17 มิถุนายน 2023
2 K

ฮ่องกงรอบนี้มีสีสันกว่าที่ผมคิด

มหานครที่มีตึกสูงเสียดฟ้าเป็นฉากหลังนี้กลายเป็นเมืองสุดพิเศษสำหรับผมเสมอมา โดยเฉพาะ จังหวะ กลิ่นอาย ผู้คน สถานที่ อันมีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนที่ไหน ๆ ในโลก

หลังจากว่างเว้นการเดินทางไปต่างประเทศมากว่า 3 ปี เพราะการแพร่ระบาดใหญ่ เมื่อโลกเริ่มกลับมาขยับเคลื่อนอีกครั้ง ฮ่องกงจึงเป็นเมืองแรก ๆ ที่ผมคิดถึง เมื่อบวกกับการที่เพิ่งลาออกจากงานประจำมาสู่การเป็นฟรีแลนซ์ ของขวัญหนึ่งที่ผมได้รับติดมือมาด้วย คืออิสระที่โยกย้ายไปมาตามที่ต่าง ๆ ได้คล่องตัวยิ่งขึ้น

ผมไม่รอช้า รีบมองหาตั๋วราคาย่อมเยาเพื่อจับเครื่องบินจากสุวรรณภูมิสู่สนามบินเช็กแลปก๊อก ในวันที่ลมมรสุมยังไม่ขึ้นฝั่ง

และเมื่อกำหนดการมาถึงในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม การเดินทางสู่ฮ่องกงครั้งแรกหลังโควิดก็เริ่มต้นขึ้น

ภารกิจไต่เขาหลงทางบนหลังมังกร พิชิต Dragon’s Back เส้นทางเดินป่าในฮ่องกงกับชายแปลกหน้า

หนึ่งในเป้าหมายที่คิดไว้ในการมาฮ่องกงรอบนี้ คือการพิชิต ‘หลังมังกร’ หรือ Dragon’s Back ทางเดินเขาที่สวยและเป็นที่นิยมที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง แต่ปัญหาก็คือ การมาในช่วงใกล้ฤดูมรสุม มีแนวโน้มที่อาจเจอฝนวันไหนก็ได้ ดังนั้นผมจึงวาดแผนการเดินเขาไว้คร่าว ๆ โดยไม่มีกำหนดว่าจะไปวันไหน (หรืออาจไม่ได้ไปเลย)

โชคดีของผม คือตั้งแต่เช้าแรกที่มาถึงก็เจอฝนโปรยปรายต้อนรับทันที หลังจากเที่ยงวันนั้นที่ฝนขาดเม็ด ฮ่องกงก็ไม่มีฝนอีกเลย ราวกับท้องฟ้าหยุดร้องไห้ มีเพียงแสงแดดแผดจ้าทุกวัน ในคืนหนึ่ง ผมจึงคิดว่า ‘พรุ่งนี้ก็คงเป็นแดดเหมือนเดิม’ แต่เมื่อสะดุ้งตื่นตอน 6 โมงเช้า ท้องฟ้าเหนือย่านมงก๊กกลับอึมครึม และได้ยินเสียงเม็ดฝนกระทบหน้าต่างข้างหัวเตียง ผมจึงคิดในใจว่า คงไม่ได้ไปแล้ว

แต่ฮ่องกงเศร้าใจไม่นาน ผมตื่นมาอีกที 8 โมงครึ่ง แดดกระจ่างใสสาดส่องตึกระฟ้าทั่วฮ่องกงทั้งเมืองเช่นวันที่ผ่าน ๆ มา เอาล่ะ แบบนี้ก็ต้องลุย!

ภารกิจไต่เขาหลงทางบนหลังมังกร พิชิต Dragon’s Back เส้นทางเดินป่าในฮ่องกงกับชายแปลกหน้า

ผมเดินทางมาลงสถานี Shau Kei Wan ฝั่งตะวันออกของเกาะฮ่องกง จับรถบัสคันเล็กออกจากสถานีบัสเพื่อไปยังจุดเริ่มต้นที่ To Tei Wan คนขับเป็นคุณลุงแก่ ๆ ตัวผอมบาง แต่ขับเส้นทางขึ้นเขาราวกับเป็นนักซิ่งเก่า

นั่งเขย่าอยู่ในรถไต่ไหล่เขาผ่านทิวทัศน์ของป่ามาเรื่อย ๆ บางช่วงเห็นชายหาดและทะเลปรากฏหลังแมกไม้เป็นพัก ๆ นั่งมองนอกหน้าต่างเพลิน ๆ รู้ตัวอีกที ได้ยินคุณลุงคนขับตะโกนอะไรสักอย่างและมองผ่านกระจกหลังมา แล้วป้าย To Tei Wan จุดเริ่มต้นขึ้นหลังมังกรก็ผ่านหน้าไป – ลุงแม่งไม่จอดหรอกเหรอ!

