ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไม่มีใครไม่รู้จัก ‘สัมมากร’

เหตุผลที่คนยกย่องก็เพราะเป็นแบรนด์ที่อยู่มายาวนาน สร้างมาตรฐานบ้านคุณภาพดีและยังคงทำโครงการอย่างต่อเนื่อง ค่อยเป็นค่อยไปแต่เข้มแข็งในทุกก้าวที่เลือกเดิน จนมาถึงจุดเปลี่ยนใหม่เพื่ออนาคตที่ดีกว่าขององค์กร

The Cloud เดินทางมาที่สวนขนาดใหญ่ในโครงการ Park Heritage ซอยพัฒนาการ 20 ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้ และนั่งคุยกับ คุณปอย-ณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน)

อดีตมนุษย์ทองคำจากวาณิชธนกิจชื่อดังที่ชื่นชอบเสน่ห์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เชื่อมั่นเรื่องคุณภาพของบ้านที่แข็งแรง และการออกแบบเพื่อบ้านที่เหนือกาลเวลา ณพนมาที่นี่เพื่อเปลี่ยนผ่านองค์กรเก่าแก่ สู่ทีมเวิร์กของคนต่างวัยที่ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยืดหยุ่นมากพอที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลง

แสงอาทิตย์ส่องผ่านกระจกลงมาถึงสระว่ายน้ำกลางบ้านขนาดใหญ่ที่เรานั่งกันอยู่ ทุกอย่างดูสงบ ผ่อนคลาย และเป็นธรรมชาติ เหมือนกับบทสัมภาษณ์พิเศษของผู้บริหารหนุ่มแห่งสัมมากรคนนี้ 

ณพน เจนธรรมนุกูล ผู้บริหารที่ตั้งใจให้ สัมมากร เป็นธุรกิจอสังหาฯ ที่ใช้การออกแบบทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขมากขึ้น
คุณปอย-ณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน)

บริหารงานที่สัมมากรมา 5 ปีแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง

สนุกดี เป็นงานที่ท้าทาย รู้สึกว่าเราได้ทำอะไรที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตพนักงานมาก

ผมเป็นคนชอบเรียนรู้อยู่แล้ว เวลาไปอ่านหรือฟังอะไรมาแล้วคิดว่าปรับใช้กับการทำงานได้ ผมจะทำ ซึ่งเมื่อก่อนเราเป็นลูกจ้างเขา ก็รู้สึกอยากทำอะไรที่ใหญ่หน่อยแต่ก็ไม่ได้ทำ เปลี่ยนแปลงอะไรได้ช้า แต่พอมาเป็นผู้บริหาร อยากจะทำอะไรก็ทำได้เลย หลาย ๆ อย่างก็ดีขึ้น สนุกดีครับ
ผมเรียนรู้ผ่านคอร์สออนไลน์เยอะมาก ทำงานและเรียนทั้งวันเลย เพราะรู้ตัวว่าเราไม่มีประสบการณ์ด้านบริหารธุรกิจและจัดการคนมาก่อน เพราะการบริหารคน เลือกใช้คนเป็นเรื่องสำคัญมาก 

ผมและทีมที่เข้ามาบริหารสัมมากรเป็นทีมใหม่ เราต้องดูแลพนักงานที่ทำงานให้ที่นี่มาก่อน คนใหม่เราก็ต้องเติมเข้ามาด้วย ต้องเรียนรู้กับการจัดการคน เพราะคนที่นี่มีตั้งแต่เบบี้บูมเมอร์ เจนฯ เอ็กซ์ เจนฯ วาย ไปถึงเจนฯ แซดเลย แต่ละคนมีความเคยชินและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน 

อีกเรื่องที่สำคัญคือการสื่อสาร เราต้องไม่แบ่งแยก ปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนกันหมด ผมเชื่อว่าทุกคนมีสิ่งที่สอนคนอื่นได้ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่า ซึ่งต้องทำงานเป็นทีม เกิดส่วนผสมและความร่วมมือระหว่างทีมกันด้วย

ธุรกิจของสัมมากรในสายตาคุณตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้เรากำลัง Develop อยู่ 5 โครงการ และมีโครงการที่เปิดขายอยู่ 10 โครงการ สินค้าของเราจะยืดหยุ่นมากขึ้น ตลาดไหนที่ทำได้ดีอยู่แล้วก็จะทำต่อเนื่องไป แต่ในอนาคตเราอาจเห็นห้องชุด เห็นสินค้าที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นจากสัมมากร 

