“ผ้าทุกผืนของ Mantra Crafts เป็นเทคนิคเฉพาะที่หาจากไหนไม่ได้บนโลกนี้”
ไม่เกินจริงกับคำบอกเล่าของ เนย-ไวริญญ์ ม้าทอง ลูกสาวของ แอม-มินตรา ม้าทอง เจ้าของแบรนด์ที่ลงทุนบินไปเรียนรู้การย้อมครามถึงประเทศอินเดีย เทคนิคชิโบริขั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่น หวนกลับมาให้ความสำคัญกับครามไทยถึงจังหวัดสกลนคร เพื่อนำเทคนิคทั้งหมดมาพัฒนาผ้าไปพร้อมกับผู้คนในชุมชนและชูของดีจังหวัดอย่าง ‘ฝ้ายเข็นมือเมืองเลย’
จนมันตราคิดค้นการมัดย้อมยกดอกที่รวมการทอ สอย มัด และย้อม ในผืนเดียวกัน เป็นเทคนิคเดียวในไทยและในโลก ไม่เพียงแต่การมัดย้อมยกดอกที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ผ้าทุกผืนเกิดจากการย้อมด้วยสีธรรมชาติ สีของผ้าสดเด่นไม่เหมือนใคร และมอบกลิ่นหอมของสมุนไพรให้ทุกการสัมผัสน่าจดจำ ทั้งยังสนับสนุน Slow Fashion ในทุกกระบวนการผลิต
ผืนผ้าจากฝีมือและหัวใจของผู้หญิงจังหวัดเลย พร้อมถักทอเรื่องราวแห่ง Mantra Crafts ให้ทุกคนต้องมนตราพร้อมกัน

จุดเริ่มต้นไร้พรมแดน
“เราชอบสะสมผ้าเก่า ผ้าพื้นเมือง ผ้าซิ่น ผ้าไหมต่าง ๆ สะสมไว้ค่อนข้างเยอะ และมีโอกาสไปท่องเที่ยว จนได้เจอกับเพื่อนที่เป็นดีไซเนอร์อยู่ที่ต่างประเทศ เขาชวนไปเรียนเรื่องสีธรรมชาติ” คุณแม่เกริ่น ทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม Mantra Crafts ถึงเต็มไปด้วยมนตรามากมาย เพราะฝ้ายทุกใย ผ้าทุกผืน เริ่มต้นมาจากความรักของเจ้าของแบรนด์
จากความชอบสะสมผ้า จึงอยากไปศึกษาถึงแหล่งกำเนิด แอมตัดสินใจไปเรียนรัฐคุชราต ประเทศอินเดีย แม้เธอต้องอยู่ท่ามกลางทะเลทรายก็ไม่ใช่อุปสรรค แลกกับการได้คลุกคลีอยู่ในหมู่บ้านที่สืบทอดการทำสีธรรมชาติมากว่า 500 ปี จนเห็นเทคนิคการใช้สีธรรมชาติที่แตกต่างจากบ้านเรา สีธรรมชาติของอินเดียสวยสด เน้นความชัดเจนของเม็ดสี และมีเทคนิคการมัดเฉพาะตัว เรียกว่า บันดานี (Bandhani) คือการมัดหรือผูกผ้าให้เป็นจุดเล็ก ๆ ต่อกันด้วยการใช้เล็บจิกผ้า แล้วมัดด้วยด้ายเพื่อสร้างลวดลายบนผืนผ้า
แต่แปลก อินเดียขึ้นชื่อเรื่องสีธรรมชาติ แต่สิ่งที่ขาดหายไปกลับกลายเป็นครามธรรมชาติ เมื่อดูถึงถิ่นกลับพบเพียงไหเก่า โรงครามเก่า “เราหวนกลับมาคิดว่า บ้านเรามีขุมทรัพย์อย่างครามธรรมชาติเยอะมาก ทำไมไม่หันกลับมาสนใจเรื่องคราม หรือทำให้มีคุณค่ามากขึ้น” แอมตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่า ถ้ากลับมาจะมาทำฟาร์มเลี้ยงครามให้ได้ วันนั้นเป็นแค่ความตั้งใจ แต่วันนี้กลายเป็นความจริง
การได้เห็นอีกหนึ่งมิติที่น่าอัศจรรย์ของผ้า เป็นเรื่องใหม่สำหรับแอม ณ ตอนนั้น ความชอบความหลงใหลจึงไม่ได้หยุดอยู่แค่ดินแดนภารตะ หลังจากเก็บไอเดียเรื่องสีธรรมชาติใส่กระเป๋าข้ามทวีปกลับมาจากอินเดีย แอมตัดสินใจบินลัดฟ้าไปศึกษาเรื่องผ้าจริงจังอีกครั้งที่ประเทศญี่ปุ่น จนเจอกับเทคนิคที่ตอบตัวเองว่าใช่!
