อิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศที่รุ่มรวยด้วยเรื่องศิลปะและความงดงามของธรรมชาติ เมื่อความงามได้รับการรังสรรค์ด้วยฝีมือมนุษย์ และถักทอให้งดงามยิ่งขึ้นด้วยฉากหลังของธรรมชาติที่สวยงาม เช่นเดียวกับ

บ้านลูกกวาดพาสเทลหลากสีสันคือสิ่งที่โดดเด่นสะดุดตา นี่คือ ‘ชิงเคว แตร์เร (Cinque Terre)’ หมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่แคว้นลิกูเรีย (Liguria) ประเทศอิตาลี บริเวณเทือกเขาแอลป์และเทือกเขาอัลไพน์ ติดริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 

ชิงเคว มีความหมายว่า 5 แตร์เร มีความหมายว่า แผ่นดิน ที่นี่คือหมู่บ้าน 5 แผ่นดิน ประกอบด้วย 5 หมู่บ้าน ได้แก่ Riomaggiore (ริโอมัจจอร์เร) Manarola (มานาโรลา) Corniglia (คอร์นีเลีย) Vernazza (เวร์นาซซา) และ Monterosso al Mare (มอนเตรอสโซ อัล มาเร) 

ทั้ง 5 หมู่บ้านได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก ชิงเคว แตร์เร เป็นพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนาน ย้อนกลับไปในสมัยก่อนศตวรรษที่ 15 ยุคที่โรมันกำลังรุ่งเรือง ทั้ง 5 หมู่บ้านขึ้นชื่อเรื่องวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เงียบสงบ และเป็นหมู่บ้านริมทะเลที่วิถีชีวิตของผู้คนขับเคลื่อนด้วยธรรมชาติ

ในยุคหลังหลายคนอาจรู้จักหมู่บ้านสีสันสดใสจากภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Luca (ปี 2021) ของ Disney และ Pixar ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Cinque Terre เป็นฉากหลัง คงไม่กล่าวเกินจริงว่าเมื่อได้มาเยือน ทุกคนต่างตกหลุมรักกับสถาปัตยกรรมของหมู่บ้านที่ออกแบบได้อย่างมีเอกลักษณ์ งดงาม โดดเด่นด้วยสีสันสไตล์ลูกกวาดแบบอิตาลี ลดหลั่นไปตามไหล่เขาที่ทอดยาว ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ราวกับกำลังเดินท่องไปในดินแดนจินตนาการ

ทว่าขอบอกไว้ก่อนเลยว่าสิ่งที่นักเดินทางต้องเตรียมตัวในการเดินทางท่องเที่ยวที่นี่คือพละกำลังในการเดิน โดยเฉพาะการเดินขึ้นที่สูงที่ไต่ระดับ อาจไม่ได้สูงชันมากนัก แต่ก็เรียกเหงื่อได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ตอบแทนกลับมาคือความงดงามที่ได้รับไปอย่างเต็มเปี่ยมทุกมุมมอง ไม่ว่าจะเป็นความงามของธรรมชาติหรืออาคารบ้านเรือน ล้วนได้รับการออกแบบจัดวางอย่างมีศิลปะ

การเดินทางมาที่นี่นั้นมาด้วยรถไฟหรือเช่ารถขับมาก็ได้ ระหว่างหมู่บ้านเชื่อมต่อกันด้วยรถไฟ ใช้เวลาวิ่งระหว่างหมู่บ้านไม่เกิน 10 นาที จะเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับหรือพักค้างคืนก็ทำให้มีโอกาสสัมผัสความงดงามของหมู่บ้านได้ละเอียดลออมากยิ่งขึ้น 

นักเดินทางยังซื้อ Cinque Terre Card ที่ใช้ขึ้นรถไฟระหว่างหมู่บ้านแบบไม่จำกัดเที่ยวได้ เข้าพื้นที่ได้ทุกจุด และใช้บริการห้องน้ำได้อีกด้วย ตามเรามาสัมผัสทั้ง 5 หมู่บ้านแสนน่ารักนี้ไปพร้อมกัน