ทีมการตลาดและพัฒนาธุรกิจของเราเป็นทีมเดียว ผมก็อยู่ในทีมด้วย ผมชอบไปดูโครงการบ้านที่นั่นที่นี่ ไปดูของคู่แข่ง ทำให้เราเห็นการแข่งขันในทุกเซ็กเมนต์ เข้าใจความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากทีมเราไม่ได้ใหญ่มาก ตอนนี้เซ็กเมนต์หลักของเรายังเป็นบ้านอยู่ครับ แต่จากนี้จะเห็นโครงการคอนโดจากสัมมากรเพิ่มขึ้น เราอาจมาทำส่วนค้าปลีกหรือพื้นที่เชิงพาณิชย์ด้วย เรามีทำตลาดอยู่แล้ว 2 แห่ง ก็จะชัดเจนขึ้นครับ

ช่วงนี้ตลาดเจอภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและหนี้ครัวเรือนที่สูง คุณกังวลเรื่องนี้มั้ย

เราได้รับผลกระทบเหมือนคนอื่น ๆ แต่ยังเชื่อว่าบ้านเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการใช้ชีวิต คนที่ตั้งใจก็ยังซื้ออยู่ อาจเลื่อนการตัดสินใจออกไปบ้างแต่ไม่น่าจะนานมาก สัมมากรเน้นทำตลาดคนไทย เป็นกลุ่มที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออาศัยอยู่เองจริง ๆ ซึ่งก็ยังไปได้ดี

ในการทำงาน ผมเน้นเรื่องประสิทธิภาพก่อนเลย ต้องทำให้การทำงานเร็วขึ้น ลดขั้นตอนต่าง ๆ ลง ต้องไปช่วยให้พนักงานทำงานง่ายขึ้น ยืดหยุ่น เราทำเรื่องนี้กันต่อเนื่องตลอดปี เวลาเจอปัญหา เราต้องไม่ยอมถอยง่าย ๆ ไม่รู้สึกแพ้หรืออ่อนแอ และคนในองค์กรจะเข้มแข็งขึ้นเมื่อก้าวผ่านปัญหา 

เวลาเจอวิกฤต เราจะกลัวก่อนเพราะไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แต่ถ้าตั้งสติและมองดูดี ๆ องค์กรที่ผ่านวิกฤตมาได้เขาเติบโตแบบก้าวกระโดดเลย เราก็เอาวิธีคิดนี้มาปรับใช้เหมือนกัน ผมเองคาดหวังให้สัมมาการก้าวต่อไปได้อย่างแข็งแรง ไปต่อได้อีก 100 ปีด้วยซ้ำ 

ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2565) คุณเคยบอกว่าเปลี่ยนองค์กรไปได้ 30% แล้วปีนี้คิดว่าเปลี่ยน ‘สัมมากร’ ไปได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว

คิดว่า 70% แล้วครับ 

เยอะเหมือนกันนะ วัดจากอะไร

ตอนนี้ผมรู้สึกดีมากว่า แม้ผมไม่อยู่ การทำงานของคนในองค์กรก็เดินหน้าต่อไปได้อย่างที่ต้องการ ทุกคนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ยืดหยุ่น ยอมรับผิด ช่วยกันแก้ไขปัญหา ไม่มีใครโทษใคร ส่วนตัวผมไม่ชอบการทำงานแบบเป็นไซโลของใครของมันอยู่แล้ว หน้าที่แต่ละแผนกก็ทำของตัวเองไป แต่แต่ละทีมก็ต้องช่วยกันได้ ยุ่งกันได้ด้วย

ณพน เจนธรรมนุกูล ผู้บริหารที่ตั้งใจให้ สัมมากร เป็นธุรกิจอสังหาฯ ที่ใช้การออกแบบทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขมากขึ้น

คุณค่าหลักของสัมมากรคืออะไร

ผมว่าตลอด 50 ปีที่ผ่านมาเราได้รับความเชื่อมั่นเรื่องคุณภาพมาโดยตลอด เรื่องนี้เราก็ต้องทำให้ดีเยี่ยมต่อไป ต้องทำให้สัมมากรเป็นแบรนด์ที่เชื่อถือได้ 

การจะสร้างบ้าน คุณภาพการก่อสร้างที่ดีต้องมาก่อน ต่อมาคือทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า ผมคุยกับลูกค้าที่มาซื้อบ้านที่ Park Heritage ว่าทำไมถึงมาซื้อที่นี่ เขาบอกว่าชอบการออกแบบและเชื่อในประสบการณ์ของสัมมากร คือปัญหาของลูกค้าที่อยู่ในใจของพวกเขาแก้ได้ด้วยการออกแบบที่ดี 

