Shinnichi Tsusaka หรือ ชินซัง คือคนหนุ่มที่เคยเรียนวรรณกรรม เคยเป็นนักบัญชีในบริษัท Big 4 ชอบดำน้ำ เป็นนักโต้คลื่น และเคยไปเตรียมบวชเป็นพระ ก่อนแกงกะหรี่ผักที่วัดจะพาเขามาเจอชีวิตในฝันที่ค้นหามานาน

เราพบชินซังตอนที่ไปร่วมทริปเปิดตัวโรงแรมดุสิตธานีในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ดุสิตธานีเลือกใช้ OHARA FARMY’ ของชินซังเป็นพื้นที่ให้พนักงานไปช่วยกันปลูกผักชีเพื่อมาใช้ในห้องอาหารต่าง ๆ ของโรงแรม ทีมงานของดุสิตธานีเล่าว่าเลือกที่นี่เพราะชินซังมีแนวคิดการทำฟาร์มแบบที่ดีกับทั้งลูกค้าและพนักงานของโรงแรม

คุยกันครั้งแรก เรารู้ทันทีว่าเขามีของ เขาเล่าให้ฟังว่าประสบการณ์ชีวิตทุกอย่างที่เขาสั่งสมมาจนถึงวัย 40 ปีพาเขามาเจอชีวิตที่คิดว่าลงตัวในที่สุด นั่นคือการทำธุรกิจที่ช่วยให้คนได้กลับสู่ความเป็นธรรมชาติและพบกับความสุข 

“มันทำให้ผมเห็นชีวิตที่ผมอยากจะมีได้ชัดเจนขึ้นมาก” เขาบอกเราแบบนี้

ชินซังแห่ง OHARA FARMY อดีตนักบัญชี ทายาทพระเซน ผู้เอาธรรมะมาเล่านอกวัดและชวนคนปลูกผักกินเอง

From Shinnichi Tsusaka to OHARA FARMY

ชินซังเป็นลูกชายที่มีพ่อและปู่เป็นสังฆะในนิกายเซน ด้วยความที่เติบโตมาในครอบครัวนักบวช เขาจึงซึมซับแนวคิดแบบนิกายเซนจนหลอมเป็นตัวตน และตั้งใจสืบทอดหน้าที่เผยแผ่ธรรมะแก่ผู้คนสักวันหนึ่ง

หลังจากได้ท่องโลกและเรียนรู้ชีวิตผ่านการทำงานในต่างประเทศ เขาก็กลับมาที่เกียวโต และศึกษาธรรมะที่วัด Seikenji ที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ 

อย่างไรก็ดี ยุคสมัยเปลี่ยนไป แม้ชีวิตผู้คนยุคนี้จะต้องการศาสนามากกว่ายุคไหน ๆ ชินซังผู้ไปใช้ชีวิตนอกวัดมาก็เห็นว่าคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ตั้งกำแพงกับ ‘ศาสนา’ มาก แนวคิดในหีบห่อของศาสนาไม่น่าเข้าถึงคนได้ดี

เขาครุ่นคิดเรื่องนี้ในระหว่างการศึกษาธรรมะอยู่ที่วัด ลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นเจ้าอาวาสผู้มีฝีมือด้านการทำอาหาร และมักคุยเรื่องธรรมะกันระหว่างกินอาหารเสมอ อาหารที่ชินซังได้กินบ่อย ๆ ที่วัดคือผัก ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดเกียวโต และที่วัดก็มีแปลงผักที่ทำให้ได้กินผักแบบสด ๆ

“ลูกพี่ลูกน้องผมเคยไปเรียนที่อินเดีย เขาทำแกงกะหรี่เก่งมาก และเราก็ใช้ผักที่เราปลูกเอง มันอร่อยมาก นั่นคือโมเมนต์ที่ผมคิดได้ว่า การให้คนได้กินผักที่ตัวเองปลูกน่าจะเป็นหนทางพาคนมารู้จักกับชีวิตและความสุข โดยไม่ต้องเข้าวัด และการกินก็เป็นหนึ่งในความสุขที่เราพบเจอได้ทุกวัน” เขาเล่าให้ฟัง

ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน เขาได้พบกับเจ้าของแปลงที่ตั้งของ OHARA FARMY ในปัจจุบัน ซึ่งมีความรู้เรื่องการทำฟาร์ม ปลูกผัก และมีแนวคิดในทิศทางเดียวกับเขา คืออยากชวนคนมาเรียนรู้ผ่านการได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ 

ทั้งสองจึงร่วมมือกันสร้าง OHARA FARMY ถ้ามองเผิน ๆ ที่นี่คือฟาร์มซึ่งแบ่งพื้นที่ให้คนเช่าเหมือนที่มีอยู่มากมายในญี่ปุ่นและบางประเทศในทวีปยุโรป เพื่อแก้ปัญหาสำหรับคนเมืองที่สนใจเรื่องอาหารปลอดภัย กระตุ้นให้ผู้คนปลูกผักกินเอง แต่บ้านในเมืองเล็กเกินกว่าจะปลูกผักแปลงใหญ่

นอกเหนือจากการแบ่งพื้นที่ ชินซังและพาร์ตเนอร์แทรกความตั้งใจเอาไว้มากกว่านั้น จึงมีบริการอีกมากมายเพื่อชักชวนคนเมืองบนตึกให้มาใช้ชีวิตกับผืนดิน

ชินซังแห่ง OHARA FARMY อดีตนักบัญชี ทายาทพระเซน ผู้เอาธรรมะมาเล่านอกวัดและชวนคนปลูกผักกินเอง
ชินซังแห่ง OHARA FARMY อดีตนักบัญชี ทายาทพระเซน ผู้เอาธรรมะมาเล่านอกวัดและชวนคนปลูกผักกินเอง

From Buying to Creating

ชินซังบอกว่า การชวนคนมากินอาหารที่ตัวเองปลูกเป็นกลยุทธ์เพื่อบอกคนเรื่องคุณค่าและความหมายที่ธรรมชาติสอนเราได้แบบไม่ต้องเทศนาหรือพูดถึงปรัชญาอะไร

เขาไม่ชวนคนว่าให้มาเข้าใจวิถีเซน เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องศาสนา แต่อยากให้เป็นเรื่องความเป็นมนุษย์

 “แค่ชวนว่าลองมีของที่คุณปลูกเองบนโต๊ะอาหารบ้าง การกินของที่ตัวเองปลูกจะอร่อยเป็นพิเศษ และทำให้โต๊ะอาหารดูมีเสน่ห์มากขึ้น คนเข้าถึงง่าย น่าสนุก และรู้สึกสบายใจ” ชินซังเล่าเมื่อเราถามว่าเขาโฆษณาสิ่งนี้ยังไง

เขาเล่าต่อด้วยว่าเขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องอ้างอิงถึงศาสนา เพราะการปลูกผักโดยวิถีธรรมชาติทำให้คนได้กลับมาเป็นมนุษย์มากกว่าศาสนาเสียอีก

ชินซังอธิบายว่า สรรพสิ่งในโลกมีทั้งที่เป็นธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา อธิบายให้เห็นภาพ สิ่งที่เป็นธรรมชาติ เรียกว่า ชั้นที่ 1 และสิ่งที่มนุษย์สร้าง เรียกว่า ชั้นที่ 2 

“เราอยากให้ฟาร์มนี้เป็นสถานที่ที่พาคนกลับลงมาที่ชั้นที่ 1 ให้มาอยู่กับผืนดิน สายลม แสงแดด และสิ่งต่าง ๆ ที่กระตุ้นสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ที่พวกเขาอาจหลงลืมไปเวลาใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งล้วนอยู่ในชั้นที่ 2”

