ก่อนจากบ้านมา เพื่อนมันว่าให้ช้ำทรวง
ไปอิตาลีให้เขาล้วง มันเจ็บในทรวงไม่หาย
พุ่มพวง ดวงจันทร์ ไม่ได้กล่าวไว้ เปาวลี ก็เช่นกัน
ล้วงที่ว่านี้ คือ ‘ล้วงกระเป๋า’ ใครที่เคยโดนแล้ว คงรู้พิษสงว่าไม่ได้แค่เจ็บในทรวงอย่างเดียว แล้วถ้ายิ่งในกระเป๋านั้นมีหนังสือเดินทางแล้ว มันวุ่นวายอย่างถึงที่สุด
วันนี้มาชวนคุยเรื่องวิถีแห่งโจรว่ามีอะไรกันบ้าง เพราะเมื่อพูดถึงอิตาลี นอกจากความงดงามของทิวทัศน์ธรรมชาติและมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอื่น ๆ มิจฉาชีพแก๊งล้วงกระเป๋าในอิตาลีก็ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน
คงสาธยายกลวิธีของมิจฉาชีพแก๊งล้วงกระเป๋าเหล่านี้ไม่หมด เอาเท่าที่รู้นะ
ยื่นหนังสือพิมพ์ให้อ่าน ยื่นแผนที่ให้ดู
วิธีเหล่านี้มักใช้เมื่อคุณมีกระเป๋าเสื้อต่ำอยู่ด้านล่างของเสื้อหรือถือกระเป๋าที่ต่ำกว่าพุง วิธีรุกเข้าหาตัวคือยื่นหนังสือพิมพ์เข้ามาให้คุณอ่านหรือกางแผนที่ทิ่มเข้ามาที่พุง เพื่อให้คนตกใจมองที่กระดาษแผ่นนั้นสลับกับคนที่ยื่นมันเข้ามา ในช่วงแห่งความงงงัน ฟังไม่ออกว่านางต้องการอะไรหรือบอกทางไม่ถูกนั้น มืออีกข้างหนึ่งของนางก็ได้ล้วงเข้าไปควานหาและหยิบฉวยของในกระเป๋าของเราแล้วอย่างแคล่วคล่อง
ล่าสุดก่อนกลับมานี้เคยเจออีกแบบหนึ่ง คือไม่ใช่กระดาษแล้ว แต่เป็นเสื้อโคตที่นางหิ้วไว้ที่แขนแล้วเข้ามาเบียดตอนอยู่บนรถไฟ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม หลักการคือปิดครรลองจักษุของเราในขณะที่พวกนางกำลังประกอบธุรกรรมบนร่างของเรา ซึ่งนางคงมองเป็นตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่
ตีวงโอบล้อม
อันนี้ไม่ได้เจอเอง แต่ลูกศิษย์เจอ วิธีง่ายมากแต่น่ากลัวและดูอุกอาจ เหตุเกิดบนรถไฟกลางวันแสก ๆ แต่เป็นตู้และเส้นที่เปลี่ยวหน่อย เช่น รถไฟใต้ดินออกไปชานเมืองกรุงโรม วิธีทำก็อย่างที่บอก คือมากันราว 5 คน แล้วยืนล้อมเหยื่อ สักพักต้นเสียงก็ขึ้นว่า พวกเราเหล่ามาชุมนุม… ไม่สิ เอาใหม่ ก็จะล้อมอยู่อย่างนั้น ไม่จับมืออะไรด้วย น้องคนที่โดนโอบล้อมเห็นท่าไม่ดีแน่ก็ตะโกนให้เพื่อนช่วย เพื่อนก็กรูกันไป นางก็แทรกตัวออกมาจากวงล้อมนั้น แล้วพวกที่กุมใจรักสมัครสมานเหล่านั้นก็ลงรถที่สถานีถัดไป เมื่อน้องคนนั้นมาเช็ก ก็พบว่ากระเป๋าสตางค์หายไป คาดว่าคงถูกล้วงไปในช่วงระหว่างเบียดตัวแทรกออกมานั่นเอง
ฉวยก่อนรถจะปิดประตู