อย่างเรารู้ว่าคนไทยจะถอดรองเท้าที่หน้าบ้านก่อนเข้าบ้าน ก็ต้องมีตู้เก็บรองเท้าไว้ให้เขา หรือบางบ้านก็ต้องการทั้งครัวไทยและครัวฝรั่ง ของครัวไทยเราใช้สเตนเลสทั้งหมด เพราะเข้าใจดีว่าอาหารไทยมีความมัน พื้นผิวต้องทำความสะอาดง่าย เช็ดแล้วก็ยังดูดีเหมือนใหม่ ใช้ไปได้อีก 20 หรือ 30 ปีเลย

คุณปอยนิยามคำว่า ‘บ้าน’ อย่างไร

สำหรับผม บ้านที่ดี คือบ้านที่หลับสบาย สิ่งที่เราต้องใส่ใจอย่างแรกคือโครงสร้างต้องแข็งแรง มีคุณภาพ สอง คือออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพของประเทศไทย อันนี้สำคัญมาก เรารู้ว่าบ้าน 1 หลังคนซื้ออยู่กัน 30 ปี บ้านจะต้องอยู่สบายสำหรับเขาไปในทุกช่วงชีวิต และสาม คือพื้นที่สำหรับคนในบ้าน ทั้งเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบภายในเหมาะกับทั้งการทำกิจกรรมร่วมกัน ใครอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวก็อยู่ได้ ผมมองว่าความหรูหราของบ้านมันลึกซึ้งมาก เป็นเรื่องสุนทรียภาพ อย่างความร่มรื่น พื้นที่สีเขียวเป็นตัวอย่างที่ดีเลย ทุกคนต้องการทั้งนั้น หรือสระว่ายน้ำที่มีให้ในบ้าน ลูกค้าบางคนก็ถามว่าทำไมต้องมี ไม่ใช่ทุกบ้านจะได้ใช้ ผมก็ตอบไปว่ามันไม่ใช่แค่สระว่ายน้ำ แต่เป็นจุดที่เมื่อแสงตกกระทบกับน้ำในสระแล้วสะท้อนเข้ามาในตัวบ้านต่างหาก เราเห็นความเคลื่อนไหวของแสง ให้รู้สึกผ่อนคลายมาก ๆ อันนี้แหละคือสุนทรียภาพ 

ที่นี่ (Park Heritage) ผมอยากทำให้บ้านเป็นเหมือนรีสอร์ต คนอยู่จะรู้สึกเหมือนได้พักผ่อน เกิดความสุข เดินขึ้น-ลงบ้าน เท้าสัมผัสกับหินอ่อนที่โดนแสงส่องเข้ามา ทำให้บ้านน่าอยู่ เป็นความสุขในยามเช้าที่ดีมากเลย

ณพน เจนธรรมนุกูล ผู้บริหารที่ตั้งใจให้ สัมมากร เป็นธุรกิจอสังหาฯ ที่ใช้การออกแบบทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขมากขึ้น
ณพน เจนธรรมนุกูล ผู้บริหารที่ตั้งใจให้ สัมมากร เป็นธุรกิจอสังหาฯ ที่ใช้การออกแบบทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขมากขึ้น

โครงการนี้จับตลาดบนชัดเจน ราคาเริ่มต้น 49 – 90 ล้านบาทเลย กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร

จุดที่เราอยู่คือซอยพัฒนาการ 20 ซึ่งห่างจากทองหล่อ 4 กิโลเมตรเท่านั้นเอง แต่ถ้าเทียบห้องชุดราคา 40 ล้านตรงนั้นกับมาซื้อบ้านตรงนี้ พื้นที่ต่างกันเยอะมาก ผมเชื่อว่าทุกคนอยากได้พื้นที่ที่ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีครอบครัว เขาอยากมีพื้นที่ให้ลูกได้วิ่งเล่น จูงมือลูกเดินชมสวน ซึ่งรายละเอียดแบบนี้บ้านจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า สิ่งที่เรานำเสนอคือคุณขยับออกมาจากใจกลางเมืองอีกนิด แต่ได้พื้นที่ที่ใหญ่ขึ้น มีประสบการณ์และคุณภาพของเวลาครอบครัวที่ดีขึ้น ซึ่งมีตลาดของคนที่ต้องการสิ่งเหล่านี้อยู่

