บทความนี้ไม่ต้องใช้วิจารณญาณใด ๆ ในการรับชม เพราะเราจะมีแต่คำชื่นชมที่มอบให้ เนื่องจาก DISNEY I RAVIPA เป็นคอลเลกชันที่มีแผนการทำงานเบื้องหลังที่เท่และสนุกมาก

RAVIPA คือไทยดีไซเนอร์แบรนด์จิวเวลรีที่มีชื่อเสียงด้านดีไซน์ และมีจุดขายคือความเชื่อ (ที่ไม่ทำร้ายใคร) ซึ่งหากคุณไม่เคยรู้จักมาก่อน เราขอให้ลองสุ่มถามจากสาว ๆ กลุ่มหนึ่ง ไม่เพียง 9 ใน 10 จะบอกว่ารู้จัก แต่พวกเธอจะชูข้อมือขึ้นมาป้ายยาความศักดิ์สิทธิ์ จากการใช้งานจริงจนต้องบอกต่ออย่างแน่นอน 

ส่วนแบรนด์ Disney นั้นเราคงไม่ต้องแนะนำให้เสียเวลา

ในวาระที่ RAVIPA เป็นไทยดีไซเนอร์แบรนด์แรกที่ได้ทำงานร่วมกับดิสนีย์ The Cloud มีนัดกับ สา-ธนิสา วีระศักดิ์ศรี หนึ่งในผู้ก่อตั้ง เพื่อคุยถึงความเป็นมา แผนการทำงาน เบื้องหลังดีไซน์ วิธีการบาลานซ์ตัวตนของทั้ง Disney และ RAVIPA จนงานออกมาน่ารัก สวยงาม ที่สำคัญขายดีสุด ๆ จนกระทั่งได้ไปขายใน The Disney Store Korea ด้วย แถมยังมีไลน์อัปผลงานใหม่ ๆ จ่อวางขายอีกยาว

สิ่งที่เราสงสัยมากที่สุดคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก 

สาใส่สร้อยข้อมือของ RAVIPA เส้นไหน เส้นทางสายการงานของธุรกิจจึงมาบรรจบกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Disney ได้ แถมหอมหวานราวกับโรยด้วยกลีบกุหลาบเบียทริซ

อยู่ ๆ เพลง When You Wish Upon a Star ก็เล่นขึ้นมา เหมือนรู้คิว

ขอเชิญตั้งนะโม 3 จบ แล้วตามไปดูเบื้องหลังการทำงานร่วมของพวกเขาพร้อมกัน

Every adventure requires a first step.

Alice

RAVIPA เป็นแบรนด์เครื่องประดับที่มีชื่อเสียงด้านความเชื่ออันดับต้น ๆ ของประเทศไทย

ในแง่ยอดขาย ถือเป็นข้อดี แต่ในแง่ภาพลักษณ์แบรนด์ ชื่อเสียงด้านมูเตลูอาจเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไม่ได้ฝันถึงเท่าไหร่นัก

RAVIPA ถือกำเนิดขึ้นมาก่อนจะมีคำว่า มูเตลู หรือ สายมูฯ ด้วยซ้ำ ดังนั้น พวกเขาไม่ได้ทำเพราะสายมูฯ กำลังจะมา แต่ทำเครื่องประดับเสริมพลังความโชคดีอยู่ก่อนแล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2019 ในยุคที่คำว่ามูเตลูยังไม่บัญญัติ RAVIPA สร้างชื่อจากการได้รับรางวัล DEmark Award 2019 ด้านดีไซน์ เครื่องประดับแฟชั่นสุดมินิมอล ในคอนเซปต์ ‘มูยังไงให้ไม่รู้ว่ามู’ 

“เราทำเครื่องประดับที่ช่วยยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่ใส่แล้วทำให้มั่นใจ แต่ไม่อยากให้ใครเห็นแล้วรู้ว่าที่กำลังใส่กำไลนี้มีเรื่องประหม่า หรือไปออกเดตมาแล้วจับได้ว่าใส่สร้อยข้อมือขอความรักมานานจนสายซีดแล้ว” สาเล่า

จะหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจทั้งที ยังไงมันต้องมีฟอร์มหน่อย แถมคนคนหนึ่งมีเรื่องที่อยากขอพรเต็มไปหมด ถ้าต้องห้อยพระหรือจี้เทพทั้ง 5 คงใหญ่ ไม่น่ามอง เป็นเหตุผลให้ RAVIPA ทำสร้อยข้อมือดีไซน์พิเศษออกมาให้สาว ๆ ใส่ ตั้งใจขายในช่วงเวลาสั้น ๆ ขายในจำนวนจำกัด อย่างวาระได้รางวัลด้านการออกแบบระดับประเทศมา

หลังจาก Sold Out ไประยะหนึ่ง ก็มีเสียงเรียกร้องมากมายจากลูกค้าที่ซื้อไปใส่แล้วดี บางคนขอให้ทำเพราะอยากซื้อไปให้เพื่อนที่กำลังจะคิดสั้น อยากให้เขากลับมามีกำลังใจและความหวังในชีวิตอีกครั้ง

“ตอนนั้นสาคิดแค่มีคนมาขอให้ช่วยแล้ว เราจะไม่ช่วยได้อย่างไร เราก็คุยกับพี่สาวว่า ถ้าสินค้าเราทำให้เขามีกำลังใจใช้ชีวิตต่อคงดีไม่น้อย พวกเราไม่ได้คิดถึงรายได้ที่จะกลับมาหรือตัวเลขใด ๆ”

หนึ่งในเรื่องที่สาไม่เคยเล่าที่ไหน คือการตัดสินใจในวันนั้นถือเป็นไพ่ใบสุดท้าย เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่ทำให้ธุรกิจอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อหรือพอแค่นี้ ซึ่งเธอเลือกที่จะเชื่อลูกค้า ยอมกลับมาผลิตคอลเลกชันนี้ตามคำเรียกร้อง และผลที่ตามมาคือทำให้ธุรกิจไปได้ต่อ และเติบโตอย่างมากจนมีทุกอย่างในวันนี้ โดยเฉพาะวันที่ได้รับข้อความ Hello… จาก Disney

If you can dream it, you can do it. 

Walt Disney

ขณะที่เด็กคนอื่นร้องขอไปดิสนีย์แลนด์ ซึ่งพ่อแม่อาจไม่อินกับตัวละครและปราสาทแสนสุขใด ๆ

สาโตมาในครอบครัวที่ทั้งพ่อและแม่อินกับดิสนีย์แลนด์มาก ๆ พวกท่านประทับใจดินแดนแห่งความสุข เพราะคุณปู่เคยพาคุณพ่อของเธอไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ในช่วงที่ท่านเริ่มต้นสร้างธุรกิจ ได้เห็นและเข้าใจพลังวิเศษของพื้นที่แห่งความฝันนั้นเป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจหากสาจะบอกเราว่าเธอมีพ่อเป็นเพื่อนดูหนังเจ้าหญิงตอนเด็ก ๆ

และขณะที่เด็กสาวส่วนใหญ่ร้องจะสวมบทเป็นเจ้าหญิง สากลับบอกว่าเธอชอบ Donald Duck มาก ด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นเป็ดกวน ๆ และไม่ค่อยอยู่ในกรอบเหมือนนิสัยส่วนตัวของเธอ ซึ่งในบรรดาของสะสมเกี่ยวกับ Donald Duck นับพันชิ้น ตั้งแต่ตุ๊กตาหลากหลายขนาดและแอคชัน ไปจนเฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ เสื้อผ้า และของใช้ในบ้าน มีของประเภทหนึ่งที่เธอไม่มี เพราะไม่เคยซื้อมาก่อน 

คุณคิดว่าของชิ้นนั้นคืออะไร

ใช่ สิ่งนั้นคือเครื่องประดับหรือจิวเวลรีรูป Donald Duck

“ทุกคนรู้ว่าเราเป็นคนชอบเครื่องประดับมาก แต่จิวเวลรีรูป Donald Duck ที่มีอยู่ในท้องตลาด ถ้าไม่ใช่ของสำหรับเด็ก ก็มีดีไซน์ที่ใส่แล้วรู้สึกตะโกนเกินไป เราชอบ Donald Duck แต่ไม่อยากใส่ต่างหูรูปหัวเป็ดใหญ่ ๆ ที่หูของเรา นี่เป็นสิ่งที่คิดมาตลอดเลยว่าทำไมไม่มีจิวเวลรีสำหรับ Young Adult บ้างนะ และถ้าวันหนึ่งเราได้ทำขึ้นมาเองจะดีแค่ไหน”