การไปญี่ปุ่นครั้งนี้ทำให้แอมรู้จักกับ ‘ชิโบริ’ เทคนิคการสร้างลวดลายลงบนผ้าโดยผสมผสานการมัด รัด พับ ผูก ไว้ในผืนเดียว และกั้นส่วนนั้น ๆ เพื่อไม่ให้ติดสี เทคนิคนี้จุดประกายไอเดียในการสร้างชิ้นงานแบบผสมผสานของผ้าฝ้ายเมืองเลย และไม่มีอะไรมาหยุดแพสชันของเธอได้ เมื่อกลับมาที่ไทย แอมเดินทางไปหาความรู้เรื่องครามต่อที่จังหวัดสกลนคร จังหวัดแพร่ เพื่อดูการทำผ้ามัดย้อมของแต่ละหมู่บ้าน ไปพูดคุยกับชาวบ้าน ร่ำเรียนกับเหล่าอาจารย์ฝีมือฉมัง และจดสูตรทั้งหมดที่ได้จากการตระเวนทั่วไทยมาพัฒนา และเริ่มต้นทำสูตรผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติแบบฉบับมันตรา
“เราจะทำสีธรรมชาติที่เรียนมาและใช้สีธรรมชาติของบ้านเรา เพราะเราอยากอนุรักษ์เรื่องคราม” แอมย้ำ


เลยหลงรักฝ้ายเมืองเลย
“พอศึกษาเรียนรู้จนทำได้ก็กลับมาเริ่มทำที่บ้าน ตอนเริ่มใหม่ ๆ ก็มองหาวัสดุว่าจะเอาอะไรมาทำดี จนมาเจอผ้าท้องถิ่นของจังหวัดเลย เป็นผ้าฝ้ายเข็นมือ เนื้อผ้าค่อนข้างหนา ปกติเขาไม่เอามัดย้อมกัน แต่เราลองเอาผ้าของจังหวัดเลยมามัดย้อมดู พอเอามาทำแล้วมันได้เท็กซ์เจอร์ที่สวยงาม เราเลยตัดสินใจว่าจะใช้ผ้าท้องถิ่นเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์” คุณแม่เล่าของดีเมืองเลย
ผ้าฝ้ายเมืองเลยเป็นฝ้ายเข็นมือ มีลักษณะเด่นคือหนานุ่มดุจห่มสำลี เนื้อผ้าขึ้นฟู อบอุ่นแต่สบายเมื่อสวมใส่ อีกทั้งความไม่เรียบเนียนของพื้นผิวบนผ้านั้น เป็นเสน่ห์ที่หาไม่ได้จากผ้าถิ่นอื่น ๆ ทำให้ผ้าผืนโปรดมอบมิติล้ำค่าในทุกเส้นใย
“ฝ้ายเมืองเลยใส่หน้าร้อนก็เย็นสบาย หน้าหนาวก็อุ่น ความแตกต่างคือตรงนี้ แล้วก็การเข็นมือทั้งพุ่งทั้งยืน ทำให้ผิวสัมผัสของผ้าสวยมาก ทั้งฟูและมีความหยาบในตัว ความตะปุ่มตะป่ำนั้นคือเสน่ห์ของผ้าทอมือ”
ข้อดีของผ้าฝ้ายเมืองเลยยังมีอีกมาก เราคงบอกเล่าได้ไม่ครบทุกอณู เท่ากับคุณได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง


ต้องมนตรา สู่ Mantra
แค่ฟังจุดเริ่มต้นก็รู้สึกถึงความตั้งใจและทุ่มเทของ Mantra Crafts จนอยากรู้ว่าผ้าหนึ่งผืนต้องผ่านอะไรมาบ้าง
“เราวาดลายก่อน วาดลายเสร็จก็มาสอย มัด แล้วค่อยย้อม ต้องต้มทำความสะอาดผ้าก่อนย้อม เพราะอาจจะมีสิ่งปนเปื้อนจากรอยดินสอ ปากกา” ที่น่าสนใจและพิเศษที่สุดคือทุ กลายผ้าของมันตราเป็นลายที่คิดและสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง ผ่านการศึกษาและสะสมผ้าโบราณ บางผืนมีอายุกว่า 200 ปี เมื่อได้ลายผ้าและมัดอย่างบรรจงทั่วทั้งผืน ก็เข้าสู่กระบวนการเตรียมย้อม
