หนึ่งในความฝันของคนทำงาน คงเป็นการได้พูดคุยกับศิลปินที่ชื่นชอบสักครั้ง

รู้ว่ายาก แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะติดต่อขอสัมภาษณ์ อรอรีย์ จุฬารัตน์ นักร้องหญิงคนแรกและคนเดียวที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีเพลงกรันจ์แห่งยุคอัลเทอร์เนทีฟไทยเฟื่องฟู ในเมื่อเธอมักไม่ปรากฏตัวให้เห็น และแทบจะหายหน้าไปจากวงการช่วง 2 ปีหลังนี้

เราพบเธอครั้งล่าสุด พ.ศ. 2558 ในฐานะแฟนเพลงที่แหงนหน้ามองเธอจากข้างล่าง ตะโกนสุดเสียงท่อน เวลานี้… เวลาไหน… จากบทเพลงอมตะ ระหว่างเรา

วันนี้ เราพบเธอในฐานะแฟนเพลงเช่นเดิม แต่มาพร้อมคำยินดีที่เธอกำลังจะกลับมาขึ้นเวทีอีกครั้งในคอนเสิร์ต GRUNGE QUEEN วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ หลังเริ่มหายดีจากอาการป่วยที่ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อน

หากมองจากภายนอก สิ่งที่เปลี่ยนไปคงมีแค่นิ้วมือที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยกับน้ำหนักที่ลดลงไป 4 กิโลกรัม 

แต่สิ่งที่มองไม่เห็น คือสภาพจิตใจอันเปราะบางและความคิดบางอย่างที่จะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วจากโรคที่เธอเป็น

เราพบกันในวันอากาศดี ปลอดโปร่ง ณ BIRD SOUND Studio ห้องซ้อมดนตรีที่เป็นเหมือนบ้านของ Desktop Error วง Shoegaze แถวหน้าของไทย เพราะ เบิร์ด และ ตุ้ย ตบเท้าเข้ามาเป็นสมาชิกรุ่นปัจจุบัน ตามสมญานามนักดนตรีร้อยวง พ่วงด้วย ปุ๋ย มือกลองสาวที่รับบทช่างแต่งหน้าจำเป็น เพื่อเนรมิต พี่อร ของพวกเราให้สวยขึ้นกล้อง

อรอรีย์ย้ำกับเราหลายครั้งว่า การกลับมาครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการตายแล้วเกิดใหม่

ชีวิตหลังตายแล้วเกิดใหม่ของ ‘อรอรีย์’ ที่เรียนรู้จากการป่วย 2 ปีและเอเลียนในข้อกระดูก

2538 : อัลบัม NATURAL HIGH

Pain

Learning to be someone who can open-up and cry

Learning to see, learning to be…for the time.

คุณสะดวกใจที่จะเล่าไหมว่าป่วยเป็นอะไร

พูดได้นะ นี่จะเป็นบทสัมภาษณ์แรกเลยที่เราบอกว่า ภูมิร่างกายทำร้ายเราเองจากการกระตุ้นของวัคซีน

จริง ๆ ร่างกายเราแข็งแรงอยู่แล้ว ตอนฉีดวัคซีนเหมือนแอนติบอดีของเราออกมาสู้ พอสู้เสร็จแล้วไม่กลับ มันทำลายเนื้อเยื่อตัวเอง

ร่างกายพี่ตอบสนองแบบนี้ ทำให้นิ้วพี่บิดไปเลย นิ้วชี้ไปทางนี้ ข้อข้างในบิดหมด แต่ว่าเนื้อเราหุ้มอยู่ก็จะไม่เห็น เราถึงเล่นกีตาร์ไม่ได้ไง มือเราบิดเหมือนหนังผี The Ring แล้วไม่ใช่ค่อย ๆ เป็น พี่เห็นตอนเป็นเดี๋ยวนั้นว่ามือกำลังบิด เหมือนมีเอเลียนในร่างเรา แจ็กพอตหนึ่งในแสน

คนอื่นเขาไม่รู้เพราะเราไม่ได้ป่วยแบบเห็นได้ชัด เขานึกว่านิ้วเราเป็นแบบนี้ แล้วไม่ใช่แค่ตรงนี้ มันไปหมดทุกที่ที่มีข้อ จะเดินก็ต้องค่อย ๆ ยืนยังไม่ได้เลยเพราะว่าไม่บาลานซ์

พี่ไปหาหมอ 7 คนกว่าจะเจอหมอที่ทำให้ดีขึ้น นับฝังเข็มด้วยก็เป็น 8 เพราะตอนแรกไม่มีใครรู้ บวกกับตอนนั้นหมอหลายคนก็ไม่อยากบอกว่าเป็นจากวัคซีน ถ้ามีหมอที่วินิจฉัยได้เร็ว พี่อาจจะดีขึ้นเร็วกว่านี้ ความบิดเบี้ยวอาจจะน้อยกว่านี้

จำวันแรกที่เป็นได้ไหม

พี่มาเดี้ยงเอาตอนสิ้นปี 2020 หลังฉีดวัคซีนไม่ถึงเดือน จำได้เลยคือวันที่ 10 กันยายน ตอนตี 2 – 3 

นึกว่าจะตายแล้ว นอนอยู่ดี ๆ เหมือนแขนข้างนี้มีคนเอาเหล็กร้อน ๆ มาบีบข้างใน เจ็บมาก ไม่ได้เจ็บกล้ามเนื้อหรือกระดูกนะ มันเจ็บเหมือนโดนน้ำร้อนลวก เจ็บเหมือนมีมีดมาสับมือ แล้วตอนที่เป็น นิ้วมันไปเอง จากที่ปกติก็มาหงิก ๆ เรานั่งดูแบบทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้หาหมอเป็น 10 ปี ที่บ้านไม่มียาแก้ปวดอะไรเลย เราเจ็บมากจนน้ำตาไหล แล้วเริ่มจะอาเจียน