ในวันที่ RAVIPA เป็นเครื่องประดับแบรนด์ไทยอันดับต้น ๆ ทำยอดขายระดับหลักร้อยล้านได้

ใคร ๆ ก็บอกว่า RAVIPA ใหญ่พอที่จะซื้อ License มาผลิตสินค้าลายพิเศษได้เลย แต่สาไม่ทำ

“เพราะเราอินกับดิสนีย์มาก ๆ เราจึงรู้ว่าไม่ง่ายเลยที่จะได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ระดับโลกอย่างนี้ ที่ผ่านมาเราไม่เคยคิดว่าประสบความสำเร็จหรือยิ่งใหญ่มาจากไหน

Happiness is the richest thing we will ever own. 

Donald Duck

เมื่อพูดถึงดิสนีย์ ทุกคนคงเคยได้ยินและประทับใจเรื่องราวของแบรนด์ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง บางคนอาจชอบปรัชญาการทำธุรกิจ การตลาด การสร้างแบรนด์ หรือวัฒนธรรมองค์กรและการดูแลคนของแบรนด์ระดับโลกแบรนด์นี้

และนี่คือเรื่องราวของดิสนีย์ในมุมมองของสา ในหมวกของแฟนตัวยงที่รักดิสนีย์มากคนหนึ่ง

“มีพี่ที่รู้จักเขาทำงานอยู่ในดิสนีย์ที่สหรัฐอเมริกา เขาพาเราเดินชมพร้อมเล่าให้ฟังว่าพนักงานสวมชุดตัวละครแม้ว่าจะถอดชุดออกแล้วเขาก็ยังจะคงคาแรกเตอร์ตัวละครนั้นอยู่เสมอ หรือต่อให้เป็นพนักงานออฟฟิศที่ทำงานในส่วนอื่น ๆ ทุกคนก็จะพูดประหนึ่งตัวละครที่กำลังเข้าฉากอยู่ ครั้งหนึ่งเราเจอผู้บริหารระดับสูงของดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกง เขาก็ชวนเราถ่ายรูปด้วยท่าของมิกกี้ ซึ่งเราจะไม่มีทางเห็นสิ่งนี้ที่ไหนหรือกับแบรนด์ไหนเลย สิ่งที่ชอบที่สุด คือดิสนีย์เป็นองค์กรที่รวมคนรักแบรนด์มาอยู่ในที่เดียวกัน คนที่รักในสิ่งที่ทำ เห็นเป้าหมายเดียวกัน สำหรับเรานี่เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าการเลือกแค่คนเก่ง ๆ เข้ามาทำงานอีก”

สำหรับสา หากคิดถึง Disney เธอคิดถึงคำว่า Positive และคำนี้ก็เป็นหัวใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการก่อร่างสร้างธุรกิจของตัวเอง

“แต่ก่อนเราขายแหวนคู่รัก ลูกค้ามาเซอร์ไพรส์กันที่ร้าน บรรยากาศในร้านก็จะมีแต่ความปรารถนาดี ๆ ส่งต่อกันไปมา อาจดูเป็นมวลของโลกสวย แต่เราเชื่อแบบนั้นจริง ๆ และมันสะท้อนอยู่ในตัวตนของแบรนด์ ขององค์กรเราจริง ๆ จนมาถึงสร้อยข้อมือที่ใส่แล้วลูกค้าได้ดี เราจะยินดีกับเขาเสมอ เวลาลูกค้ามารีวิวให้พนักงานขายหน้าร้านฟัง เราก็มีแต่ความยินดีไปให้ ส่งและรับมอบพลังบวกกันและกันเสมอ ซึ่งมวลเหล่านี้ก็จะคัดกรองคนที่อาจเชื่อไม่เหมือนกันออกไป แม้แต่กับการขาย พวกเราจะไม่ยัดเยียดให้พนักงานต้องขายของที่แพงที่สุด แต่แนะนำของที่เหมาะกับลูกค้าคนนั้น” สาเล่าถึงมวลพลังบวกที่ซึมซับมาจาก Disney