“หม้อเล็ก ๆ หม้อแรกกว่าครามจะเซ็ต ก็นั่งเฝ้า นอนเฝ้า หลายอาทิตย์เหมือนกันค่ะ” กว่าจะได้มาซึ่งหม้อครามเล็ก ๆ แต่ละหม้อ แอมใช้เวลาบากบั่นลองผิดลองถูกอยู่ครึ่งปี เพราะการดูแลหม้อครามมีรายละเอียดที่ต้องให้ความสำคัญ ทั้งเรื่องค่า pH ที่เหมาะสม และการควบคุมอุณหภูมิ ภาชนะที่ใส่ก็มีผลต่ออายุของคราม ต้องเลือกใช้ภาชนะที่อุณหภูมิคงที่ ที่นี่เลือกเลี้ยงครามในโอ่ง เพราะมีอากาศถ่ายเท มีความเย็นและความอบอุ่นพอดี ไม่อับหรือชื้นจนเกินไป รวมถึงการให้อาหารครามก็เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้เช่นกัน
“เราเลี้ยงครามด้วยน้ำตาล เป็นตัวที่ทำให้จุลินทรีย์แอคทีฟในไหคราม พอให้อาหารเขาเต็มที่ เขาก็จะทำงานให้เราเต็มที่ แม่ครามก็จะได้สารอาหารที่ครบถ้วน อุดมสมบูรณ์ สิ่งนั้นจะทำให้ผ้าเราสีเข้มขึ้น”
นี่สินะ วิธีดูแลราชินีแห่งสีธรรมชาติ

หม้อครามของมันตราเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนมีมากกว่า 50 ไห นับว่าเป็นหนึ่งในไหครามธรรมชาติที่เยอะและสวยที่สุดในไทย
เมื่อได้ครามที่อุดมสมบูรณ์มาแล้ว ก็ต้องนำครามนั้นมาทดลองจนกว่าจะได้สีที่เข้มดังใจ โดยส่วนผสมที่จะเพิ่มความเข้มให้ครามก็มาจากธรรมชาติอีกเช่นกัน นั่นคือ น้ำด่าง เป็นน้ำด่างสูตรเฉพาะ ที่ทำจากไม้ที่มีความเปรี้ยว เช่น ไม้มะขาม ไม้มะม่วง และใช้น้ำด่างนั้นผสมกับขี้เถ้าธรรมชาติแท้ ๆ ย้อมแล้วย้อมอีกจนออกมาเป็นผืนผ้าสีสันสวยสดงดงาม รับรองว่าครามที่นี่เข้มสะใจ
‘เข็นฝ้าย ทอฝ้าย วางลาย สอย มัด ย้อม’ นี่เป็นกระบวนการทั้งหมดกว่าจะได้ผ้าแต่ละผืนออกมา ทุกขั้นตอนต้องอาศัยความประณีตขั้นสูง ละเลยไม่ได้แม้กระทั่งตอนแกะผ้า หากแกะอย่างไม่ระมัดระวัง อาจเกิดความเสียหายกับลายผ้าที่ทำมาทั้งหมด
สิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาตินี้เป็นที่รู้จัก คือการเข้ามาดูแลและทำการตลาดของลูกสาว
หลังเนยเรียนจบจากเมืองหลวง และทำงานด้านการตลาดจนชำนาญเรื่องมาร์เก็ตติ้งและการประชาสัมพันธ์ เมื่อมีโอกาสกลับมาบ้านเกิดอีกครั้ง ได้เห็นกองผ้าสุดคณานับที่คุณแม่ลองทำและเก็บสะสมไว้ เธอจึงเสนอไอเดียให้นำมาขาย เพราะอยากต่อยอดสิ่งดีงามที่คุณแม่ทำ และอยากให้คุณค่าของผ้าฝ้ายเมืองเลยส่งต่อถึงผู้คนเป็นวงกว้างมากขึ้น


ผ้าผืนเดียวเที่ยวทั่วโลก