ตอนนี้ใคร ๆ ก็หันมาทำบ้านหลังใหญ่สำหรับตลาดบนกันหมด สัมมากรจะสู้เขาอย่างไร

ข้อดีของเราคือเป็นบริษัทเล็ก การทำงานคล่องตัว ผมต้องดูแบบบ้านทุกหลังเองนะครับ มันเป็นความชอบส่วนตัว สไตล์ของบ้านสัมมากรคือ ‘เหนือกาลเวลา (Timeless)’ เราจะเห็นตัวอย่างจากหลายโครงการที่เขาออกแบบมาโดดเด่น แต่พอผ่านไป 5 – 6 ปี รสนิยมคนก็เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้น ความสวยของเราต้องยั่งยืนด้วย เราจึงเน้นออกแบบบ้านที่ไม่ฉูดฉาดมาก สมดุลไปกับธรรมชาติ จึงอยู่ได้นาน

ยกตัวอย่างเวลาเราไปที่อิตาลี ทำไมตึกบ้านเขามองไปทางไหนก็สวยไปหมดไม่ว่าจะผ่านมากี่ร้อยปี เพราะเขาสร้างด้วยคุณภาพ ใช้หินและการออกแบบที่ดี จึงเหนือกาลเวลา มองกลับมาที่ไทย เรามีสถาปนิกเก่ง ๆ เยอะมาก ผมเชื่อว่าเราเองสู้กับระดับโลกเขาได้เหมือนกัน เหมือนที่สัมมากรได้รับรางวัลจากเวทีระดับนานาชาติอย่าง Asia Pacific Property Awards 2023 – 2024 ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติ สร้างความภาคภูมิใจให้พวกเราเป็นอย่างมาก

มองทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์จากนี้เป็นอย่างไร

อุตสาหกรรมนี้ใหญ่มากครับ มีผู้เล่นทุกระดับตั้งแต่รายใหญ่ถึงรายเล็ก เชื่อว่าทุกคนจะหาจุดที่เป็นพื้นที่ของตัวเอง เมื่อผู้เล่นเยอะ การแข่งขันก็เยอะขึ้นเป็นธรรมดา ทุกวันนี้แข่งกันเรื่องการออกแบบซึ่งเป็นสิ่งที่ดี คนที่ได้ประโยชน์คือลูกค้า แต่ละรายเขาก็พัฒนาจุดขายของเขาขึ้นมาให้เด่นชัด ความต้องการของลูกค้าก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามเทคโนโลยีและตลาด มีหลายแบรนด์ที่หันมาทำบ้านสำหรับตลาดบนเพิ่มขึ้นเพราะมีกำลังซื้อ ถามว่าผมกลัวมั้ย ไม่กลัวครับ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ทุกคนรวมถึงตัวเราจะได้พัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น พยายามจะเอาชนะคู่แข่ง สัมมากรก็ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพโครงสร้าง การออกแบบและพื้นที่สำหรับกิจกรรมในบ้านของผู้อยู่อาศัย

ณพน เจนธรรมนุกูล ผู้บริหารที่ตั้งใจให้ สัมมากร เป็นธุรกิจอสังหาฯ ที่ใช้การออกแบบทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขมากขึ้น

กัปตันทีมชื่อ ปอย ณพน ทำงานแบบไหน

ผมเป็นคนตรงไปตรงมาครับ พยายามแฟร์ให้ได้มากที่สุด ที่นี่เรามีพนักงานหลายช่วงอายุก็จริง เมื่อผมตรงไปตรงมากับพนักงาน ผมก็อยากให้เขาตรงไปตรงมากับผมเช่นกัน 

ที่นี่ไม่ได้มีกรอบอะไรมากขนาดนั้น แต่ผลลัพธ์ก็ต้องทำให้ได้อย่างที่ตกลงไว้ด้วย อย่างเรื่องการทำงานแบบไฮบริด (สลับทำงานที่บ้านกับเข้าออฟฟิศ) ผมเห็นด้วย เราทำกันมานานแล้ว ถ้าให้คนรุ่นใหม่ ๆ เดินทางออกจากบ้านมาทำงานที่สำนักงานใหญ่ตรงรามคำแหงตอน 9 โมงเช้าทุกวัน มันเป็นไปได้ยาก บางตำแหน่งอย่างการออกแบบบ้านหรืองานส่วนอื่น ๆ ทำที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทาง เราเปิดใจกับพนักงานของเรา ถ้าใครคิดว่าการทำงานแบบไฮบริดเหมาะกับพวกเขาก็ทำเลย แรก ๆ ก็มีแรงต้านเหมือนกันว่าจะดีเหรอ จะรู้ได้ไงว่าเขาทำงานหรือเปล่า ผมก็บอกไปว่าเราดูกันที่ผลงานของเขาไม่ดีกว่าเหรอ อะไรที่เปลี่ยนแล้วประสิทธิภาพดีขึ้น คนมีความสุขมากขึ้นก็ควรทำ

