหนึ่ง ไปเที่ยวเขาใหญ่ ลูกเราเจองู แต่กลับไม่หนี เขารู้ว่าจะต้องรับมือยังไง เราก็ทึ่ง เด็กของเราไม่เคยมีใครกลัวแมงกะพรุนเลย ทุกคนไปจิ้มหัวเล่นกันหมด เพราะเขารู้ว่าหัวแมงกะพรุนไม่มีพิษ แต่สายของมันมีพิษ นี่คือการสะสมประสบการณ์และเรียนรู้กันไป” แม่ยุ้ยเล่าด้วยความภูมิใจ

ประถม 1

พอเข้าปีที่ 4 ของการพาลูกเที่ยวดะ แม่ยุ้ย แม่จุ๊บ และแม่ปุ้ม เห็นตรงกันว่า ถึงเวลาในการตั้งเพจ แบ่งปันข้อมูลท่องเที่ยวสำหรับเด็กและครอบครัว เพราะเที่ยวมาหลากรูปแบบ หลายชุมชน จึงได้เวลาปล่อยของ พาลูกเที่ยวไป ทำคอนเทนต์ไป เป็นกองหนุนให้พ่อแม่คนอื่น ๆ มาเที่ยวดะไปด้วยกัน

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น แม่จุ๊บเล่าให้เราฟังว่า เวลาจะไปเที่ยวไหน แก๊งแม่ ๆ หลาย ๆ บ้านจะผลัดกันหาข้อมูลว่า แต่ละจังหวัดมีจุดเด่นและสถานที่น่าสนใจตรงไหนบ้าง ส่วนใหญ่เน้นเที่ยวชุมชน เพราะอยากให้ลูกจดจำได้ว่า จังหวัดไหนเด่นดังเรื่องอะไร

“ถ้าไปจันทบุรี ต้องไปสวนทุเรียน กินปู ดูเหยี่ยว ขุดพลอย หรือถ้าไปเที่ยวประจวบคีรีขันธ์ ก็ต้องไปร่อนทองจริง ๆ เวลาเราสรรหาที่เที่ยว มันต้องว้าว ต้องเป็นที่น่าสนใจ จนตอนนั้นคนตามเพจเราเยอะมาก”

พอลูกโตขึ้นและเข้าประถม 1 เด็ก ๆ เริ่มมีความชอบและความสนใจเป็นของตัวเอง อย่างลูกของแม่ปุ้มสนใจเรื่องการเพาะพันธุ์แมลง แม่ปุ้มจึงออกหาข้อมูลและพบว่าที่จังหวัดเชียงราย มีพี่คนหนึ่งเป็นเซียนกว่าง (ด้วงชนิดหนึ่ง) จึงติดต่อและขอพาลูกไปเรียนรู้เรื่องการเพาะพันธุ์กว่างโดยเฉพาะ แม่ปุ้มเล่าว่า “เขาก็งง ๆ นะ คือสมัยนั้นไม่มีใครพาลูกไปขอเรียนเรื่องอะไรแบบนี้ พี่เขาก็พาไปสอนการเพาะพันธุ์และการเลี้ยงกว่าง จนพี่เขาปิ๊งไอเดียต่อยอดเปิดคอร์สสอนการเพาะพันธุ์กว่าง ที่อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ในเวลาต่อมา”

เมื่อแม่ ๆ ทั้งสามแห่งเพจพาลูกเที่ยวดะ ออกเที่ยวชุมชนไหนก็เป็นการจุดประกายให้ผู้ประกอบการชุมชนเกิดไอเดียต่อยอด พัฒนากิจกรรมให้สอดรับกับการท่องเที่ยววิถีครอบครัวมากขึ้น เพราะไปในฐานะพ่อแม่ จึงรู้ความต้องการของพ่อแม่ส่วนใหญ่ กิจกรรมแบบใดที่เด็ก ๆ ชื่นชอบหรือบางชุมชนที่ทำได้ดีอยู่แล้ว ทางเพจก็ช่วยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