คิดว่านี่จะตายแล้วใช่ไหม แล้วเราก็เริ่มคุยกับตัวเอง (หัวเราะ) พี่พยายามเป็นคนมีสติ หายใจเข้า-ออกช้า ๆ เริ่มอธิษฐานว่า ถ้านี่คือวาระสุดท้ายก็ขอให้ไปสบาย สักพักมันไม่ได้หายปวด แค่ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง พี่นอนอยู่อย่างนั้นจนเช้า แล้วพี่ก็ไม่ตาย

โชคดีที่เป็นคนไม่ค่อยยึดติดกับพวกวัตถุ กายภาพ จิตเลยไม่ตกมาก 

รู้ว่ามือจะใช้การไม่ได้ แต่จิตไม่ตกเลยจริงเหรอ

ตอนยังไม่ได้เปลี่ยนยา พี่จะบอกตัวเองว่าจิตตกไม่ได้ ไม่งั้นจะแย่มาก จะไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย เพราะ 2 อย่างที่พี่รักคือเล่นดนตรีกับออกกำลังกาย พี่ทำไม่ได้ พี่ Strumming กีตาร์ไม่ได้ ก่อนจะเดี้ยง พี่เป็นคนเล่นกีฬาโหด เราผ่านอะไรมาเยอะมาก พี่ไม่ชอบหาหมอ ไม่ชอบกินยา เราแข็งแรงมาตลอด 

ช่วง 6 เดือนแรกสาหัสมาก ใส่เสื้อไม่ได้ สระผมก็ไม่ได้ มันเจ็บไปหมด แพลนอะไรก็ไม่ได้ เพราะว่าพรุ่งนี้อาจเดินไม่ได้ ต้องมาหาเราที่บ้านแทน แล้วคิดดูอยู่อย่างนั้นเป็นปี แต่จิตไม่ตกเพราะเราเตือนตัวเอง เรายังมีสติสัมปชัญญะ เป็นความเศร้าที่เราทำใจยอมรับกับมันได้ 

ชีวิตหลังตายแล้วเกิดใหม่ของ ‘อรอรีย์’ ที่เรียนรู้จากการป่วย 2 ปีและเอเลียนในข้อกระดูก

อาการดีขึ้นได้ยังไง 

หมอให้กินยากดภูมิ แต่ Side Effect ของยาสาหัสสากรรจ์สำหรับเรา มันเล่นสมองส่วนที่ทำให้เราคิดมาก เศร้าก็เศร้าเกิน หมอนัดทุก 2 เดือนไปตรวจเลือด ตับไตไส้พุง เพราะยาแรงมาก

เชื่อไหม หมอให้เริ่มกินวันละเม็ด นั่งร้องไห้ทุกวันเลย ร้องไม่ไหวแล้ว จนต้องปรับยา มันอาจจะช่วยให้หายเร็ว แต่จิตเราไม่ไหว เราไม่อยากนั่งร้องไห้อยู่นั่นแล้วหยุดไม่ได้ เหมือนวิญญาณยังเป็นของเรา แต่เราทำอะไรกับร่างไม่ได้เลย 

โรคนี้มีแนวโน้มจะหายขาดไหม

หมอบอกว่าไม่หายขาด ขึ้นอยู่กับจะสงบหรือปะทุ 

แต่พี่ปลงแล้ว ไม่คิดว่าจะกลับมาเหมือนเดิม 

ถ้ากลับมาได้ก็ดี เสียรูปไม่เป็นไร แต่ขอให้ใช้ฟังก์ชันได้แบบใกล้เคียง เพราะพี่ยังเล่นกีตาร์ไม่ได้เหมือนเดิม เกาไม่ได้ เพิ่งใช้มือหยิบหรือดึงของได้ เริ่มสะบัดผ้านวมได้แล้ว ดีใจมากเลย

รู้สึกยังไงที่โรคนี้เลือกเป็นที่มือซึ่งคุณใช้เล่นกีตาร์

ตอนแรกคิดว่ามือนี่โหดมากนะ เพราะต้องใช้มือเกือบทุกอย่าง แต่วันหนึ่งมันก็ย้ายมาเป็นข้อเท้าบ้าง ตรงซี่โครงบ้าง ตรงเข่าบ้าง ตอนเป็นที่เท้าแล้วเดินไม่ได้ ทำให้พี่คิดว่าเป็นที่มือก็ดีแล้ว

พอเป็นอย่างนี้มาเรื่อย ๆ พี่ว่าเป็นที่ไหนก็โหดหมดแหละ แค่เราเริ่มชิน เริ่มปรับตัวได้กับมือ ถ้าไปเป็นที่อื่นเราคงต้องไปเริ่มใหม่อีก

จัดการยังไงกับการที่กระทบกับสุขภาพจิต

หลัง ๆ เริ่มคุยกับเพื่อนเหมือนกันว่า ควรจะไปหาจิตแพทย์ไหมนะ คือไม่ใช่ว่าเราอยากกินยา แต่มันเอฟเฟกต์กับความคิดของเรา เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาเราต้องใช้ชีวิตอยู่ระหว่างไม่มีหวังกับมีหวัง 

เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น อดีตไม่คิดถึงมัน อนาคตไม่มีความหวังเพราะว่าหวังไม่ได้ มันไม่ใช่โรคปกติที่วันนี้ดีขึ้นแล้วมีแนวโน้มจะดีขึ้น ๆ ทุกวัน มันไม่เหมือนกันสักวัน วันนี้เราอาจจะดี แต่พรุ่งนี้เดินไม่ได้เลย ต้องใช้ร่มค่อย ๆ กระดึ๊บ ๆ ไป แล้วจะมีหวังได้ไง คาดหวังอะไรไม่ได้เลยกับชีวิต 

ข้อดีคือทำให้เราปลง ข้อเสียคือทำให้เราไม่มั่นใจในตัวเอง 

การไม่มั่นใจในตัวเองส่งผลอะไรกับชีวิตบ้าง

เราเรียนโรงเรียนประจำที่เมืองนอก ช่วยเหลือตัวเองมาตั้งแต่เด็กเลยติดเป็นนิสัย ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่ง แต่เป็นคนขี้เกรงใจ 

