三つ子の魂百まで 

จิตวิญญาณของเด็ก 3 ขวบจะยังคงอยู่ตราบจน 100 ปี 

เมื่อได้เห็นสุภาษิตญี่ปุ่นนี้ ทำให้เราคิดวางแผนพาลูกย้ายจากประเทศไทยไปที่จังหวัด Nagano ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของสามี เพราะเราอยากให้ลูกได้เติบโตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่อุดมด้วยธรรมชาติของจังหวัดนี้ และมีสุขภาพแข็งแรง 

หลังจากตัดสินใจ ครอบครัวของเราก็ย้ายถิ่นฐานไปยังจังหวัด Nagano โดยระหว่างปรับตัวเพื่อให้ใช้ชีวิตและเลี้ยงลูกในญี่ปุ่นได้อย่างราบรื่น เราต้องไปเรียนภาษาญี่ปุ่นและพาลูกไปฝากเนิร์สเซอรีใกล้บ้าน 

เมื่อไปถึง เราเจอคุณครูยื่นใบสัมภาษณ์ผู้ปกครองมาให้เขียนตอบคำถาม และมีการพูดคุยแนะนำตัวเองกันสั้น ๆ 

ตัวอย่างคำถามที่เราเจอ คือพาลูกไปสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ที่บ้านมีของเล่นกี่ชิ้น และสภาพแวดล้อมในอุดมคติที่เหมาะสมกับการเลี้ยงดูเด็กเป็นอย่างไรบ้าง

เรายื่นกระดาษส่งคืนครู ครูอ่านและอธิบายว่าเนิร์สเซอรีและโรงเรียนอนุบาลในจังหวัด Nagano มีแนวคิดการเรียนการสอนร่วมกันคือ ‘Yamahoiku’ (Yama = ภูเขา Hoikuen = เนิร์สเซอรี) หรือ ‘Natural Childcare’ เป็นการเลี้ยงดูเด็กตามธรรมชาติ โดยให้ธรรมชาติเป็นโรงเรียนของเด็กนั่นเอง 

จังหวัด Nagano มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่น โดย 78% เป็นพื้นที่ของป่าไม้ มีภูเขาสูงรายล้อมกอดเมืองเอาไว้ เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์สวยงามตลอดทั้ง 4 ฤดูกาล Yamahoiku จึงเป็นแนวทางการดูแลเด็กและการเรียนรู้ที่ผสมผสานกิจกรรมนอกห้องเรียนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยใช้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่จังหวัดนี้มีอย่างอุดมสมบูรณ์ เช่น ป่า ภูเขา ทุ่งนา และแม่น้ำ 

แม้ว่าจะไม่มีของเล่น แต่เด็ก ๆ จะมีพลังความคิดสร้างสรรค์ในการประดิษฐ์คิดหาวิธีเล่นด้วยตัวเองได้ และมีร่างกายแข็งแรงไปพร้อมกับสุขภาพจิตที่ดี โดยปัจจุบัน (เดือนพฤศจิกายน ปี 2023) มีโรงเรียนในจังหวัด Nagano เข้าร่วมแนวการเรียนการสอนนี้ถึง 298 แห่ง และมีจำนวนองค์กรสนับสนุนการเลี้ยงดูเด็กในจังหวัดเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย

ตัวอย่างกิจกรรมที่โรงเรียนพาทำนั้นจะแบ่งตามช่วงวัยและฤดูกาล ตัวอย่างเช่น คุณครูจะพาไปเดินเล่นสวนสาธารณะใกล้โรงเรียนเพื่อสำรวจธรรมชาติรอบสวน เก็บหิน ใบไม้ ดอกไม้มาสังเกตดู พาไปฝึกเดินเส้นทางเนินเขาแบบง่าย ๆ ขุดดินหาไส้เดือน นั่งสังเกตเจ้าแมลงตัวเล็ก ไปแม่น้ำ เดินสำรวจธรรมชาติริมน้ำ ฝึกตกปลา ห่อข้าวจากบ้านมานั่งปิกนิกที่สวน ทัวร์สวนผลไม้เพื่อเรียนรู้การกินอาหารตามฤดูกาล ปลูกผัก ปลูกดอกไม้ เก็บเกี่ยวพืชผักผลไม้ที่ปลูกเองมาทำเมนูง่าย ๆ ด้วยกัน ไปเยี่ยมชมทุ่งนา สวนผักของเกษตรกรในเมือง ทำงานประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติที่เก็บได้จากข้างโรงเรียน เข้าป่าหาวัสดุมาช่วยกันสร้างฐานทัพลับ เยี่ยมชมร้านค้าชุมชน ช่วยกันโกยหิมะ ปั้นตุ๊กตาหิมะที่สนามหน้าโรงเรียน ฯลฯ น่าสนุกจนขนาดเราเป็นผู้ใหญ่ยังอยากไปเล่นด้วยเลยค่ะ 

