คุณคงสงสัยว่าด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้แบรนด์กาแฟและแฟชั่นโคจรมาพบกัน
ตอบตรงๆ ว่าตอนแรกเราก็สงสัยไม่ต่างกัน เราเลยขอชวนคุณมารับฟังเบื้องหลังจุดเริ่มต้นของการมาร่วม Collaboration กันระหว่าง 2 แบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
จากแนวคิด ‘Beyond Coffee’ ของคาเฟ่ อเมซอน ที่อยากจะเป็นมากกว่าร้านกาแฟ มาพบกับแบรนด์แฟชั่นที่ได้รับการยอมรับจากทั้งในและต่างประเทศอย่างนารายา ทั้งคู่มีจุดร่วมอย่างความเชื่อในเรื่องการคืนกำไรกลับสู่สังคม และเล็งเห็นถึงปัญหาการว่างงานของกลุ่มฝีมือแรงงานในช่วงวิกฤตโควิด-19 เหมือนกัน จึงกลายเป็นสินค้าพรีเมี่ยมดีไซน์พิเศษ Limited Edition อย่างกระเป๋าผ้ารักษ์โลกและหน้ากากผ้า ที่ทางนารายารับหน้าที่ออกแบบโดยคงดีเอ็นเอของคาเฟ่ อเมซอน ไว้ได้อย่างครบถ้วนกับ 2 ลายอย่าง Coffee Bean ถ่ายทอดความอุดมสมบูรณ์ที่สื่อผ่านลวดลายของต้นกาแฟ ดอกกาแฟ และเมล็ดเชอร์รี่สีแดงสุก และ Forest Art สะท้อนภาพผืนป่าสีเขียว ตัดด้วยสีส้มสดใสที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชื่อของคาเฟ่ อเมซอน
The Cloud จึงขออาสาพามาฟังเรื่องราวโปรเจกต์พิเศษในครั้งนี้กัน

เริ่มต้นด้วยเจตนารมณ์ที่คล้ายกัน
ในทุกๆ ปี คาเฟ่ อเมซอน จะจัดทำโครงการต่างๆ เพื่อมูลนิธิหรือกิจกรรมเพื่อสังคมอยู่แล้ว เช่น การจัดสรรเมล็ดกาแฟบนดอย รับซื้อเมล็ดกาแฟและสอนเกษตรกรชาวเขาในการปลูกกาแฟ หรือภายในร้านเองก็มีโครงการจ้างงานผู้ด้อยโอกาส เช่น ผู้พิการทางการได้ยินหรือผู้สูงวัยมาฝึกเป็นบาริสต้า ปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่งที่สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย และสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างให้กับหลายส่วน ทางคาเฟ่ อเมซอน จึงมองหาแบรนด์ที่มีศักยภาพและมีความตั้งใจคล้ายๆ กัน พบว่าทางนารายาเองก็เป็นแบรนด์หนึ่งที่ช่วยเหลือสังคมและชุมชนอยู่แล้ว ด้วยการจ้างแรงงานในพื้นที่ต่างๆ ในการตัดเย็บชิ้นส่วน รวมถึงเป็นแบรนด์ไทยเหมือนกัน จึงได้เริ่มมีการชักชวนและพูดคุยกันตั้งแต่เมื่อปลาย พ.ศ. 2563 ว่าอยากจะจับมือร่วมกันทำอะไรสักอย่าง
ตั้งใจทำกระเป๋าและหน้ากากผ้า
ทั้งสองแบรนด์ระดมไอเดียกันว่า จะมาร่วมงานกันในรูปแบบไหนดี จึงออกมาเป็นสินค้าที่ทางนารายาถนัดอยู่แล้วอย่างกระเป๋าผ้า ซึ่งสอดคล้องกับทางคาเฟ่ อเมซอน ที่รณรงค์เรื่องการลดใช้ถุงพลาสติกอยู่ตลอดเหมือนกัน รวมถึงหน้ากากผ้ายังเป็นของจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันในช่วงนี้ ประจวบเหมาะกับที่นารายาเองเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ทำหน้ากากผ้า ซึ่งใส่ใจในสุขภาพของลูกค้าและสามารถซักใช้ซ้ำได้มากกว่า 30 ครั้ง โดยเป็นคอลเลกชันพิเศษที่ผลิตมาจำนวนจำกัด ไม่ได้วางขายทั่วไป มีจำหน่ายเฉพาะที่คาเฟ่ อเมซอน ทุกสาขา และ Official Store บน Shopee และ Lazada


ถ่ายทอดอัตลักษณ์ของป่าแอมะซอน
ทางนารายาที่ได้รับหน้าที่ออกแบบเล่าว่า สำหรับ 2 ลายที่ออกมา ได้รับแรงบันดาลใจมาจากป่าแอมะซอนที่เมื่อพูดถึงใครก็ต้องนึกถึงความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างแรก ลาย Forest Art จึงมีส่วนประกอบหลักเป็นสีเขียว แซมด้วยสีส้มที่เติมความสดใสในรูปแบบของลาย Abstract และลาย Coffee Bean ที่เป็นภาพวาดของต้นกาแฟ แสดงให้เห็นต้นที่อุดมสมบูรณ์และมีผลกาแฟสีแดงสดใสที่ช่วยชูให้เด่นออกมาด้วย



