จากการได้รับเกียรติเป็นศิลปินรับเชิญระดับนานาชาติ 1 ใน 19 ท่าน เข้าร่วมการเผยแพร่ผลงานศิลปกรรมเครื่องประดับร่วมสมัย L’AIR DES BIJOUX ในรูปแบบนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด ‘The XXL International Exhibition of Jewelry and Adornments’ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน – 27 สิงหาคม ปี 2023 ณ The Black Pearl Gallery & Molière Space เมือง Agde ประเทศฝรั่งเศส
ก่อนการเดินทางจะเริ่มต้น ผมได้ศึกษาประวัติของเมือง Agde เพราะส่วนตัวอยากทราบข้อมูลถึงเหตุแห่งความเชื่อมโยงระหว่างผลงานศิลปกรรมเครื่องประดับกับความสำคัญของพื้นที่ ได้พบความหมายนับตั้งแต่ที่มาของชื่อเมืองนั้นมาจากเทพธิดากรีก Agathé ผู้เลอโฉม และทรงเป็นผู้ประทานนามของตนเอง อาจด้วยเหตุนี้ เราจึงค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีประเภทประติมากรรมสตรี รูปแบบศิลปะกรีกจำนวนมหาศาล โดยหนึ่งในประติมากรรมสำริดที่งดงามที่สุด คือ Lady of La Motte นับเป็นศิลปะสมัยก่อนประวัติศาสตร์ชั้นเยี่ยม และยังพบการปรากฏของรัตนชาติสีดำ ณ บริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเกิดจากลาวาภูเขาไฟ ทำให้ผู้คนในท้องถิ่นตั้งชื่อรัตนชาติดังกล่าวนี้ว่า ‘ไข่มุกดำ’
จากประวัติข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า เมือง Agde ผูกพันลึกซึ้งกับความเป็นผู้หญิงและรัตนชาติมายาวนานจนถึงปัจจุบัน ดังประจักษ์ได้จากแบบแผนทางวัฒนธรรม เฉพาะอย่างยิ่ง เทศกาลประเพณีที่ผู้หญิงแทบทุกคนในเมืองนี้จะแต่งองค์ทรงเครื่องงดงาม พร้อมทั้งออกแบบและผลิตเครื่องประดับเพื่อตกแต่งร่างกายตนเอง ส่อแสดงถึงความหมายและบุคลิกลักษณะเฉพาะตนอย่างเอกลักษณ์ จนเรียกว่า ‘Arlésiennes’ ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจถึงความตั้งใจของผู้จัดงานองค์กรวัฒนธรรม (L’Agglo Hérault Méditerranée) ที่ให้เหตุผลของการจัดนิทรรศการ The XXL โดยกำหนดวัตถุประสงค์มุ่งเน้นการเผยแพร่ผลงานเครื่องประดับสร้างสรรค์ อันแสดงออกถึงวิถีการประดับประดาร่างกายในรูปแบบที่แตกต่างจากการแต่งกายโดยทั่วไป ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของนิทรรศการย่อมหมายถึงการอุทิศคุณงามความดีของผลงานสร้างสรรค์แด่สตรีทั้งหลายแห่งเมือง Agde ทุกท่านไปพร้อมกัน
ความพิเศษนอกเหนือจากการได้รับเกียรติเผยแพร่ผลงานตามที่กล่าวรายงานข้างต้นแล้ว กลุ่มศิลปินทั้ง 19 ท่านยังได้รับอภิสิทธิ์เข้าเยี่ยมชมปราสาท Château Laurens ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง Agde ก่อนที่ปราสาทจะได้รับการอนุญาตจากองค์กรวัฒนธรรมแห่งเมืองให้เปิดเป็นสาธารณะอย่างเป็นทางการ ผมมิรอช้าที่จะค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมถึงเรื่องราวอมตะของปราสาท Château Laurens ซึ่งรายละเอียดที่ได้ถึงกับสร้างความตะลึง

เนื่องจากปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นจากความรัก โดยท่าน Emmanuel Laurens (ปี 1873 – 1959) มหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศส ซึ่งตกหลุมรักนักร้องหญิงแสนสวย นามว่า Louise Blot เธอเป็นนักร้องเสียงอัจฉริยะ ถึงขนาดได้รับรางวัลชนะเลิศ Air des Bijoux (ปี 1902) หลังจากที่ทั้งสองพบกันและได้ตกลงปลงใจร่วมชีวิต ก่อนตัดสินใจเดินทางมาอยู่อาศัย ณ เมือง Agde