“ศาสนาเป็นชั้นที่ 2 เพราะมนุษย์สร้างขึ้น เหมือนการแบ่งชนชาติ กำหนดระบบเศรษฐกิจ แบ่งเขตแดนประเทศ กฎเกณฑ์ กติกา เทคโนโลยี และ AI” 

“การลงมือปลูกผักกินเองเลยทำให้คนได้เข้าใจธรรมชาติความเป็นคน โดยไม่ต้องใช้ศาสนามาช่วยอธิบาย”

ชินซังแห่ง OHARA FARMY อดีตนักบัญชี ทายาทพระเซน ผู้เอาธรรมะมาเล่านอกวัดและชวนคนปลูกผักกินเอง

Natural Farming

ชินซังเชื่อว่าการได้กลับมาใกล้ชิดกับธรรมชาติจะทำให้คนมีความสุขมากขึ้น 

การทำฟาร์มที่ OHARA FARMY จึงชวนผู้คนมาทำฟาร์มตามหลัก Permaculture ซึ่งเป็นวิถีที่ทำให้ได้ผลผลิตจากธรรมชาติอย่างยั่งยืน ผ่านการยอมรับวิถีธรรมชาติ อย่างไม่มีการไถ ไม่ใช้สารเคมี ปลูกพืชตามฤดูกาลเท่านั้น และหมุนเวียนประเภทของพืชที่ปลูกเพื่อรักษาสมดุลในดิน

เวลามีคนมาที่ฟาร์ม เขาจะชวนให้สังเกตสิ่งเล็ก ๆ ในธรรมชาติ ลองถอดรองเท้าเหยียบดิน รับรู้อุณหภูมิรอบตัว และฝึกสมาธิในระหว่างวางมือจากแป้นพิมพ์มาจับจอบ ใช้เสียม

เขาชี้ให้เห็นด้วยว่าการทำฟาร์มแบบธรรมชาติทำให้เราต้องรอผลผลิต ไม่ใช่เร่งผลผลิตให้ทันใจ และธรรมชาติยิ่งใหญ่กว่าเรามากนัก ธรรมชาติทำให้เรามีหรือไม่มีผักกินก็ได้ ฉะนั้น แม้สัตว์ตัวเล็ก ๆ ก็น่าเก็บไว้เป็นเพื่อนช่วยพรวนดิน ผสมเกสร มากกว่ามาตั้งแง่เกลียดกลัวกัน

ชินซังแห่ง OHARA FARMY อดีตนักบัญชี ทายาทพระเซน ผู้เอาธรรมะมาเล่านอกวัดและชวนคนปลูกผักกินเอง
ชินซังแห่ง OHARA FARMY อดีตนักบัญชี ทายาทพระเซน ผู้เอาธรรมะมาเล่านอกวัดและชวนคนปลูกผักกินเอง
เมล็ดพันธุ์ที่เลือกปลูกได้เมื่อตรงกับฤดูกาล

สมาชิกส่วนใหญ่ของ OHARA FARMY เป็นครอบครัวที่มีลูกเล็ก ถัดมาเป็นวัยอิสระที่อยากใช้ชีวิตหลังเกษียณกับการทำฟาร์ม รวมถึงคนที่มีปัญหาด้านสุขภาพที่ต้องการอาหารไร้สารเคมี และชินซังก็ยังตั้งใจนำแนวคิดนี้เข้าหาคนให้มากขึ้นผ่านการสร้างแบรนด์ให้ OHARA FARMY

Make farming a new ‘in’

ชินซังเป็นนักโต้คลื่น เวลาไปซื้ออุปกรณ์ เขาได้เจอคนขายที่รู้เรื่องการโต้คลื่นเป็นอย่างดี คุยสนุก มีอุปกรณ์เท่ ๆ ที่เห็นแล้วอยากออกไปโต้คลื่นเสียเดี๋ยวนั้น เขาจึงอยากให้ฟาร์มของเขาเป็นอย่างนั้นบ้าง