จริงหรือที่องค์กรระดับนี้จะไม่มีพลังงานลบเข้ามาปะปนเลย เมื่อเห็น The Cloud สงสัย สาก็รีบเล่าบทเรียนธุรกิจให้ฟังว่าครั้งหนึ่งเธอทดลองทำเครื่องประดับรุ่นคาแรกเตอร์ตัวร้าย (ที่น่ารัก) หวังให้แฟน ๆ ได้สะสม แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ได้รับความสนใจอย่างที่คิด เพราะแฟน RAVIPA รักและสนับสนุนพลังดี ๆ แม้ว่าจะเป็นเรื่องของตัวละครก็ตาม

“ที่ผ่านมาไม่ว่าลูกค้าจะขอให้ทำสัญลักษณ์หัวกะโหลกตามเทรนด์สตรีตแฟชั่นยังไง เราก็ยืนยันว่าไม่อาจทำได้ เพราะเราไม่อยากสนับสนุนให้คนมอบสัญลักษณ์นี้เป็นของขวัญแก่กัน เราอยากให้เขามอบสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน”

และในฐานะที่ติดตามแบรนด์และเฝ้ามองแบรนด์ในฝันร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกมากมาย สาเล่าถึงเคสการร่วมงานกันที่น่าประทับใจระหว่าง Disney และ Gucci

“สาชอบ Disney ที่ทำ Gucci เวลาเขาทำคอลเลกชันด้วยกันมันไม่ใช่สินค้า แต่เป็นการสื่อสารภาพใหญ่ แพ็กเกจจิง Print Ad มันว้าวทั้งหมด Disney อาจเป็นแบรนด์ที่หลายคนมองว่าสำหรับเด็ก แต่ Gucci ไม่ใช่ แล้วพอเขาทำ เช่น รองเท้าสำหรับผู้ใหญ่ มันดีมาก ซึ่งเราไม่คิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสแบบนั้น จนกระทั่งได้รับการติดต่อมา”

First, think. Second, believe. Third, dream. And finally, dare. 

Walt Disney

“สร้อยข้อมือ 4 – 5 เส้นที่ใส่ติดตัวอยู่ตลอด เป็นชุดที่ส่งเสริมเรื่องงานล้วน ๆ เจรจา ค้าขาย ขจัดอุปสรรค ส่งเสริมบริวารและพาร์ตเนอร์” สาเล่าถึงข้อมือที่เธอใส่ในวันที่ได้รับอีเมล Hello from Disney

เหตุผลที่ THE WALT DISNEY (THAILAND) ติดต่อมานั้นเรียบง่ายมาก

หนึ่ง RAVIPA เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับ ถ้าคิดถึงแบรนด์จิวเวลรีก็ต้อง RAVIPA

สอง RAVIPA ทำสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น

ถ้าเป็นแบรนด์ทั่วไป หากได้รับการติดต่อจากแบรนด์ในฝันก็คงตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก แต่ RAVIPA เริ่มจากเสนอ THE WALT DISNEY (THAILAND) ว่าขอทำ Pitching Deck ไปขาย อันประกอบด้วย ข้อมูลบริษัท แผนการทำงาน พร้อมทำตัวอย่างส่งไปประกอบการพิจารณา ทั้งหมดนี้ต้องผ่าน The Walt Disney Company (Southeast Asia) ก่อนส่งต่อไปที่ The Walt Disney Company สหรัฐอเมริกา ซึ่ง THE WALT DISNEY (THAILAND) เองก็ยังบอกว่ายากมาก ๆ

ในช่วงแรกของการทำงาน เพื่อไม่ให้แพร่งพราย สาจำเป็นต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ 

ระหว่างรอ สาก็ได้แต่ภาวนาขอพรจากสร้อยข้อมือเส้นเก่งของตัวเอง

My dream wouldn’t be complete without you in it. 

Tiana, The Princess and the Frog

ระหว่างที่ทีม RAVIPA กำลังถ่ายทำภาพคอลเลกชันพระพิฆเนศกันอยู่ในสตูดิโอ ก็มีอีเมลตอบกลับมาว่าอนุมัติ นี่คือจุดเริ่มต้นของการ Co-brand อย่างเป็นทางการ โดย Disney จะมีสไตล์ไกด์มาให้ 

ข้อแรก Disney ไม่อนุญาตให้วาดหน้ามิกกี้เองใหม่ แต่ลดทอนรูปทรงมิกกี้ให้เป็นดีไซน์ของเครื่องประดับได้ตามความเหมาะสม