พอมาป่วยแบบต้องพึ่งพาคนอื่น ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดเลย เราไม่อยากเป็นภาระใคร มาช่วยพาขับรถไปนี่ไปโน่น ฉะนั้น เราเลยอยู่แต่บ้าน มันก็บั่นทอนทุกวัน 

มีความรู้สึกว่าเราไม่ใช่มนุษย์อย่างที่เคยเป็นเต็มร้อย

ชีวิตหลังตายแล้วเกิดใหม่ของ ‘อรอรีย์’ ที่เรียนรู้จากการป่วย 2 ปีและเอเลียนในข้อกระดูก

แล้วเธอ

สิ่งที่ฉันมีให้เธอ ก็ไม่รู้ดีเพียงไหน

แต่สิ่งที่เธอต้องการจากฉัน ดั่งวันนั้นฉันคงจะทำไม่ได้

อะไรเจ็บปวดกว่ากัน ระหว่างความรู้สึกที่เอฟเฟกต์ทางกายกับความรู้สึกที่คิดว่าต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา

พอ ๆ กัน แต่ในที่สุดเป็นความรู้สึกทางจิตใจมากกว่า เพราะกายเราปลงกับมันได้ แต่พอเริ่มเปลี่ยนยาได้ประมาณ 10 เดือน กายดีขึ้น เริ่มเสถียร แต่มีผลกับอารมณ์มาก ๆ 

สมมติดูหนังเศร้า ปกติอาจจะเศร้าระดับ 1 แต่พอกินยานี้ กลายเป็นเศร้าระดับ 6 เราก็ต้องสู้กับจิตว่ามันคือยานะ ไม่ใช่เรา เดี๋ยวก็ดีขึ้น 

เราจะบอกตัวเองว่า จำได้ไหม ตอนที่ชีวิตยังไม่รู้ว่าวันนี้จะดี พรุ่งนี้จะเดี้ยง อย่าคิดว่าจะเป็นอย่างนี้ตลอด อะไรก็เกิดขึ้นได้ 

 แต่ก็มีที่เราบังคับไม่ได้ มันแย่มากตรงที่ทำให้เราเก็บตัว ไม่อยากเจอเพื่อน ไม่อยากแม้กระทั่งเจอแม่ เจอครอบครัว ช่วง 2 ปีแทบไม่ได้เจอคุณแม่เลย เพราะมีความรู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นเรา เขาไม่รู้ว่าเราเป็นยังไง ต่อให้เราบอกเขาว่ายามีผล แต่คุณจะไม่มีวันรู้จนกว่าจะสัมผัสกับตัวคุณเอง เราก็ยิ่งปลีกวิเวกเข้าไปอีก จากคนที่ไม่ได้อ่อนไหวก็กลายเป็นอ่อนไหว ตรงนี้แหละทำให้เราเป็นทุกข์ 

แล้วเราเป็นคนไม่พูด เราถ่ายทอดทุกอย่างผ่านดนตรีได้ดีกว่า พอเราเล่นดนตรีไม่ได้ เราไม่มีทางไหนเลยที่จะระบายความรู้สึกของตัวเองช่วงป่วย ซึ่งไม่ดีกับสุขภาพจิตมาก ๆ 

เราว่าโรคนี้ไม่ต้องการให้เรามีความสุข ทุกอย่างที่เป็นความสุข ความเจริญ ความดี มันไม่ให้เราทำ ถึงได้บอกว่ามันเหมือน… ไม่รู้นะ เอเลียน มนุษย์ต่างดาว

คุณอยู่กับโรคนี้ด้วยความรู้สึกแบบไหน เช่น เราเป็นเพื่อนกันนะ หรือเป็นศัตรูที่ต้องกำราบ

ไม่เคยคิดว่าเป็นศัตรูเราเลย พี่เรียกเขาเป็นเอเลียนเพราะมันเหมือนมาก ๆ เลยไม่รู้จะเรียกอะไร ตอนทำสมาธิพี่ก็จะบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก It’s OK ไม่เป็นไรหรอก เหมือนคนบ้าเลย 

ตอนแรกก็มีอารมณ์โกรธ ยอมรับเลย โกรธตัวเองที่ว่าไปฉีดวัคซีนทำไม เพราะจริง ๆ บอกที่บ้านตั้งแต่แรกว่าจะไม่ฉีด ไม่ได้แอนตี้วัคซีน แต่คิดว่าไม่ควรจะบังคับ อีกอย่าง วิถีชีวิตเราไม่ต้องเจอคนมากขนาดนั้น พอเป็นไปได้สักพักก็ไม่โกรธแล้วเพราะรู้ว่าแก้ไขไม่ได้ แล้วก็ไม่ควรจะไปโกรธตัวเอง เพราะเราไม่ใช่ผู้รู้ นักปราชญ์ หรือพระอรหันต์ที่จะมารู้เป๊ะ ๆ 

แต่เราเริ่มโกรธสังคม หลังป่วยเราเห็นความเห็นแก่ตัวของคนมากขึ้น ถ้าพูดถึงการขับรถ 90% ของคนขับมือเท้าดีหมดเลย แต่เขาเอาเปรียบ ขนาดที่ของคนพิการเขาก็ยังไปจอด เราเรียกตัวเองว่าคนพิการชั่วคราว เรายังจอดรถเข้าซองเลย 

แล้วพี่ก็เริ่มคิดมากว่า อะไรอะ ฆาตกรที่นิ้วยังใช้ได้ มันเลือกเอานิ้วไปใช้ยิงเด็ก พี่ไม่เคยทำอะไรแบบนั้นแล้วทำไมต้องมาเป็นแบบนี้ คือช่วงนั้น Spiritually เราโหดมาก 

แล้วคนไทยส่วนใหญ่ ครอบครัว เพื่อน ก็จะพูดแต่เรื่องกรรม พูดว่าเราคงทำกรรมอะไรมาถึงเป็นอย่างนี้ แต่ชาตินี้เราไม่เคยทำกรรมที่สมควรได้รับอะไรแบบนี้ แล้วถ้าเป็นกรรม ชาติไหนก็ไม่รู้แต่ฉันจำไม่ได้แล้ว จะให้ฉันทำยังไง เราคงต้องเลวมาก ๆ เลยนะ เพราะไอ้ฆาตกรฆ่าคนเข้าคุกก็ยังออกมาได้ นิ้วยังดี แล้วเราต้องเลวกว่ามันขนาดไหน