ที่ OHARA FARMY เลยมีพื้นที่ที่เรียกว่าคลับเฮาส์ เป็นห้องนั่งเล่นที่มีหน้าต่างขนาดใหญ่มองออกไปเห็นฟาร์ม เห็นท้องฟ้า เห็นภูเขา แล้วก็มีชั้นหนังสือ เครื่องเล่นแผ่นเสียง กีตาร์ รวมถึงอุปกรณ์ทำฟาร์มและแคมปิงที่เห็นแล้วอยากใช้เวลาอยู่ที่นั่นทั้งวัน

ชินซังแห่ง OHARA FARMY อดีตนักบัญชี ทายาทพระเซน ผู้เอาธรรมะมาเล่านอกวัดและชวนคนปลูกผักกินเอง

ชินซังอยากทำให้การเริ่มต้นทำฟาร์มเป็นเรื่องง่ายและสนุก เขามีทริปเที่ยวฟาร์มวันเดียวที่ใครจะมาลองก็ได้ ชวนคนลองเก็บผัก ทำบาร์บีคิว เล่นโยคะ และสร้างชุมชนของเหล่าสมาชิกให้ได้รู้จักและทำกิจกรรมร่วมกัน

“ผมอยากทำให้ที่นี่เป็นที่ที่ไม่ต้องมีพิธีรีตองมาก ทุกคนมาใช้เวลากันได้แบบสบาย ๆ และเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น”

“ตอนนี้การปลูกผักเหมือนเป็นงานอดิเรกของวัยกลางคน” ชินซังยอมรับพร้อมยิ้มเขิน

ความฝันของเขาคืออยากให้ 1 ครอบครัว มี 1 แปลงผัก

แต่บางคนอาจไม่สะดวกมาปลูกผักที่ OHARA FARMY เขาจึงคิดธุรกิจใหม่ คือการออกแบบฟาร์มผักในบ้านให้สวยน่านั่งและกินได้ โดยเขาจะสอนเทคนิคการปลูกผักให้ด้วย 

“แทนที่จะเป็นสวนดอกไม้ในบ้านก็ทำให้เป็นสวนที่กินได้ ในชนบทของญี่ปุ่นมีบ้านที่ถูกทิ้งไว้มากมาย เราเปลี่ยนพื้นที่เหล่านั้นให้เป็นแปลงผักที่ใกล้เมืองมากขึ้น ใกล้คนมากขึ้นได้ และต่อไปจะมีบริการออกแบบสวนผักบนดาดฟ้าด้วย” ชินซังเล่าอย่างภาคภูมิใจ

ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอย่างเคยชินจนอาจหลงลืมสัญชาตญาณและความจริงบางอย่าง 

เราได้เห็นการเคลื่อนไหวเรื่องการนำศาสนาออกจากวัด เพื่อให้เข้าใกล้ชีวิตผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ แปรผันตรงกับสภาวะความสับสนที่ผู้คนต้องเผชิญ

หนทางนี้อาจเป็นทางออกให้ ‘ธรรมะ’ กลายเป็นเรื่อง ‘ธรรมชาติ’ ที่ทำให้คนเข้าใจความ ‘ธรรมดา’ ของสรรพสิ่งรอบตัวมากขึ้นก็เป็นได้

ชินซังแห่ง OHARA FARMY อดีตนักบัญชี ทายาทพระเซน ผู้เอาธรรมะมาเล่านอกวัดและชวนคนปลูกผักกินเอง

Website : farmyproject.com

Writer & Photographer

พิชญา อุทัยเจริญพงษ์

พิชญา อุทัยเจริญพงษ์

อดีตนักโฆษณาที่เปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักเล่าเรื่องบนก้อนเมฆ เป็นนักดองหนังสือ ชอบดื่มกาแฟ และตั้งใจใช้ชีวิตวัยผู้ใหญ่ไปกับการสร้างสังคมที่ดีขึ้น