ข้อสอง Disney ยอมให้เลือกตัวละครได้ระดับหนึ่ง แต่ห้ามนำสไตล์ไกด์คาแรกเตอร์มาผสมกัน

“เราเตรียมใจอยู่แล้วว่าเขาจริงจังเรื่องงานออกแบบแค่ไหน กระบวนการทำงานค่อนข้างนาน เพราะทุกขั้นตอนต้องส่งกลับไปให้ที่สหรัฐฯ พิจารณา ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์และแผนการตลาดต้องรายงาน Disney เสมอ

“โดยทั่วไป Disney จะไม่อนุญาตให้มีสัญลักษณ์อื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคาแรกเตอร์ตัวละครใส่ในดีไซน์งานใหม่ ซึ่งสาก็แอบรู้สึกว่า ถ้าเป็นรูปมิกกี้เฉย ๆ ลูกค้าซื้อที่ไหนก็ได้ แต่งานทุกชิ้นของเรามีความหมายซ่อนอยู่ในนั้น เช่น สัญลักษณ์ Infinity ที่อยู่กับแบรนด์มาตั้งแต่วันแรก เราก็แอบใส่ Infinity ที่อยู่กับมิกกี้ในท่ายกมือด้วย นอกจากนี้ยังมีดวงดาว สัญลักษณ์แห่งความหวัง หรือ Horseshoe สัญลักษณ์ของความโชคดีอีกด้วย 

“แม้แต่ Disney ประเทศไทยยังถามเราเลยว่าทำยังไงให้ Disney ที่สหรัฐฯ ยอม สาคิดว่าเพราะเรา Co-branding การทำงานครั้งนี้ทำให้เราเห็นการทำงานแบบจับมือไปด้วยกันอย่างเป็นรูปธรรมจริง ๆ เป็นความไว้ใจที่มาจากการทำให้เขาเชื่อมั่น อะไรที่สัญญาไว้ เราทำให้เกิดขึ้นจริง ๆ สิ่งนี้สำคัญมากกับทุกเรื่องในชีวิตเลย ไม่ใช่แค่เรื่องการทำงานกับดิสนีย์”

นอกจากดีไซน์แล้ว สิ่งที่ดิสนีย์ให้ความสำคัญมาก ๆ คือมาตรฐานการผลิต โดยเฉพาะเรื่องแรงงานที่จริงจังกับกฎห้ามใช้แรงงานเด็ก

ขณะที่ RAVIPA คือเครื่องประดับที่มีการผลิตซึ่งส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับชุมชน และมีโจทย์เป็นสไตล์มินิมอลที่ใส่ได้ทุกวัน 

“คนเห็นดิสนีย์ยังไงก็คิดถึงสีสันสดใส แต่เราไม่ได้เป็นแบรนด์ที่สนุกสนาน เรามองโลกในแง่ดีก็จริง แต่ไม่ได้รื่นเริงและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะขนาดดิสนีย์ ดังนั้น โจทย์คือมินิมอลแบบที่ Young Adult ใส่ได้ เราไม่ได้กำลังทำเครื่องประดับสำหรับเด็ก (แต่เด็กก็ซื้อได้นะ) แต่ทำสำหรับคนแบบสา คนที่รักดิสนีย์มาก เราโตเกินไปแล้วแต่ยังมี Disney at Heart อยู่ทุกครั้งที่เราไป Disney มันให้ความรู้สึก Forever Young จริง ๆ แบบที่หาจากที่ไหนไม่ได้ เรายังเป็นเด็กหญิงคนที่ขี่คอพ่อดูพลุในสวนสนุกคนนั้นอยู่จริง ๆ จะเรียกความรู้สึกนี้ว่า Disney Therapy ก็ได้ เพราะในโลกความเป็นจริงอาจทำให้เราไม่อาจไปดิสนีย์แลนด์ได้บ่อย ๆ แต่การใส่ DISNEY | RAVIPA คอลเลกชันนี้ จะเหมือนได้กลับไปในช่วงเวลาความสุขนั้นจริง ๆ”

All it takes is faith and trust. 

