ไม่ใช่แค่ฤดูร้อนที่ต่อมความกระหาย ‘ของเย็น’ ทำงาน เพราะที่นี่คือประเทศไทย ร้อนทุกวันจันทร์-อาทิตย์! แต่ไม่เป็นไร อากาศยิ่งร้อน ทำให้ประสบการณ์ลองลิ้มชิมรสของหวานขวัญใจคนทุกเพศทุกวัยอย่าง ‘ไอศกรีม’ ยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก
Take Me Out รอบนี้ เราไม่อยากให้คุณหยุดอยู่แค่ร้านไอศกรีมในดวงใจหรือร้านประจำใกล้บ้าน แต่เราอยากให้ทุกท่านลองเดินเข้าร้านใหม่ ทำความรู้จักวัฒนธรรมอันหลากหลายที่ส่งผ่านหวานเย็นโดยไม่ต้องซื้อตั๋วบินไปถึงต่างประเทศ โดยร้านที่เราคัดเลือกมาไม่ได้น่าสนใจแค่รสชาติ แต่รวมถึงกรรมวิธีการผลิต แหล่งที่มาวัตถุดิบอันแปลกใหม่ อย่างเผือกที่นำเข้าเพื่อปลูกเองจนถึงนมบนเทือกเขาแอลป์ พร้อมด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบสุดน่ารัก และความหลากหลายตั้งแต่ไอศกรีมในเอเชีย ไทย จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินเดีย ฟิลิปปินส์ จนถึงดินแดน 2 ทวีปอย่างตุรกี และประเทศโซนยุโรป ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และอิตาลี
ว่าแล้วเดินเหนื่อย ๆ เหงื่อก็เริ่มออก ลองไปชิมตัวแทนไอศกรีมจากทั่วโลก พิกัดภายในเมืองหลวงของประเทศไทย พร้อมฟังเรื่องราวอันน่าสนใจจากเจ้าของร้านผู้ตั้งมั่นทำของหวานดับร้อนที่ดีที่สุดกัน
#01
ARUN CAFE
ไอศกรีมลายกระเบื้อง ชวนนักท่องเที่ยวใช้เวลาอยู่กับวัดอรุณฯ ให้นานขึ้น
รุ่งเช้า ณ วัดอรุณฯ พร้อมแสงตะวันอันร้อนแรง ร้านตรงหน้าคือ ARUN CAFE ร้านกาแฟสัญชาติไทย และพิกัดอุดหนุนไอเทมกินได้อันโด่งดังในโลกโซเชียลอย่าง ‘ไอศกรีมลายกระเบื้อง’
นี่คือผลงานของ น้ำตาล-ศิริญญา หาญเผชิญโชค ผู้อยากให้ทุกคนกลับมาสนใจวัฒนธรรมดั้งเดิมอันสวยงามของไทยอีกครั้ง โดยเลือกนำเสนอมุมมองแปลกใหม่และสดชื่นกว่าเดิมให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวกันอย่างคับคั่งได้สัมผัส
‘มากกว่าแค่ถ่ายรูปวัดอรุณฯ แล้วกลับ’ คือสิ่งที่น้ำตาลตั้งเป้าหมายเอาไว้ในการทำไอศกรีมลายกระเบื้อง เธอนำความชอบในประวัติศาสตร์กับไอศกรีมมาผสมผสานกัน ไม่เพียงแค่ความสวยงาม แต่ยังมีความหมายอยู่ในการรับประทานทุกขั้นตอน
ไอศกรีมตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้ 4 ดอกวางอยู่บนลายประจำยาม ซึ่งพบแต่ละรูปแบบได้บริเวณรอบพระปรางค์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาเก็บรายละเอียดของวัดอรุณฯ มากขึ้น เมื่อรับประทานเสร็จ ที่ไม้ยังมีคำอวยพร คำทำนาย (สำหรับสายมู) หรือคำให้กำลังใจด้วย
ตอนนี้มีทั้งหมด 2 แบบ สีฟ้า คือรสอัญชันอบควันเทียน เป็นการนำภูมิปัญญาการทำขนมไทยมาใช้ ทั้งนำกะทิซึ่งเป็นส่วนผสมคู่ครัวไทยมารวมกับอัญชันและนำไปอบควันเทียนจนมีกลิ่นหอม ส่วนสีส้ม คือรสชาติชาไทย
หากใครสนใจดับร้อนด้วยไอเทมไท้ไทยของร้านนี้ เราขอแนะนำให้ทุกท่านปลุกตัวเองเร็วหน่อย เพราะหมดไวทุกครั้งจนเราเองก็เกือบซื้อไม่ทัน
ARUN CAFE
#02
YUANYUANMǍNMǍN
จากความรักและฝีมือแม่ สู่ไอศกรีมน้ำเต้าหู้และบัวลอยน้ำขิงที่หลายคนไม่เชื่อว่าเข้ากัน
นี่คือร้านรถเข็นที่ขนความทรงจำวัยเด็กมาเสิร์ฟหลากรสชาติ
YUANYUANMǍNMǍN เรียกตัวเองว่า ‘ไอศกรีมไทยเชื้อสายจีน’ โดย เนย-สุทัตตา ภานุไพศาล ริเริ่มไอเดียการสร้างเมนูมาจากสิ่งที่คุณแม่ชอบทำและชอบทาน คือน้ำเต้าหู้และบัวลอยน้ำขิง
ด้วยความรักและผูกพัน เธอตั้งใจยกระดับน้ำเต้าหู้ฝีมือแม่สู่ไอศกรีมโฮมเมด ผสมผสานน้ำเต้าหู้เข้ากับบัวลอยน้ำขิง (ที่หลายคนคงสงสัยว่าเข้ากันได้อย่างไร แต่เธอทำได้) โดยเพิ่มเนื้อสัมผัสกรุบกรอบด้วยเกล็ดปาท่องโก๋ และปรับรสชาติให้กินง่ายขึ้นผ่านการทำน้ำขิงเป็นไซรัป ลดความเผ็ด แต่ยังคงกลิ่นสมุนไพร
ยังมีอีกหลากหลายเมนูที่ผสมผสานความเป็นจีนและไทยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เช่น รสส้มแมนดาริน ประดับด้วยสาคูและเกล็ดน้ำผึ้งกรอบ หรือรสมะพร้าวข้าวเหนียวดำ เป็นต้น
นอกจากนี้ YUANYUANMǍNMǍN ยังตั้งใจมอบความอบอุ่นในหัวใจให้ลูกค้าระหว่างที่พวกเขาดื่มด่ำกับความอร่อยและบรรยากาศเหมือนอยู่บ้านด้วย
ภาพ : YUANYUANMǍNMǍN
YUANYUANMǍNMǍN
#03
Hannari Cafe de Kyoto
รสชาตินำเข้าจากเกียวโต วัตถุดิบส่งตรงจากแหล่งผลิตชาเขียวชื่อดังของญี่ปุ่น