ภาพ : www.herault-tribune.com
Emmanuel Laurens ริเริ่มก่อสร้างปราสาท Château Laurens เมื่อปี 1898 ถือเป็นเคหาสน์แห่งความคลั่งรักและจินตนาการอันแสนวิจิตร ความสง่างามทางด้านสถาปัตยกรรมแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1,400 ตร.ม. มีอาณาเขตคั่นกลางระหว่างแม่น้ำ Hérault และ Canal du Midi ด้วยทำเลที่ตั้งใจออกแบบมาอย่างเหมาะเจาะ เอื้ออำนวยให้เป็นเอกเทศต่อสภาพแวดล้อม ประโยชน์ใช้สอยหลักของอาคารคือห้องดนตรีขนาดมหึมาและโออ่า รองรับคลื่นเสียงขับร้องโอเปร่าของภรรยาหนึ่งเดียวอันเป็นที่รักได้อย่างอิสระ


ด้วยความมีรสนิยมที่ทันต่อยุคสมัยของ Emmanuel Laurens เขาคัดเลือกรูปแบบหรือสไตล์ศิลปะที่เรียกว่า ‘อาร์ต นูโว’ (Art Nouveau) ศิลปะที่เกิดขึ้นยุคหลังปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อช่วงกลางศตวรรษที่ 19 จนถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 20 (ปี 1890 – 1914) เนื้อหาของศิลปะอาร์ต นูโว ได้รับอิทธิพลจากพืชพรรณของต้นไม้ มีความอ่อนหวาน แสดงออกถึงความเป็นผู้หญิง ซึ่งแน่นอนว่าสาระสำคัญของศิลปะดังกล่าวตอบสนองและรับใช้นักดนตรีหนึ่งเดียวในชีวิตของเขาได้แช่มช้อยอย่างประมาณมิได้
ในที่สุด Emmanuel Laurens ก็ควานหาสถาปนิกผู้ที่มีความสามารถชั้นเลิศและมีจินตนาการมากเพียงพอที่จะนำพาอาคารดังกล่าว ก้าวผ่านการตกแต่งทางสถาปัตยกรรมไปสู่จุดสูงสุดแห่งสุนทรียศาสตร์ ผู้นั้นคือ Jacques Février สถาปนิกผู้มีความโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งของเมือง Montpelier ทั้งนี้ ยังประกอบด้วย Paul Arnaveilhe นักออกแบบเครื่องเรือน ตลอดจนศิลปินชั้นครูอย่าง Léon Cauvy


ภายนอกปราสาทยืนตระหง่านได้ด้วยเสาทรงกลมที่มีหัวเสาแบบกรีก รูปร่างโค้งมนของเสาโน้มเส้นนัยแก่สายตาไปสู่ลวดลายที่ขีดเขียนผนังด้วยสไตล์ของอาร์ต นูโว แบบเต็มกระเบียด สอดรับกับพื้นที่ปูด้วยกระเบื้องเทคนิคโมเสก บริเวณชั้นล่างของเคหาสน์ประกอบด้วยห้องโถงใหญ่ มีห้องพิเศษจำนวน 2 ห้อง ได้แก่ ห้องดนตรีและห้องทำงาน

ณ พื้นที่ดังกล่าว ในทางฝั่งซ้ายของตัวปราสาท เราสัมผัสได้ถึงอิทธิพลของศิลปะต่างแผ่นดินอย่าง ‘กาตาลุญญา’ (แคว้นหนึ่งทางด้านตะวันออกของสเปน มีชายแดนติดกับฝรั่งเศส) ที่เข้ามาผสมผสานกับอาร์ต นูโว ก่อให้เกิดรสชาติของการข้ามวัฒนธรรม นอกเหนือจากลวดลายวิจิตร บรรยากาศของตัวปราสาทชั้นล่าง โถงโอ่อ่าเพดานสูงนี้ ถูกกำหนดให้มีหน้าที่รับแสงธรรมชาติที่สะท้อนมาจากแม่น้ำ และส่องสว่างลอดมาตามช่องหน้าต่าง ซึ่งประดับตกแต่งด้วยกระจกหลากสี (Strain Glass) ออกแบบโดยมัณฑนากรชาวปารีส Eugène-Martial Simas ผลิตโดย Théophile Laumonnerie ผู้ผลิตแก้วระดับปรมาจารย์
รายละเอียดในส่วนอื่น ๆ ของการออกแบบตกแต่งภายในปราสาทนั้น Eugène Dufour เพื่อนสมัยยังเยาว์ของ Emmanuel Laurens ผู้เป็นทั้งมัณฑนากรและจิตรกรในร่างเดียว เขารังสรรค์ลวดลายฉลุที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพรรณไม้ประดับ ซึ่งเป็นคอลเลกชันของ Owen Jones
จักรวาลดอกไม้แห่งปราสาท Château Laurens สื่อสารถึงฉากทัศน์ของศิลปะ Art Nouveau และ Orient โบราณที่แม้ดูเพ้อฝัน แต่หากมีชีวิต เคลื่อนที่ และเจริญเติบโต โดยเฉพาะในเวลากลางคืน จักรวาลดังกล่าวถูกเสริมสร้างกำลังด้วยแสงจากโคมไฟระย้ารูปทรงดอกไม้ขนาดเล็ก หัตถศิลป์โลหะทองแดงที่ออกแบบโดย William Arthur Benson ดลให้รู้สึกถึงความลี้ลับส่วนบุคคล