เด็กเล็กเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ผ่านการเล่น เมื่อได้รับประสบการณ์ทางธรรมชาติจากการสัมผัสต้นไม้ ดอกไม้ และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ตั้งแต่เล็ก จะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งห้าให้ทำงานได้อย่างเฉียบแหลม เด็ก ๆ จะเกิดความตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น เพราะได้รับแรงบันดาลใจมากมายจากการได้สัมผัสธรรมชาติโดยตรง พวกเขาจะตระหนักถึงความสำคัญของอาหารที่กินและรู้จักคุณค่าของการมีชีวิต มีหัวใจที่อยากรักษาสัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติให้เติบโตต่อไป มีจิตใจอ่อนโยน อารมณ์คงที่ และรู้จักวางแผนจัดการอารมณ์ตัวเองได้ 

การได้วิ่งออกไปสำรวจพื้นที่ รวมถึงปีนป่ายต้นไม้ ยังช่วยส่งเสริมทักษะการออกกำลังกายและสร้างความมั่นใจให้กับตัวเด็ก ช่วยให้พวกเขาพัฒนาทักษะการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้น โดยโรงเรียนจะให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อม เพราะเด็กแต่ละคนมีบุคลิกหลากหลาย จึงสมควรเติบโตในแบบที่เหมาะกับตัวเอง เด็ก ๆ จะได้รับการสอนให้สื่อสารกับเพื่อนอย่างเข้าใจ ยอมรับความแตกต่าง และเห็นคุณค่าของกันและกันค่ะ

การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราสัมผัสได้ คือเราได้เห็นลูกเพลิดเพลินสนใจอยากรู้จักธรรมชาติรอบตัวเพิ่มมากขึ้น เขาค่อย ๆ ใช้เวลาในการเดินสำรวจต้นไม้ ใบหญ้า สิ่งเล็กจิ๋วภายในสวนสาธารณะ และนำมันกลับมาให้แม่ดูด้วย จำชื่อดอกไม้ได้ สนใจสัตว์ต่าง ๆ บางครั้งเราเห็นเขานั่งมองแมลงเต่าทองเดินแล้วยิ้ม ๆ โกยใบไม้ร่วงมากองรวมกันแล้วโปรยเล่น 

เวลาพาไปเดินเล่นข้างลำธาร เขาก็ชวนแม่ถอดรองเท้านั่งแช่ขาในน้ำด้วยกัน สนใจส่วนประกอบอาหารในจานแต่ละมื้อและตั้งใจกินจนหมด 

และเมื่อออกไปพบเจอผู้คนใหม่ ๆ ลูกของเรามักจะส่งยิ้ม โบกมือทักทายพวกเขา หรือวิ่งเข้าไปเล่นกับเพื่อนวัยใกล้เคียงกันได้อย่างสดใสร่าเริง เป็นมิตรสุด ๆ 

นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์น่ารักใจฟูอีกมากมายที่สะท้อนว่าเขาสนุกกับธรรมชาติรอบตัว จนเหมือนว่าธรรมชาติกลายเป็นส่วนหนึ่งของหัวใจเขาไปแล้ว ในสภาพแวดล้อมที่เด็ก ๆ เล่นได้อย่างอิสระสบายใจ และสร้างสรรค์ของเล่นขึ้นมาจากของที่หาได้รอบตัว เช่น ใบไม้ หิน ลูกโอ๊ก ฯลฯ ทำให้เราเห็นว่าโลกแห่งจินตนาการของเด็กกว้างใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเรายังตามไม่ทันเลยล่ะค่ะ

การเลี้ยงดูเด็กท่ามกลางธรรมชาติช่วยให้เด็กมีจิตใจแข็งแรงสมบูรณ์ และไม่เพียงแค่ตัวเด็ก แต่ผลลัพธ์ยังขยายไปถึงพ่อแม่อีกด้วย ตัวเราเองก็ได้รับพลังงานเหล่านั้นกลับมาเช่นกัน 

การได้ย้ายมาใช้ชีวิตใหม่ที่นี่ทำให้ทุกคนในบ้านของเราได้จับมือเติบโตไปพร้อมกัน ในเมืองที่ทุกคนร่วมมือร่วมใจดูแลเด็กผู้เป็นอนาคตของเมือง เป็นเรื่องดีมาก ๆ เลย

Writer & Photographer

Avatar

ช่อไพลิน โคบายาชิ

ช่างภาพและแม่บ้านญี่ปุ่นฝึกหัด Facebook : สะใภ้โคบายาชิ Instagram : Chopailin