เดินเข้าไปภายในร้าน Hannari Cafe de Kyoto ก็ค้นพบว่าร้านแห่งนี้ ‘งดงาม’ และน่ารักสมความหมายของคำว่า はんなり(Hannari) ในภาษาญี่ปุ่นบริเวณชั้นล่างของร้านมีของที่ระลึกมากมายจำหน่าย ทั้งตุ๊กตากระดาษ กล่องใส่แว่น พวงกุญแจ และอีกมากมาย ส่วนด้านบนชั้น 2 เป็นห้องเสื่อทาทามิ เราถอดรองเท้า ก้าวขึ้นพื้นอีกขั้น และนั่งฟังเรื่องราวส่งตรงจากญี่ปุ่นของ รินะ ผู้จัดการร้าน เธอเล่าให้ฟังว่าสินค้าทุกอย่างที่นี่ล้วนนำเข้าจากเกียวโต เช่นเดียวกับรสชาติไอศกรีม ซึ่ง ‘ชา’ ที่ใช้ทำเมนู ทางร้านก็เลือกจากเมืองอุจิ แหล่งผลิตชาเขียวชื่อดังของญี่ปุ่น
Hannari Cafe de Kyoto ทำไอศกรีม 2 ประเภท คือแบบธรรมดาและแบบซอฟต์เสิร์ฟ ทางร้านใช้ชาเป็นเบสหลักในการคิดรสชาติ จนปัจจุบันมีให้เลือกสรรทั้งชาเขียวมัทฉะ ชาโฮจิฉะ ชาเขียวข้าวคั่ว หรือชาเขียวผสมถั่วเหลืองบด
หากคุณอยากสัมผัสกลิ่นอายเกียวโต เราขอการันตีว่าที่นี่มีให้ทั้งบรรยากาศ รสชาติอาหารยุค 80 ของญี่ปุ่น และรสชาติขนมหวานแสนอร่อยแบบไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล
Hannari Cafe de Kyoto
#04
ING TEAHOUSE
ย่อไต้หวันลงในไอศกรีมถั่วตัดผักชี ความไม่น่าเข้ากันที่เข้ากันอย่างลงตัว
เดินไปจนสุดริมคลองโอ่งอ่าง พบกับร้านไอศกรีมถั่วตัดและสตรีตฟู้ดสัญชาติไต้หวันเจ้าแรกในไทย ที่นี่ตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดง ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเมืองจิ่วเฟิ่น คล้ายฉากใน Spirited Away หนังดังจาก Studio Ghibli
อิง-สุวนีย์ เตรียมเพชร เจ้าของร้านดีกรีเชฟเล่าว่า เธอตั้งใจรังสรรค์ร้านนี้ขึ้นมาเพื่อจำลองบรรยากาศเมืองจิ่วเฟิ่น ประเทศไต้หวัน เพราะเธอหลงใหลกลิ่นอายของตลาดนัดกลางคืน จึงตั้งใจเฟ้นหาเมนูเด็ดและแปลกใหม่มาให้คนไทยได้ลิ้มลอง
เมื่อได้ยินชื่อนี้ หลายคนอาจยังลังเล แต่เราขออาสาพาชิม กัดคำแรกเข้าไปก็พบว่าเป็นเมนูหวานเย็นที่เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะวัตถุดิบทำจากเผือก นำมาห่อกับแป้งคล้ายเปาะเปี๊ยะที่บาง เหนียว หนึบ โรยด้วยถั่วเพื่อเพิ่มความหวาน มัน กรุบ ปิดท้ายด้วยผักชีเพิ่มความหอม
นอกจากรสเผือกแล้ว ร้านนี้ยังมีรสทุเรียน ผลไม้ขึ้นชื่อของไทย แน่นอนว่าทั้ง 2 รสชาติมีความหอมของกะทิเสริมความอร่อยให้ถูกปากคนไทยโดยเฉพาะ
ใครอยากลองเมนูอื่นของไต้หวัน ING TEAHOUSE ก็พร้อมจัดให้ ทั้งชานมรสดั้งเดิม กาแฟ โรตีต้นหอมไต้หวัน และเสี่ยวหลงเปา ขอกระซิบว่าทุกเมนูนำเข้าวัตถุดิบจากไต้หวันเลยนะ