อย่ามาพูดเรื่องกรรม พี่ว่ามันไม่ใช่ มันไม่ได้ทำให้เราดีขึ้นหรือมีความหวังอะไรเลย เราไม่เชื่ออะไรที่เราไม่รู้จริง 

ชีวิตหลังตายแล้วเกิดใหม่ของ ‘อรอรีย์’ ที่เรียนรู้จากการป่วย 2 ปีและเอเลียนในข้อกระดูก

คิดยังไงที่คนมักเชื่อกันว่าศิลปินระดับตำนานจะต้องป่วยหนัก เผชิญเรื่องร้าย หรือจบชีวิตไม่สวย เหมือนการขายวิญญาณ 

แล้วทำไมศิลปินต้องป่วยเหรอ ไม่ใช่แค่ศิลปินด้วย ทุกคนแหละ 

พี่ไม่ได้ไม่เชื่อเรื่องกรรม แค่พี่ไม่เชื่อเรื่องชาติที่แล้ว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราทำให้เราไม่เชื่อ 

เอาเข้าจริง ๆ พระพุทธเจ้าบอกไม่ให้เชื่อใครแม้กระทั่งพระพุทธเจ้าเอง พ่อ แม่ พระ ก็ไม่ให้เชื่อ คุณต้องรู้เอง คือมันอยู่ระหว่าง Believe กับ Know พี่เลือกที่จะ Know ขอรู้ได้ไหม แล้วการจะรู้ได้ คุณก็ต้องสัมผัสด้วยตัวเอง แต่ถ้าแค่ Believe คุณไม่ต้องทำอย่างนั้น

เรายังไม่รู้เลยว่าทำไมอะไรเหล่านี้ถึงเกิดขึ้นกับเรา จะเชื่อว่าเป็นกรรมเวรอย่างที่คนอื่นเขาพูดก็ได้ แต่เราไม่อยาก เพราะคิดแบบนั้นไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้น ดีไม่ดีจะแย่ลงอีก 

ทำไมคุณถึงไม่บอกทุกคนเลยว่าเป็นอะไรตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

ทั้งแม่ ทั้งหมอ อยากให้พี่เขียน Journal เป็นวิทยาทาน แต่พี่ว่าพูดไปก็เท่านั้น ไม่มีใครเข้าใจเราหรอก พี่ไม่ได้บอกแฟนเพลงเลยจนกระทั่งไม่กี่เดือนที่ผ่านมา 

พี่ไม่อยากมาประกาศว่าเป็นอะไร เดี๋ยวมีคนเข้าใจผิดหาว่าเราเป็น Anti-vax อีกอย่างตัวเองยังไม่รู้หมู่หรือจ่า ไปหาตั้ง 7 – 8 หมอ คลำไปเรื่อย ๆ เหมือนไม่มี Solution ปีนี้ที่ตัดสินใจบอกก็ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร แค่บอกว่าเดี้ยง ไม่สบาย แฟนเพลงบางคนก็น่ารักมาก ไปหาสมุนไพรนู่นนี่มาให้ พี่ลองมาหมดแล้วเขาไม่รู้หรอก (หัวเราะ)

ชีวิตหลังตายแล้วเกิดใหม่ของ ‘อรอรีย์’ ที่เรียนรู้จากการป่วย 2 ปีและเอเลียนในข้อกระดูก

2541 : อัลบัม Peel

อดทนรอฉัน (Wait)

อดทนดูฉันนาน ๆ อดทนมองฉันดี ๆ

อาจจะมีอะไรที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน

ด้วยความที่คุณไม่ค่อยอัปเดตโซเชียล เลยรู้สึกเหมือนว่าอรอรีย์หายไปมากกว่า 2 ปี ก่อนหน้านั้นทำอะไรอยู่

ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้หาย แต่พี่ไม่ค่อยโปรโมตตัวเอง พี่ว่าพี่เป็น Artist มากกว่า ไม่ได้เป็น Influencer ไม่ได้เป็น Promoter พี่ไม่ได้ขายของ ไม่ได้มีความสามารถในการดึงดูดคนมาอุดหนุนอะไรเรา 

ไม่รู้สิ ไม่เคยคิดว่าเราทำดนตรีเพื่อดึงดูดคนเข้ามา แต่เราทำดนตรีเพื่อส่งออกไป เราทำเพื่อให้ดนตรีเราเป็นแรงบันดาลใจให้คนฟัง เป็นกำลังใจให้เขา นั่นคือเป้าหมายในการทำเพลงของเรา

ช่วงนี้มีงานติดต่อเข้ามาเล่นเยอะเหมือนเดิมไหม

เริ่มมาแล้วตอนนี้ ดีใจมากเลย 

ตอนแรกพี่ก็ไม่ได้อยากเล่นดนตรีแล้ว เรารักนะ แต่เราเริ่มเบื่อ เราไม่ได้อินกับการอยู่ท่ามกลางคน แล้วพี่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนักร้อง พี่จะประหม่าถ้าไม่ได้เล่นกีตาร์ ช่วงที่ยังเล่นดนตรีไม่ได้ น้อง ๆ กับเพื่อน ๆ ก็น่ารักมากเลย เขาบอกว่า เล่นไม่ได้ก็ร้องดิ (หัวเราะ) 

พอเราดีขึ้นมันทำให้เรามีไฟอีกครั้ง เหมือนเราตายแล้วเกิดใหม่ ได้เดินออกจากบ้าน ขับรถได้ประมาณหนึ่ง พี่ก็เลยกลับมาร้องเพลง 

คราวนี้คือกลับมาเพื่อตัวเอง อยากสนุก อยากมีความสุข เพราะเราทุกข์มานานมาก แม้จะเจอ Side Effect ที่ทำให้เศร้าง่ายมาก แต่ยาที่ดีที่สุดของพี่คือดนตรี