หากกำลังมองหาผ้าไทยแสนเก๋ เป็นผ้าผืนเดียวที่เที่ยวได้ทั่วโลก Mantra Crafts เนรมิตให้ได้ทุกอย่าง ทั้งผ้าผืนทอมือ ผ้ามัดย้อม ผ้าคลุมไหล่ ผ้าถุง เสื้อ กระโปรง กางเกง หมวก กระเป๋า ผ่านเทคนิคการมัดย้อมยกดอก รวมฝีมือการทอ เย็บ รูด สอย มัด ย้อม เอาไว้ในผืนเดียว ใส่ไปทิศไหนใคร ๆ ก็ต้องเหลียว เป็นเทคนิคที่ยาก ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของช่างฝีมือเป็นอย่างมาก
“แบรนด์เราเน้นสีธรรมชาติ แต่เป็นสีธรรมชาติที่คัลเลอร์ฟูล สีสดมาก เป็นสีธรรมชาติที่แบบ เอ๊ะ นี่สีธรรมชาติหรอ ทำไมถึงสดขนาดนี้” นี่คือสิ่งที่บ่งบอกตัวตนแบรนด์ได้ชัดเจนที่สุด กว่าสีธรรมชาติจะออกมาสดขนาดนี้ก็ต้องผ่านการคัดเลือกวัตถุดิบที่ให้สีอย่างพิถีพิถัน เช่น สีดำคลาสสิกจากมะเกลือ สีม่วงกลีบบัวจากครั่งที่ปรับสูตรเฉพาะจนพาสเทลหวานแหวว สีส้มสดจากรากแมดเดอร์ ใบเอ็นหม่อนมอบสีเขียวขี้ม้าให้ผืนผ้า ส่วนสีแดงอิฐยวนตาอาศัยส่วนผสมธรรมชาติอย่างดินแดง ทับทิม และขมิ้น
ไม่เพียงได้มองสีสันสดสวยผ่านสายตา จมูกยังได้สูดดมกลิ่มหอมอันล้ำค่าจากส่วนผสมธรรมชาติด้วย
“ผ้าเรามีครบสามมิติเลยค่ะ ทั้งรูป ทั้งสี ทั้งกลิ่น หอมมาก” ผืนผ้าของมันตราแต่ละสีจะมีกลิ่นธรรมชาติเฉพาะตัว เพราะผสมสมุนไพรให้สีลงไปด้วย เช่น กลิ่นขมิ้น กลิ่นครามผสมขมิ้น (ลูกสาวว่ากลิ่นคล้ายมะกรูด) แต่ละสีมอบกลิ่นที่น่าจดจำแตกต่างกัน
นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมราคาของผ้าแต่ละผืนจึงสูง เมื่อเทียบกับแนวคิด ความรู้ ฝีมือ ความประณีต และความใส่ใจ นับว่าเป็นราคาที่คุ้มค่ากับการลงทุน อีกทั้งเสื้อตัวหนึ่งอยู่ได้นานถึง 20 – 30 ปี เพราะว่าผ้าฝ้ายเข็นมือค่อนข้างทน แม้ซีดหมองก็ยังมีเสน่ห์ แถมด้วยการตัดเย็บคุณภาพ ทุกฝีเข็มเน้นความแข็งแรงทนทาน และเสน่ห์ของผ้าฝ้ายเข็นมือ คือ ยิ่งใช้ยิ่งนุ่ม ยิ่งใช้ยิ่งคลาสสิก


Women Make It Happen
เบื้องหลังการบรรจงสร้างทุกผืนผ้าของมันตรามาจากฝีไม้ลายมือของคุณแม่ คุณป้า คุณย่า คุณยาย กลุ่มผู้หญิงที่ฝีมือยังเก๋ามาก ร่วมแรงร่วมใจกัน Make it Happen สิ่งนี้ขึ้นมา จากพลังของผู้หญิงเพื่อผู้หญิง จริง ๆ เรียกว่าพวกเธอเป็นช่างฝีมือระดับตำนาน ที่เติบโตมาพร้อมกับกี่ทอผ้าและนานาใยฝ้าย บ้างอาจหลงลืมวิชา แต่ Mantra Crafts ทำให้ชีวิตชีวาและภูมิปัญญาของพวกเขากลับมาอีกครั้ง นอกจากสร้างอาชีพให้ย่า ๆ ยาย ๆ ทุกคนยังมีความสุขที่ได้รื้อฟื้นงานฝีมืออันเป็นที่รักที่เคยหลงลืมมานาน