ประเด็นคือ ทั้งคันรถไม่มีชาวไทยสักคนยกเว้นผม และน่าจะไม่มีใครมาปีนเขาด้วย เพราะไม่มีใครบอกให้หยุดรถเลย ด้วยความงง ๆ และไม่กล้าพูดกับลุงให้จอด เพราะพูดภาษากวางตุ้งไม่เป็น และมันเป็นเส้นทางเขา จอดข้างทางไม่ได้ ผมจำต้องเลยตามเลยนั่งไปก่อน แต่ในใจร้อนรนอย่างยิ่ง จะไปโผล่ที่ไหนล่ะเนี่ย

ท้ายที่สุด คุณลุงขับต่อมาอีกประมาณ 5 นาที จอดที่จุดจอดรถบัสของป้าย Big Wave Bay ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของเส้นทางเดินเขาหลังมังกร จากจุดนี้จะเดินไปชายหาดได้ รวมถึงคนที่มาเดินเขาหรือมาเล่นหาดและต้องการกลับในเมืองก็จะมาขึ้นที่นี่

ผมได้แต่คิดว่า การตะโกนภาษากวางตุ้งของคุณลุงในรถเมื่อสักครู่คือการถามว่า ‘ใครจะลงรึเปล่า’ สินะ แล้วทำไมไม่ชะลอรถสักหน่อยล่ะลุง (ฮือ ๆ)

เมื่อรถจอด ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ทยอยลงรถกันหมด ผมจึงเดินไปบอกคุณลุงที่กำพวงมาลัยแน่นอยู่ตรงที่นั่งคนขับเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘จริง ๆ ผมจะลงตรงป้าย To Tei Wan จุดเริ่มต้นปีนเขาครับเฮีย’ แต่คุณลุงหันมามองและทำคิ้วชนกัน พูดอะไรบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ โบกไม้โบกมือเหมือนไล่ให้ผมไปขึ้นอีกคันที่จะขับเข้าเมืองแทน ผมจึงต้องไปเสียค่ารถอีกรอบเพื่อนั่งรถบัสฝั่งตีกลับเข้าเมือง และขอคนขับลงที่จุดเริ่มต้นขึ้นเขา

ภารกิจไต่เขาหลงทางบนหลังมังกร พิชิต Dragon’s Back เส้นทางเดินป่าในฮ่องกงกับชายแปลกหน้า

ในที่สุดก็ (กลับ) มาถึงจุดเริ่มต้น

อธิบายคร่าว ๆ ว่า เส้นทาง Dragon’s Back ยอดนิยมมี 2 แบบ แบบแรกคือแบบระยะสั้น ประมาณ 5 กิโลเมตร คือเดินขึ้นเขาและวนกลับมาที่จุดเริ่มต้น ส่วนแบบสองคือแบบระยะยาว ประมาณ 8 กิโลเมตร ไปสิ้นสุดที่ Big Wave Bay อ่าวในเขตทางใต้ของฮ่องกงที่คนนิยมมาเล่นน้ำ – แน่นอน ผมเลือกทางหลัง เพราะอยากไปจบเส้นทางที่ชายหาด

ภารกิจไต่เขาหลงทางบนหลังมังกร พิชิต Dragon’s Back เส้นทางเดินป่าในฮ่องกงกับชายแปลกหน้า

เส้นทางช่วงแรกถือว่าชันพอสมควร ทางเดินเป็นดิน หินก้อนเล็กก้อนใหญ่ ไต่ระดับความสูงไปเรื่อย ๆ เดินลำบากเล็ก ๆ มองเห็นวิวระหว่างทางเป็นระยะ