วิธีนี้เคยเห็นกับตา แต่โชคดีที่โจรล้วงกระเป๋าพลาด วันนั้นก็อยู่บนรถไฟใต้ดินนี่ล่ะ พอประตูรถไฟจะปิดก็มีเสียงต๊อด ๆๆๆ ดังขึ้นเพื่อเตือนว่าจะเปิดละนะ มีเสียงคุณลุงคนหนึ่งเอะอะโวยวายขึ้นมาเลยเงยหน้าขึ้นไปดู ภาพที่เห็นคือภาพประตูรถที่ปิดลงพอดีกับคุณลุงซึ่งถือกระเป๋าสะพายโตงเตง มือไม้สั่น ด้านนอกมีชายคนหนึ่งมองลุงคนนั้นแล้วหันหลังขวับเดินออกไปอย่างใจเย็น
กลับมาที่คุณลุงซึ่งหันกลับมาเล่าให้คนในรถฟังปากคอสั่นว่าผู้ชายคนนั้นกระชากกระเป๋าลุงตอนที่รถไฟกำลังปิดประตูต๊อด ๆๆๆ นั่นล่ะ แต่คุณลุงกระชากกลับไว้ทัน ถ้าลุงดึงไม่ทัน เหตุการณ์คงหัวเราะไม่ออก นั่นคือแก๊งโจรมิจฉาชีพฉวยกระเป๋าแล้วยืนเฉย ๆ ชิลล์ ๆ อยู่ที่ชานชาลา ในขณะที่เหยื่อวิ่งจากไปด้วยความเร็วของรถไฟใต้ดิน
ฉวยดื้อ ๆ
อันนี้ก็เห็น (ตอนจบ) ด้วยตัวเองเช่นกัน นั่นคือเป็นชายแก่คนหนึ่ง ตำรวจคนหนึ่ง แล้วก็เด็กคนหนึ่ง หลังจากฟังการโวยวายของเจ้าทุกข์อยู่สักพักก็ได้ความว่า เด็กคนนี้ฉวยกระเป๋าของเขาไป แล้วก็โยนต่อให้อีกคนซึ่งอยู่ข้างหลัง แล้วข้างหลังก็ส่งต่ออีกที คงประมาณโยนลูกรักบี้ จากนั้นลูกมือพวกนั้นก็วิ่งตื๋อหายไป คงเหลือแต่เด็กน้อยรับศึกหน้างานอย่างไม่สะทกสะท้าน เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากอิตาเลียนมุงรอบนอกบอกว่า เด็กไม่กลัวเพราะยังไงก็เด็ก กับอีกอย่างหนึ่ง ไม่มีหลักฐานอยู่ในมือ จะเอาผิดยังไงก็ยากล่ะ
นายนกต่อ
อันนี้ขอเล่ายาว เพราะ (เกือบ) เจอกับตัวเอง วันหนึ่งเมื่อช่วงอายุราวเบญจเพส ก็พลบค่ำแล้วล่ะ จังหวะที่กำลังยืนนิ่ง ๆ ชมเมืองหามุมถ่ายรูปอยู่นั้น
“Excuse me?”
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นข้างหู เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ผมบลอนด์ กล้ามเนื้อชัดเจนในเสื้อยืดสีขาว มีแผนที่กางอยู่ในมือ อ๋อ ฝรั่งต่างชาติหลงทาง เอ็นดู
ตอนนั้นไม่คิดเลยว่าทำไมถึงได้มาถามทางเอากับคนที่ไม่ได้ดูเป็นเจ้าถิ่นเลยแม้แต่น้อย มือถือกล้องถ่ายรูป หันซ้ายที หันขวาที ดูน่าจะหลงทางด้วยกันทั้งคู่ด้วยซ้ำ
ก้มหน้าอ่านแผนที่แค่ครู่เดียว ปรากฏว่าถนนที่เขาถามถึงนั้นอยู่ตรงที่ยืนนั่นเอง ก็บอกนี่ไง
ชายหนุ่มก็โอ้ววว ขอบคุณมาก นี่ถ้าไม่ได้เธอชั้นต้องหลงทางแน่ ๆ เลย ให้ฉันเลี้ยงเธอสัก Drink นะ
บ้า จะให้ตามคนแปลกหน้าเข้าผับเข้าบาร์เหรอ
“เอาสิ”
จากนั้นก็เดินกันไป เขาบอกว่าเขาเป็นคนอเมริกัน มาจากลอสแอนเจลิส และที่เขาหาอยู่ก็คือผับเด็ดที่ซ่อนอยู่ เพื่อนบอกเขาว่าต้องมาให้ได้เลย
