ป่านนี้ชาวเมืองลากวีลา (L’Aquila) เมืองเอกของแคว้นอะบรุซโซคงยังตื่นเต้นดีใจไม่หาย ด้วยว่ากระทรวงวัฒนธรรมแห่งประเทศอิตาลีเพิ่งประกาศให้เมืองนี้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของอิตาลีประจำปี 2026 โดยได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 14 เดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง (ในปี 2024)

เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมคืออะไร

คือเมืองที่คณะกรรมการของกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ประกาศ (ล่วงหน้า) ให้จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมวัฒนธรรมของตน

ทำไมมีคำว่าประจำปี แปลว่า เปลี่ยนไปทุกปีหรือ

ใช่แล้ว 

ทำไมมันถึงล่วงหน้า ไม่ใช่การประกวดแล้วได้รางวัลหรอกหรือ

ไม่ใช่ เมืองต้องยื่นโครงการเสนอไปก่อน

เมืองต้องทำอะไรบ้าง ต้องจัดงานอะไรบ้าง แบบถ้าเป็นโอลิมปิกคือเตรียมจัดงานไง แล้วอันนี้ทำอะไร 

เมืองที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับเงินสนับสนุนจำนวน 1,000,000 ยูโร และใน 1 ปีที่ตนได้รับรางวัลนั้น เมืองจะต้องจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมของตนเองออกมา

ไปยังไงมายังไง ทำไมถึงมีรางวัลนี้ขึ้นมา

ที่มาของรางวัลก็คือ จริง ๆ สหภาพยุโรปมีการประกาศเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปเป็นประจำมาทุกปีอยู่แล้ว โดยปีแรกคือปี 1985 ได้แก่กรุงเอเธนส์ และในปีถัดมาก็คือฟลอเรนซ์ของอิตาลีนั่นเอง

และในปี 2014 ซึ่งอิตาลีก็ได้รับการคัดเลือกอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นเมือง Matera ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ กระทรวงวัฒนธรรมของอิตาลีจึงดำริให้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมในลักษณะคล้าย ๆ กันในประเทศอิตาลีบ้าง 

เมืองหลวงในปีที่ผ่าน ๆ มาคืออะไร

ปี 2015 มีเมืองหลวงทางวัฒนธรรมฯ ถึง 5 เมือง อันได้แก่ คาลยารี (Cagliari) เลชเช (Lecce) เปรูจา (Perugia) ราเวนนา (Ravenna) และเซียนา (Siena) ซึ่งเป็นเมืองที่เสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนี้พร้อม ๆ กับเมืองมาเตรา

ปี 2016 มันโตวา (Mantova)

ปี 2017 ปิสโตยา (Pistoia)

ปี 2018 ปาแลร์โม (Palermo)

ปี 2019 ไม่มีการประกาศ เนื่องจากปีนี้มาเตราได้รับรางวัลของยุโรปไปแล้ว

ปี 2020 – 2021 ปาร์มา (Parma) ได้ครองตำแหน่ง 2 ปี เนื่องจากมีการระบาดของโควิด

ปี 2022 โปรชิดา (Procida)

ปี 2023 แบร์กาโม และ เบรฌา (Bergam, Brescia)

ปี 2024 เปซาโร (Pesaro)

ปี 2025 อะกริเจนโต (Agrigento)

ปี 2026 ลากวีลา (L’Aquila)

ลากวีลา เมืองนี้มีอะไร ทำไมถึงได้ แล้วทำไมเราถึงไม่เคยได้ยินชื่อเลย

ก่อนอื่น การที่เราไม่เคยได้ยินชื่อเมืองใดมาก่อน ย่อมมิใช่เหตุผลที่เขาจะไม่ได้รับการคัดเลือก… โอเคนะ

ลากวีลา แปลว่า นกอินทรี ซึ่งปรากฏอยู่ในตราประจำเมืองด้วย

ลากวีลาตั้งอยู่ในแคว้นอะบรุซโซ ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ห่างจากโรมไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 100 กิโลเมตร อีกทั้งยังเป็นเมืองเอกของแคว้นด้วย

เมืองนี้ประสบปัญหาแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง ครั้งล่าสุดคือในปี 2009 กระนั้นความภูมิใจของเมืองก็มีไม่น้อย เช่น

  • ภาพยนตร์เรื่อง The Name of the Rose ถ่ายที่นี่
  • ป้อมสเปน
  • น้ำพุ 99 สาย
จัตุรัสกลางเมืองซึ่งอยู่ในการบูรณะปรับปรุงเพื่อเตรียมรับการเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของอิตาลี
  • สุสานของเมือง มีนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของชาว LGBT+ คนแรกในประวัติศาสตร์โลกพักร่างอยู่ นั่นคือ Karl Heinrich Ulrichs
  • มีซากเมืองเก่าโรมันโบราณ
  • น้ำพุลูมิโนซา (Fontana Luminosa) พูดถึงน้ำพุนี้ มีใครคุ้น ๆ บ้างไหมว่าในสื่อโซเชียลมีการลงภาพน้ำพุกลางเมืองที่เทน้ำลงมาจากโถน้ำแล้วดูเหมือนเทไฟลงมา นั่นล่ะ อยู่กลางเมืองนี้เลย เพียงแต่ต้องหาเวลาเหมาะ ๆ นะ คือตอนบ่ายแก่ ๆ แสงอาทิตย์ถึงจะตกกระทบที่น้ำพุนั้น