ลายล้านช้างต้องตา ลายหงสางามสวัสดิ์ ลายจักรพรรดิชวนค้นหา และชีวิตชีวาจากลายขนมชั้น ทุกลายผ้าของมันตราเป็นลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะเกิดจากการออกแบบของเจ้าของแบรนด์เองทั้งหมด โดยได้ไอเดียมาจากลายผ้าสะสมโบราณ อย่างลายล้านช้างมาจากผ้าถุงของเจ้าหญิงล้านช้าง ลายหงสามาจากสถูปของพม่า และลายจักรพรรดิ รวมไปถึงการสังเกตจากความเป็นไปของสิ่งรอบตัว อย่างลายดอกแก้ว มาจากดอกแก้วริมรั้ว และลายขนมชั้น มีที่มาจากการเรียงตัวเป็นชั้น ๆ ของลายบนผืนผ้าย้อมครามสีม่วงกลีบบัว ขนมชั้นชิ้นโปรดจึงกลายมาเป็นชื่อของผ้าผืนนี้
แอมเล่าว่าเลยเป็นเมืองฝ้าย ทุกฤดูหนาว ชาวบ้านต้องเร่งปลูกฝ้าย ทอฝ้ายกันมือระวิง ผู้คนต่างนิยมมาซื้อปลอกหมอน ผ้าห่มบุฝ้าย ซึ่งล้วนเป็นของดีเชียงคาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีพัฒนา ผลิตภัณฑ์จากใยสังเคราะห์ก็เข้ามาแทนที่ ส่วนผู้ผลิตเองก็เริ่มหันไปทำอุตสาหกรรม การทอผ้าในหลาย ๆ หมู่บ้านจึงเลือนลางตามไปด้วย
การเกิดขึ้นของ Mantra Crafts เป็นลูกคลื่นลูกเล็ก ๆ ที่ทำให้คนเลยกลับมาให้ความสำคัญกลับ ‘ฝ้าย’ และเมื่อชาวบ้านรู้ว่าฝ้ายเมืองเลยสร้างอาชีพ-เสริมรายได้ ได้อีกครั้งจากการจ้างงานของมันตรา ก็กลับมาปลูกฝ้ายและทอผ้ากันมากขึ้น จนมีการสนับสนุนจากกลุ่มจังหวัด ทั้งจัดโครงการ Cotton Valley ส่งเสริมให้คนปลูกฝ้าย และจับมือกับจังหวัดอื่น ๆ ที่ต้องการฝ้ายเมืองเลย (แอมกระซิบว่าฝ้ายเมืองเลยเป็นที่ต้องการของตลาดสูงมาก)
“หมู่บ้านนี้ทอ หมู่บ้านนั้นมัด หมู่บ้านโน้นทำตีนซิ่น อีกหนึ่งหมู่บ้านทำหัวซิ่น” แอมเล่าการทำงาน
ไม่เพียงแต่กระจายรายได้ให้กลุ่มช่างสูงอายุ แต่พวกเธอยังขยายอาชีพออกไปเป็นวงกว้าง ให้ช่างแต่ละหมู่บ้านมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผืนผ้างาม ๆ โดยแต่ละหมู่บ้านจะมีช่างที่ชำนาญการทอ การมัด การทำตีนซิ่น หรือหัวซิ่น แตกต่างกันออกไป
Mantra Crafts จึงแบรนด์ที่ส่งเสริมให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจกันของคนในชุมชนอย่างแท้จริง


สารล้ำค่าจาก Mantra
“กว่าจะมัด กว่าจะย้อม ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราอยากให้คนเห็นคุณค่าและเห็นความตั้งใจในสิ่งที่เราทำ”