Riomaggiore ชวนสัมผัสอรุณรุ่งและอาทิตย์อัสดง

ความงดงามของอรุณรุ่งและอาทิตย์อัสดง ณ หมู่บ้าน Riomaggiore คือสิ่งที่นักเดินทางไม่ควรพลาด สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของหมู่บ้าน คือตัวอาคารหรือที่พักสร้างสูงหลายชั้น เกาะกลุ่มไปกับความสูงชันของไหล่เขา ทว่าก็ให้มุมมองและวิวที่น่ามหัศจรรย์ แปลกตา ประกอบกับแสงไฟสีส้มยามค่ำคืน เพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวหมู่บ้าน

ยิ่งโดยเฉพาะเวลาเช้า เวลาเย็นที่ใกล้ค่ำ Golden Hours ที่จะเห็นแสงพระอาทิตย์ฉาบทาลงไปบนตัวอาคารหลากสีสัน สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความสงบเงียบ เสียงเพลงบรรเลงจากธรรมชาติ เสียงคลื่น เสียงนกร้อง ยิ่งได้พักอยู่ตรงห้องพักด้านหน้าติดริมทะเล จะยิ่งได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

วิถีชีวิตของคนในหมู่บ้านก็เรียบง่าย มีย่านการค้า ขายอาหารทะเล ขายของที่ระลึก มีคาเฟ่ มีบ้านเรือนของผู้คนที่แปรเปลี่ยนเป็นโรงแรม โฮสเต็ล มีโบสถ์ขนาดเล็กสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา บรรยากาศสงบ เรียบง่าย เดินเที่ยวและชมความงามของตัวหมู่บ้านได้อย่างสบาย 

Riomaggiore เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากหมู่บ้าน Monterosso al Mare นอกจากนั่งรถไฟแล้ว การเดินทางระหว่างหมู่บ้านยังจะได้ชมธรรมชาติ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ หรือจะนั่งรถบัสขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกันระหว่างหมู่บ้านก็ได้ 

Manarola โอบล้อมด้วยโขดหิน แข็งแกร่งและสงบเงียบ

ลวดลายของโขดหินที่กลายเป็นหน้าผาโอบล้อมตัวหมู่บ้าน คือสัญลักษณ์อันโดดเด่นของหมู่บ้าน Manarola ‘แข็งแกร่งและสงบเงียบ’ น่าจะเป็นคำจำกัดความของที่นี่ เพราะทุกก้าวเดินในการท่องเที่ยวหมู่บ้าน จะมีป้ายเตือนให้เคารพพื้นที่ของเจ้าของบ้าน รักษาความสงบคือหัวใจสำคัญ

เราเดินไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดชมวิวที่มองเห็นไปไกลถึงหมู่บ้านอื่นได้ด้วย นักเดินทางหลายคนตกหลุมรักความเงียบสงบของที่นี่ บางคนใช้เวลาอยู่ที่นี่จนกลายเป็นบ้านที่คุ้นเคย สิ่งที่โดดเด่นของหมู่บ้านแห่งนี้คือธรรมชาติ ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ (Wine Production) ที่ขึ้นชื่ออีกด้วย

การใช้ชีวิตของผู้คน นอกจากดูแลต้อนรับนักท่องเที่ยวในเกือบทุกฤดูกาลแล้ว ยังมีการค้าขาย มีที่พัก โรงแรม กิจกรรมที่เน้นไปทางเรียนรู้ธรรมชาติ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติและพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางความเงียบสงบ

Corniglia หมู่บ้านแห่งหุบเขาอันงดงาม

Corniglia คือสาวงามที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา หมู่บ้านแห่งนี้มีขนาดเล็กที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในทั้ง 5 หมู่บ้าน และไม่ได้อยู่ติดริมทะเล เมื่อนั่งรถไฟมาลงแล้วต้องเดินต่ออีกประมาณ 30 – 40 นาที หรือขึ้นบันไดที่อยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 300 ขั้นมาที่ตัวหมู่บ้าน อาคาร ตึก บ้านพัก สร้างเกาะกลุ่มกันไล่ไปตามหุบเขา สีสันสดใส ในตัวหมู่บ้านมีทั้งร้านค้าและร้านอาหาร 

หากเลือกเดิน ถนนหนทางไม่ขรุขระ เดินเท้าสะดวกสบาย แสงแดดส่องทั่วถึง บรรยากาศสดใส ได้ยินเสียงคลื่น ลมพัด คลอไปกับเสียงของรถไฟที่วิ่งผ่านหมู่บ้านเป็นระยะ มีการทำสวน ทำไร่ มีร้านค้าผักสดผลไม้ บริเวณภายในหมู่บ้าน มีการคัดแยกขยะ รักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากใช้รถยนต์ขนาดเล็กแล้ว บางบ้านยังมีจักรยานไว้สำหรับการเดินทางอีกด้วย

