ต้นเดือนกันยายน

ไม่แปลกนักที่เราจะพบกับฝนซึ่งตกตลอดคืนจนกระทั่งเช้า สายฝนยังคงโปรยปราย ท้องฟ้าขมุกขมัว ลมมรสุมเข้าครอบคลุมผืนป่าไว้แล้วอย่างสมบูรณ์

กระแสน้ำไหลแรงยิ่งขึ้น ดอนทรายกลางลำห้วยที่เมื่อวานโผล่พ้นน้ำเช้านี้ถูกน้ำท่วมจนมิด หากฝนตกต่อเนื่องไปเช่นนี้อีก น้ำมาก ดอนทรายเหล่านี้จะเปลี่ยนทิศทาง รวมทั้งบริเวณริม ๆ ฝั่งที่รกทึบจะถูกกระแสน้ำกวาดกระทั่งเตียนโล่ง

และเมื่อมรสุมผ่านพ้น ที่โล่งริมฝั่งเหล่านั้นจะกลายเป็นหาดทรายกว้าง ตรงกับช่วงเวลาที่นกยูงตัวผู้หางยาวสลวยเข้ามาจับจองอาณาเขตไว้สำหรับรำแพนหางอวดความสวยงามแข็งแรงให้เหล่าตัวเมียเลือก

สายฝนทำให้รู้ว่าเราอาจติดอยู่ในแคมป์ตลอดทั้งวันนี้

“โดนฝนแค่นี้ไม่ละลายหรอก เราไม่ใช่น้ำตาล” เดชา หัวหน้าชุดลาดตระเวนจากหน่วยพิทักษ์ป่า ร้องบอกลูกทีมที่กำลังจัดเตรียมประกอบอาหารเช้าและอาหารกลางวัน 

ทุกคนผ่านการอบรมงานลาดตระเวณเชิงคุณภาพมาแล้วอย่างเข้มข้น งานของพวกเขาไม่เคยหยุด 

ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร

ในทุกสภาพอากาศ พวกเขารู้ดีว่าคนล่าสัตว์ป่าก็ไม่หยุดเช่นกัน

“ยิ่งช่วงฝนอย่างนี้ คนล่าคิดว่าเราไม่ออกลาดตระเวน จึงถือโอกาสเข้ามา พวกเอ็งอย่าประมาท” เดชาบอกลูกทีม

“เดี๋ยวนี้คนล่าสัตว์พัฒนาไปเยอะ พวกเอ็งก็รู้ สัตว์ป่าอยู่ที่ไหนในโลกนี้ก็ไม่ปลอดภัยแล้ว และปลายทาง ซากสัตว์ทั้งโลกก็จะไปอยู่ที่เดียวกัน” สมควร หนึ่งในทีมพยักหน้า

“ดูในสารคดีแถวแอฟริกาสิ พวกล่ามันเอาหนังตีนช้างมารองใต้รองเท้าอย่างนี้ รอยตีนคนไม่มีให้เห็น มีแต่รอยตีนช้าง” 

ที่สำนักงานเขตมีพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์และจานเคเบิล พวกเขาดูสารคดีด้วยกันเสมอ 

งานลาดตระเวนเชิงคุณภาพเป็นเครื่องมือที่ดี พวกเขาสังเกตร่องรอยแม้เพียงเล็กน้อย เศษขยะ ก้นบุหรี่ ซองยาแก้ปวด ของเหล่านี้ช่วยสืบย้อนกลับไปได้ว่าจำหน่ายจากแถบไหนหรือชุมชนใด

การล่าพัฒนาไปไกลเช่นเดียวกับงานป้องกัน

สายฝนยังคงโปรยปราย ลมแรง ต้นไม้เอนลู่ เราเริ่มต้นเดิน

ด่านซึ่งมีใบไม้ทับถมเปียกชุ่มเดินนุ่มเท้า เดชามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ห่างลำห้วยไปเรื่อย ๆ บนพื้นมีรอยกระทิงเดินย่ำทับไปบนรอยที่หมูป่าคุ้ยดินไว้จนร่วนซุย

เดินมาได้ราว 4 ชั่วโมง เดชาส่งสัญญาณให้หยุด ยงค์ กับ สมควร ช่วยกันขึงผ้ายางกันฝน

ผมนั่งขัดสมาธิใต้ผ้ายาง ไหล่เบียดเดชา ส่วนอีกด้านเป็นยงค์กับสมควร

สายฝนช่วยให้ริ้นและคุ่นเบาบาง แต่ยุงก้นขาวดูจะมากขึ้น ทากคืบคลานขึ้นมาจากเท้า ผมจับมาใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ม้วนทากเป็นก้อนกลมแล้วดีดออกไป

สายฝนดูจะหนักขึ้น 

“แรดนี่ เขาจับมาตัดนอออกเลยใช่ไหมครับ ช้างก็ตัดงา ผมเห็นในสารคดี” เดชาชวนคุยเรื่องที่คุยกันเมื่อเช้าต่อ

“ใช่แล้วครับ เขาคิดว่าถ้าแรดไม่มีนอ ช้างไม่มีงา คนล่าก็จะไม่ล่า แรดก็จะยังมีชีวิตอยู่เป็นแรดนอด้วน ดีกว่าตายขึ้นอืด” ผมตอบ

