9 มิถุนายน 2023
3 K

เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ปกติเราจะมีภาพจำอยู่ไม่กี่เมือง ไม่กี่อย่าง เช่น ไปดูซากุระริมน้ำในโตเกียวช่วงเดือนเมษายน ไปดูคนหลายร้อยข้ามถนนพร้อม ๆ กันในชิบูย่า ไปดิสนีย์แลนด์ พาเด็ก ๆ ไปดูขบวนแห่เอลซ่า ไป Universal Studio พาตัวเองไปดื่ม Butterbeer หรือไม่ก็ไปลุยหิมะ เล่นสกี สโนว์บอร์ดที่นิเซโกะ 

ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทริปนี้ที่มีญาติช่วยนำเที่ยว เราจึงแทบไม่ได้เปิดดู รู้เพียงคร่าว ๆ ก่อนออกเดินทางว่าไปแถว Nagoya ซึ่งจริง ๆ พอมาย้อนคิดดูแล้วก็แอบดีใจเหมือนกันนะที่ไม่ได้ศึกษารายละเอียด เพราะเป็นการไปเที่ยวโดยไม่ได้คาดหวังใด ๆ แต่กลับมาแล้วประทับใจเกินคาด โดยเฉพาะวันที่ได้ไป Kamikochi ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวหลักในอุทยานแห่งชาติ Chubu Sangaku

ในวันแรก ๆ หลังจากบินไปลงสนามบินในเมือง Nagoya เราเช่ารถขับเอง และไปแวะหลายที่ หลายเมือง อยู่หลายวัน เช่น สวนดอกไม้ Hamamatsu, Oshino Hakkai หรือหมู่บ้านน้ำใส, สวน Oishi จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ, สวน Shibazaruka ที่ไม่มีทั้งหมาหรือดอกซากุระ และ Alpine Route กำแพงหิมะสูงหลายเมตร

พอถึงวันที่จะต้องไป Kamikochi เราว่าความตื่นเต้นแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ยิ่งพอได้รู้ว่ามีทางเลือกระหว่างการเดินเท้า 3.5 หรือ 10 กิโลเมตร เราก็แอบหวั่นใจไม่ใช่น้อย เพราะไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าถ้าเดิน 10 กิโลนี่จะกลับถึงโรงแรมตีอะไร ทุกคนเลยตกลงกันว่าจะไปดูหน้างานอีกที

บันทึกการเดินทางของสาวชอบเขียน-หนุ่มชอบถ่าย ที่เดินเท้าสู่ Kamikochi ประตูสู่เจแปนแอลป์

เราขับรถออกจากที่พักในเมือง Matsumoto ตอนเกือบ 10 โมงของเช้าวันที่ 19 เมษายน เพื่อมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติ Chubu Sangaku โดยอุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขาฮิดะ หรือ Japan Alps เทือกเขาสูงที่สุดในญี่ปุ่น ตามเว็บไซต์ทางการของอุทยานบอกว่า Kamikochi ถือเป็นอัญมณีของ Chubu Sangaku เลยทีเดียว

การเดินทางไป Kamikochi นั้นไม่ยากไม่ง่าย อย่างแรก คือต้องดูวันที่ให้แน่นอน เพราะอุทยานแห่งนี้ไม่ได้เปิดตลอดเวลา เนื่องจากต้องมีช่วงเดือนที่ให้ธรรมชาติพักผ่อนจากมนุษย์ (ปีนี้เปิด 17 เมษายน – 15 พฤศจิกายน) อย่างที่สอง คือต้องดูเรื่องการเดินทาง เพราะญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวเข้าไปในอุทยาน มีเพียงรถบัสที่วิ่งตามตารางเวลาเท่านั้น 

ด้วยระยะทางเกือบ 40 กิโลเมตรจาก Matsumoto ทำให้เราไปถึง ณ Sawando Bus Terminal ก่อนเวลารถออกไม่กี่นาที สำหรับเราแล้ว ความตรงต่อเวลาของคนญี่ปุ่นเป็นเรื่องน่าประทับใจ และเราในฐานะนักท่องเที่ยวก็ตั้งใจมากในการเคารพกฎกติกานี้ ทุกคนจึงลนลานซื้อตั๋วและวิ่งหน้าตั้งไปขึ้นรถให้ทันเวลา 

