‘Neighborhood’ สถานที่แฮงก์เอาต์ย่านช้างม่อย กำลังจะเป็นหมุดหมายใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ หากให้นิยามสั้น ๆ คงต้องเรียกที่นี่ว่า Community Mall ที่รวมทุกอย่างครบจบในพื้นที่ ตั้งแต่ร้านกิน-ดื่ม บาร์ พื้นที่เวิร์กช็อป ไปจนถึงพื้นที่ให้ผู้คนมานั่งเล่นชิลล์ ๆ ราวกับอยู่บ้านเพื่อน
“ตอนแรกที่เข้ามารีโนเวตตึกนี้ เพื่อนบ้านเขาไม่เข้าใจว่าเรากำลังจะทำอะไร เพราะไม่มีใครเคยทำมาก่อน จนกระทั่งเขาเห็นภาพจริง จึงค่อย ๆ เริ่มเข้าใจ” เจมส์มี่ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Neighborhood เล่าให้ฟังว่าย่านช้างม่อยในความทรงจำของเขา คือภาพของคาเฟ่ ร้านขายอุปกรณ์จากหวาย และศูนย์รวมกลิ่นอายวัฒนธรรมล้านนา ซึ่งการเกิดขึ้นของสถานที่แห่งนี้กำลังแต่งแต้มสีสันใหม่ ๆ ให้กับย่านช้างม่อย
นี่คือเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ 6 คนที่รวมตัวกันสร้างพื้นที่แฮงก์เอาต์ในย่านการค้าเก่าแก่
เพื่อนบ้านย่านช้างม่อย
เมื่อพูดถึงเชียงใหม่ หลายคนคงนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างย่านนิมมาน ย่านท่าแพ อ่างแก้ว หรือสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างม่อนแจ่มหรือดอยอินทนนท์ แต่ยังมีอีกย่านที่กำลังเติบโตทีละน้อย ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้าเล็ก ๆ เริ่มเข้าไปแต้มสีสันให้ถนนเมืองเก่าสายนี้
ย่านช้างม่อย เป็นย่านที่ผสมผสานวัฒนธรรมเก่าล้านนาเข้ากับวัฒนธรรมร่วมสมัย ย่านนี้จึงเป็นศูนย์รวมความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นพื้นที่ของคนท้องถิ่นที่อยู่ร่วมกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ด้วยความหลากหลายของวัฒนธรรมและผู้คน ทำให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเปิดกิจการ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมถึงการรวมกลุ่มของเพื่อน 6 คนที่กลับบ้านเกิดมาสร้าง Community Mall ในย่านนี้
“จุดเริ่มต้นอาจตลกนิดหนึ่งนะครับ” เจมส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง เปรยพร้อมเสียงหัวเราะ ก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาจับพลัดจับผลูได้ไอเดียดี ๆ และเห็นโอกาสในการสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่นี้
“เพื่อนของคุณพ่อกลับมาจากสหรัฐอเมริกาพอดี เขาอยากหาที่เปิดร้านกัญชาที่เชียงใหม่ ทางผมก็เลยช่วยหาพื้นที่สำหรับเปิดร้าน จนจับพลัดจับผลูได้เจอกับพื้นที่ตรงนี้จากการคุยกับรุ่นพี่ที่ผมเคารพ
“ผมเห็นพื้นที่ตรงนี้เลยเกิดไอเดียว่าน่าจะทำได้มากกว่าเปิดร้านกัญชา”
หลังจากเขาเห็นพื้นที่ซึ่งน่าสนใจก็มานั่งตกตะกอนว่าพื้นที่นั้นเป็นอะไรให้กับย่านช้างม่อยได้บ้าง เขาใช้เวลาอยู่พักหนึ่งจนได้ผลลัพธ์ว่าพื้นนี่ตรงนั้นควรเป็นพื้นที่ที่ให้คนมาแฮงก์เอาต์ มีร้านอาหาร เครื่องดื่ม และเวิร์กช็อป ให้คนมีกิจกรรมทำกันเพลิน ๆ กลายเป็นไอเดีย Community Mall
หลังจากนั้นเจมส์ก็ชักชวนเพื่อนให้มาทำโปรเจกต์น่าสนุกนี้ด้วยกัน มีผู้ร่วมเดินทางไปกับเขาอีก 5 คน Neighborhood จึงเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง และมีหัวใจหลักของการทำบ้านหลังใหม่นี้ร่วมกัน