ทุกขั้นตอนตั้งแต่การทอจนถึงมัดย้อมนั้น ไม่ง่ายตามที่เนยบอกจริง ๆ ผ้าผืนใหญ่กว่า 2 เมตร ผ่านการมัดย้อมทีละจุดเล็ก ๆ จนเต็มผืนผ้า ต้องใช้เวลานานพอสมควร ลูกค้าของมันตราจึงเข้าใจและใจเย็น แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่าแก่การรอคอย รับรองเลยว่าผ้าของคุณจะมีผืนเดียวบนโลก เพราะผ้ามันตราทุกผืน ต้องสั่งทำแบบพรีออเดอร์เท่านั้น ไม่มีสต็อกสินค้า ด้วยเหตุผลที่ว่า
“พอเราไม่สต็อกสินค้า เราก็ช่วยลดการใช้ทรัพยากรไม่จำเป็น ส่วนการใช้สีธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีที่เป็นส่วนทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งปลอดภัยทั้งกับสิ่งแวดล้อมและคนย้อมด้วย เราตั้งใจเก็บเศษผ้าจากการตัดเย็บมาออกแบบงาน Patchwork เพราะพยายามใช้ทุกส่วนให้คุ้มค่าจริง ๆ กับการทำผ้าแต่ละผืน และพยายามลดขยะที่เกิดจากอุตสาหกรรมแฟชั่นให้ได้มากที่สุด”
สิ่งที่สองแม่ลูกและช่างฝีมือ จ.เลย อยากส่งต่อ ไม่ใช่แค่ผ้าที่สวยงามเท่านั้น แต่รวมถึงการสนับสนุน Slow Fashion ด้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้แบรนด์อยู่ได้อย่างยั่งยืน คือการคิดถึงคนทำงานและค่าแรงที่เป็นธรรม ผืนผ้าของมันตราเต็มไปด้วยคุณค่าและเรื่องราวของชีวิตผู้หญิงเมืองเลย
“แน่นอนว่าผลตอบแทนของการทำธุรกิจคือเงิน แต่จำนวนเงินนี้เรากระจายสู่ชุมชน สิ่งที่เราได้รับมันส่งไปถึงผู้อื่น มันทำให้เขามีรายได้ ฉะนั้น เราเลยไม่ใช่แค่ธุรกิจที่ทำเพื่อตัวเอง” เนยเล่าถึงความตั้งใจของแบรนด์
ความตั้งใจนี้ไม่ได้อยากหยุดอยู่แค่ใน Local แต่เนยตั้งใจพาแบรนด์ไปให้ถึงระดับ Global ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก
“คราฟต์ไทยไม่มีวันตาย ถ้าผู้ประกอบการหรือช่างมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาให้ทันตลาด” นี่คือสิ่งที่เธอเชื่อ
เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบรนด์ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาตินี้ถึงเป็นที่รักของลูกค้าและช่างมากฝีมือที่ช่วยกันถักทอผืนผ้าออกมา พอยิ่งได้แลกเปลี่ยนบทสนทนา ก็ยิ่งมั่นใจว่า Mantra Crafts เป็นแบรนด์ที่งดงามทั้งเรื่องราวแนวคิดจริง ๆ

Mantra Crafts
ที่ตั้ง : 25 17 ถนนมลิวรรณ กุดป่อง อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย 42000
เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00 – 17.00 น.
โทรศัพท์ : 090 459 9095
เว็บไซต์ : mantracrafts.com
Facebook : Mantra Crafts – ผ้ามัดย้อม & ผ้าชิโบริ & สีธรรมชาติ