คอนเทนต์แรกของเพจที่ประทับใจแบบฉันทมติของทั้งแม่ ๆ ทั้งสาม คือตอนไปเที่ยวนาเกลือ เด็ก ๆ ได้เรียนรู้วิธีการทำเกลือตั้งแต่เริ่มต้น และทำให้ได้รู้กระบวนการผลิต ไปจนได้เห็นว่ากระบวนการทำนาเกลือทำให้ได้ผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบมาก แม่จุ๊บเล่าด้วยความสนุกว่า

“พอเด็ก ๆ เข้าไปที่นาเกลือ ก็ได้ไปช้อนดอกเกลือ ระหว่างนั้นคุณลุงเจ้าของนาเกลือเล่าว่า ดอกเกลือเป็นเกลือที่สะอาดและบริสุทธิ์ที่สุด เด็กจะรู้ว่าเกลือแต่ละอย่างเอามาทำผลิตภัณฑ์อะไร อย่างขี้แดดนาเกลือจะเอาใช้ทำปุ๋ยปลูกต้นไม้ เกลือจืดจะเอาไปทำดินสอพองหรือแป้งทากันแดดที่ชาวนาเกลือมักใช้ทาหน้า พอเราเข้าไปยุ้งฉางเกลือ เด็กมันก็ปีนขึ้นไปบนภูเขากองเกลือกลาง แล้วลงโคลนมาจับปู สนุกมาก ๆ”

เล่ามาถึงตรงนี้ ทำให้แม่ปุ้มนึกถึงประโยคหนึ่งในเพลงของเพจพาลูกเที่ยวดะว่า “เรียนรู้โดยไม่ต้องเรียน” ซึ่ง พี่นก-ฉัตรชัย ดุริยประณีต วงเฉลียง เป็นคนแต่งให้ลูก ๆ ของแก๊งพาลูกเที่ยวดะร้องกันเองตั้งแต่เล็ก ๆ

พลังสามแม่นักบุกเบิก

พอทำเพจมาได้สักพัก กระแสตอบรับจากผู้ติดตามดีมากซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ พลังสามแม่ก็ไปต่อ บุกเบิกเดินหน้าจัด ‘มหกรรมพาลูกเที่ยวดะ’ ครั้งแรกของเมืองไทยใน พ.ศ. 2560 และ 2561 ที่ใจกลางเมือง ศูนย์การค้าสยามพารากอน ด้วยแนวคิดที่ว่า อยากให้พ่อแม่ได้พาลูกมาจำลองสถานการณ์ สัมผัสบรรยากาศการท่องเที่ยวแบบครอบครัวและวิถีชุมชนที่แท้จริง จนได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อย่างเป็นทางการ

เราพูดได้เต็มปากเลยว่า สิ่งที่แม่ ๆ ทั้งสามทำแต่ละอย่างไม่มีใครเคยทำทั้งนั้น จึงเป็นการรวมพลังของสามแม่นักบุกเบิก ที่ตอนสามแม่บุกสยามพารากอนเพื่อติดต่อจัดงานมหกรรมฯ ในครั้งแรก ทางห้างก็แอบงงในความแปลกใหม่ เพราะไม่เคยมีใครจัดงานแบบนี้มาก่อน แม่ยุ้ยเสริมต่อว่า

“เราอยากจัดพื้นที่ให้เด็ก ๆ ได้ออกมาเปิดโลกข้างนอก ถ้าพ่อแม่ไม่ใช่สายลุยแบบพวกเรา เราก็อยากจำลองที่เที่ยวมารวมไว้ที่มหกรรมฯ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้พ่อแม่ได้พาลูกออกไปเที่ยวข้างนอก ลูกคุณทำได้มากกว่าที่คุณคิด กิจกรรมบางอย่างที่คุณไม่กล้าทำ ลูกคุณอาจจะกล้าทำแล้วชอบก็ได้ และพ่อแม่อาจจะตัดสินใจพาลูกไปเที่ยว เรียนรู้ในสถานที่จริง สร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราตั้งใจทำกันมาโดยตลอด”