ชีวิตหลังตายแล้วเกิดใหม่ของ ‘อรอรีย์’ ที่เรียนรู้จากการป่วย 2 ปีและเอเลียนในข้อกระดูก
ชีวิตหลังตายแล้วเกิดใหม่ของ ‘อรอรีย์’ ที่เรียนรู้จากการป่วย 2 ปีและเอเลียนในข้อกระดูก

ทำไม

ปกติร่างกายเราค่อนข้างอึด เล่นดนตรีเสร็จกลับบ้านตี 2 – 3 ไม่มีปัญหาเรื่องนอนเรื่องเพลีย แต่โรคนี้ทำให้เหนื่อย แล้วมันมียาชุดใหญ่ที่ต้องกินอาทิตย์ละครั้ง กินวันจันทร์ ก็จะมาเพลียวันอังคารกับพุธนิดหน่อย บางทีหายใจไม่เต็มปอด แต่ทุกวันพุธที่เรามีซ้อมดนตรี แปลกมากเลยที่เราควักพลังที่อยู่ในขั้วลึกจริง ๆ ออกมาได้ และเรามีความสุขมาก ที่เพลีย ๆ ก็จะหายไป 

การเจ็บป่วยครั้งนี้ให้บทเรียนอะไรกับชีวิตบ้าง

โห เยอะเลยค่ะ 

มันทำให้พี่เรียนรู้เลยว่า ต่อไปนี้พี่จะฟังสัญชาตญาณตัวเอง จะไม่ปฏิเสธอีกแล้ว เพราะว่าเหตุการณ์นี้สำหรับพี่ หนักที่สุดที่เคยเจอมาในชีวิต หนักมาก หนักกว่าอะไรใด ๆ เป็นเพราะเราไม่ฟังความตั้งใจของเราตั้งแต่แรก 

เวลาที่เราต้องเลือกหรือต้องทำอะไร มันคือเสียงแรกที่เข้ามาในจิตใต้สำนึกเรา แต่เรามักจะปฏิเสธตลอดว่าคิดไปเอง และจะมีอย่างอื่นมาทำให้เราไขว้เขว 

สมมติเราเจอคนหนึ่ง แล้วเซนส์บอกว่าไม่ใช่ อย่าไปรู้จักเลย แต่เราดันไปรู้จัก หลังจากนั้นเราโดนอะไรสาสม ต่อไปนี้เราจะฟังมันและจะทำตามด้วย ถ้าเจอใครตอนนี้แล้วเซนส์บอกอย่าไปคบเลย พี่จะไม่ยุ่งแล้ว ถ้าขับรถแล้วเซนส์บอกว่าอย่าเลี้ยว พี่ก็จะไม่เลี้ยว 

อีกอย่างคือเราก็เรียนรู้แต่เด็กแล้วว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ได้อยากเป็นภาระให้คนอื่น แต่รู้เลยว่าใครรักเราเมื่อเราแย่มาก ๆ น้อยมากที่จะมีคนมาเยี่ยม คนที่พูดไว้เยอะ ไม่เห็นเลยสักคน 

ไม่รู้ว่าเรายังเหลือเวลาอยู่อีกเท่าไหร่ เราไม่อยากเสียเวลาแล้ว ตอนนี้เราคัดแยกอะไรได้เร็วขึ้น อาจจะดูโหด แต่เราต้องเทกแคร์ตัวเอง เราไม่อยากรับพลังงานแย่ ๆ เข้ามาอีกแล้ว 

คิดว่าตกตะกอนสิ่งเหล่านี้ได้ช้าไปไหม

ไม่นะ ถ้าเชื่อเรื่องพลังงาน พี่คิดว่านี่แหละที่เขาจะมาสอนพี่ เพราะพี่เป็นคนใจอ่อน หลาย ๆ คนก็พูด แม่ก็พูด เพื่อนก็พูด ใจดีแต่โดนเอาเปรียบ พี่เห็นความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าตัวเอง มันเป็นนิสัยที่ต่อให้โดนเอาเปรียบไปเรื่อย ๆ เจ็บไปเรื่อย ๆ เสียใจไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ได้ทำให้เราใจดำ แล้วเขาจะสอนเรายังไง การเป็นโรคนี้เลยหนักที่สุดแล้ว 

ถ้าพี่ไม่ฉีดวัคซีน ป่านนี้คง… แต่เราก็ไม่อยากไปคิดถึงมันอีก เพราะเราตัดสินใจทำไปแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เราต้องใช้ชีวิตร่วมกับมัน พี่ชายยังบอกเลยว่า นับถือมาก จิตยูนี่ Super Strong เลย เขายังไม่รู้เลยว่าถ้าเป็นจะทำได้อย่างพี่ไหม

นั่นสิ อรอรีย์ไปเอาความจิตแข็งมาจากไหน 

ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นคาแรกเตอร์ของเราแต่เกิด เหมือนสติสัมปชัญญะเราโคตรหนา รู้ตัวตลอดเวลา

แต่ตอนนี้ยอมรับว่าจิตเราโดนเอฟเฟกต์ ก็พยายามให้มันอยู่เหนือยากดภูมิให้ได้ บอกตัวเองว่าเราเป็นอย่างนี้เพราะยานะ แค่ Physically มันห้ามไม่ให้น้ำตาไหลไม่ได้

การเกิดใหม่ของอรอรีย์ในวัย 48 ที่อยู่กับปัจจุบัน เลิกฝันถึงอดีต มียาวิเศษเป็นดนตรี และมีเอเลียนเป็นเพื่อน

2560 : อัลบัม Un Jour

ไม่รักก็ลา (No love Goodbye)

อดีตที่เคยได้มา กลับเป็นภาพลวงฝังใจ

ติดอยู่ดังเงาใจร้าย อย่างนี้เท่าไหร่ไม่หาย

ช่วงชีวิตไหนของอรอรีย์ที่ไฟแรงที่สุด 

ถ้าพูดถึงไฟแรงในด้านกายภาพ ก็ช่วง 20 ต้น ๆ ร่างกายแข็งแรง คือนอนกลางวัน ตื่นหกโมงเย็น ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ที่ซอยสีลมจนเช้า เที่ยวอยู่แค่ 6 เดือนจนเบื่อไปเลย หลังจากนั้นก็ไปทำเพลงกับค่ายเบเกอรี่มิวสิค