ในที่สุดก็มาถึงจุดแรกที่เบื้องหน้ามีป้ายแยกบอกว่า เป็นทางขึ้นไป Dragon’s Back ผมจึงมุ่งหน้าขึ้นไป ระหว่างทางเห็นอาอึ้ม อาซิ่ม เหล่ากง เหล่าม่า เดินสวนกันลงมา ผมคิดในใจว่า ‘พวกเขาแข็งแรงจริง ๆ’ และหากบรรพบุรุษเหล่านี้เดินไหว ผมก็คงไม่มีปัญหากับเส้นทางนี้ แต่ก็แอบสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงเดินสวนลงมากัน

เดินขึ้นมาจนถึงจุดชมวิวที่เป็นลานภูเขาหินกว้าง มองลงไปเห็นภูเขาที่ลดหลั่นไปจนสุด มีเมืองเล็ก ๆ บนพื้นดินที่ยื่นเข้าไปในอ่าวและเกาะเล็กเกาะน้อย บนนี้มีคนไม่มาก แดดจ้าจนแผ่นหลังผมเริ่มชุ่ม ผมเก็บภาพเล็กน้อยและคิดว่าจะเดินต่อ

ภารกิจไต่เขาหลงทางบนหลังมังกร พิชิต Dragon’s Back เส้นทางเดินป่าในฮ่องกงกับชายแปลกหน้า

จากจุดนี้ ผมคิดว่าทางไปต่อคือการเดินมุ่งหน้าขึ้นเขาไปอีก จึงเดินลุย ๆ ไปตามทาง แต่น่าสังเกตคือ ไม่มีใครตามมาหรืออยู่เบื้องหน้าผมเลย แถมเส้นทางยังแปลก ๆ คือมีความสมบุกสมบันเกินไป แทบไม่มีทางเท้าเดิน เหมือนเป็นการเดินลุยดงไม้ความสูงประมาณหน้าแข้งจนถึงเอวไปมากกว่า กิ่งก้านเกี่ยวแข้งขาไปหมด เดินไป 15 นาที วนไปวนมา บางช่วงเส้นทางพามาสู่จุดที่เหมือนเนินหุบเขา ก็คิดว่ามันไปกันยังไง ทางไม่น่าลำบากขนาดนี้ 

เดินย้อนกลับมาจุดชมวิวลานหินกว้าง ก็พบพี่ ๆ (น่าจะ) ชาวจีน 3 – 4 คนถ่ายรูปอยู่ ทันใดนั้นก็ปรากฏชายคนหนึ่งที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาคนเดียวมุ่งไปทางที่ผมเพิ่งไปมา ผมรีบเข้าไปถามเขาเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘ไปทางนี้ถูกไหม’ เขาไม่ได้หยุดตอบ แต่พยักหน้าและก้าวฉับไปทันที

ผมรีบก้าวตามให้ทันความเร็วเขา พี่แกลุยบู๊ไม่สนกิ่งก้านไม้หรือทางเดินขรุขระอะไรเลย แต่ไต่ความสูงไปเรื่อย ๆ ขณะที่ผมก็ตามแกไป ในใจคิดว่า ‘แหม พึ่งพาได้จริง ๆ ลูกพี่ เจอเซียนแล้วกู’ กระทั่งสุดท้าย พี่แกไปหยุดตรงริมหุบเขาที่ผมเพิ่งไปมา และดูไม่มีทางไปต่อได้เลย ผมตามไปติด ๆ และคิดว่าแกจะไปทางไหนต่อ

สรุปพี่แกหยิบมือถือมาดูแผนที่ ผมเดินเข้าไปหาแก แกพูดเป็นภาษาจีนอะไรสักอย่าง แล้วชี้มือไปทางตรงกันข้าม ประมาณว่า ‘อ้ายมาผิด’

เอ้า! อุตส่าห์เชื่อใจ (หัวเราะ)

ภารกิจไต่เขาหลงทางบนหลังมังกร พิชิต Dragon’s Back เส้นทางเดินป่าในฮ่องกงกับชายแปลกหน้า

สรุปเราทั้งคู่มาผิดทาง เสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงกลางแดด ทางที่เราขึ้นมาเป็นแค่จุดชมวิว ถ้าจะไปเส้นทางเดินเขา ต้องไปทางแยกอีกทางก่อนหน้าที่จะขึ้นมาจุดชมวิว ซึ่งผมไม่ทันสังเกต กูว่าแล้ว ทำไมเหล่าม่าอาอึ้มถึงเดินกันไหว

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของผมกับ พี่สี ชายหนุ่มที่จะกลายเป็นเพื่อนเดินเขาของผมแบบงง ๆ