คุยกันได้ไม่กี่คำก็ถึงร้านที่เขาว่า มันเป็นร้านกึ่งใต้ดิน ต้องเดินลงไป
เมื่อเข้าไป มันก็คือบรรยากาศเหมือน Night Club ทั่ว ๆ ไป มีเก้าอี้บุกำมะหยี่สีแดงรูปครึ่งวงกลมตั้งล้อมโต๊ะกระจกเล็กตรงพื้นที่ตรงกลาง บรรยากาศทั่วไปสว่างเรืองรองด้วยแสงไฟตามมุมต่าง ๆ ของห้อง
พอหาโต๊ะได้ ฉันก็สั่งน้ำส้มคั้น จริง ๆ ตอนนี้คุณไม่ควรทำตามอย่างแรง คุณไม่ควรสั่งอะไรทั้งสิ้น (จะว่าไป ไม่ควรทำตั้งแต่ตอนเดินตามเขามาต้อย ๆๆ แล้วเหอะ!) จากนั้นฉันก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
พอฉันกลับมานั่งที่โต๊ะ นอกจากชายหนุ่มจากลอสแอนเจลิสกับเครื่องดื่มของเขา น้ำส้มของฉันแล้ว ก็มีผู้หญิง 2 คนมานั่งในตำแหน่งที่จะขนาบข้างเราด้วย
เมื่อเอยเมื่อนั้น บาร์อันมลังเมลืองกลับเจิดจ้าไปด้วยแสงแห่งพุทธิปัญญาพวยพุ่ง มีเสียงฮาเลลูยาประกอบเป็นแบ็กกราวนด์
นั่นก็คือรุ่นน้องฉันคนหนึ่ง เลยเล่าให้ฟังว่าตัวเองถูกคนอิตาเลียนถามทาง แล้วเขาคนนั้นก็ขอบคุณด้วยการพาไปดริงก์ แล้วก็มีผู้หญิงจากไหนไม่รู้มานั่งกินด้วย ตอนจบ คิดเงินมา เสียไปแทบหมดตัว เพราะต้องเลี้ยงทุกคนบนโต๊ะนั้น ผู้ชายคนนั้นนั่งเฉย เพราะก็คือหน้าม้าล่อให้เข้าร้านนั่นเอง
ดังนั้นแล้ว ฉันก็เลยจิบน้ำส้มไปนิดหนึ่ง แล้วก็ขอตัวกลับบ้าน บอกว่าอาศัยคนอื่นอยู่ ต้องรีบกลับ แล้วก็โบกไม้โบกมือลาโดยเร็ว สรุปว่าวันนั้นรอดตัวไป
ทั้งหมดที่เล่าไปไม่ใช่เพื่ออะไรทั้งสิ้น นอกจากให้ระวังตัว การเดินเมืองใหญ่ ๆ อย่างโรม ฟลอเรนซ์ มิลาน เวนิส ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ (แม้ว่าช่วงหลัง ๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวจะมีตำรวจทหารยืนลาดตระเวนกันอยู่เยอะมากก็ตาม) ไม่มีคำว่า ‘เกินไป’ สำหรับเรื่องนี้ และอย่าไว้ใจใคร ไม่ว่าจะอิตาเลียนหรือต่างชาติ
ปกติตำรวจหรือคนอิตาเลียนโดยทั่วไปก็จะเห็นใจเหยื่อนะ แต่มีบางครั้งเหมือนกันที่เขาก็มองว่า เราเองก็ประมาทไป มีอะไรบ้างที่คุณพลาดไปแล้วเขาไม่ค่อยเห็นใจ
- เหน็บกระเป๋าสตางค์ไว้ที่กระเป๋าหลังของกางเกง
- ถือเป้หลังไว้ข้างหลัง งงมั้ย คือถ้าอยู่ในที่ที่คนแน่น ๆ คุณต้องเอาเป้มากอดไว้ข้างหน้านะ
- คล้องกระเป๋าไว้ที่พนักเก้าอี้
- เอาของมีค่าวางไว้บนโต๊ะในร้านอาหาร
พึงหลีกเลี่ยงการทำอะไรอย่างนี้ ถ้าคุณไม่อยากเจ็บซ้ำซ้อนกับการถูกซ้ำเติม
ขอให้โชคดีกับการท่องเที่ยวนะ
อวยพรจริง ๆ