“ผมต้องการสร้างพื้นที่ให้ผู้คนมาเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ร่วมสมัยและสนุกขึ้น ซึ่งยังคงความเป็นรากเหง้าของช้างม่อยไว้ อยากให้เป็นศูนย์รวมผู้คนทุกรูปแบบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะคนเมือง คนต่างเมือง ต่างชาติ คนต่างวัฒนธรรม ภารกิจของเราคือการกระตุ้นวิสัยทัศน์ใหม่ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และประสบการณ์ทางวัฒนธรรม แต่ยังกลมกลืนกับชุมชนโดยรอบ” เจมส์มี่อธิบาย
พื้นที่เดิมเป็นอาคารบ้านเก่า 3 ชั้น 3 คูหา เดิมทีชั้นล่างของตึกนี้คล้ายว่าเป็นร้านขายเครื่องเขียนเก่า แต่เมื่อลูกหลานเติบโตจึงย้ายครอบครัวออกไป ตึกนี้จึงกลายเป็นตึกเก่าที่ไม่มีคนอยู่อาศัยมาหลายสิบปี การก่อสร้างครั้งนี้จึงพยายามอนุรักษ์โครงสร้างของอาคารไว้ให้มากที่สุด
กลิ่นอายบ้านเก่าเคล้ากับวัฒนธรรมบนถนนการค้าอย่างช้างม่อย ทำให้ผู้มาเยือนอบอุ่นเหมือนแวะมาเที่ยวบ้านเพื่อน และพวกเขาทั้ง 6 คนก็ต้อนรับแขก ประหนึ่งว่าเป็นเพื่อนบ้านกันจริง ๆ
“เราเรียกลูกค้าทุกคนว่าเพื่อนบ้าน เดิมทีเรามีชื่อไทยว่า ‘เพื่อนบ้านย่านช้างม่อย’ ” เจมส์กับเจมส์มี่เล่าให้ฟังอีกว่ากว่าจะได้ชื่อ Neighborhood มีชื่อที่คิดไว้หลายสิบชื่อ เป็นเรื่องยากที่จะหาชื่อให้ตรงคอนเซปต์ความเป็น ‘เพื่อนบ้าน’ คำว่า Neighborhood เป็นคำแรกที่พวกเขานึกถึง แต่ก็ปัดตกเพราะเป็นคำทั่วไป แต่ท้ายที่สุดคำนี้ก็นำมาใช้จริงจัง เพราะไม่มีคำไหนตรงคอนเซปต์ที่ได้เท่าคำนี้อีกแล้ว
ความสัมพันธ์ของ Neighborhood และ ผู้มาเยือน จึงเป็นความสัมพันธ์แบบ ‘เพื่อนบ้าน’ จริง ๆ
เพื่อนบ้านร่วมชายคา
“เราอยากลองทำอะไรใหม่ ๆ ให้เชียงใหม่ อยากอัปเลเวลด้วยสิ่งที่เชียงใหม่ไม่เคยมีมาก่อน ผมเลยคิดว่าเราเป็นสถานที่แรกที่ทำอะไรแบบนี้ในเชียงใหม่” เจมส์เกริ่น
อัปเลเวลที่เจมส์ว่า คือรีโนเวตอาคารเก่า 3 ชั้น 3 คูหาด้วยคอนเซปต์ที่เน้น Connecting Space นั่นคือการทำให้พื้นที่ทั้งหมดเชื่อมต่อกัน ตั้งแต่ทางเข้าอาคารที่เป็นโถงโล่งตรงกลาง เดินเข้าไปก้าวแรกก็รู้สึกถึงความโปร่งโล่งสบาย ทว่าอบอุ่นด้วยบรรยากาศอาคารเก่าที่กลมกลืนไปกับชุมชนช้างม่อย
คอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้ยังออกแบบพื้นที่เป็น Free Space ให้อิสระกับผู้เข้ามาเยี่ยมเยียนได้นั่งตามอัธยาศัย ว่าง่าย ๆ คือเหล่าเพื่อนบ้านจะซื้ออาหารและเครื่องดื่มจากร้านใดก็ได้ แล้วนำไปนั่งทานที่ไหนก็ได้ในพื้นที่ ไม่มีจำกัดว่าซื้อร้านไหนต้องนั่งร้านนั้น หากใครอยากซื้อกาแฟมานั่งทำงานทั้งวันก็ย่อมได้ หรือหากใครอยากซื้ออาหารง่าย ๆ มานั่งทานแล้วคุยเล่นกับเพื่อนก็ทำได้ตามสะดวกเช่นกัน
และสถานที่แห่งนี้พร้อมต้อนรับเพื่อนบ้านทุกคนให้เข้ามาใช้ชีวิตตั้งแต่เช้ายันเย็น
ที่นี่มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นโซนร้านน้ำผลไม้ ร้านของทอดสไตล์ Finger Food และร้านอาหารไทย ส่วนชั้น 2 และชั้น 3 เป็นร้านพิซซา ร้านอาหารซีฟู้ด ร้านกาแฟ และบาร์ของ Neighborhood เอง แถมยังมีคราฟต์เบียร์สัญชาติไทย ค็อกเทลบาร์ และโซนเวิร์กช็อป ให้เพื่อนบ้านลองเอนจอยกันด้วยร้านกิน-ดื่มที่พวกเขาคัดสรรมาล้วนเป็นร้านที่มีเอกลักษณ์ ได้แก่ Adirak Pizza, FRYDAY, SO Smoothie, Lua, fatboi, The Green Room, maré seafood, Pop You Up, และ Toast ซึ่งร้านทั้ง 9 นี้มีจุดร่วมเดียวกัน คือ Craftsmanship หมายถึง เจ้าของร้านดูแลทุกส่วนเอง ตั้งแต่ลงมือหาวัตถุดิบ ทำอาหาร ควบคุมเอกลักษณ์ของร้าน เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นร้านที่มีลายเซ็นชัดเจน