โชคดีที่เพิ่งได้ไป ตอนนั้นเมืองกำลังสังคายนาใหญ่ ก็ถึงว่าทำไมถึงปูพื้นใหม่ทั้งเมืองจะส่งประกวดนี่เอง

ส่วนเรื่องที่ว่า ทำไมถึงได้ ลองดูที่ทางกระทรวงวัฒนธรรมประกาศเอาก็แล้วกัน

เอกสารที่นำเสนอมาได้เสนอรูปแบบการประเมินคุณค่าพื้นที่อาณาบริเวณและมรดกทางวัฒนธรรม ศิลปะ และธรรมชาติ โดยมุ่งเป้าไปที่การฟื้นฟูเอกลักษณ์ท้องถิ่นผ่านวัฒนธรรม อันเป็นเหมือนกลไกของการเติบโตและเป็นเสาหลักในการก่อตั้งชุมชน โครงการนี้เกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก อันจะสร้างความผูกพันอันแน่นแฟ้นกับพื้นที่โดยรอบ

งบประมาณที่วางแผนไว้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และกลยุทธ์การใช้จ่ายก็จะเกิดผลหลายเท่าทวีคูณ โปรแกรมกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ครอบคลุมทุกขอบเขตของการแสดงออกทางศิลปะและวัฒนธรรม อันได้แก่ภาพยนตร์ การละคร ดนตรี และทัศนศิลป์ มีการเน้นเป็นพิเศษไปคนหนุ่มสาว ซึ่งมิได้หวังเพียงความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างแข็งขันอีกด้วย โครงการนี้ผ่านเกณฑ์การประกวดราคาอย่างครบถ้วน โดยมีการบูรณาการที่แข็งแกร่งระหว่างภาครัฐและเอกชน ความสำคัญของการมีส่วนร่วมของพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด และระบบมหาวิทยาลัยก็เป็นที่น่าชื่นชมเช่นกัน โดยภาพรวมถือว่าอยู่ในระดับดีเยี่ยม

ได้รางวัลแล้วจะมีผลอะไรกับเมืองหรือชาวเมือง

อย่างแรก เมืองกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวขึ้นมาทันที เงินสะพัดระบัดปลิว อย่างที่ 2 คือความภูมิใจของชาวเมือง อย่างที่ 3 คือเยียวยาจิตใจเมืองที่แห้งแล้งนี้เป็นอย่างดี

ลากวีลาเป็นเมืองที่ไม่มีรถไฟเข้าถึง คิดดู นี่ขนาดเป็นเมืองเอกของแคว้นนะเนี่ย ฉันมีลูกศิษย์อยู่ที่เมืองนี้ และเพิ่งได้ตัดใจไปเสียทีเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ เหตุด้วยเพราะเวลาจะไปต้องมีคนทักว่าไปทำไม มีอะไร เดินทางก็ลำบาก 

ส่วนเหตุผลของฉันในการอยากไปก็ยากที่ใครจะเข้าใจได้ เพราะที่ไปเนื่องจากว่า นักเขียนคนโปรดของฉันเคยถูกรัฐบาลฟาสซิสต์เนรเทศไปอยู่เมืองนี้ เลยอยากเห็นว่าเมืองนี้จะกันดารขนาดไหน ถึงขนาดที่ว่า การไปอยู่ที่เมืองนี้ถือเป็นการลงโทษได้เลยทีเดียว

คราวนี้ไปอิตาลีคนเดียว มีลูกศิษย์อยู่ด้วย เลยได้ไป

ใครอยากเห็นการจัดกิจกรรมของเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรม ก็ลองตามรอยไปยังเมืองที่ให้ไว้ในลิสต์ด้านบนนะ

ขอให้โชคดีมีวัฒนธรรมจ้ะ

แหล่งอ้างอิงบางแหล่ง
  • limitless-solutions.it
  • www.ingenio-web.it/articoli
  • viaggi.corriere.it/news
แหล่งที่มาภาพ
  • viaggi.corriere.it/news
  • it.wikipedia.org/wiki
  • www.contradadellaquila.com
  • lifeinabruzzo.com
  • www.residencevillavalsi.com/l-aquila-italia
  • asprinkleofitaly.com
  • unsplash by gabriella clare marino
  • unsplash by sterlinglanier lanier

Writer

Avatar

สรรควัฒน์ ประดิษฐพงษ์

‘ครูก้า’ ของลูกศิษย์และลูกเพจ ผู้เชื่อ (ไปเอง) ว่าตัวเองเป็นครูสอนภาษาอิตาเลียนมือวางอันดับหนึ่งของเอเชียอาคเนย์ หัวหน้าทัวร์ผู้ดุร้าย นักแปลผู้ใจเย็น ผู้เชิดหุ่นกระบอกมือสมัครเล่น และนักเขียนมือสมัครเล่นเข้าไปยิ่งกว่า