Peter Pan

เพราะเชื่อว่าทุกคนต้องคิดว่า ถ้า RAVIPA ทำงานกับ Disney ยังไงก็ต้องเป็นเครื่องประดับคอลเลกชันเจ้าหญิงดิสนีย์ แต่สาอยากเซอร์ไพรส์แฟน ๆ ทุกคนว่าแบรนด์กำลังทำสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ด้วยเหตุนี้ DISNEY | RAVIPA คอลเลกชันแรกจึงเริ่มต้นที่ดีไซน์ Mickey and Friends (สมใจแฟนตัวยง Donald Duck)

มาถึงตรงนี้ คุณคงสงสัยว่า DISNEY | RAVIPA Collection นั้นให้โชคหรือเสริมพลังดวงด้านใดบ้างหรือเปล่า

“ในคอลเลกชันที่ทำกับแบรนด์ดิสนีย์อาจไม่ได้มีเรื่องศาสนาหรือองค์เทพประทานโชคมาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อเป็นดิสนีย์ก็ต้องมีสัญลักษณ์โชคดีอยู่ข้างใน (เนียน ๆ) อย่างคอลเลกชัน 100 ปีดิสนีย์ พิเศษมาก สร้อยข้อมือทุกชิ้นในคอลเลกชันจะมีพลอยเสริมพลัง และพลอยแต่ละชิ้นมีความหมายดี ๆ เช่น พลอยแห่งความกล้าหาญในจี้คาแรกเตอร์ของ Anna จาก Frozen ซึ่งเป็นเจ้าหญิงนักสู้ ไม่ได้นั่งรอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย”

โดยทั่วไปของการทำสินค้าร่วมกับแบรนด์ดิสนีย์ จะเป็นการทำสัญญาเฉพาะคาแรกเตอร์ แต่เวอร์ชันของ RAVIPA ได้รับสัญญาพิเศษที่ทำสินค้าจากภาพยนตร์ดิสนีย์ที่เข้าฉายได้ด้วย เช่น คอลเลกชัน The Little Mermaid ทำพร้อมภาพยนตร์เวอร์ชันคนแสดงเข้าฉาย RAVIPA ก็ร่วมทำงานกับโรงภาพยนตร์ SF Cinema จัดฉายรอบพิเศษ ซึ่งสาไม่ได้ทำเพื่อเอาใจดิสนีย์ แต่ทำเพราะเป็นแฟนที่รักแบรนด์จริง ๆ 

“ในฐานะที่ดูหนังของดิสนีย์มาทุกเรื่อง แล้วทำไมเราจะไม่ทำจิวเวลรีคอลเลกชันจากในภาพยนตร์ และไหน ๆ จะทำทั้งที เรามีอะไรบางอย่างอยากทำเพื่อแฟน ๆ ตอนที่ขออนุญาตเขาก็ยินดีมาก ๆ เพราะมันพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จแค่ไหน อย่างตอนที่ทำรอบพิเศษ The Little Mermaid เราไม่ได้แจกตั๋วฟรี แต่ลูกค้าต้องซื้อสินค้าจากคอลเลกชันนี้ก่อน ซึ่งผลออกมาเต็มทุกที่นั่ง” สาเล่าถึงเหตุการณ์ที่นำพาพลังของดิสนีย์ พลังของคนที่รักเจ้าหญิงเงือกน้อย และคนที่รัก RAVIPA มาอยู่รวมกัน ซึ่งคอลเลกชันต่อไปจะมาพร้อมภาพยนตร์เรื่อง Disney’s Wish

To infinity and beyond. 

Buzz Lightyear, Toy Story

ผลจากการร่วมทำงานกับ Disney ทำให้ RAVIPA กลายเป็นแบรนด์ที่เนื้อหอมมาก ทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศต่างเข้าแถวรอร่วมงานไม่เว้นวัน 

แถมยังเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ชนิดที่แขกไปใครมาก็ต้องแวะซื้อ RAVIPA กลับไปฝากคนที่บ้าน และที่น่าภูมิใจสุด ๆ คือการเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกและแบรนด์จิวเวลรีแบรนด์เดียวใน The Disney Store Korea ที่ห้างสรรพสินค้า The Hyundai Seoul ซึ่งมีอยู่ 3 สาขาทั่วประเทศเกาหลีใต้