แต่ถ้าไฟแรงจริง ๆ ที่รู้สึกว่าชีวิตดีคือตอนอยู่อังกฤษ มีความสุขที่สุดเลย ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ และตอนนั้นเราคือ Nobody เป็นใครก็ไม่รู้ เพื่อนก็คบที่เราเป็น A B C ไม่ใช่อรอรีย์

พอกลับมาไทยก็มาเจอวิบากชีวิต คนส่วนใหญ่รู้จักว่าเราเป็นอรอรีย์ เราเป็นนักร้อง ก็จะทรีตเราอีกแบบ ซึ่งบางทีเราไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วก็เจอเรื่องแย่ ๆ เพราะความเป็นอรอรีย์มาเยอะ

เช่นอะไร

โดนคนหลอก

ทำไมล่ะ

เพราะเขาเห็นเราเป็นนักร้องไง เขาเห็นเราเป็นอรอรีย์

เขาควรต้องเกรงใจมากขึ้นไม่ใช่เหรอ

ก็เขาไม่ใช่คนดี (หัวเราะ) ไม่ได้เจอคนเดียวด้วย เราเจออะไรอย่างนี้เยอะมาก 

ด้วยนิสัยที่พี่ไม่ได้เป็นคนอยากดัง รายการนัดมากี่รายการพี่ก็ไม่ไป พี่ไม่ได้อยากโปรโมตตัวเองขนาดนั้น พี่ไม่ได้มี 2 บุคลิกนะ แต่นิสัยจริง ๆ ของพี่อีกด้านหนึ่งคือเหมือนฤๅษี พี่ไม่ชอบความวุ่นวาย (หัวเราะ) พี่ไม่ใช่คนที่ Social Party เพื่อนไปไหนฉันต้องไปตลอด หรืออยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องไปอยู่ในฝูงมนุษย์แล้วจะไม่เหงา ไม่ พี่ชอบอยู่คนเดียว พี่ชอบอะไรที่เป็นนามธรรม อย่างจิตวิญญาณมากกว่ากายภาพ แล้วการเป็นนักดนตรีค่อนข้างสวนทางกับนิสัยนี้ของเรา ซึ่งคนไม่รู้ก็ไม่ผิดเพราะเขาเห็นเราร้องเพลงอยู่บนเวทีได้ เขาก็จะคิดว่าเราเป็นอย่างนั้น 

สมัยก่อนพอเล่นดนตรีเสร็จ บางทีคนที่จ้างเราก็จะชวนเราไปนั่งกินเหล้ากับเขา พี่ไม่เคยไปเลย ร้องเสร็จพี่กลับบ้าน ไม่ได้หยิ่ง แต่พี่ไม่กินเหล้า แล้วก็ไม่ได้ชอบเจ๊าะแจ๊ะ

อย่างที่บอก เราไม่ได้ทำดนตรีเพื่อจะเอา เราทำดนตรีเพื่อจะแบ่งปัน เพราะฉะนั้น จุดประสงค์ไม่เหมือนกัน เราก็เลยมีความรู้สึกว่า แล้วเราจะต้องไปนั่งกินเหล้ากับเขาทำไม

เป็นเหตุผลที่ทำให้การทำเพลงของคุณใช้เวลานานมากด้วยไหม

ใช่ เราไม่ได้ทำเพลงเพราะเป็นอาชีพ เพลงเราไม่ใช่ Commercial เราไม่ได้ทำเงินอะไรมากมายจากการเล่นดนตรี 

การเกิดใหม่ของอรอรีย์ในวัย 48 ที่อยู่กับปัจจุบัน เลิกฝันถึงอดีต มียาวิเศษเป็นดนตรี และมีเอเลียนเป็นเพื่อน

อรอรีย์ในวงการเพลงร็อกสมัยนั้นเป็นยังไง

เอาเข้าจริง ๆ พี่เป็นผู้หญิง ไม่อยากพูดเรื่องนี้เลย เพราะสำหรับพี่ มนุษย์เราไม่ต้องมาแบ่งเพศกันหรอก แต่มันก็มีปัญหา พี่ว่าพี่ Tough มากเลยนะที่อยู่ในวงการดนตรีในไทย ตอนนี้ไม่รู้นะอาจจะดีขึ้น แต่สมัยก่อนมันเป็นโลกของผู้ชาย

อย่างเรื่องรางวัล พี่ไม่แคร์เลยนะ เพราะเป้าหมายพี่ไม่ใช่ตรงนั้น แต่พี่ก็ทำเองทุกอย่าง พี่แต่งเพลง พี่โปรดิวซ์ พี่ร้อง พี่เล่น แต่พี่ไม่เคยได้อะไรเลย แล้วยูเอาอะไรมาวัด แค่ยอดขายอัลบั้มใช่ไหม

ข้อดีของการที่หายไปนานแล้วกลับมาใหม่คืออะไร

(หัวเราะ) ก็จะมีงานอยากให้เราไปเล่นเยอะ เขาไม่ค่อยได้เห็นเราเล่น แต่ข้อเสียก็เยอะด้วย

โดยเฉพาะในวงการนี้ จะว่าไปมันก็มายานะ เราเจอความโหดร้ายจากการเป็นอรอรีย์เยอะมาก เคยทำให้เราไม่อยากทำเพลงอีก แต่เราห้ามตัวเองไม่ให้แต่งเพลงไม่ได้ เพราะนั่นคือเรา 

วัน ๆ พี่นั่งทำเมโลดี้เป็นสิบเป็นร้อยได้ เหมือนเราใช้เพลงสื่อสารได้ดีกว่าใช้ภาษาอีกมั้ง แต่จะให้เรามานั่งทำเป็นเรื่องเป็นราว มีอัลบัม มีทัวร์ เราไม่ถนัดเลย เหมือนทำตามใจตัวเองประมาณหนึ่ง 