ING TEAHOUSE
#05
YUMMZ Kulfi
ชิมรสชาติในความทรงจำ อร่อยไม่ซ้ำในคำเดียวจากฝีมือคุณแม่ชาวปากีสถาน
Kulfi (คุลฟี) คือขนมชั้นสูงของเอเชียใต้ ตั้งแต่สมัยอาณาจักร Mughal
YUMMZ Kulfi คือร้านของ Nimra คุณแม่ชาวปากีสถานผู้มาอยู่ไทยได้ 10 ปี มีสาขาอยู่ที่กรุงเทพฯ และพัทยา
เอกลักษณ์ของคุลฟี คือกลิ่นวัตถุดิบอันหลากหลาย เมื่อผสมกันจึงได้รสชาติที่ซับซ้อน ความรู้สึกตอนกัดและเคี้ยวแต่ละครั้งไปจนถึงตอนกลืนและหลังกลืนไม่มีทางเหมือนเดิม เพราะทุกกระบวนการมีความสนุกสนานของรสสัมผัสมากมายเกิดขึ้นในปาก
รสชาติต้นตำรับที่ทางร้านอยากเล่าและอยากให้เราลิ้มลอง คือพิสตาชิโอและครีมนม ทั้ง 2 รสมีส่วนผสมของถั่วและกลิ่นหอมของดอกไม้เสมือนยกมาทั้งสวน กินเพลินจนหมดแท่งแบบไม่รู้ตัว
อีกรสที่อยากให้ลอง คือรสกุหลาบที่ร้านใส่น้ำกุหลาบแท้ ๆ ลงไป ได้กลิ่นหอมอโรมาฟุ้งเต็มคำ
Nimra บอกว่าคุลฟีคือวัยเด็ก ความสุข และความทรงจำของเธอ คุณแม่ท่านนี้จึงอยากส่งต่อความรู้สึกนั้นให้กับลูกค้า เพราะเธอเชื่อเหลือเกินว่า หากคนทำอาหารมีความสุขตอนปรุง จะทำให้ผู้ลิ้มรสมีความสุขไปด้วย ทุกคนลองมากัดคุลฟีของร้านแล้วยิ้มออกมาด้วยความฟินกันเถอะ
YUMMZ Kulfi
#06
Toto Inasal
ร้านของหวานจากใจด็อกเตอร์ ผู้นำเข้าเผือกม่วงมาปลูกเองเพื่อทำขนม
Halo-halo (ฮาโล-ฮาโล) แปลว่า ผสม ผสม ในภาษาตากาล็อก
Halo-halo คือไอศกรีมเผือกม่วงฉบับฟิลิปปินส์ เพื่อคนฟิลิปิโน แต่ จูน-ดร.จงเกษม พลาต้น ชาวไทยผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งใจเปิดร้าน Toto Inasal เพื่อให้คนไทยได้รับ ‘ชิม’ ของหวานที่ว่าข้างแอร์พอร์ตเรลลิงก์สถานีราชปรารภ
แรกเริ่มเดิมที จูนตั้งใจเปิดร้านเพราะอยากขายไก่ย่าง Chicken Inasal ของฟิลิปปินส์ เมนูที่ตนตกหลุมรักเข้าอย่างจัง แต่ขายไปขายมา ปรากฏว่าเมนูยอดฮิตที่ทุกโต๊ะต้องสั่งกลับเป็นเจ้าขนม Halo-halo
จูนเล่าว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนฟิลิปปินส์ที่โหยหารสชาติบ้านเกิด Halo-halo จึงรับบทเป็นตัวแทนของหวานประจำชาติที่มอบสัมผัสอันคุ้นเคยให้คลายคิดถึง ชาวฟิลิปิโนแท้ ๆ มากินแล้วยังบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เหมือนกินที่บ้าน!