ภารกิจไต่เขาหลงทางบนหลังมังกร พิชิต Dragon’s Back เส้นทางเดินป่าในฮ่องกงกับชายแปลกหน้า

พี่สี เป็นคนเซินเจิ้น พูดอังกฤษไม่ได้เลย สูงประมาณ 160 ซม. นิด ๆ ผมสั้น ท่าทางไม่ค่อยอยากสุงสิงกับคนแปลกหน้า พูดน้อยมาก หลังจากเราทั้งคู่กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องแล้ว พี่สีก็เดินนำหน้าผมซึ่งตีเนียนติดตามแกไป แต่ความเร็วของแกอย่างกับพระจากวัดเส้าหลินมาฝึกตนบนเขามากกว่ามาเดินเขา แกเดินเร็วมาก ทางขรุขระหรือชันแค่ไหน พี่แกก็โดด ๆๆ พรึ่บพรั่บ (แต่เห็นลื่นไปครั้งหนึ่ง)

เล่าแค่ให้เห็นภาพว่า Dragon’s Back เป็นทางเดินเขาที่ไม่ได้ยากเกินไปจึงได้รับความนิยม เพราะใครก็มาพิชิตได้ แต่ก็ไม่ง่ายแน่ ๆ เส้นทางเดินบางช่วงเป็นทางชัน เนินหินขรุขระ เนินโล่ง ทางราบ ป่าครึ้ม ไต่ขึ้น เดินลง บางช่วงแคบ บางช่วงกว้างขึ้นนิดหน่อย ต้องข้ามเขาสลับเข้าป่าครึ้มไปเรื่อย ๆ

ภารกิจไต่เขาหลงทางบนหลังมังกร พิชิต Dragon’s Back เส้นทางเดินป่าในฮ่องกงกับชายแปลกหน้า

ระหว่างทาง ภูเขามีพลังบางอย่างที่เหมือนเป็นน้ำสะอาดล้างอัตตาส่วนตนออก ไม่มีครอบครัว ไม่มีการงาน ไม่มีหัวโขนที่สวม ไม่มีชื่อเสียง มีเพียงลมหายใจกับการก้าวเดิน – โดยไม่ได้ตั้งใจ เหมือนกับการภาวนาจิตอยู่ทุกขณะ บางขณะก็เหนื่อยสุด ๆ ร้อนสุด ๆ สิ่งที่ทำได้ คือตามความคิดให้ทันและรับรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นไม่ให้ฟุ้งซ่าน ยกน้ำขึ้นจิบเป็นระยะและก้าวเดินต่อ

การเดินเขาต้องให้กำลังใจตัวเองเป็น เพราะคือการต่อสู้ส่วนบุคคล ต่อสู้กับร่างกาย ต่อสู้กับจิตใจ ความอ่อนล้า ความร้อน หนึ่งในวิธียอดฮิตเพื่อเพิ่มพลังใจที่เห็นของคนเดินเขาคือการเปิดเพลงฟังจากมือถือระหว่างเดิน มีตั้งแต่คนสูงวัยที่เปิดเพลงจีนโบราณคล้ายไท้เก๊ก ไปจนถึงคนหนุ่มที่เปิดเพลงร็อกยุค 80

เมื่ออยู่บนเขา 1 นาทีกับ 1 ชั่วโมง ไม่ต่างกัน เพราะทุกขณะคือการเดิน เดิน และเดิน บนเส้นทางที่มีแต่ ‘ป่า’ และ ‘เขา’

เดินมาประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึงทางแยกที่มีป้ายระบุชัดเจน คนที่เลือกเส้นทางสั้นเลี้ยวซ้าย คนที่เลือกเส้นทางยาวไปทางขวา ผมและพี่สีมองหน้ากัน แล้วมุ่งไปทางขวา

ภารกิจไต่เขาหลงทางบนหลังมังกร พิชิต Dragon’s Back เส้นทางเดินป่าในฮ่องกงกับชายแปลกหน้า

หลังผ่านจุดนี้ หนทางเดินกลายมาเป็นถนนซีเมนต์บนเขาต่างจากทางก่อนหน้า จึงเดินได้สบายขึ้น ระหว่างทางเห็นพี่สีแวะล้างมือที่ข้างทาง เป็นริมเขาที่มีท่อน้ำเล็ก ๆ และมีน้ำไหลออกมาสม่ำเสมอ พี่สีบอกว่าเป็นน้ำสะอาดที่มาจากบนเขา จะดื่มก็ได้ แต่ผมคิดว่า เอ้อ ไม่ดื่มน่าจะดีกว่า