ที่ผ่านมา แฟนเพลงเขาจะรู้จริง ๆ ว่าพี่ไปเล่นดนตรีเหมือนให้พลังงานเขา เพราะเพลงเราค่อนข้างพลังงานเยอะ แต่ตอนนี้ที่พี่กลับมาเล่นโชว์ ยอมรับว่าอยากสนุก เพราะเราเจออะไรทุกข์มาเยอะ พี่จะขอคืนแล้ว จะขอดูดพลังจากพวกเขา อยากรู้ว่ามันจะปิงปองกันยังไง 

อาจดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่ I just want to have fun พี่จะมีปมอยู่ตลอดเวลาว่าเราร้องเพลงไม่ดี แต่พี่จะไม่มากังวลแล้วว่าฉันเล่นดีไหม คนดูจะเยอะไหม ร้องจะห่วยไหม เหมือนเราตายแล้วได้เกิดใหม่ เรารู้ เราเฉียดความตายในมุมมองของเรา ตรรกะอะไรหลายอย่างเราเปลี่ยนไป มันทำให้เราอยากมีชีวิต อยากใช้ให้เต็มที่ 

การเกิดใหม่ของอรอรีย์ในวัย 48 ที่อยู่กับปัจจุบัน เลิกฝันถึงอดีต มียาวิเศษเป็นดนตรี และมีเอเลียนเป็นเพื่อน

คิดว่าจะมีเรื่องอะไรที่หนักหนากว่านี้ไหมในอนาคต

ไม่อยากคิดเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะก่อนหน้านี้พี่เจอเรื่องหนักมามาก คิดว่าคงไม่เจออะไรหนักไปกว่านั้นแล้ว แต่พอมาเจอเรื่องนี้ อันนั้นปิ๋วไปเลย 

โรคนี้ทำให้เราอยู่กับปัจจุบัน อดีตทำไปแล้วจะโทษตัวเองทำไม คิดไปก็ไม่ได้ทำให้มือหายหงิก อนาคตยิ่งสอนเลยว่าไม่ต้องไปอะไรกับมันมาก ดูดิ เมื่อวานยังเดินไม่ได้ วันนี้หายละ 

อย่าไปยึดติด อย่าไปทุกข์กับอะไรนาน เพราะเดี๋ยวก็มีอารมณ์อื่นเข้ามา วนเป็นลูปอย่างนี้ ถ้าเราอยากออกจากลูปนี้จริง ๆ เราต้องไม่มีความต้องการอะไร ซึ่งยากนะ เพราะเรายังเป็นมนุษย์ เรายังไม่ตาย แล้วก็ไม่ได้นั่งสมาธิจนบรรลุธรรม

ก่อนป่วย คิดเรื่องความไม่แน่นอนของชีวิตบ้างไหม

คิดค่ะ คิดอย่างนี้มาอยู่แล้ว 

ตอนอายุ 22 พี่เกือบจมน้ำตายที่ออสเตรเลีย นั่งเรือใบแล้วอยู่ดี ๆ ก็พายุเข้า เรานั่งตรงหัวเรือ พอพายุมาหัวเรือก็ลงน้ำแล้วก็ขึ้นมาเหมือนปลา ตอนจมลงไปเราคิดว่าตายแน่ มันไม่ถึงกับสำลักแต่เราแค่หยุดหายใจตอนลงน้ำ แล้วเรายึดเหล็กตรงหัวเรือไม่ได้แล้วเลยคิดว่าปล่อยก็ได้ สักพักก็รู้สึกถึงฝูงมือมากระชากเราจนเสื้อขาดหมดเลย ประสบการณ์เฉียดตายเราเยอะมาก

หลายครั้งที่เจอเรื่องยาก ๆ ในชีวิต ทำไมถึงยังควักพลังเฮือกสุดท้ายมาร้องเพลงได้ 

ยิ่งตอนนี้มันยิ่งควักเลย เพราะสมาชิกเก่าพี่เสียไป 2 คน ทั้ง พี่โต้ง มณเฑียร มือกีตาร์ Original เพลง ระหว่างเรา แล้วเธอ กับ พี่เดฟ มือกลองที่ก็เป็น Sound Engineer ช่วยพี่โปรดิวซ์อัลบัมแรก

เราไม่คิดว่าเขาจะไปเร็วขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลย แล้วไปติด ๆ กัน เด็ปไปก่อนประมาณ 2 – 3 เดือน หัวใจล้มเหลวทั้ง 2 คน แล้วเราสนิทกับเขา เป็นเหมือนพี่น้องกัน มันช็อกมาก บางทีนั่งอยู่บ้าน เห็นรูปพวกเรา พี่ยังไม่เชื่อเลยว่าเขาไปแล้ว 

ตอนแรกพี่ฟังเพลงอัลบัมแรกไม่ได้เลย ฟังไม่ได้ แต่พอเรากลับมาซ้อมกับน้อง ๆ ไฟของพวกเขาช่วยพี่เยอะมาก ตอนนี้เรากลับมาเล่นเพลงอัลบัมแรกได้แล้วค่ะ

เหมือนเส้นทางการเป็นอรอรีย์จะเต็มไปด้วยเรื่องเศร้า ความเจ็บปวด ความตายนะ

ใช่ มันจะมีเพลงที่ร้องว่า ถ้าเขาจะรัก ยืนเฉย ๆ เขาก็รัก แต่พี่เนี่ย ยืนอยู่เฉย ๆ คนก็หมั่นไส้ เห็นหน้าพี่เฉย ๆ คนก็หาว่าพี่ดุ กลัวพี่ คือจะให้พี่ยิ้มตลอดเวลาก็ไม่ได้ไหม (หัวเราะ) 

พี่เจอมาเยอะมาก ไม่รู้เป็นอะไรกัน ชีวิตคนละเรื่องเลยกับตอนอยู่อังกฤษ เราไปอยู่เมืองนอก ไม่มีพี่น้อง ไม่มีญาติ ทำไมเขาดีกับเรา แต่พอกลับมาบ้าน ทำไมเจอคนใจร้ายกับเราเยอะมาก มองเราแล้วก็คิดกันไปเอง 