งานมหกรรมฯ ในปีแรก เป็นการรวมที่เที่ยวไฮไลต์ที่สามแม่ชื่นชอบ มีการจัดโซนที่หลากหลาย จัดแสดงการทำนาเกลือ และเชิญปราชญ์ชาวบ้าน 3 จังหวัด จากจังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร และเพชรบุรี มาให้ความรู้ พร้อมขนแบบจำลองการทำนาเกลือและรถบดเกลือขนาดเล็กมาไว้ใจกลางสยามพารากอน พองานมหกรรมฯ ปีที่ 2 ก็ได้รับการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายจากวัดในจังหวัดสมุทรสาคร นำเอาโครงกระดูกวาฬบรูด้ามาจัดแสดง ส่วนโซนเล่นดะ ก็แทบจะรวมทุกสวนสนุกที่มีอยู่ในตอนนั้น ยกมารวมไว้ให้เด็ก ๆ ได้เล่นสนุก โหนสลิง Tree Top ที่ยกโครงสร้างมาติดตั้งกันในรอยัล พารากอน ฮอลล์ จะว่าไปแล้ว เรื่องลูก ๆ เรื่องเล่น ๆ พลังสามแม่เขาจริงจังจริง ๆ

“เด็กมาเล่นแล้วสนุก บางคนติดใจมาติดต่อกัน 3 วัน เพราะเล่นวันเดียวไม่หมด ทุกอย่างเป็นไปตามที่เราจินตนาการไว้เลย พอมองย้อนกลับไปที่เราทำขึ้นมาได้ทั้งหมด ก็เพราะ ‘พลังของความเป็นแม่’ ล้วน ๆ มันยิ่งใหญ่มาก”

แม่จุ๊บยังเล่าต่อถึงการจัดงานมหกรรมพาลูกเที่ยวดะทั้ง 2 ครั้ง สร้างแรงกระเพื่อมให้เปลี่ยนวิถีการท่องเที่ยวแบบครอบครัวและวิถีชุมชนมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้ประกอบการที่มาออกบูทในงานก็ได้เรียนรู้ ปรับแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้รองรับกลุ่มลูกค้าครอบครัวมากขึ้น ส่วนพ่อแม่ที่พาลูกมาเดินงานมหกรรม ก็ได้เปิดโลกการเรียนรู้ของตัวเองไปพร้อมกับลูกที่ได้เล่นสนุก และตัดสินใจไปเที่ยวสถานที่จริงในเวลาต่อมา เรียกได้ว่าจัดมหกรรมงานเดียว เปลี่ยนวิถีการท่องเที่ยววิถีครอบครัวและชุมชนไปตลอดกาล

พอทำมาได้ 2 ปี ปีที่ 3 ก็เกิดวิกฤตโควิด-19 ทุกอย่างหยุดชะงัก งานมหกรรมปีที่ 3 เป็นอันต้องพับไป จึงเป็นโอกาสที่ทำให้ได้หาเรื่องใหม่ ๆ ทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกันอีกครั้ง จนกลายมาเป็นงาน พาลูกวิ่งดะ Obstacle Challenge

งานพาลูกวิ่งดะ Obstacle Challenge เริ่มจากเหล่าคุณแม่ทั้งสามอินเรื่องการวิ่งเป็นที่สุด ทำให้เกิดความคิดอยากจัดงานวิ่งให้กับกลุ่มครอบครัว ด้วยการชวนทั้งพ่อแม่ลูกมาวิ่งฝ่าด่านอุปสรรคไปด้วยกัน และที่สนุกคือใน พ.ศ. 2562 – 2563 และ 2565 งานจัดขึ้นที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เด็ก ๆ ได้วิ่งไป ดูสัตว์ไปด้วย ส่วนพ่อแม่ก็ได้ใช้เวลาร่วมกับลูก ไปร่วมฝ่าอุปสรรคกับลูก ซึ่งจัดงานวิ่งมาทั้ง 3 ปีก็ได้ผลตอบรับดีเกินคาด คนมาเข้าร่วมเต็มทุกปี แม่จุ๊บเสริมต่อว่า