ทางร้านมี Halo-halo อยู่ 2 แบบคือ Regular หรือแบบธรรมดา เมนูนี้ไม่มีไอศกรีมมาให้ แต่แบบ Special หรือแบบพิเศษจะมีไอศกรีมมาด้วยครบชุด
Special Halo-halo ประกอบด้วยเครื่องหลายอย่างคล้ายเมนูรวมมิตรของไทย แต่มีเอกลักษณ์คือไอศกรีมสีม่วงเข้มสะดุดตา หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นมันม่วง แต่เธอบอกว่าคือ Ube Halaya หรือเผือกพันธุ์ฟิลิปปินส์ที่ทางร้านนำเข้ามาปลูกเองเพื่อทำขนม รอบ ๆ ตกแต่งด้วยวุ้นมะพร้าว ลูกชิด มันส้ม ถั่วแดง และที่เราชอบมาก คือแยมเผือกม่วงหอม ๆ กับคัสตาร์ดรสนุ่มที่ทางร้านทำเอง ทุกอย่างแช่อยู่ในนมผสมน้ำเชื่อม โรยข้าวคั่วกรุบกรอบปิดท้าย
เห็นแล้วอยากเอาช้อนจ้วงกินทันที แต่จูนบอกว่าวิธีกินแบบฟิลิปปินส์แท้ คือสั่งมาแล้วนั่งคุยกับเพื่อนหรือครอบครัวก่อน รอให้ไอศกรีมละลายไปเคลือบเครื่องด้านล่างแล้วค่อยกิน
พอลองทานด้วยวิธีที่เจ้าของร้านแนะนำ เราก็ได้สัมผัสกับรสหวานหอม อุณหภูมิที่ดีต่อใจ และได้สนุกกับสัมผัสที่ต่างออกไปในทุกคำที่กินกับเครื่องแต่ละอย่าง เชื่อว่าต้องถูกปาก คุ้นลิ้นคนไทย และคุ้มค่ากับการไปลิ้มลองแน่นอน
Toto Inasal
#07
Mövenpick Ice Cream
ส่งตรงวัตถุดิบพรีเมียมจากนมวัวที่เลี้ยงบนเทือกเขาแอลป์สู่ปากชาวไทย
ร้านไอศกรีมพรีเมียมแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์โดย Ueli Prager ในปี 1968 และเริ่มขยับขยายไปยังหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย
กว่าจะส่งตรงไอศกรีมพรีเมียมมาถึงบางกอก ทุกรสชาติของแบรนด์ผ่านการเฟ้นหาวัตถุดิบธรรมชาติที่ดีที่สุด อย่างวัตถุดิบหลักคือครีมนมสด (Swiss Cream) ผลิตจากนมวัวที่เลี้ยงอยู่บนเทือกเขาแอลป์ มีกลิ่นหอมและความเข้มข้นเฉพาะตัว นอกจากนี้ช็อกโกแลตยังเป็นสวิสช็อกโกแลตแท้ ใครเคยทานจะสัมผัสได้ถึงเนื้อสัมผัสของเกล็ดช็อกโกแลตที่กรุบกรอบตัดกับความนุ่มฟูของเนื้อไอศกรีม
Vanila Dream คือชื่อของรสวานิลลา ทำมาจากวานิลลาแท้ ขนาดที่ในเนื้อมีจุดสีดำจากฝักวานิลลาให้เราเห็นกับตา ทางร้านมีรสชาติให้เลือกถึง 18 รสชาติ เช่น รส Espresso Croquant เป็นเนื้อกาแฟเอสเปรสโซ่ช็อตผสมถั่วหอม ๆ รส Maple Walnut ทำจากเมเปิลไซรัปที่ดีที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงมีรสชาติเบสิกที่ขายดีตลอดกาลรสอื่น ๆ อย่าง Swiss Chocolate และ Mint Chocolate
ใครที่หลงรัก Crafted Sweet Ice-cream เราเชื่อว่า Mövenpick Ice Cream เป็นร้านที่ทำให้คุณต้องกลับมาหาอีกครั้งอย่างแน่นอน
Mövenpick Ice Cream
#08
Montagne, l’art de la glace
ร้านไอศกรีมของเชฟผู้ผสมผสานขนมฝรั่งเศสกับวัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาลของไทย
ร้าน Montagne, l’art de la glace (มงตาญ) เป็นร้านที่นำเอาเทคนิคและขนมขึ้นชื่อของฝรั่งเศสมาประยุกต์ให้เข้ากับรสชาติของวัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาลของไทย
เมนู Parfait คือตัวอย่างของร้านที่ เปีย-ธาราพร พิสิทธิวิทยานนท์ และ เชฟปูน-ภูผา ชุณหรัศมิ์ ตั้งใจรังสรรค์ขึ้นมา 2 รสชาติด้วยกัน ได้แก่ มะม่วงและมังคุด เสิร์ฟในแก้วทรงสูงคล้ายแก้วไวน์ แต่สั่งแบบ Take Away ได้ บอกเลยว่ารสชาติลงตัวสมบูรณ์แบบ
ส่วนเมนู Choux à la noisette ทำจากขนมคลาสสิกของฝรั่งเศสอย่าง Paris-Brest ใช้แป้ง Choux มาเสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมเฮเซลนัต ถือเป็นอีกเมนูประจำร้านที่สร้างความประทับใจให้แก่ทุกคน
นอกจากโดดเด่นเรื่องการนำขนมฝรั่งเศสมาทำเป็นไอศกรีมแล้ว ยังมีการนำชาพรีเมียมยอดนิยมทั่วโลกอย่างแบรนด์ Mariage Frères มาทำเป็นไอศกรีมอีกด้วย เช่น French Earl Grey, Apricot Earl Grey และ Riz Au Lait เป็นต้น
เปียกระซิบเพิ่มว่า เหตุผลที่วัตถุดิบทุกอย่างพรีเมียม เพราะเชฟปูนทำเองทานเองด้วย จึงอยากให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติและประสบการณ์ที่ดีที่สุดเช่นกัน
ด้วยประสบการณ์ของเชฟขนมหวานผู้สั่งสมวิชาและฝีมือจากประเทศฝรั่งเศส ทุกเมนูของร้านจึงมีการจับคู่รสชาติที่น่าสนใจ และสร้างรสชาติมิติใหม่ให้แก่ผู้มาชิมอย่างไม่รู้เบื่อ
Montagne, l’art de la glace
#09
Gelato Elementary
Gelato หลากรสจากใจเนิร์ด Gelato ผู้มองหารสชาติใหม่และให้ลูกค้าออกแบบเอง
Gelato (เจลาโต) คำว่า Gel แปลว่า ทำให้แข็งหรือทำให้อยู่ตัว ส่วนคำว่า Lato แปลว่า นมหรือครีม คำว่า Gelato แปลตรงตัวคือ ครีมที่ถูกนำไปแช่แข็ง หรือก็คือไอศกรีมสัญชาติอิตาเลียนที่หลายคนคุ้นเคย
หากเรียกเจลาโตว่าไอศกรีมประเภทหนึ่งก็คงไม่ผิดนัก แต่กระบวนการทำของทั้ง 2 เมนูมีรายละเอียดบางอย่างที่ต่างกัน เช่น เจลาโตต้องแช่ในอุณหภูมิสูงกว่าไอศกรีมและใช้นมที่มีไขมันน้อยกว่าไอศกรีม รวมทั้งในเจลาโตยังมีอากาศอยู่ไม่มากทำให้เนื้อแน่น เมื่อเรากินเข้าไปจึงรู้สึกเข้มข้นและเบาสบายท้อง
Gelato Elementary คือร้านของเนิร์ดเจลาโต เจ้น-ธันยพร รุ่งเรืองธัญญา หลายคนอาจรู้จักเธอในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งร้านชานมชื่อดังอย่าง CHA BAR BKK แต่แท้จริงแล้วเธอหลงใหลในหวานเย็นชนิดนี้จนไปเรียนวิธีทำมาจากอิตาลี
ความพิเศษของเจลาโตร้านนี้ คือวิทยาศาสตร์และความจริงใจ เจ้นบอกว่าต่อมรับรสของคนแต่ละภูมิภาคต่างกัน เธอจึงพิถีพิถันปรับสูตรต้นตำรับให้เข้ากับคนไทย อีกทั้งทางร้านก็ละเมียดละไมเลือกสรรวัตถุดิบแท้ ๆ มาผสมในเจลาโต ต้นทุนสูงขึ้นก็ไม่เป็นไร แต่จะไม่ยอมใช้แต่งกลิ่นเลียนแบบเด็ดขาด