สร้างองค์ความรู้และช่วยเหลือชุมชนได้อย่างยั่งยืน
ปกติแล้วทางนารายามีการรับหูกระเป๋า ตัวกระเป๋า หรือชิ้นส่วนต่างๆ จากชุมชนทั่วประเทศ เพื่อประกอบสินค้าทั้งหมดอีกทีที่โรงงาน โดยผู้ร่วมโครงการทั้งหมดจะต้องผ่านการฝึกอบรมเรื่องการเย็บ การตรวจสอบคุณภาพ รวมไปถึงการจัดส่งสินค้าจากทางแบรนด์ก่อน จึงจะสามารถรับผ้าไปทำงานเองได้ ซึ่งส่วนมากคนที่รับไปจะตั้งกลุ่มเล็กๆ ขึ้นมาภายในชุมชน บางที่ทำเป็นกิจกรรมของส่วนกลางหมู่บ้านเลยก็มี ทำให้แต่ละคน แต่ละกลุ่ม มีความเชี่ยวชาญในแต่ละชิ้นส่วนโดยเฉพาะทางต่างกันไป ช่วยให้ตั้งแต่กลุ่มคนอายุน้อยไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุมีรายได้เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นการหยิบยื่นโอกาสและการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่การมอบเงินหรืออาหารไปให้เพียงไม่กี่มื้อ แต่เป็นการสร้างอาชีพและองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ในอนาคตให้แก่ชุมชน


ปรับจูนกันจนเป็นความภูมิใจของทั้งสองฝ่าย
การนำพาสองแบรนด์ที่อยู่ต่างกันในคนละสนามธุรกิจมาร่วมงานกัน ต้องมีอุปสรรคในการทำงานอย่างแน่นอน ด้วยแบรนด์คาเฟ่ อเมซอน ให้ความสำคัญเรื่องของโทนสีหรือมู้ดแอนด์โทนของของที่ระลึกภายในร้าน เพราะเป็นธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ที่ต้องควบคุมและดูแลคู่ค้าทั่วประเทศให้อยู่ภายใต้กรอบเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน นารายาเป็นแบรนด์งานคราฟต์ที่ต้องใช้ฝีมือ และสินค้าแต่ละชิ้นอาจจะไม่ได้เหมือนกัน 100 เปอร์เซ็นต์ มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต่างออกไป ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของงานฝีมือแบรนด์นี้ จึงเป็นข้อแตกต่างที่ทั้งสองแบรนด์ต้องปรับจูนเข้าหากัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานดีไซน์หรืองานพิมพ์ผ้า ซึ่งคาเฟ่ อเมซอน ก็เข้าใจถึงข้อจำกัดที่มี จะให้เทียบสีโค้ดเหมือนการผลิตในไลน์อุตสาหกรรมใหญ่ๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นงานแฮนด์คราฟต์ แต่ทางนารายาก็พยายามช่วยปรับช่วยแก้อยู่หลายรอบกว่าจะลงตัว จนสุดท้ายได้สีและชิ้นงานที่ทั้งสองแบรนด์ประทับใจและภูมิใจในสินค้าที่ออกมา


เรียนรู้ร่วมกันจากโปรเจกต์นี้
ที่ผ่านมา คาเฟ่ อเมซอน แทบไม่ค่อยมีการทำ Collaborate ร่วมกับแบรนด์ใดเท่าไหร่นัก สินค้าที่ระลึกของแบรนด์เองค่อนข้างขายดีมาก และมีแฟนคลับติดตามเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว และเมื่อแบรนด์โตขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับไลฟ์สไตล์ของคนดื่มกาแฟก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แบรนด์จึงมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในเรื่องสินค้าใหม่ โดยมีการขยับให้สินค้ามีความเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นารายาจึงถือเป็นเจ้าแรกที่ได้ทำโครงการในลักษณะนี้ด้วยกัน เป็นการแลกเปลี่ยนและขยายฐานลูกค้ากัน เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของนารายามีช่วงอายุที่มากกว่า ส่วนคาเฟ่ อเมซอน กลุ่มลูกค้าเริ่มตั้งแต่นักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มที่นารายายังเข้าถึงได้ไม่มาก ทำให้เกิดการเรียนรู้จากงานนี้ว่า จะทำยังไงให้กลุ่มลูกค้าของทั้ง 2 แบรนด์ขยายใหญ่ขึ้น โดยไม่ต้องยึดติดอัตลักษณ์ของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง การร่วมงานกันทำให้ทั้งคู่เรียนรู้อะไรหลายอย่าง เข้าใจลูกค้ามากขึ้น กว้างขึ้น และได้สินค้าที่คนทุกกลุ่มทุกวัยสามารถใช้ได้จริงๆ

หากใครสนใจจับจองเป็นเจ้าของคอลเลกชันพิเศษนี้สามารถหาซื้อได้ที่หน้าร้านคาเฟ่ อเมซอน ทุกสาขา และทางออนไลน์ที่ Official Account บน Shopee และ Lazada ถุงผ้ารักษ์โลก ราคา 79 บาท หน้ากากผ้า ราคา 99 บาท และโปรโมชันพิเศษ เมื่อซื้อกระเป๋าผ้ารักษ์โลกคู่กับหน้ากากผ้า ลดเหลือ 159 บาท (จากปกติ 178 บาท)