“เราอยากให้พ่อแม่เห็นว่า ลูกเขาเก่งกว่าที่เราคิดไว้ ให้เขาได้ลองฝ่าฟันอุปสรรค ความกลัว และพ่อแม่ก็ได้เป็นกำลังใจ เป็นผู้นำ ทำให้ลูกดู เล่นไปกับเขา ทุกด่านที่เราออกแบบ เราคิดคำนวณจากน้ำหนักผู้ใหญ่ วางคนดูแลเรื่องความปลอดภัยไว้อย่างดี เพราะอยากให้เป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่ลูกได้ใช้เวลาร่วมกันจริง ๆ”

ส่วนในปีนี้ ทั้งสามแม่นักบุกเบิกเผยว่า กำลังจะจัดงาน ‘พาลูกวิ่งดะ Obstacle On the Beach 2023’ ในวันที่ 25 – 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 ณ ชายหาดส่วนตัว Serene Phla Resort หาดพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นงานวิ่งฝ่าด่านอุปสรรคบนชายหาดงานแรกของประเทศไทย ทั้งสามแม่ถือโอกาสเชิญชวนให้พ่อแม่ลูกเล็กได้มาลองวิ่งดะ ฝ่าอุปสรรคบนชายหาดไปด้วยกัน ซึ่งจะเป็นที่แรกที่มีด่านแบบสะเทินน้ำสะเทินบก รับประกันความสนุกและความปลอดภัยแน่นอน

มัธยม 2

มาถึงตอนนี้ ลูกคนโตของสามแม่นักบุกเบิกขึ้นมัธยม 2 แล้ว ความตั้งใจที่จะพาลูกตัวเองท่องโลกกว้างและจุดประกายให้พ่อแม่บ้านอื่นเกิดแรงบันดาลใจพาลูกเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ ถือว่าได้บรรลุความตั้งใจนี้แล้ว กระนั้นเอง แม่ ๆ ทั้งสามก็ยังคงสนุกกับการทำงานกับเด็กและครอบครัว ซึ่งตอนนี้ก็ทำตัวเป็น ‘พ่อแม่รุ่นพี่’ ที่ยังคอยช่วยเหลือเกื้อกูล ‘พ่อแม่รุ่นน้อง’ ได้เข้ามาเรียนรู้ สอบถาม และร่วมกิจกรรมของเพจอยู่เสมอ เราถามต่อถึงสิ่งที่ทั้งสามแม่อยากทำต่อจากนี้ แม่ยุ้ยเล่าให้ฟังว่า

“ตอนนี้เราตั้งใจจะทำอีเวนต์ที่เกี่ยวกับเด็กและครอบครัวอย่างจริงจัง อยากให้ทุกคนคิดถึงเพจพาลูกเที่ยวดะว่าเป็นผู้จัดอีเวนต์ที่ประสบความสำเร็จ สนุก เจ๋ง โดดเด่น และแตกต่าง เพราะด้วยความที่เราเป็นพ่อเป็นแม่ เราเข้าใจและรู้ว่าธรรมชาติและความต้องการของเด็ก รวมถึงเรื่องความปลอดภัย ก่อนโควิด เราก็ได้เริ่มจัดทริป รับงานจาก ททท. บริษัทเอกชน หรือการท่องเที่ยวจังหวัด มีคนติดต่ออยากให้จัดงานวิ่งให้ หรือชวนไปทำมหกรรม เรารู้ว่าพาลูกเที่ยวดะมีศักยภาพมาก ยังโตได้อีกไกล”