การเป็นอรอรีย์มันท้าทายเหรอ แล้วการเป็นอรอรีย์ของเราทำอะไรให้คุณ เราก็แต่งเพลงให้คุณฟัง เราเคยมีข่าวอะไรไม่ดีไหม แต่เรามักจะเจอแบบ…เนี่ย พอโดนบ่อย ๆ พี่ก็เริ่มรู้สึกไม่ดีนะ แต่ตอนนี้ไม่แล้วเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เราแค่เป็นตัวเองเอง แล้วก็ไม่รู้จะอธิบายตัวเองทำไม

มันทำให้จิตวิญญาณเราตาย แต่กายภาพเรายังไม่ตาย 

การเกิดใหม่ของอรอรีย์ในวัย 48 ที่อยู่กับปัจจุบัน เลิกฝันถึงอดีต มียาวิเศษเป็นดนตรี และมีเอเลียนเป็นเพื่อน

ถ้าระหว่างทางมัน Struggle ขนาดนี้ อะไรทำให้ยังตั้งมั่นที่จะเป็นอรอรีย์ต่อไป

เป็นอรอรีย์ในฐานะศิลปินเหรอ พี่ไม่ได้ตั้งมั่นอยากเป็นเลย 

ก่อนป่วยก็คิดอยู่แล้วว่าคงถึงเวลาที่อาจจะไม่เล่นเยอะแล้ว เราก็อายุประมาณหนึ่ง

ถ้าเปรียบเราเป็นกุ๊กนะ ทำไมต้องทำแต่อาหารไทย เราขอไปทำอาหารอิตาเลียนบ้างได้ไหม นอกจากเพลงร็อก เพลงกรันจ์ เราทำอย่างอื่นบ้างได้ไหม 

คือเรายังอยากร้องเพลง ยังอยากเจอน้อง ๆ แต่จะให้มีพลังงานแบบนั้น มันไม่ใช่แล้ว เราไม่เหมือนเดิม และเราก็หวังว่าแฟนเพลงทุกคนจะไม่คาดหวังให้เราเหมือนเดิมด้วย 

รู้สึกยังไงที่กลับมาจัดคอนเสิร์ตแล้วบัตรขายหมดจนต้องเพิ่มรอบ

ขอบคุณและดีใจมาก ๆ แต่ก็ยังกังวลอยู่เลยว่าถ้าไม่มีแรงทำยังไง ร้อง ๆ อยู่แล้ว…ล้มพรึ่บ ทำไงดีเนี่ย แต่น้อง ๆ ก็บอกว่า พี่อร เขาไม่ได้แคร์หรอกว่าพี่จะร้องดีไม่ดี เขาแค่อยากมาสนุกด้วย เหมือนเราหายป่วยแล้วอยากออกไปปาร์ตี้กับเพื่อน

เราไม่อยากรอจนหายสนิท เพราะไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นไหม จะอีกกี่ปีหรืออีกกี่อาทิตย์ เราก็ Live ไปด้วย Learn ไปด้วย ลองมาซ้อมกันก่อน ดูว่าพี่ร้องได้กี่เพลง เหนื่อยไหม แป้กไหม ระบมไหม เหมือนเป็น My New Normal แถมน้อง ๆ ยังบอกเสียงดีขึ้น อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้พูดมั้ง เหมือนเป็นที่ระบายอย่างหนึ่ง

คือเพลงพี่เก่ามากเลยนะ ไม่ว่าจะ แล้วเธอ หรือ ระหว่างเรา จะ 30 ปีแล้วอะ แต่จนทุกวันนี้คนก็ยังฟัง แฟนเพลงเดิมก็ยังฟัง ยอดในยูทูบก็ขึ้นมาเรื่อย ๆ มีคอมเมนต์ว่าหนูเพิ่งได้ฟังเป็นครั้งแรก ชอบมาก เห้ย เป็นไปได้ยังไงที่เพลงมัน 30 ปีแล้วยังไม่เก่า 

ตรงนี้คือความชื่นใจข้างในของเราว่าเพลงเราค่อนข้างอมตะ เราไม่ได้แต่งเพลงป๊อป ไม่ได้แต่งเพลงตามกระแส เราแต่งเพลงสะท้อนความคิดและความชอบของเรา 

ในวัย 50 ต้น ๆ ยังมีอะไรที่อรอรีย์เอาชนะไม่ได้อีกบ้าง

ใจตัวเองนั่นแหละ เพราะถ้าเอาชนะได้ พี่ต้องเอาชนะ Side Effect ยานี้ได้ เมื่อวานพี่ก็พูดกับตัวเองว่า ต้องเอาชนะให้ได้ดิ มันเป็นยา ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรา

ส่วนโรคนี้ ไม่ว่าจะเป็นเอเลียนหรืออะไรก็ตามแต่ ในเมื่อคุณมาอยู่ในร่างกายนี้ เราถือว่าทุกเซลล์ ทุกอย่าง อยู่ภายใต้ความดูแลของเรา ไม่ใช่ศัตรู ต่อให้จะยังเข้ากันไม่ได้ก็ขอให้สามัคคีกันไว้ค่ะ

สักวัน

จนกว่าจะมีวันนั้น

จนกว่าจะมีสักวัน ที่ฉันและเธอมีทาง

ชีวิตหลังตายแล้วเกิดใหม่ของ ‘อรอรีย์’ ที่เรียนรู้จากการป่วย 2 ปีและเอเลียนในข้อกระดูก

ขอบคุณสถานที่

BIRD SOUND Studio 

5 รามคำแหง 187 แยก 1 – 4 เขตมีนบุรี กทม. (แผนที่)

Writer

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

ชลลดา โภคะอุดมทรัพย์

นักอยากเขียน บ้านอยู่ชานเมือง ไม่ชอบชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้ มีคติประจำใจว่าอย่าเชื่ออะไรจนกว่าหมอบีจะทัก รักการดูหนังและเล่นกับแมว

Photographer

โตมร เช้าสาคร

โตมร เช้าสาคร

ชอบถ่ายวิวมากกว่าคน ชอบกินเผ็ดและกาแฟมาก เป็นคนอีโค่เฟรนลี่ รักสีเขียว ชวนไปไหนก็ได้ไม่ติด ถ้ามีตัง