อนึ่ง ความเป็น Orient มิได้หยุดอยู่เพียงแค่ลวดลายของพื้นผิวของสถาปัตยกรรมภายใน Emmanuel Laurens ยังคัดสรรข้าวของเครื่องใช้ที่เปิดเผยรูปลักษณ์ของโลกอีกฟากฝั่ง อันหมายถึงประเทศต่าง ๆ ในแถบทวีปเอเชียตะวันออก อาทิ ภาพทิวทัศน์และเครื่องลายครามญี่ปุ่น เตาน้ำหอมจีน โต๊ะอาหรับขนาดเล็ก เก้าอี้เท้าแขนอันดาลูเซียทรงโค้ง พรมเปอร์เซีย สิ่งทออุซเบก ผ้าม่านออตโตมัน รวมถึงเครื่องเคลือบแห่งอินโดจีน เป็นต้นสำหรับผม ความน่าอัศจรรย์ใจที่งดงามและนับเป็นจุดเด่นของปราสาทแห่งนี้ คือห้องน้ำ มีรูปแบบที่มิได้เป็นไปตามแบบแผนการใช้สอยของผู้คนในศตวรรษที่ 19 กล่าวคือ บริเวณส่วนที่ใช้อาบน้ำมีลักษณะคล้ายบ่อน้ำ ออกแบบให้เป็นหลุมลึกประมาณกึ่งกลางลำตัว และมีพื้นที่ว่างพอประมาณให้ร่างกายขยับตามอัธยาศัย อ่างลึกคล้ายบ่อน้ำดังกล่าวตกแต่งโดยศิลปิน Félix Aubert และ Giandomenico Facchina ชาวอิตาลี พวกเขาใช้เทคนิคโมเสกสีเบาบางนุ่มนวล สรรสร้างเป็นลวดลายพืชพรรณไม้ที่ลอยล่องอยู่ท่ามกลางสายน้ำ หากกระนั้น ทั้งหมดของการออกแบบ Emmanuel Laurens ก็เป็นผู้กำหนด วางแผน และควบคุมการสร้างสรรค์นับตั้งแต่แรก

นับตั้งแต่ปี 1902 ที่ปราสาทดำเนินการเสร็จสิ้น ยืนหยัดรับใช้ Emmanuel Laurens และภรรยา อยู่ได้ระยะ 20 ปี ปราสาทแห่งนี้ก็ถูกทิ้งรกร้าง ขาดการเอาใจใส่ จนกระทั่งเมื่อปี 1994 Château Laurens ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานประวัติศาสตร์ โดยอยู่ในความดูแลขององค์กรวัฒนธรรม L’Agglo Hérault Méditerranée และภายหลังจากงานบูรณะอันยาวนาน จนกระทั่งถึงปี 2023 ปราสาทอันหรูหราไม่ธรรมดาแห่งนี้ก็ได้กลับมางดงามอีกครั้ง
Château Laurens นับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เปิดเผยให้เห็นถึงคุณค่าของงานด้านมัณฑนศิลป์ ผสมผสานคุณลักษณะเด่นของศิลปะอาร์ต นูโว นีโอกรีก นีโออียิปต์ และศิลปะตะวันออกเข้าด้วยกัน สะท้อนถึงความก้าวหน้าทางศิลปะที่มีความหลากหลายและเจริญเติบโตอยู่ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของศตวรรษที่ 19 และ 20
Write on The Cloud
Travelogue

ถ้าคุณมีประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ ๆ จากการไปใช้ชีวิตในทั่วทุกมุมโลก เชิญแบ่งปันเรื่องราวความรู้ของคุณพร้อมภาพถ่ายประกอบบทความ รูปถ่ายผู้เขียน ประวัติส่วนตัวผู้เขียน ที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อ และชื่อ Facebook มาที่อีเมล [email protected] ระบุหัวข้อว่า ‘ส่งต้นฉบับสำหรับคอลัมน์ Travelogue’ ถ้าผลงานของคุณได้ตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ เราจะส่งสมุดลิมิเต็ดอิดิชัน จาก ZEQUENZ แบรนด์สมุดสัญชาติไทย ทำมือ 100 % เปิดได้ 360 องศา ให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