ตอนเด็ก ๆ ต้องยอมรับว่าผมมีอีโก้เยอะมาก เป็นผลพลอยได้จากการทำงานสายการเงิน คิดว่าเราเก่งมาก ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือมันก็มีประโยชน์ในการผลักดันเราไปสู่เป้าหมาย แต่ถ้ามีมากแล้วไปเบียดเบียนคนอื่นเราก็จะอยู่ลำบาก พอได้มองตัวเองย้อนกลับมา เราไม่อยากเป็นคนหัวแข็ง มั่นใจในตัวเองสุด ๆ โดยไม่สนคนอื่น เพราะชีวิตเป็นของเรา มันเลือกได้ ช่วงหลัง ๆ พอได้ศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้งก็ช่วยขัดเกลาจิตใจให้อยู่แล้วสบายกาย สบายใจ

สิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากโลกของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คืออะไร

ธุรกิจนี้ทำกันตั้งแต่การซื้อที่ดิน พัฒนาโครงการ จัดสรรทรัพยากร แรงงาน ไปจนถึงดูแลลูกบ้าน เราติดต่อกับซัพพลายเออร์เยอะมาก มีหลายรูปแบบ ทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง ตัวแทนขายสินค้า มีรายละเอียดและเรื่องให้จัดการเต็มไปหมด แต่ก่อนตอนยังทำวาณิชธนกิจ ผมทำแค่การบริหารจัดการลูกค้าว่าทำอย่างไรเขาถึงจะเชื่อสิ่งที่เราพูดในกลุ่มคนเล็ก ๆ แต่พอมาทำอสังหาริมทรัพย์ มันใหญ่ขึ้นเยอะเลย ถือว่าท้าทายมากครับ

คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่าชอบอ่านหนังสือ ผู้บริหารเวลาน้อยอย่างคุณอ่านหนังสืออย่างไร

เมื่อก่อนเคยได้ยินคนพูดกันว่าปีปีหนึ่งเราควรอ่านหนังสือให้ได้ 100 เล่ม อ่านเยอะแล้วจะประสบความสำเร็จ ผมว่าเหมือนการแข่งขันหรือว่าบลัฟกันไปหน่อย ถ้าคิดแบบนั้นจะทำให้คนรีบอ่านหนังสือเพื่อเน้นตัวเลข อ่านจบเล่มหนึ่งก็คิดว่าเราเก่งแล้ว อ่านจบเล่ม ผมคิดว่ามันไม่ได้อะไรถ้าคุณอ่านแล้วไม่เอากลับมาปรับความคิดและชีวิตของตัวเอง

เวลาผมเจอหนังสือดี ๆ สักเล่ม ผมจะใช้เวลากับมันนาน ๆ จดโน้ตลงไปด้วยว่าอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร แบบนี้จะเป็นประโยชน์กับผมมากกว่า ผมว่าปีหนึ่งมีหนังสือที่เปลี่ยนชีวิตผมไม่กี่เล่มหรอกครับ ซึ่งผมว่ามันโอเคเลย

ณพน เจนธรรมนุกูล ผู้บริหารที่ตั้งใจให้ สัมมากร เป็นธุรกิจอสังหาฯ ที่ใช้การออกแบบทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขมากขึ้น

10 Things you never know

about Napon Janetumnugul

1.  วันหนึ่งคุณประชุมกี่นัด

เท่าที่พนักงานจะต้องการผมเลยครับ เคยมากที่สุด 10 กว่าประชุมต่อวัน บางคนต้องโทรคุยสัก 15 นาที บางคนต้องนั่งประชุมด้วยครึ่งชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมงเลย สำคัญคือประชุมแล้วงานต้องเดินต่อไปได้

2.  คุณคิดอย่างไรที่กูรูหลายคนบอกว่าโลกเราทุกวันนี้มีประชุมเยอะเกินไป

เห็นด้วยครับ เขาเรียกว่าการประชุมที่ไม่จำเป็น ผู้บริหารระดับโลกหลายคนใช้วิธีเขียนอีเมลส่งให้ผู้ถือหุ้นและพนักงานอ่านก็พอแล้ว บางประชุมควรเป็นอีเมล บางประชุมไม่ควรตั้งเวลาไว้ที่ 1 ชั่วโมง