“ก่อนหน้านี้ไม่เคยเข้าใจเรื่องการทำตามแพสชันเลย เพราะดูจับต้องไม่ได้ จนกระทั่งมาร่วมงานกับดิสนีย์ครั้งนี้ แพสชันมาก่อนทุกอย่างเลย ตั้งแต่เขาติดต่อมา สาตกลงทันที ไม่ว่าจะยากแค่ไหนก็จะทำให้ได้ ซึ่งในทุกกระบวนการทำงานมีความสุขมาก ตั้งแต่รีเสิร์ช ออกแบบ ลองใช้สินค้า พอออกมาดีเราก็ยิ่งดีใจ แถมผลพลอยได้คือมีคนยอมรับเรา ติดต่อขอสินค้าเราไปขายในร้านของเขา ในประเทศที่เป็นเจ้าแม่แห่งแฟชั่นและงานดีไซน์อย่างเกาหลีก็ยิ่งดีใจ

“และยิ่งดีใจมาก ๆ เวลาได้ยินลูกค้าบอกว่าเห็นสินค้าคอลเลกชันนี้ของเรา เห็นแพ็กเกจและสื่อการตลาดต่าง ๆ ออกมาดูเป็นแบรนด์ระดับโลกทำงานด้วยกัน ไม่ใช่แค่เอาโลโก้มาอยู่ใกล้กันแล้วจบ แต่เรารักแบรนด์มาก เรามีภาพในหัวชัดเจน รู้ว่าอะไรทำแล้วดีหรือไม่ดี แพสชันมาเต็ม”

Open different doors ; you may find a you there that you never knew was yours. Anything can happen. 

Mary Poppins

มาถึงตรงนี้ ไม่รู้ว่าภาพจำของคุณจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่สำหรับเราที่เฝ้ามอง RAVIPA มาตั้งแต่ Day 1 เราก็ยังเชื่อมั่นว่านี่คือไทยดีไซเนอร์แบรนด์ที่มาแรงและน่าจับตามองที่สุด 

เพราะไม่ว่าจะสายมูฯ หรือคอลเลกชันดิสนีย์ พวกเขาออกแบบทุกอย่างเองหมด ทำอย่างตั้งใจและให้คุณค่ากับงานดีไซน์มาก ไม่ใช่แค่สินค้า เพราะพวกเขาระลึกเสมอว่าในทุกดีไซน์นั้นมีความหมายทุกชิ้น แต่ไม่ว่าจะอาร์ตเวิร์กสื่อที่ใช้ทุกอย่างผ่านการคิดและประชุมงานที่หนักมาก 

เราอยากให้คนจำว่า RAVIPA คือไทยดีไซเนอร์แบรนด์ เพราะที่ต่างชาติติดต่อเข้ามาขอร่วมงานด้วย เขาไม่รู้มาก่อนว่าแบรนด์เป็นเครื่องประดับสายมูฯ อันดับ 1 เขาไม่สนใจด้วยซ้ำ แต่ที่เขาเลือกและทำให้เราชนะทุกแบรนด์ที่ใกล้เคียงกันเพราะงานดีไซน์จริง ๆ สาเล่าก่อนสรุปบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากธุรกิจและการทำงานร่วมกับแบรนด์ระดับโลกให้เราฟังสั้น ๆ ว่า 

“โอกาสเข้ามาหาเราเยอะมาก แต่นี่คือผลจากการทำงานหนักของทุกคนใน RAVIPA พวกเราทำทุกอย่างจากความรักและความเชื่อในเรื่องนั้นจริง ๆ ที่สำคัญอย่ายอมแพ้ ถ้าวันนั้นในช่วงโควิดเราถอดใจไปก่อน วันนี้ก็ไม่เกิด แล้วเราคงเสียดายมาก ๆ”

ติดตามคอลเลกชัน DISNEY | RAVIPA ได้ที่ ravipa.com/collections/disney

Writer

นภษร ศรีวิลาศ

นภษร ศรีวิลาศ

บรรณาธิการธุรกิจ The Cloud 4.0 แม่บ้านและฝ่ายจัดซื้อจัดหานิตยสารประจำร้านก้อนหินกระดาษกรรไกร ผู้ใช้เวลาก่อนร้านเปิดไปลงเรียนตัดเสื้อ สานฝันแฟชั่นดีไซเนอร์ในวัย 33 ปัจจุบันเป็นแม่ค้าที่ทำเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อบังหน้า ซึ่งอนาคตอยากเป็นแม่ค่ะ

Photographer

Avatar

ณัฎฐาจิตรา ชินารมย์รัตน์

ช่างภาพที่ชอบการแต่งตัว อยู่กับเสียงเพลงและหลงรักในความทรงจำ