เดินต่อมาจนถึงช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ทางเดินที่พาลงไปสู่ Big Wave Bay เป็นการไต่เขาลงไปเรื่อย ๆ เส้นทางกลับมาเป็นดินและหินอีกครั้ง ขรุขระและสมบุกสมบันพอสมควร น้ำเปล่าในขวดผมเหลือแค่ก้นขวด

เมื่อไต่ลงมาตามทางเรื่อย ๆ ก็เริ่มได้ยินเสียงคนจำนวนมากจากที่ไกล ๆ แว่วมาตามสายลมสดชื่นของป่า น่าจะเป็นผู้คนที่อยู่บริเวณชายหาด ในที่สุดเราก็เจอบันไดช่วงสุดท้ายที่พาเข้าสู่เขตชุมชนเล็ก ๆ ที่มองเห็นท้องทะเลอยู่ไม่ไกล

ภารกิจไต่เขาหลงทางบนหลังมังกร พิชิต Dragon’s Back เส้นทางเดินป่าในฮ่องกงกับชายแปลกหน้า

พี่สีหยุดเดินที่หน้าทางเข้าชุมชน หันมาหาผมและยกนิ้วโป้ง ส่วนผมชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ ไม่มีคำพูดใด ๆ นอกจากรอยยิ้ม

ข้าน้อยขอโค้งคารวะพี่สี

หลังแยกย้ายกัน ผมก็เดินเข้ามาสำรวจชุมชนเล็ก ๆ ของ Big Wave Bay ที่เป็นเหมือนหมู่บ้านเล็ก ๆ สำหรับนักเล่นเซิร์ฟ เพราะตามร้านค้าเล็ก ๆ ที่มีกลิ่นอายความเก่าแก่มีแผ่นเซิร์ฟบอร์ดให้เช่าแทบทุกร้าน มีทั้งชาวเอเชียและชาวตะวันตกที่ใส่เพียงชุดว่ายน้ำเดินตามถนนสายเล็ก ๆ ทอดไปสู่ชายหาดราวกับเป็นเรื่องปกติ บ้างนั่งดื่ม นั่งพูดคุย หรือกินข้าวในร้านอาหารที่มีเพียงไม่กี่แห่ง

ผมเดินต่อมาจนถึงเวิ้งชายหาดที่ปรากฏตรงหน้า ทรายละเอียดเนื้อเนียน ทะเลสีครามกว้างใหญ่สุดสายตา อาจจะต่างจากทะเลไทยอยู่บ้างแต่ก็งดงามในแบบของมัน ลมทะเลพัดมาปะทะสม่ำเสมอ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยทำกิจกรรมกันอยู่ที่ชายหาด นั่งปิกนิก บ้างควงแผ่นเซิร์ฟบอร์ดคู่ใจมุ่งลงทะเล

ผมยืนอยู่บนชายหาดเป็นเวลานาน ปล่อยให้ลมปะทะใบหน้าและเวลาเคลื่อนผ่านโดยไม่สนใจ ยังไม่มีเวลาครุ่นคิดถึงการผจญภัยสั้น ๆ ที่เพิ่งสิ้นสุดลง เอาไว้นึกถึงคืนนี้ก็คงไม่สาย แค่อยากให้บรรยากาศตรงหน้ามีชีวิตชีวาและแสดงเสน่ห์เต็มที่ แล้วก็ยก Pocari Sweat แช่เย็นขึ้นเปิดฝาขวดและกรอกลงคอ

ไต่เขาตาม พี่สี ชายแปลกหน้า พิชิตหลังมังกร (Dragon’s Back) เส้นทางเดินป่ายอดนิยมของฮ่องกง

Write on The Cloud

Travelogue

ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

Writer & Photographer

ชยพล ทองสวัสดิ์

ชยพล ทองสวัสดิ์

ชาวเชียงใหม่ผู้ย้ายมาทำงานในเมืองกรุง อยากหาเวลากลับบ้านบ่อยพอ ๆ กับออกเดินทางไปที่ใหม่ ๆ เคยเจอยูเอฟโอ 2 ครั้ง ช่วงปลายปี 2019 และต้นปี 2023