3.  คุณทำตัวอย่างไรเวลามีคนมาบอกว่าเป็นผู้บริหารหนุ่มหล่อ 

(หัวเราะ) ผมไม่ได้เสียใจที่เขาพูดแบบนั้นนะครับ ดีใจครับ

4.  เป็นคนเพื่อนเยอะหรือเปล่า

ผมเป็นอินโทรเวิร์ตครับ เพื่อนไม่ได้เยอะ มีแค่เพื่อนสนิทไม่กี่คน ซึ่งคิดว่าเพียงพอสำหรับชีวิตแล้วครับ ถ้ามีเพื่อนเยอะ ๆ เราก็ดูแลและใช้เวลากับเขาไม่ไหว

5.  เรื่องแปลก ๆ ของณพนที่คนไม่ค่อยรู้คืออะไร 

ผมว่าทุกคนมีความเป็นตัวของตัวเอง เขาก็เป็นเขา เราก็เป็นเรา เหมือนอย่างที่เราเห็นในหนัง จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว คือเขาบอกว่าทุกคนคือมนุษย์ต่างดาวที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ เวลาเจอคนที่ถูกใจหรือคล้ายกัน เราก็จะรู้สึกว่ามาจากดาวดวงเดียวกัน อยู่ด้วยกันได้ แต่เวลาเจอคนที่ไม่เหมือนเราก็มองเขาว่าเป็นตัวประหลาด ทั้งที่แต่ละคนก็มีความแปลกในตัว และทุกคนก็เป็นเอเลียนเหมือนกันหมด อย่าไปแบ่งแยกหรือมองว่าใครแปลกเลยครับ

6.  ชอบเที่ยวภูเขาหรือทะเล

ไปได้ทุกที่เลยครับ อยู่ที่ไปกับใคร ไปกับคนที่เรารัก ครอบครัว เพื่อนฝูง ส่วนตัวผมชอบน้ำเลยอยากไปทะเลมากกว่า เห็นน้ำเคลื่อนไหวแล้วรู้สึกดี

7.  ดื่มกาแฟหรือเปล่า

ผมชอบรสชาติและกลิ่นของกาแฟครับ แต่ไม่ถูกกับคาเฟอีนเท่าไหร่

8.  ชอบทำงานกลางคืนหรือตอนเช้า 

 ผมนอนเร็ว ตั้งแต่ 4 ทุ่มนิด ๆ ผมไม่ชอบทำอะไรตอนกลางคืน มักจะตื่นมาทำตอนเช้ามากกว่า

9.  สิ่งแรกที่ทำเมื่อตื่นนอนคืออะไร

ส่งผ่านความเมตตาออกไปครับ เป็นการปรารถนาให้เราและคนอื่น ๆ มีความสุข ผมว่าเป็นการปรับพลังงานหลังตื่นนอนที่ดีมาก ตอนผมไปบวชได้เรียนรู้อะไรมาเยอะมาก เราอยากให้คนรอบข้างมีความสุข ไม่เบียดเบียนกัน

10.  ผู้บริหารบริษัทบ้านเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยหรือเปล่า

เชื่อครับ ผมว่าฮวงจุ้ยเป็นการไหลเวียนของพลังงาน เมื่อเราวางสิ่งที่ควรวางอยู่ในจุดที่เหมาะสม ทำให้สะดวกและสบาย ตัวอย่างง่าย ๆ คือเรื่องการวางเตียงไว้หน้าประตู เราเองก็รู้สึกไม่ปลอดภัย ใครจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จิตมันกังวล ฮวงจุ้ยเป็นเรื่องสมดุล อย่างโครงการของสัมมากรก็สร้างตามหลักของฮวงจุ้ยด้วยนะครับ

Writer

มนต์ชัย วงษ์กิตติไกรวัล

มนต์ชัย วงษ์กิตติไกรวัล

นักข่าวธุรกิจที่ชอบตั้งคำถามใหม่ๆ กับโลกใบเดิม เชื่อว่าตัวเองอายุ 20 ปีเสมอ และมีเพจชื่อ BizKlass

Photographer

Avatar

วรุตม์ ไฉไลพันธุ์

เมื่อก่อนเป็นช่างภาพหนังสือเดินทาง ปัจจุบันเป็นช่างภาพกักตัวครับ