Gelato Elementary ทำเจลาโตเพื่อนำเสนอในสิ่งที่มากกว่าของหวาน แต่นำเสนอความรู้สึกที่ได้รับหลังลิ้มลอง เจ้นยกตัวอย่างเมนู Warm Wood Sundae เป็นตัวแทนความรู้สึกสนุกสนานและอบอุ่นหัวใจเหมือนเวลานั่งเล่นรอบแคมป์ไฟ ขณะที่ Richelieu Sunday สื่อถึงความสดชื่นและสวยงามของจุดดำน้ำชื่อเดียวกันในอันดามัน
สำหรับรสชาติแนะนำที่ทางร้านบอกว่า ‘อิตาเลียนมากที่สุด’ คือพิสตาชิโอ เนื่องจากมีปริมาณไขมันใกล้เคียงกับสูตรต้นตำรับมากที่สุด และยังใช้ถั่วพิสตาชิโอแท้มาปั่นเข้ากับเนื้อเจลาโต จึงได้รสสัมผัสหอม มัน เข้มข้น เธอบอกว่ารสชาติอื่นก็อร่อยไม่แพ้กัน ทางร้านยินดีให้ลองชิมได้หลายรส เพื่อเลือกสกูปที่อยากกินที่สุดของวัน
นอกจากนี้ Gelato Elementary ยังคิดรส Special of the Day ใหม่ทุกวัน หรือลูกค้าจะเสนอรสชาติใหม่ให้ทางร้านนำไปพิจารณาเป็นรสพิเศษของเดือนก็ได้ ถ้าใครไปลองเสนอ คุณอาจจบท้ายวันด้วยการมีของหวานรสชาติของตัวเองก็ได้นะ
Gelato Elementary
#10
Irem Turkish Ice Cream
คนขายร้อยลีลา รสชาติต้นตำรับจากเมืองต้นกำเนิดที่ตุรกี ส่งผ่านมาแล้ว 4 ชั่วอายุคน
ไอศกรีมตุรกีนี่ กว่าจะได้กินสักโคนหนึ่งเล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน
Irem Turkish Ice Cream คือร้านขายไอศกรีม Dondurma (ดอนดูร์มา) สัญชาติตุรกีแท้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุด ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการทำ ขั้นตอนการขาย และการออกลีลาอันสนุกสนาน ทำให้มีลูกค้าแวะเวียนมาให้คนตัก ‘หยอกเย้าอยู่เสมอ’ แต่สุดท้าย รสชาติที่ได้สัมผัสลิ้นต้องบอกเลยว่าคุ้มค่า
สิ่งที่โดดเด่นของไอศกรีมตุรกี คือเนื้อที่เหนียวนุ่มกว่าปกติ ทั้งยืดได้ ละลายช้า มีความหนาแน่น รับประทานได้อร่อยเต็มคำ ไม่ต้องกลัวละลายก่อนหมด ที่สำคัญคือไม่ต้องไปไกลถึงตุรกี
ทางร้านเลือกใช้สูตรดั้งเดิมจากเมืองคาฮ์รามันมารัช เมืองต้นกำเนิดของไอศกรีมตุรกี โดยสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 4 ชั่วอายุคน ผลิตจากนมสดแท้จึงมีกลิ่นหอมหวาน ผสมด้วยส่วนหัวของกล้วยไม้ป่า Salep Orchid ช่วยเพิ่มความเหนียวของเนื้อได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันที่ร้านมีทั้งหมด 10 รสชาติให้ลิ้มลอง แต่ที่ต้องไปหาซื้อกันให้ได้ คือรสนมและ
ดาร์กช็อกโกแลต เป็นซิกเนเจอร์ของ Irem Turkish Ice Cream โดยรสนมมีความละมุน หวานกำลังดี ส่วนดาร์กช็อกโกแลตมีความเข้มข้นทั้งเนื้อสัมผัสและกลิ่นหอม เหมาะกับการรับประทานหลังมื้ออาหารเป็นการปิดท้ายอย่างลงตัวในบรรยากาศยามค่ำคืน ไม่ว่าคุณจะไปเดินกินลมชมวิวกับใคร หรือแม้กระทั่งไปคนเดียว Irem Turkish Ice Cream พร้อมแกล้งและแบ่งปันความอร่อยให้คุณเสมอ
Irem Turkish Ice Cream
เรื่อง : ชาลิสา นุตตะรังค์, วรรณิกา อุดมสินวัฒนา, ธนพงศ์ วสุวัต, นวพรรษ สรรประสิทธิ์