อันที่จริงแล้ว รถบัสออกทุก ๆ 30 นาที แต่หากต้องรอรถรอบถัดไป จะทำให้ไปถึงป้าย Kappa Bridge ซึ่งเป็นจุดหมายในการหาข้าวกลางวัน ประมาณเที่ยงพอดี จากประสบการณ์ 4 – 5 วันแรกในจุดท่องเที่ยวหลักแถวนี้บอกเราว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะเที่ยงเมื่อไหร่ คิวยาวเมื่อนั้น เราจึงโล่งอกอย่างมากที่ทุกคนขึ้นรถทันเวลาล้อหมุนตอน 11 โมงตรง 

ประมาณ 11.40 น. รถบัสก็พาเรามาถึงจุดหมายปลายทาง ร้านอาหารยังว่างตามคาด ทุกคนจึงอิ่มท้องพร้อมเดินตั้งแต่ก่อนบ่ายโมง ทางเลือกแรกคือเดินจากจุดที่อยู่ซึ่งก็คือ Kappa Bridge ขึ้นไปยัง Myojin Bridge ที่อยู่ห่างออกไปทางเหนือ 3.5 กิโลเมตร ก่อนยิงยาวลงใต้สู่ Taisho Pond รวมเป็นระยะทาง 10 กิโลนิด ๆ แต่ดูจากเวลาแล้ว ไม่น่าทัน ทุกคนจึงตัดใจจาก Myojin Bridge เพราะตามข้อมูลที่หามาคร่าว ๆ ต่างลงความเห็นตรงกันว่า ไฮไลต์คือเส้นระหว่าง Kappa Bridge และ Taisho Pond

บันทึกการเดินทางของสาวชอบเขียน-หนุ่มชอบถ่าย ที่เดินเท้าสู่ Kamikochi ประตูสู่เจแปนแอลป์

Kappa Bridge คือสะพานแขวนข้ามแม่น้ำ Azusa ซึ่งรอบสะพานนี้มีทั้งโรงแรมและร้านอาหาร Kappa Bridge จึงคล้ายเป็นศูนย์กลางของ Kamikochi แต่สาเหตุที่ทำให้ Kappa Bridge น่าจดจำสำหรับเราคือความสวยขององค์ประกอบทุกอย่าง น้ำสีฟ้าที่ใสจนเห็นหินใต้น้ำสีขาวเทา ภูเขาสูง ต้นสนเขียว และเทือกเขาหิมะที่เป็นฉากหลัง ตอนลงไปยืนริมน้ำแล้วเงยหน้ามองขึ้นมาเห็นวิวนี้ เราถึงกับต้องถอนหายใจ และยอมรับกับตัวเองเบา ๆ ว่า “ธรรมชาติที่ญี่ปุ่น สวย มาก จริง ๆ”

บันทึกการเดินทางของสาวชอบเขียน-หนุ่มชอบถ่าย ที่เดินเท้าสู่ Kamikochi ประตูสู่เจแปนแอลป์

หลังยืนฟังเสียงน้ำและถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่ ทุกคนก็เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ Taisho Pond โดยตามข้อมูลที่หามานั้น ควรใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งตอนแรกไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงแนะนำ 2 ชั่วโมง เพราะปกติต่อให้เดิน 3 กิโลเมตรกว่า ๆ แบบไม่รีบเร่ง ยังไงก็น่าจะไม่เกิน 1 ชั่วโมงอยู่ดี แต่พอเริ่มออกเดินจริง ๆ ก็เริ่มเข้าใจว่าทำไม

บันทึกการเดินทางของสาวชอบเขียน-หนุ่มชอบถ่าย ที่เดินเท้าสู่ Kamikochi ประตูสู่เจแปนแอลป์

นั่นก็เพราะว่า แม้จะแม่น้ำเดิม เทือกเขาเดิม ป่าเดิม แต่ทุกมุมมองจากทุกตารางเมตรสวยไม่เหมือนเดิม

พอเดินออกมาได้นิดเดียว เราก็ต้องหันกลับไปถ่ายรูป Kappa Bridge จากมุมใหม่ พอถัดมาอีกหน่อยก็ต้องแวะมองโค้งแม่น้ำกับเทือกเขาหิมะ ต้องแวะสังเกตพฤติกรรมครอบครัวลิงป่า ข้ามสะพานไม้ตรงนั้น นั่งพักริมแม่น้ำตรงนี้ 

พอตลอดทางมีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ทำ มีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้จำ รู้ตัวอีกทีกว่าจะถึง Taishiro Pond ซึ่งเป็นจุดแวะสำคัญก่อนจะถึงปลายทางก็ผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว

เดินเท้าสู่ Kamikochi ประตูสู่เทือกเขาเจแปนแอลป์ที่เปลี่ยนภาพจำญี่ปุ่นในอุดมคติของสาวชอบเขียน-หนุ่มชอบถ่ายไปตลอดกาล

Taishiro Pond เป็นแอ่งน้ำที่มีฉากหลังเป็นภูเขา Roppyakusan และ ภูเขา Kasumizawa-dake ป้ายบอกว่าแอ่งน้ำนี้เคยลึกถึง 5 เมตร แต่การสะสมของเศษใบไม้และซากต่าง ๆ ทำให้แอ่งน้ำเล็กลงทุกปี ตอนนี้น้ำในแอ่งตื้นนิดเดียว เพราะฉะนั้น หากมาช่วงที่หนาว ๆ จะมีแผ่นน้ำแข็งปกคลุมผิวหน้า ส่วนช่วงที่เรามานั้นไม่หนาวมาก จึงเห็นน้ำในแอ่งสีน้ำตาลส้ม ไม่ฟ้าเหมือนน้ำในแม่น้ำที่เห็นมาตลอดทาง แต่ความนิ่งและความใสก็ให้ความสวยไปอีกแบบ

หลังจากยืนดูปลาตัวเล็กว่ายวนใน Taishiro Pond สักพัก เราก็ออกเดินเท้าสู่ Taisho Pond ซึ่งห่างออกไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร เราใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเดิน 1 กิโลเมตรสุดท้ายนี้ ทำให้มาถึง Taisho Pond ประมาณบ่าย 3 ครึ่ง และมีเวลาสักพักก่อนขึ้นรถบัสกลับตอน 4 โมงเย็น

เดินเท้าสู่ Kamikochi ประตูสู่เทือกเขาเจแปนแอลป์ที่เปลี่ยนภาพจำญี่ปุ่นในอุดมคติของสาวชอบเขียน-หนุ่มชอบถ่ายไปตลอดกาล

รอบ ๆ Taisho Pond มีต้นไม้ที่ผุพังจากการปะทุของภูเขาไฟ Yakedake ในปี 1915 ทำให้ได้อีกบรรยากาศที่แตกต่างจากจุดอื่น ความลึกของน้ำทำให้น้ำมีสีเขียวเข้ม ในวันที่อากาศนิ่ง เงาท้องฟ้าและภูเขาสะท้อนอยู่บนผืนน้ำ ขนาดเราไม่ได้เจอน้ำนิ่ง ไม่ได้เห็นเงาสะท้อน ต้นไม้แห้งโกร๋นไม่เหลือใบไม้สักใบ ยังสวยขนาดนี้ หากมาในช่วงกลางหน้าร้อน ต้นไม้เขียวใบแน่น หรือช่วงใบไม้เหลืองส้ม ท้องฟ้าใส และหิมะขาวบนยอดเขา จะสวยขนาดไหน

แม้พระอาทิตย์จะสาดเข้าหน้า แต่อากาศเย็นสบาย เราจึงได้ใช้เวลายืนจำภาพสุดท้ายของ Kamikochi อยู่สักพัก

Kamikochi หรือประตูสู่เทือกเขาเจแปนแอลป์ทำให้เราได้ทำความรู้จักกับประเทศญี่ปุ่นใหม่อีกครั้ง สำหรับเรา ภาพจำของประเทศนี้คงไม่ใช่เมืองที่มีผู้คนหนาแน่นขวักไขว่ แสงสี ตึกสูง หรือสวนสนุกอีกต่อไป แต่เป็นประเทศที่มาพร้อมท้องฟ้ากว้างและเสียงแม่น้ำใสไหลเอื่อย ๆ ซึ่งเราต้องขอจำภาพนี้ของประเทศญี่ปุ่นแทนแล้วกัน

ข้อมูลอ้างอิง
  • www.kamikochi.org

Writer

ลิตา ศรีพัฒนาสกุล

ลิตา ศรีพัฒนาสกุล

ชอบอ่านหนังสือก่อนนอน ออกกำลังกาย และกำลังตามหางานอดิเรกใหม่ ๆ

Photographer

Avatar

ณฏฐวรรธน์ ธีราโมกข์

ชอบถ่ายรูป ชอบหมา ชอบแมว ไขมันสูง กำลังดูแลตัวเองอยู่ ติดตามผลงานได้ที่ IG @nummonthee