Vernazza ลัดเลาะริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

หากอยากสัมผัสและใกล้ชิดความงดงามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ต้องมาที่หมู่บ้าน Vernazza ที่นี่มีพื้นที่ติดริมทะเล เดินเรือเข้ามาจอดได้สะดวกสบาย นักเดินทางเดินระเรื่อยริมทะเล ฟังเสียงคลื่นได้อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็มีจุดชมวิวที่ทำให้เห็นบรรยากาศความงามของทั้งหมู่บ้าน 

ที่นี่มีความหลากหลายของสีสัน มีการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ได้อย่างลงตัว ร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก บ้าน และมีโบสถ์ซานต้ามาร์การิต้า (La Chiesa di Santa Margherita d’Antiochia) อันเป็นเอกลักษณ์ ที่น่าสนใจของหมู่บ้านแห่งนี้คือบรรดาคาเฟ่สุดน่ารักมากมายที่แอบซ่อนอยู่ในซอกตึก ตกแต่งน่ารักราวกับหลุดออกจากภาพยนตร์อิตาลี เมนูอาหารและเครื่องดื่มก็น่าลิ้มลอง ไม่ควรพลาดนั่งชิลล์และลองลิ้มชิมรสอาหารทะเลสดและเครื่องดื่ม

Monterosso al Mare ชายหาดกว้างใหญ่อันเงียบสงบ

ปลายทางของสายรถไฟคือหมู่บ้าน Monterosso al Mare ที่นี่มีความทันสมัย มีชายหาดสวยงามทอดยาว เดินเล่นริมหาด ฟังเสียงคลื่น สายลมพัด หรือจะวิ่งออกกำลังกายเบา ๆ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ หรือหากมาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว ก็มีกิจกรรมที่เหมาะกับเด็กและผู้ใหญ่ เด็กเล็กได้สนุกสนานริมชายหาด ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็เฝ้าสังเกตได้ไม่ห่างสายตา 

Monterosso al Mare เป็นหมู่บ้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาหมู่บ้านทั้ง 5 พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ที่พักสุดหรู ร้านอาหาร ร้านค้า รวมถึงสถาปัตยกรรมของหมู่บ้านที่งดงามเหมาะกับการเดินชม รวมถึงวิหารนักบุญจอห์นเดอะแบ็พทิสต์ (Chiesa di San Giovanni Battista) ลักษณะของสถาปัตยกรรมเป็นสไตล์บาโรก คนที่รักสายลม แสงแดด ลัดเลาะริมชายหาดไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง 

1 วันที่ Cinque Terre หมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในโลกในประเทศอิตาลี ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องเร่งรีบ เดินเล่น พักผ่อน เติมความสบายใจไปกับการชมหมู่บ้าน งานสถาปัตยกรรม สังเกตชีวิตเนิบช้าของผู้คน ดื่มด่ำกับบรรยากาศและธรรมชาติ อาหารทะเลแสนอร่อย บอกเลยว่าที่นี่คือหมุดหมายของนักเดินทางที่ชื่นชอบวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เพราะได้เรียนรู้ศิลปะ สถาปัตยกรรม และความงดงามของธรรมชาติไปพร้อมกัน

Cinque Terre เดินทางมาด้วยรถไฟจากเมือง Levanto และ La Spezia ได้ หากมาพักค้างที่นี่แบบไม่มีรถส่วนตัว ไม่ควรใช้กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่นัก เพราะต้องเดินขึ้นที่สูง การท่องเที่ยวที่หมู่บ้านเน้นการเดินเป็นหลัก ควรสวมรองเท้าผ้าใบที่ใส่สบาย จะทำให้ท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

Write on The Cloud

Travelogue

ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ

Writer & Photographer

ศุภมณฑา สุภานันท์

ศุภมณฑา สุภานันท์

สนใจเรียนรู้เรื่องราวรอบตัว ชีวิต ผู้คน สังคม รักการอ่าน งานศิลปะ ภาพยนตร์ และการเดินทาง ชอบฤดูหนาว หลงใหลการฟังเสียงของธรรมชาติ