ควันยาเส้นช่วยไล่ยุงไปบ้าง

“บ้านเรานี่ เมื่อก่อนก็มีแรดนะครับ รุ่นปู่ผมเล่ากันว่าเคยยิงได้”   

แรดที่เดชาพูดถึงคือแรดพันธุ์ชวา อันเป็น 1 ในจำนวน 5 ชนิดที่มีอยู่ในโลก พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ ตัวผู้โตเต็มวัยมีนออยู่เหนือจมูกยาวราว 10 นิ้ว มีนอเดียว ส่วนตัวเมียนอจะเห็นเพียงเนื้อนูน ๆ ขึ้นมา

แรดกินใบไม้รากไม้ อยู่ในที่รก ๆ ได้เพราะมีหนังหนา ชอบนอนปลักโคลน พวกมันมีลูกยาก ใช้เวลา 4 – 5 ปีถึงจะมีลูกสักตัว ตั้งท้องประมาณ 8 เดือน ลูกเล็กจะอยู่กับแม่ 2 ปีจึงจะพึ่งพาตัวเองได้ แรดมีอายุยืนได้ถึง 50 ปี

ในประเทศไทย แรดที่เคยมีแหล่งอาศัยในป่าด้านตะวันตกสาบสูญไปแล้ว พวกมันไม่ได้จากไปเพราะมีลูกยากหรือเพราะแพร่พันธุ์น้อย ประชากรไม่มาก แต่แรด ไม่ว่าจะเกิดและอาศัยอยู่มุมใดของโลก จากไปเพราะ ‘นอ’ ของพวกมัน

นอแรดได้ชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนซึ่งนำมาเข้าเครื่องยาแล้วจะมีสรรพคุณวิเศษ

“คืนนี้คงต้องนอนแถวนี้กันครับ เพราะจากนี้ลงหุบไปหน่อย ด่านจะไต่ขึ้นเขา พักที่นี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปต่อ” เดชาบอกแผน

ยงค์ช่วยผมขึงผ้ายางเหนือเปล เดชาเตรียมที่ทำอาหาร เตาแก๊สอันเล็กช่วยได้มากในสภาวะที่ฟืนเปียกชื้นเช่นนี้ ไม่ก่อกองไฟ ไม่มีควัน สังเกตได้ยาก ช่วงกลางคืน พวกเขาหลีกเลี่ยงการพูดคุย เฝ้าฟังเสียงในป่า เสียงปืนก้องกังวานไปไกล

“กระซู่ล่ะครับ เหมือนแรดไหม” ยงค์ถามตอนนั่งล้อมวงกินข้าว

“ดูเผิน ๆ ก็เหมือนแรดนั่นแหละ กระซู่มี 2 นอ แต่นอคล้าย ๆ เนื้อนูนขึ้นมาเท่านั้น ไม่เป็นแท่งสูงอย่างแรด ตัวเล็กกว่า หนังดูเรียบ ๆ ไม่เป็นปุ่มเป็นปม ป่าที่กระซู่อยู่จะรกทึบและอยู่ในระดับความสูงกว่าในบ้านเราทางใต้สุดยังพบร่องรอยอยู่บ้าง” ผมเล่า 

“กระซู่ตัวที่ยังอยู่นี่ เราตามไปยิงยาสลบแล้วตัดนอออกเสียดีไหมครับ มันจะได้ไม่ถูกล่า” ยงค์ถามแบบขำ ๆ

“เอ็งก็พูดเสียยังกับหาตัวได้ง่าย บ้านเราไม่เหมือนที่แอฟริกาเว้ย” เดชาว่า 

“แต่ถึงตามพบ ตัดนอมัน เป็นกระซู่ที่ไม่มีนอ ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมว่ะ” เดชาพูดตามความรู้สึก

ถึงแม้ว่านอแรดจะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเพียงกลุ่มขน ไม่มีสรรพคุณทางยาอะไร แต่สำหรับแรด นอย่อมไม่ได้มีไว้อย่างไร้ประโยชน์ สำหรับตัวผู้ นอเป็นเครื่องมือ เป็นศักดิ์ศรี

การรักษาชีวิตแรดด้วยวิธีตัดนอออกเป็นวิธีหนึ่งซึ่งคนจะช่วยให้แรดมีชีวิตอยู่ต่อไป สำหรับแรด การอยู่โดยไร้นอที่เคยมี ชีวิตก็อาจไม่มีความหมายแต่อย่างใด

บางที กับ บางคน เรื่องเช่นนี้ ดูคล้ายจะไม่มีความหมาย

Writer & Photographer

Avatar

ปริญญากร วรวรรณ

ถ่ายทอดเรื่องราวของสัตว์ป่าและดงลึกทั่วประเทศไทยผ่านเลนส์และปลายปากกามากว่า 30 ปี มล. ปริญญากร ถือเป็นแบบอย่างสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างเคารพธรรมชาติให้คนกิจกรรมกลางแจ้งและช่างภาพธรรมชาติรุ่นปัจจุบัน