โซนเวิร์กช็อป ประเดิมด้วยการพาเหล่าเพื่อนบ้านมานั่งเพนต์กระเป๋า แบรนด์แรกที่คอลแล็บกับ Neighborhood คือ CELLS แบรนด์กระเป๋าผ้าแคนวาสดีไซน์ยูนีกที่เจ้าของแบรนด์เป็นคนเชียงใหม่ ยิ่งย้ำว่าสถานที่แห่งนี้สนับสนุนความสร้างสรรค์ของคนและเมืองได้ชัดเจนจริง ๆ
ชวนเพื่อนบ้านมาบ้านเพื่อน
ระหว่างที่เราคุยกับทีม Neighborhood บ้านหลังนี้เพิ่งทดลองเปิดกันไปได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ทว่ามีลูกค้าบอกกันปากต่อปาก จนเริ่มมีเพื่อนบ้านคนใหม่ ๆ แวะเวียนมามากขึ้น
“ผมว่าการมีอยู่ของ Neighborhood ช่วยเติมเต็มชุมชนและถนนเส้นนี้นะ คนมาเยือนย่านช้างม่อยจะมีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่ง พวกเราอยากให้ที่นี่เป็นหน้าตาของเชียงใหม่ และเป็นหมุดหมายใหม่ให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ให้พวกเขาได้มาทำความรู้จักช้างม่อยด้วย”
เชียงใหม่มี Community Space เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในหลาย ๆ ย่าน แต่ทีม Neighborhood กลับกล้าก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง แล้วกระโดดเข้ามาเติมเต็มโฉมของย่านช้างม่อยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แน่นอนว่าพวกเขาต้องเจอกับอุปสรรคใหม่ ๆ ระหว่างทาง ซึ่งความสุขก็กลายเป็นรางวัลของความมุ่งมั่น
“1 เดือนผ่านไปไวนะ พวกเราภูมิใจที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นพื้นที่ของเพื่อนจริง ๆ พวกเราได้มาทำงานด้วยกัน บางคนไม่ได้เจอกันนาน แต่ก็เห็นเขาแวะเข้ามาที่นี่ ทุกวันนี้ก็มีลุงข้างบ้านใกล้ ๆ กันนี้มานั่งแฮงก์เอาต์ จนไปถึงการได้เจอเพื่อนข้างบ้าน การได้เจอคนใหม่ ๆ มันมีความสุขมากเลย”
มวลความสุขเหล่านี้ทำให้ Neighborhood ไม่ได้อยากเติมเต็มเพียงแค่ย่านช้างม่อย แต่ตั้งใจจะทำให้ที่นี่เป็นอีกเฉดสีใหม่ที่น่าตื่นเต้นและอบอุ่นสำหรับเมืองด้วย เจมส์แอบกระซิบให้เราฟังมาบ้างแล้วว่าในอนาคตพื้นที่แห่งนี้จะพาความสดใหม่แบบไหนมาถึงเมืองเชียงใหม่กันนะ
“เราไม่ได้อยากให้ที่นี่เหมือนสถานที่ปล่อยเช่าหรือฟู้ดคอร์ต แต่เราอยากให้เป็นสถานที่จัดเวิร์กช็อปและอีเวนต์ใหม่ ๆ ตามเทศกาล เพื่อเปิดโลกและกระตุ้นแพสชันดี ๆ ให้คนเชียงใหม่”
นอกจากเวิร์กช็อปและอีเวนต์ที่น่าสนใจแล้ว ยังมี Pop-up Store และนิทรรศการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวย่านช้างม่อย รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนในชุมชนและนักท่องเที่ยว
เวิร์กช็อปและอีเวนต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เป็นการรวมตัวเหล่าศิลปินและนักสร้างสรรค์ในเชียงใหม่ ซึ่ง Neighborhood กำลังจะพาทุกคนไปค้นพบเหล่าเพชรน้ำดีของเมือง
“เราตั้งใจให้สถานที่นี้เป็นพื้นที่โชว์เคสของพวกเขา ถ้าใครไม่มีพื้นที่ปล่อยของ มาที่นี่ได้เลย เราเปิดรับทั้งคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ เพราะเราอยากยกระดับเชียงใหม่ให้ได้มากที่สุดครับ”
สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นแค่พื้นที่รวบรวมร้านกิน-ดื่ม หรือ Public Space แต่เป็น Community Space และ Creative Space สะท้อนไลฟ์สไตล์คนเชียงใหม่ ซึ่งกลมกลืนไปกับย่านอย่างลงตัว
“Neighborhood เป็นพื้นที่รวบรวมเรื่องราวของผู้คน เราไม่ใช่แค่ร้านค้า แต่เป็นคนในชุมชนด้วย และเราอยากให้ทุกคนที่มาเยือนรู้สึกว่าเราเป็นเสมือน ‘เพื่อนบ้าน’ คนหนึ่งของเขา”