กลับมาที่ลูกๆ ของแม่ๆ ทั้งสามที่ตอนนี้กำลังโตเป็นวัยรุ่นบ้าง แม่ปุ้มยืนยันกับเราว่าการให้เวลากับลูกในวัยเด็กทำให้ตอนนี้ถึงแม้ลูกจะไม่ติดแม่เหมือนแต่ก่อน อาจมีทะเลาะหรือเถียงกับแม่บ้าง แต่หากเลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจ พูดคุยกันด้วยเหตุผล สุดท้ายก็กลับมาต่อกันติดด้วยสายสัมพันธ์ความรักที่แน่นแฟ้น แม่ปุ้มเสริมต่อว่า

“อย่างลูกชายคนโต พี่จอมทัพ เขาชอบถ่ายรูปสัตว์ป่า ถ่ายรูปจริงจังมาก พี่ก็ให้มาช่วยเป็นช่างภาพในงานมหกรรมและงานวิ่งของเพจอยู่ตลอด พอลูกโตขึ้น เราก็ยังไม่หยุดเรียนรู้ลูกเหมือนกัน ตอนเด็ก ๆ พาลูกเล่น ตอนนี้พาลูกช่วยงาน แล้วก็ให้บทบาทและทักษะใหม่ ๆ ให้เขาได้เติบโตไปตามวัย มีหน้าที่ความรับผิดชอบมากขึ้น”

ฝากถึงพ่อแม่รุ่นน้อง

สุดท้ายนี้ เราขอให้แม่ ๆ ทั้ง 3 คน ฝากอะไรเล็ก ๆ ถึงพ่อแม่รุ่นน้องและผู้ติดตามเพจ แม่ ๆ ทั้งสามมองหน้ากันและส่งตัวแทนหมู่บ้านฝากถึงลูกบ้านทุกคน

แม่จุ๊บขอฝากงาน ‘พาลูกวิ่งดะ Obstacle On the Beach 2023’ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 – 26 มีนาคม พ.ศ. 2566 นี้ เราลงรายละเอียดกันเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย อยากให้ทุกคนได้มาสนุก ใช้เวลาร่วมกัน พ่อแม่ลูกเรียนรู้ด้วยกัน ก้าวผ่านความกลัว แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าที่ท้าทายไปพร้อมกัน เราอยากเห็นทุกครอบครัวมีความสุข เดิน เล่น และหัวเราะไปด้วยกัน

ส่วนแม่ยุ้ยอยากฝากให้ช่วยกันทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวไทยแน่นแฟ้น มีความสัมพันธ์ที่ดี เพราะสุดท้ายเวลาลูกมีปัญหาอะไร ที่แรกและที่สุดท้ายที่ลูกอยากกลับไปหาคือครอบครัว เมื่อเด็กทุกคนมีรากฐานที่ดี สังคมโดยรวมก็จะดีตามไปด้วย

แม่ปุ้มขอฝากถึง ‘พ่อแม่ลูกเล็ก’ ช่วงเตรียมอนุบาลว่า เป็นโอกาสทองที่เราจะได้สร้างคนคุณภาพที่มีความมั่นคงในจิตใจ หล่อหลอมพฤติกรรม นิสัย และความเป็นตัวเด็กเอง ‘เพราะลูกเป็นเด็กได้ครั้งเดียว’ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ลูกเล็กหรือลูกโตแล้ว ไม่มีคำว่าสายเกินไป เรายังมีโอกาสอยู่เสมอ

แม่จุ๊บขอเสริมทิ้งท้ายถึงคุณพ่อคุณแม่ลูกเล็กหรือมีลูกโตว่า อยากให้แสดงออกกับลูกให้มาก ๆ สื่อสารกับลูกชัดเจน ตรงไปตรงมา บอกรักเขาเยอะ ๆ ถ้าพ่อแม่ทำผิดมันไม่เป็นไรที่จะขอโทษลูก ขอให้อยู่ในบรรยากาศของความรักและการให้อภัยซึ่งกันและกัน

Facebook : พาลูกเที่ยวดะ